จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 996 -1000
บทที่ 996 : ความกังวลของเขา (4)
เป็นเวลานานที่เขาไม่ยอมปล่อยมือจากหญิงสาวในอ้อมแขนกระทั่งใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง
”อืม”
เสียงของเขาอ่อนโยนนุ่มนวลมากดูราวกับว่าอยากจะอยู่อย่างนี้ตลอดกาล
ยามนี้ใกล้เที่ยงแล้ว
แม้ตี้คังจะรู้สึกไม่เต็มใจนักทว่าเขาก็ต้องปล่อยนาง
”ตี้คังข้าจะไปกับโม่หลี่ชาง และเสี่ยวหลงเอ๋อ ได้เวลาออกเดินทางแล้ว” ไป๋หยานกระพริบตา “แต่หากท่านพบเบาะแสของเซียวเอ๋อ ท่านต้องแจ้งให้ข้าทราบทันทีนะ”
ตี้คังกระพริบตาพลางเอ่ยถามด้วยเสียงต่ำ ๆ ว่า “เจ้ากับโม่หลี่ชางมีความสัมพันธ์กันเช่นไร ?”
“เขาสูญเสียความทรงจำบังเอิญข้าไปพบเขาเข้า มาเมืองชายแดนครั้งนี้ ข้าก็ได้พบเขาอีก ข้าจึงคิดจะพาเขาไปด้วย”
”เด็กคนนั้นมองเจ้าด้วยสายตาแปลกๆ ” ตี้คังจูบริมฝีปากของไป๋หยานอย่างร้อนแรง “ยามเมื่อเขามองเจ้า แววตาของเขาสว่างไสวเหลือเกิน พวกบุรุษมักจะมองสตรีที่ตนพึงใจด้วยแววตาเช่นนี้”
ไป๋หยานหัวเราะ”ตี้คัง…ท่านคิดมากเกินไปแล้ว ชางชาง..เขาจำอะไรไม่ได้ก็ไม่ต่างจากเด็กคนหนึ่ง ข้าเองก็ปฏิบัติต่อเขาเสมือนน้องชายคนหนึ่งเท่านั้น”
ตี้คังกระชับเอวของไป๋หยานเบาๆ “ข้าไม่สนใจว่าเด็กคนนั้นจะมองเจ้าอย่างไร ? หากเขากล้าคิดเลยเถิดกับเจ้า ราชาเช่นข้าจะจัดการเขาอย่างแน่นอน !”
ชั่วชีวิตนี้ไป๋หยานต้องเป็นสตรีของเขาแต่เพียงผู้เดียวผู้ใดกล้าคิดไม่ดีกับนาง เขาจะไม่มีวันปล่อยมันผู้นั้นไป !
“จริงหรือ?”แววตาของไป๋หยานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “แล้วเหตุใดข้าจึงไม่เห็นว่าท่านจะมีปัญหากับฉู่อี้เฟิงเลยล่ะ ?”
ทันทีที่กล่าวถึงฉู่อี้เฟิงตี้คังก็รู้สึกหึง ในใจของเขาเต็มไปด้วยความอิจฉา “หากเฉินเอ๋อไม่ปกป้องเขา ข้าคงมีเรื่องกับเขาไปนานแล้ว ถ้าไม่เป็นเพราะกลัวเจ้าจะไม่พอใจ ครั้งที่ข้าพบเขา ข้าคงหักขาเขาไปแล้วเป็นแน่ !”
