จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 981-985
บทที่ 981 : คารวะองค์ราชินี (3)
นัยน์ตาที่สวยงามของนางเต็มไปด้วยเส้นเลือดกำปั้นสีชมพูของนางกำแน่น เล็บจิกฝังในฝ่ามือ กระทั่งเลือดไหลซึม ทว่านางก็ยังไม่รู้ตัว
”ข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าท่านแม่ของข้าเป็นราชินี แต่เจ้าก็ไม่เชื่อ เจ้าไล่ท่านแม่ของข้าออกจากบ้าน” เสี่ยวหลงเอ๋อเม้มริมฝีปาก พลางทำเสียงฮึ่มฮั่ม “ท่านแม่ของข้าหยิบจี้หยกออกมาเพื่อพิสูจน์ฐานะของนาง เจ้าก็ยังบอกว่านางเป็นตัวปลอม หนำซ้ำยังอยากจะทำร้ายข้าอีก”
”ต่อมา…เจ้าก็ร่วมมือกับมนุษย์เหล่านั้นบังคับให้ท่านแม่ของข้าต้องหนีเข้าไปในภูเขาอสูรโชคดีที่ท่านแม่ของข้าไปพบหัวหน้าเผ่าปักษาแห่งภูเขาอสูร ไม่อย่างนั้นท่านแม่ของข้า และข้าจะต้องตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่”
ใบหน้าของเฟยอี้เปลี่ยนไป”ราชินี…โปรดเชื่อกระหม่อม ต่อให้กระหม่อมไม่เคยเห็นพระองค์มาก่อน กระหม่อมก็สามารถรู้ฐานะของพระองค์ได้ด้วยอาศัยจี้หยก กระหม่อมไม่ได้โง่เช่นหูไป่เว่ย”
เขากลัวว่าไป๋หยานจะเข้าใจผิดเพราะถ้อยคำของเสี่ยวหลงเอ๋อ เช่นนั้นเขาจึงรีบปกป้องตนเอง
หากแต่ไป๋หยานไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
ท้ายที่สุดแล้วคนอย่างหูไป่เว่ยซึ่งถูกบุตรสาวจูงจมูกได้เช่นนั้นคงไม่พบอีกเป็นคนที่สองในแดนอสูรนี้แล้ว
ครั้นเห็นท่าทีของไป๋หยานลำคอของหูเหม่ยพลันแห้งผาก นางอ้าปาก ทว่ากลับไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ แววตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และความสิ้นหวัง
หยูเซี่ยงส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ
ราชินีสู้อุตส่าห์เสด็จไปเยือนถึงประตูบ้านตระกูลหูกลับขับไล่ออกมา การให้กำเนิดบุตรสาวสองคนนี้ ทำให้ชีวิตของหูไป่เว่ยพังพินาศ
ขณะที่หยูเซี่ยงกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นสายลมก็พัดกระแทกมาจากประตู ผ่านไปเพียงชั่วอึดใจ ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มพลันปรากฏตัวขึ้นในโรงเตี๊ยม
ใบหน้าที่สิ้นหวังของหูเหม่ยเปลี่ยนเป็นซีดเซียวเมื่อนางแลเห็นชายวัยกลางคนผู้นี้อีกครั้ง ร่างของนางสั่นสะท้านราวกับใบไม้ที่ใกล้ปลิดปลิวหลุดจากขั้ว ซึ่งดูเหมือนจะร่วงหล่นไปตามสายลมได้ทุกเมื่อ
แม้ว่าหูไป่เว่ยจะเป็นบิดาของนางหากแต่นางก็รู้จักเขาดียิ่งกว่าผู้ใด
ในสายตาของท่านพ่อไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าตระกูลหูแม้แต่บุตรสาวก็ไม่อาจเทียบได้ !