ครั้นเขากล่าวเช่นนี้ไป๋หยานก็โอบเอวของเขา พลางวางคางไว้บนไหล่ของเขาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
”ตี้คัง…ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้ใดข้าก็จะปฏิบัติต่อเขาในฐานะสหาย มีแต่ท่านเท่านั้นที่อยู่ในใจของข้า”
ตั้งแต่ตัดสินใจยอมรับชายผู้นี้ไป๋หยานก็ไม่ได้ปกปิดความรู้สึกของนางอีกต่อไป ทั้งนางจะบอกความรู้สึกทั้งหมดออกมาตรง ๆ แทน
ชั่วชีวิตนี้ไม่มีชายใดยอมเสียสละเพื่อนางเช่นตี้คังดังนั้นนางจะไม่มีวันทำให้เขาผิดหวัง
ด้วยประโยคที่แผ่วเบาจากไป๋หยานความหึงหวงที่หลั่งไหลท่วมท้นเข้ามาในใจของตี้คังพลันมลายหายไป และถูกแทนที่ด้วยความพึงพอใจ
เขาไม่เคยขออะไรมากเพียงคำมั่นของนางนั่นก็เพียงพอแล้ว
”หยานเอ๋อสัญญาของข้าในครั้งนี้ ข้าจะรักษาไว้ตลอดกาล”
ตี้คังเหลือบมองไป๋หยานก่อนจะก้าวออกจากประตูห้อง
ชั่วชีวิตนี้เขาต้องปกป้องความปลอดภัยให้นางหาก … ชีวิตนี้เขาต้องอยู่โดยไม่มีไป๋หยาน เขาก็พร้อมยอมตายไปกับนาง ทว่าจะไม่มีวันทอดทิ้งนางไป
ไป๋หยานมองตามทิศทางที่ตี้คังเดินลับตาไปพลางครุ่นคิดชั่วขณะ ก่อนจะเดินไปที่ประตู ทันทีที่นางเปิดประตูและก้าวออกไป นางก็เห็นหวู่เสียงยืนรอนางอยู่
ครั้นนางเดินออกมาใบหน้าของหวู่เสียงพลันปรากฏรอยยิ้มประจบประแจง
”นายหญิงข้ามารอท่านที่นี่”
ไป๋หยานตกใจกับการปรากฏตัวของเขาเมื่อครู่นี้นางสนใจแต่ตี้คัง ทำให้นางไม่ทันสังเกตเห็นถึงการปรากฏตัวของหวู่เสียง เช่นนั้นความรู้สึกลำบากใจจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางในเวลานี้
”เมื่อครู่เจ้าได้ยินสิ่งใดบ้าง?”
หวู่เสียงรีบส่ายศีรษะ”ข้าไม่ได้ยิน…ข้าไม่ได้ยินอะไรเลย”
ตลกสิต่อให้เขาได้ยินเสียงพร่ำรำพันรักของคนทั้งสอง เขาก็ไม่กล้าบอกหรอก ขืนพูดออกไปก็ไม่ต่างจากรนหาเรื่องตายล่ะสิท่า ?
บทที่ 997 : ความกังวลของเขา (5)
สีหน้าของไป๋หยานดีขึ้นเล็กน้อยนางเอ่ยถามเบา ๆ ว่า “เจ้ามารอข้ามีเรื่องใดรึ ?”
”เอ่อ… ” หวู่เสียงผงะไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจว่า “นายหญิง ข้าเป็นทาสของท่านแล้ว ตอนนี้ท่านมีสิ่งใดจะสั่งการข้าหรือไม่ ?”
ไป๋หยานขมวดคิ้วน้อยๆ “ข้าบอกว่าเจ้าต้องเป็นทาสของสัตว์อสูรไม่ใช่ข้า แต่ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ช่วยเรียกชางชางกับเสี่ยวหลงเอ๋อมาพบข้าหน่อยก็แล้วกัน”
”ขอรับ”
หวู่เสียงโค้งคำนับจากนั้นก็หันหลังกลับเตรียมผละจากไป
”ช้าก่อน”
ไป๋หยานยั้งเขาไว้”เจ้าเรียกเหอหลิงมาพบข้าด้วย”
หวู่เสียงรู้สึกประหลาดใจทว่าเขาก็ไม่ได้เอ่ยถาม เขาก้มตัวพลางเดินออกจากลานบ้านไป
หลังจากนั้นไม่นานโม่หลี่ชางก็อุ้มเจ้าเด็กสมบูรณ์ตัวน้อย เดินมาพร้อมเสี่ยวหลงเอ๋อ
เสี่ยวหลงเอ๋อถลาเข้าไปในอ้อมแขนของไป๋หยานอย่างตื่นเต้นบนใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มสดใส “ท่านแม่”
น้ำเสียงของนางใสซื่อและน่าเอ็นดูจนใคร ๆ ก็ต้องหลงรัก
”เจ้ารีบเก็บข้าวของเข้าเถิดอีกไม่ช้าเราจะออกจากเมืองนี้”
ไป๋หยานยิ้มน้อยๆ
”ราชินีราชินี” ทารกน้อยผละจากโม่หลี่ชาง พลางรีบพุ่งตัวไปหาไป๋หยาน ใบหน้ากลมยุ้ยของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง “ท่านได้ถามองค์ราชาเกี่ยวกับที่มาของข้าด้วยหรือไม่ ?”
ไป๋หยานชะงักนางเงยหน้าขึ้นด้วยความลำบากใจ นางไม่รู้ว่าควรตอบคำถามเสี่ยวโม่เช่นไร ?
ผู้ใดจะกล้าบอกเด็กน้อยคนนี้ว่าตี้คังเคลียคลอนางไม่ห่างตลอดคืน อีกทั้งวันนี้ก็มัวแต่เศร้าที่ต้องพรากจากกัน…เช่นนั้น …
จึงลืมเรื่องของเด็กน้อยไปเลย?