เช่นนั้นนางจึงไม่หวังเลยว่าหูไป่เว่ยจะช่วยชีวิตนางภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
หูไป่เว่ยกวาดตามองโดยรอบครั้นเขาเห็นเผ่าอินทรี และเผ่าปักษา สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนแปลงทันที
แน่นอนว่า…เขามาสายเกินไป
หูไป่เว่ยกำหมัดแน่นเขาเดินเข้าไปหาสตรีในอาภรณ์สีแดงที่งดงามไม่มีผู้ใดเทียบด้วยความตึงเครียด แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาคุกเข่าลงกับพื้นเบื้องหน้าสายตาของทุกผู้คน
”ราชินี…กระหม่อมไม่รู้จักพระองค์มาก่อนกระหม่อมขอพระองค์โปรดประทานอภัยให้กระหม่อมผู้ซึ่งจงรักภักดีต่อแดนอสูรด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เขาร่ำไห้น้ำตาไหลรินน้ำเสียงสั่นสะท้าน
หยูเซี่ยงยกเก้าอี้ให้ไป๋หยานพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มประจบประแจง “เชิญประทับนั่งลงก่อนเถิด องค์ราชินี”
ไป๋หยานไม่เกรงใจนางนั่งลง พลางยกยิ้ม ขณะมองหูไป่เว่ยผู้ซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้ากระทำตอนที่เจ้าตามล่าข้านี่”
ใบหน้าของหูไป่เว่ยเปลี่ยนเป็นซีดขาวเขาหันกลับไปมองบุตรสาวด้วยความโกรธเคือง หูเหม่ยรีบหลบตาทันที น้ำตาและน้ำมูกของนางไหลเปรอะไปทั่วพื้น
”ราชินี…กระหม่อมตาบอดเพราะนังลูกสาวโง่คนนี้ กระหม่อมไม่รู้ว่า พระองค์เป็นราชินี หากรู้ว่าเป็นพระองค์ต่อให้กล้าหาญกว่านี้อีกร้อยเท่า กระหม่อมก็คงจะไม่บังอาจกับพระองค์”
“นั่นก็แปลว่า…หากข้ามิใช่ราชินีเจ้าก็สามารถสังหารข้าได้อย่างสบายใจกระนั้นสิ ?” ไป๋หยานถามเยาะ
เสียงของหูไป่เว่ยขาดหายไปไป๋หยานพูดถูก หากนางมิใช่ราชินี เขาก็คงไม่รู้สึกผิดอะไรที่จะฆ่านาง
บทที่ 982 : คารวะองค์ราชินี (4)
มนุษย์และสัตว์อสูรเป็นศัตรูกันก็แล้วเหตุใดเขาถึงต้องรู้สึกผิดด้วยเล่า ?
”เฟยอี้หยูเซี่ยง พวกเจ้าฟังข้า !” การแสดงออกของไป๋หยานเย็นยะเยือก ใบหน้าของนางไร้ความรู้สึก ทว่าสง่างามและทรงอำนาจ นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สัตว์อสูรในแดนอสูรเราที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าทั้งหมด ข้าจะพยายามทำอย่างดีที่สุด เพื่อปกป้องความปลอดภัยของคนของข้า ทว่าข้าก็ไม่อยากให้เจ้าไปรังแกผู้อื่น !”
”หากมนุษย์เป็นคนทำร้ายเจ้าก่อนและเจ้าต้องการเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันทวี ข้าก็จะไม่ว่าอะไรสักคำ ทั้งจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยพวกเจ้า ! แต่หากมนุษย์ไม่เคยเป็นศัตรูกับเจ้า ผู้ใดก็ตามที่เป็นฝ่ายเริ่มลงมือก่อน คนผู้นั้นจะถูกเนรเทศออกจากแดนอสูร ทั้งจะไม่มีวันได้หวนกลับมาอีก !”
นางไม่สามารถควบคุมสัตว์อสูรที่อื่นได้ทว่าสัตว์อสูรในแดนอสูรต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของนาง !
และกฎของนางก็คือหากไม่โจมตีข้า ข้าก็จะไม่โจมตีผู้ใด ทว่าหากมีผู้ใดโจมตีข้า ข้าก็จะให้คนผู้นั้นจ่ายคืนเป็นร้อยเท่าพันทวี !
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามนี้แดนอสูรสามารถเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ได้แล้ว นางไม่ต้องการให้สัตว์อสูรแห่งแดนอสูรใช้พลังของตน ทรมานและสังหารผู้บริสุทธิ์บนแผ่นดินนี้ !
แต่หากมนุษย์ทำตัวเป็นศัตรูกับสัตว์อสูรไม่ว่าสัตว์อสูรเหล่านั้นจะจัดการมนุษย์พวกนั้นเช่นไร ก็ถือว่าสมควร ทั้งไม่มีผู้ใดมีสิทธิ์ที่จะประณามด้วย !
ผู้ใดบอกว่าสัตว์อสูรอ่อนแอกว่าสามารถเลี้ยงเป็นทาสของมนุษย์ได้เท่านั้น ? ในความคิดของนางสัตว์อสูร และมนุษย์นั้นเท่าเทียมกันเสมอ ไม่มีใครเหนือกว่าใคร
หัวใจของเฟยอี้และหยูเซี่ยงสั่นสะท้าน พวกเขาลดศีรษะลงอย่างรวดเร็ว “กระหม่อมพร้อมปฏิบัติตามรับสั่งของราชินี”
”เอาล่ะ…พวกเจ้าจงกระจายคำสั่งของข้าออกไปคนจากแดนอสูร ผู้ใดกล้ามาสร้างความเดือดร้อนบนแผ่นดินใหญ่นี้ จะต้องถูกสัตว์ร้ายนับพันไล่ล่าคร่าชีวิต !”
ไป๋หยานวางมือของนางไว้บนพนักเก้าอี้พลางเงยหน้าขึ้นน้อย ๆ นางหันหน้าไปสบตากับหูไป่เว่ยอีกครั้ง เอ่ยกล่าวแผ่วเบา
”ได้เวลาที่เราจะต้องมาคิดบัญชีกันต่อแล้ว”
ใบหน้าของหูไป่เว่ยซีดเซียวภายใต้สายตาที่จับจ้องมองมาอย่างคุกคามของไป๋หยาน เขารีบลดศีรษะลง ทั้งไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นอีก
”ราชินีโปรดอภัยโทษให้พวกเราจะได้หรือไม่ ? นับจากนี้พวกเรายินดีที่จะรับใช้พระองค์ตลอดไป”
ไป๋หยานยิ้ม”ในแดนอสูร ข้ามีสัตว์อสูรหลายหมื่นตัวอยู่ในอาณัติ นอกจากแดนอสูรแล้วผู้คนในเมืองนี้ต่างก็เชื่อฟังข้าเช่นกัน ข้าจะขาดคนคอยรับใช้กระนั้นหรือ ?”
หูไป่เว่ยตัวสั่น
นางเป็นราชินีแห่งอาณาจักรอสูรทั้งมีผู้คนอีกหลายหมื่นเต็มใจที่จะเชื่อฟังคำสั่งของนาง ขาดตระกูลหูไปจะมีผลอะไร ?
แต่เพื่อไม่ให้ตระกูลหูต้องสิ้นสลายเขาจะไม่ยอมถอดใจ
”ราชินี…ตระกูลหูของกระหม่อมอาจเคยทำสิ่งไม่ดีในแดนอสูร หากแต่พวกกระหม่อมก็พยายามทำงานอย่างหนักเพื่อแดนอสูรเสมอมา” หูไป่เว่ยเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเขา สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดบนใบหน้าซีดเซียวของเขา “โปรดเมตตา ปล่อยพวกกระหม่อมไปด้วยเถิด นอกจากนี้ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ราชินี , กรุณาไว้ชีวิตของพวกกระหม่อมด้วย”
”ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิดกระนั้นรึ?” ไป๋หยานยกขาขึ้นถีบหน้าอกของหูไป่เว่ย พลางหัวเราะเยาะ “ในวันนั้น หากข้าหนีไม่ทันและสิ้นใจลงด้วยน้ำมือของเจ้า เจ้ายังจะกล้าพูดกับตี้คังด้วยหรือไม่ว่า ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด เจ้าสังหารภรรยาของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งยังจะขอให้เขายกโทษให้เจ้ากระนั้นรึ ? ”
หัวใจของหูไป่เว่ยราวโดนกระแทกอย่างแรงเขายกมือขึ้นกุมหน้าอกพลางยันกายขึ้นจากพื้น ก่อนจะคุกเข่าลงเบื้องหน้าไป๋หยานอีกครั้ง
ให้องค์ราชาอภัยโทษพวกเขากระนั้นรึ? บุรุษผู้นั้นมีแต่จะทำให้พวกเขาตายอย่างทรมานยิ่งขึ้นมากกว่า !
หูไป่เว่ยเหลือบมองหูเหม่ยผู้ซึ่งอยู่ด้านหลังเขาพลางลดสายตาลงอย่างสิ้นหวัง
แม้ว่าเขาจะแค้นและเกลียดชังหูเหม่ยมาก ทว่าหญิงผู้นี้ก็เป็นสายเลือดที่หลงเหลือเพียงหนึ่งเดียวของเขาในโลกใบนี้ เขาสูญเสียบุตรสาวคนโตไปแล้ว เขาไม่อาจทนดูบุตรสาวคนเล็กของเขาตายดับไปอีกคน
”ราชินี…ความผิดทั้งหมด..กระหม่อม…หูไป่เว่ยเต็มใจรับไว้เองกระหม่อมขอพระองค์ได้โปรดเห็นแก่ที่บุตรสาวของกระหม่อมยังเยาว์จึงได้ทำตัวโอหัง โปรดปล่อยนางไป จะทรงลดฐานะนางลงเป็นทาสก็ได้ กระหม่อมหวังเพียงว่าราชินีจะละเว้นนาง เพื่อเห็นแก่เผ่าจิ้งจอกโปรดอย่าสังหารนางเลย”
บทที่ 983 : ตี้คังมา (1)
ร่างของหูเหม่ยแข็งทื่อลำคอของนางตีบตัน น้ำตาไหลรินจากดวงตาของนาง
บางทีนางอาจไม่เคยคิดว่าหูไป่เว่ยจะปกป้องนางจริง ๆ ในสถานการณ์เช่นนี้ …
เดิมที…นางคิดเพียงว่าชายคนนี้ถือว่าอำนาจเป็นเรื่องใหญ่สุดเขาพร้อมจะสละนางเพื่อคนตระกูลหู และเพื่อให้ตระกูลหูปลอดภัย
”ราชินี…ก่อนหน้านี้หม่อมฉันไม่รู้จริงๆ ว่าพระองค์เป็นราชินี หม่อมฉันขอร้องพระองค์ โปรดยกโทษให้ตระกูลหูของหม่อมฉันด้วย ได้โปรด…”
หูเหม่ยคุกเข่าลงต่อหน้าไป๋หยานนางโขกศีรษะอย่างสิ้นหวังพลางร้องไห้อย่างขมขื่น ความเสียใจภายในใจพลันแผ่กระจายครอบคลุมไปทั่วทั้งหัวใจของนาง
อย่างไรก็ตามเพียงไม่ช้าใบหน้าของหูเหม่ยก็ซีดลงอีก นางหันหน้าไปมองด้านหลังด้วยความหวาดกลัว ม่านตาของนางหดรัด ราวกับว่านางได้เห็นภาพฉากที่นางจะไม่มีวันลืม …
ด้านนอกโรงเตี๊ยมสัตว์ร้ายนับพันกำลังวิ่งพล่าน สัตว์อสูรนับไม่ถ้วนวิ่งควบมาจากระยะไกล ทั้งควันทั้งฝุ่นปลิวว่อนราวหมอก
เหนือกองพยุหะของสัตว์อสูรมังกรบินกำลังบินมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นก็มีบุรุษและสตรีคู่หนึ่งยืนอยู่บนหลังมังกรตัวนี้ด้วย
บุรุษผู้นี้สวมเสื้อคลุมสีม่วงสง่างามเปี่ยมเสน่ห์เรือนผมสีเงินของเขาเป็นประกายแวววาวแพรวพราวงดงามยิ่งกว่าแสงจันทร์
ทั้งทรงอำนาจทั้งหยิ่งยโส
ส่วนที่ยืนอยู่ข้างๆ บุรุษผู้นั้นก็คือเด็กสาวแสนงดงามผู้หนึ่ง นัยน์ตาของนางส่องแสงเป็นประกาย นางสวมอาภรณ์สีเหลืองงามสง่าราวกับเทพธิดา
ทันทีที่เห็นไป๋หยานนั่งอยู่ในโรงเตี๊ยมแววตาของหญิงสาวพลันสว่างไสวขึ้นทันที นางรีบกระโดดลงจากหลังมังกรบินวิ่งเข้าไปหาไป๋หยานอย่างตื่นเต้น พลางถลาเข้าไปในอ้อมแขนของไป๋หยาน
”พี่สะใภ้…ข้าคิดถึงท่านมากเลยท่านไม่รู้หรอกว่าพี่ชายของข้ารังแกข้ายังไง ตอนที่ท่านไม่อยู่น่ะ … ”
ก่อนที่เด็กสาวจะทันได้กล่าวโทษชายผู้ร้ายกาจลมหายใจที่มืดมนก็มาจ่ออยู่ด้านหลังนาง ทำให้นางตัวสั่น ใบหน้าซีดเซียว
“เหตุใดท่านถึงมาที่นี่ได้?” ไป๋หยานเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มรูปงามที่ปรากฏกายต่อหน้า พลางเชิดริมฝีปากขึ้นเอ่ยถาม
ตี้คังยกมือขึ้นดึงไป๋หยานเข้าสู่อ้อมแขนนิ้วของเขาลูบไล้เรือนผมงามสลวยราวผ้าไหมสีน้ำเงินของนาง ประกายแสงอันตรายฉายวาบในดวงตาเรียวคมที่หรี่แคบลง
“เจ้าถูกรังแกเหตุใดจึงไม่ส่งคนไปแจ้งข้าล่ะ”
ไป๋หยานยิ้มน้อยๆ เอ่ยตอบว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตแต่อย่างใด ข้าแก้ไขด้วยตนเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้ท่านจัดการให้ทุกเรื่องหรอก”
คนอย่างไป๋หยานไม่มีวันเป็นสตรีที่คอยตามหลังเขาสิ่งที่นางต้องการก็คือเดินเคียงข้างเขาก้าวไปพร้อมกัน
ตี้คังโน้มตัวไปข้างหน้าก่อนจะจูบริมฝีปากของนาง สายลมพัดเรือนผมสีเงินของเขาพันกับเส้นผมดำขลับราวผ้าไหมของนาง แลดูอบอุ่นราวกับภาพวาด
หูเหม่ยลดสายตาลงนางกำหมัดแน่น หัวใจของนางดูเหมือนจะถูกแทงด้วยดาบที่แหลมคมนับจำนวนไม่ถ้วน ใบหน้าของนางกระตุกด้วยความเจ็บปวดหลายต่อหลายครั้ง
ที่ผ่านมานางเคยเห็นแต่ความโหดเหี้ยมและไร้ปรานีของเขา เช่นนั้นในความคิดของหูเหม่ย เขาคือราชาที่ชาญฉลาด เปี่ยมความสามารถในการต่อสู้ ทั้งทรงอำนาจเหนือผู้อื่นอยู่เสมอ
นางไม่เคยคิดเลยว่าบุรุษผู้นี้จะปฏิบัติกับสตรีด้วยความอ่อนโยนเช่นนี้
นางไม่เคยใส่ใจเรื่องที่เขามีราชินีเพราะเขาเป็นราชาแห่งแดนอสูร ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องแต่งงานมีภรรยา
ทว่าสิ่งที่นางเห็นก็คือบุรุษที่มอบความอ่อนโยนให้กับสตรีผู้นี้ไปตลอดชีวิตที่เหลือของเขา
สตรีผู้นี้ทำบุญด้วยอะไร? ถึงสามารถพิชิตใจบุรุษผู้สูงศักดิ์ที่สุดในแดนอสูรได้ ?
“คารวะองค์ราชา”
เผ่าอินทรีและเผ่าปักษาคุกเข่าลง กล่าวแสดงความเคารพ
เมื่อเทียบกับความตกใจของคนอื่นๆ แล้วตี้เสี่ยวอวิ๋นค่อนข้างคุ้นเคยกับพฤติกรรมการแสดงความรักแบบไม่อายใครของคนทั้งสองดี เช่นนั้นใบหน้าของนางจึงยังคงสงบ ขณะมองภาพนั้นด้วยความเพลิดเพลิน
บทที่ 984 : ตี้คังมา (2)
หลังจากนั้นไม่นานตี้คังก็ปล่อยริมฝีปากของนาง เขาใช้นิ้วลูบผมของไป๋หยานพลางเผยอปากของเขาเอ่ยกล่าวว่า “คนพวกนี้ให้ข้าจัดการเอง”
”ก็ดี”
ไป๋หยานยิ้มรอยยิ้มของนางงดงามมาก กระทั่งทุกอย่างในโลกแลดูซีดเซียว
ตี้คังปล่อยมือสายตาเย็นชาของเขาหันกลับมาจับจ้องหูไป่เว่ยและหูเหม่ย
”หูไป่เว่ยข้าผู้ซึ่งเป็นราชา สั่งให้เจ้าช่วยเหลือราชินี นี่คือวิธีที่เจ้าช่วยนางกระนั้นรึ ?”
น้ำเสียงของเขาโดดเด่นและน่าเกรงขามเต็มไปด้วยแรงกดดันอย่างหนักหน่วง กระทั่งหูไป่เว่ยไม่สามารถแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาได้ หยาดเหงื่อของเขาไหลโซมกาย
”ราชา… กระหม่อมทราบความผิดแล้ว … ”
”เมื่อเจ้ากระทำผิดเจ้าสามารถแก้ได้ด้วยประโยคว่าทราบความผิดเพียงประโยคเดียวงั้นหรือ ?” ใบหน้าหล่อเหลาของตี้คังไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ การแสดงออกของเขาเย็นชา “แม้ว่าตระกูลหูจะสูญสิ้น ก็ไม่อาจชดเชยความผิดของเจ้าได้ !”
แม้ว่าตระกูลหูจะสูญสิ้นก็ไม่อาจชดเชยความผิดของเจ้าได้ !
หูไป่เว่ยหลับตาลงด้วยความสิ้นหวังเขารู้แล้วว่ายามนี้ตระกูลหูพานพบหายนะแล้วอย่างสิ้นเชิง
”หยูเซี่ยง”น้ำเสียงของตี้คังเย็นชา ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือก “ถ่ายทอดคำสั่งของราชา ทุกคนในตระกูลหูไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่แดนอสูรอีก นับจากนี้พวกเขาจะไม่ใช่สัตว์อสูรในแดนอสูรอีกต่อไป !”
”รับบัญชา”หยูเซี่ยงป้องหมัดของเขาด้วยความเคารพ “แล้วหูไป่เว่ยกับบุตรสาวของเขาล่ะพ่ะย่ะค่ะ ?”
มุมปากของตี้คังยกโค้งขึ้นอย่างชั่วร้าย”พวกเขาน่ะรึ ? โยนพวกเขาเข้าไปเป็นอาหารในถ้ำมังกรอสูร”
ถ้ำมังกรอสูร?
ร่างของหูไป่เว่ยสั่นสะท้านม่านตาของเขาขยายออกทันที เขามองใบหน้าที่มืดมนของชายหนุ่มด้วยความหวาดกลัว
องค์ราชาทรงแล้งน้ำพระทัยถึงเพียงนี้จริงๆ หรือ ? จะทรงกำจัดตระกูลหูของพวกเขาจนหมดสิ้นทั้งตระกูลเลยกระนั้นหรือ ?
ขณะนี้หัวใจของเขาเต้นแรงใบหน้าซีดเซียวของเขาเปลี่ยนเป็นสีเทาไม่ต่างจากซากศพ
“ไม่…ข้าไม่อยากไปถ้ำมังกรอสูร”
หูเหม่ยรีบวิ่งเข้าไปคุกเข่าเบื้องหน้าตี้คังพลางโขกศีรษะอย่างรุนแรง ศีรษะของนางมีเลือดไหล บนพื้นเปรอะไปด้วยเลือด
”องค์ราชาได้โปรดอภัยโทษให้หม่อมฉันหม่อมฉันรู้ตัวแล้วว่าหม่อมฉันผิด หม่อมฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว ได้โปรดหม่อมฉันไม่ต้องการไปที่ถ้ำมังกรอสูร มังกรอสูรพวกนั้นเป็นพวกวิปลาส พวกเขาต้องฆ่าหม่อมฉันอย่างทรมาน”
”ออกไป!”
ตี้คังตวาดอย่างเย็นชาพลันแรงผลักอันรุนแรงก็พุ่งเข้าปะทะหน้าอกของหูเหม่ย กระทั่งทำให้นางต้องถอยร่นไปสองสามก้าว เลือดออกจากปากของนาง นางจึงไม่สามารถพูดได้ครบประโยค
”มันผู้ใดที่ดูถูกราชินีของข้า… ต้องชดใช้ !”
เสียงของตี้คังทรงอำนาจหากแต่กลับทำให้บาดแผลยิ่งร้าวลึกในหัวใจของ หูเหม่ย
นางเงยหน้าขึ้นจ้องมองบุรุษรูปงามไร้ที่ติราวกับเทพบุตรอสูรด้วยความเศร้าโศกแววตาของนางยิ่งเต็มไปด้วยความเจ็บปวด …
ตี้คังหยุดมองนางอีกครั้งก่อนจะหันไปมองไป๋หยาน ใบหน้าที่บูดบึ้งของเขามีรอยยิ้มงดงาม หลังจากเห็นสตรีที่อยู่ด้านหลังเขา
“หยานเอ๋อ…เจ้าคิดถึงข้าบ้างหรือไม่?”
ไป๋หยานเหลือบมองไปที่ด้านหลังของตี้คังนางไม่พบเห็นร่างเล็ก ๆ ในใจของนางค่อนข้างผิดหวัง เช่นนั้นนางจึงไม่ได้ตอบคำถามของเขา
”เฉินเอ๋อไม่ได้มากับท่านกระนั้นรึ?”
ใบหน้าของตี้คังเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ”เจ้าเพียงคิดถึงแต่เด็กคนนั้น ไม่คิดถึงข้าบ้างเลยกระนั้นหรือ ? ในวันหน้าเด็กคนนั้นก็จะมีภรรยาของตนเอง ? ทว่าราชาผู้นี้คือคนที่จะอยู่กับเจ้าไปตลอดชีวิตนะ”
เพียงคิดว่าไป๋เสี่ยวเฉินมีน้ำหนักมากที่สุดในหัวใจของไป๋หยานส่วนเขาเป็นแค่มุมเล็ก ๆ ในหัวใจนางเท่านั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกอิจฉา และความอิจฉานี้ก็ท่วมท้นออกมาจากหัวใจของเขาเลยทีเดียว
ใช่…เขาหึงและมันเป็นความผิดของบุตรชายเขา
เช่นนั้นตี้คังจึงมุ่งมั่นที่จะให้ไป๋หยานมีน้องสาวให้เฉินเอ๋อเร็ว ๆ เพื่อไม่ให้บุตรชายของเขามารบกวนภรรยาอีก
”หยุดเลยเฉินเอ๋ออยู่ที่ใด” ไป๋หยานขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม
บทที่ 985 : ตี้คังมา (3)
ครั้นตี้คังเห็นท่าทางที่เป็นกังวลของไป๋หยานแล้วเขาก็ไม่อาจนิ่งเฉยไม่ตอบนางได้ เขากล่าวตอบนางไปว่า “เฉินเอ๋อยังไม่ออกมาจากดินแดนลับ”
“ยังไม่ออกมาอีกหรือ?” ไป๋หยานขมวดคิ้ว “ไม่รู้ว่าเขาจะตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า ? ข้ารู้สึกไม่สบายใจเลย”
”หยานเอ๋อไม่ต้องกังวลเด็กคนนั้นเป็นโอรสของราชา เขาจะไม่ตกอยู่ในอันตราย ข้าไม่มีวันยอมให้เขาพบเจออันตรายใด ๆ ”
คำปฏิญานของตี้คังทำให้หัวใจของไป๋หยานผ่อนคลายลงเล็กน้อยรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าที่งดงามของนาง “หากเขาไม่เป็นไร ข้าก็สบายใจ เพราะข้ายังมีบางอย่างที่ต้องจัดการที่นี่ ยามนี้ข้ายังไม่อาจกลับแดนอสูรพร้อมท่านได้”
”ไม่มีปัญหา…ข้าจะอยู่กับเจ้า”
ไม่มีปัญหาข้าจะอยู่กับเจ้า…
เมื่อได้เห็นท่าทีที่ตี้คังปฏิบัติต่อไป๋หยานหัวใจของหูเหม่ยราวกับถูกมีดแทงจนเลือดไหลริน
หยูเซี่ยงเหลือบมองนางพลางเอ่ยกล่าวด้วยวาจาเยาะเย้ย “เจ้าจะไปด้วยตนเอง หรือจะให้ข้าลากเจ้าไป องค์ราชาและราชินีกำลังพรอดรักกัน เช่นนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะไม่รบกวนทั้งสองพระองค์”
หูเหม่ยหลับตาลงด้วยความเศร้าโศกทว่าเพียงไม่นานนางก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง สายตาของนางจับจ้องเพียงใบหน้าของตี้คัง ก่อนที่นางจะหันหลังเดินออกนอกโรงเตี๊ยมไป
เมื่อได้เห็นแววตาของหยูเซี่ยงหูไป่เว่ยก็รีบลุกขึ้นทันที พร้อมกับตามหูเหม่ยไป
ทั้งคู่รู้ดีว่า…สิ่งที่รอคอยพวกเขาอยู่คือความทรมานชั่วนิรันดร…
ณเมืองชายแดน
ภายในวันเดียวเมืองชายแดนแห่งนี้ก็ต้องต้อนรับสัตว์ร้ายนับหมื่นตัว ชาวเมืองที่อาศัยอยู่ที่นี่ต่างก็ต้องตื่นตกใจ ทว่าก่อนที่พวกเขาจะมีเวลาได้ปรับตัว พวกเขาทุกคนก็ได้รับเชิญให้ไปเยือนคฤหาสน์ของหวู่เสียง
ยามนี้ภายในคฤหาสน์ หญิงสาวอาภรณ์สีแดงกำลังนั่งอยู่เหนือศีรษะทุกคนด้วยทีท่าไม่แยแส ถัดจากนางก็คือสาวสวย ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เป็นชายหนุ่มรูปงามทรงเสน่ห์ไร้ที่ติ
นับแต่ต้นจนจบชายหนุ่มไม่แม่แต้จะชายตามองผู้คนที่อยู่ด้านล่าง สิ่งที่เขากล่าวทำให้ทุกคนในเวลานี้รู้สึกละอายกระทั่งอยากจะหันหลังกลับ รีบผละจากไปทันที
”หยานเอ๋อผลไม้ในเมืองนี้รสชาติแย่มากเลย เจ้าก็ทน ๆ กินหน่อยแล้วกัน ไว้ถึงฤดูที่ดอกไม้ และผลไม้ของแดนอสูรเบ่งบานเต็มที่ ราชาจะสั่งให้คนนำผลไม้ทั้งหมดมาให้เจ้าชิม”
”ทว่า…แม้มันจะไม่อร่อยนักข้าก็จะป้อนลูกท้อให้เจ้า ฝืนกินหน่อยก็แล้วกัน … ”
มุมปากของตี้เสี่ยวอวิ๋นกระตุกสองสามครั้งนางไม่รู้สึกประหลาดใจกับพฤติกรรมของทั้งสองคน หากแต่ตอนนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น นางก็รู้สึกละอายใจ …
นางไม่อยากยอมรับว่าบุรุษผู้นี้คือราชาแห่งแดนอสูรเลย
เหตุใดใครๆ จึงชื่นชอบเสด็จพี่นักนะ ? ทั้งที่เขากลัวสะใภ้ถึงเพียงนั้น ? เดี๋ยวพี่สะใภ้ก็ทุบเขาตายหรอก
ราวกับว่า…นางไม่ต้องการเห็นความน่าอับอายของพี่ชายตนตี้เสี่ยวอวิ๋นสูดลมหายใจเข้าลึก พลางเบือนหน้าหันไปมองด้านข้าง
อย่างไรก็ตามไป๋หยานก็อ้าปากรับผลไม้ที่ตี้คังยื่นป้อน นางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน ขณะวางมือบนที่เท้าแขนเก้าอี้ รอยยิ้มของนางค่อย ๆ ฉีกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ และนางก็ยิ่งแลดูงดงามขึ้น
ตี้เสี่ยวอวิ๋นตกตะลึงหากเป็นอดีต พี่สะใภ้จะโกรธทุกครั้งที่ถูกเสด็จพี่เอาอกเอาใจ เหตุใดตอนนี้ถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ เสด็จพี่ใช้วิธีใดทำให้พี่สะใภ้ไม่โกรธเขางั้นหรือ ?
ในยามนี้ตี้เสี่ยวอวิ๋นเอาแต่คิดทบทวนวนไปวนมาเป็นร้อย ๆ ครั้ง ขณะเดียวกันนัยน์ตากลมโตที่สวยงามของนางก็กลอกไปกลอกมาสองสามครั้ง
ในอดีตมีแค่เสด็จพี่เท่านั้นที่ขู่ว่าจะทุบตีนาง ทว่าตอนนี้ พี่สะใภ้กลับยอมรับเสด็จพี่แล้ว ต่อไปสองคนนี้ก็คงเข้าคู่กันลงตัวใช่หรือไม่ ? จากนั้นพวกเขาก็จะร่วมมือกันกลั่นแกล้งนาง…
ไม่! นางจะปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นไม่ได้ !
ในตอนนี้…ตี้เสี่ยวอวิ๋นตัดสินใจได้แล้วว่า ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม นางจะไม่ยอมให้พี่สะใภ้ของนางถูกเสด็จพี่ล้างสมอง หาไม่ชีวิตนับจากนี้ของนางคงจะไม่มีความสุขอีกเลย