การที่ไป๋หยานไม่พูดไม่ได้หมายความว่าเสี่ยวหลงเอ๋อจะไม่พูดไปด้วย
นางยื่นปากเล็กๆ เสียจนแก้มตุ่ย ซึ่งยิ่งแลดูน่ารักกว่าเดิมมาก
“ท่านแม่ของข้ากับองค์ราชาไม่ได้พบเจอกันตั้งนานย่อมต้องมีเรื่องสนทนากันมากมาย นางจะต้องมาสนใจเรื่องของเจ้าอีกหรือ ? รอให้ท่านแม่ว่าง ท่านก็จะถามให้เจ้าเองแหละ”
เสี่ยวโม่ร้องไห้การแสดงออกของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง และนั่นทำให้ไป๋หยานทนไม่ได้
”เสี่ยวโม่ข้าสัญญากับเจ้าว่า ครั้งหน้าข้าจะถามเขาให้อย่างแน่นอน ตกลงหรือไม่ ?” ไป๋หยานลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเสี่ยวโม่ พร้อมกับเอ่ยกล่าวอย่างอบอุ่น
ถึงตอนนี้สีหน้าของเสี่ยวโม่ก็เริ่มสดใสขึ้นเขาพยักหน้ารับ “ตกลง ครั้งหน้าราชินีต้องช่วยข้าถามนะ ข้าอยากรู้ว่า ข้ามาจากที่ใด ทำไมญาติ ๆ ของข้าถึงได้ตายกันหมด…และทำไมมนุษย์ถึงไม่มีการบันทึกว่าหมูบินคือหนึ่งในสัตว์อสูร ?”
เสี่ยวโม่รู้สึกเสมอว่าเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษสุด เพราะเขามีปีก เช่นนั้นเขาจึงไม่เคยยอมรับว่าเขาเป็นเผ่าหมู
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาได้สืบเสาะค้นหาประวัติของตนเอง บางทีบรรดาผู้มีอำนาจในแดนอสูรอาจจะรู้ว่าเขาเป็นใคร ?
”นายหญิง”หวู่เสียงยิ้มประจบ “ข้าตามเหอหลิงมาให้ท่านแล้ว ข้าไม่ทราบว่านายหญิงจะใช้เขาทำอะไร ?”
ไป๋หยานลูบคางของนางเบาๆ แสงประกายวาววับไปทั่วนัยน์ตาของนาง
”เหอหลิงเจ้าตามข้าไปยังแผ่นดินใหญ่”
แผ่นดินใหญ่กระนั้นรึ?
ปากของเหอหลิงกระตุกสองสามครั้ง
ที่ซึ่งราชินีเอ่ยถึงก็คือทวีปซึ่งมีทรัพยากรเทียบไม่ได้กับเมืองชายแดนแห่งนี้เลย?
สถานที่เช่นนั้นผู้คนสามารถอาศัยอยู่ได้กระนั้นหรือ?
ทว่าเหอหลิงก็ไม่กล้าที่จะคัดค้านใดๆ เขาทำได้เพียงก้มหน้าก้มตารับคำ จากนั้นก็ยืนรอรับคำสั่งของไป๋หยาน
”หวู่เสียงอย่าลืมสัญญาที่เจ้ารับปากข้าไว้ล่ะ” ก่อนจะจากไป ไป๋หยานยังหันกลับไปกำชับหวู่เสียง พลางเอ่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “หากเจ้าไม่สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับ ไป๋หนิงมาให้ข้าได้ เกรงว่าข้าคงต้องปล่อยให้เจ้าได้กลายเป็นเพื่อนเล่นของสัตว์อสูรวิปริตพวกนั้นแน่”
หวู่เสียงตัวสั่นสะท้าน”นายหญิงไม่ต้องกังวล ข้าจะรีบทำภารกิจให้เสร็จสิ้น”
บทที่ 998 : ปาฏิหาริย์ (1)
ไป๋หยานมองหวู่เสียงเป็นครั้งสุดท้ายความภาคภูมิในแววตานั้นทำให้ร่างของหวู่เสียงสั่นสะท้าน กระทั่งเขาต้องรีบก้มศีรษะลงด้วยความตกใจ เขาหมดความกล้าที่จะเงยหน้าขึ้นอีก
โชคดีที่ไป๋หยานไม่กล่าวคำใดมากนางจูงมือเสี่ยวหลงเอ๋อผละจากไป …
ครั้นเห็นคนทั้งสองผละจากไปโม่หลี่ชางก็อุ้มเสี่ยวโม่ที่มัวแต่อ้อยอิ่งรีบไล่ตามนางไปอย่างรวดเร็ว …
ณดินแดนศักดิ์สิทธิ์…
ท่ามกลางหมู่เกาะที่งดงามไป๋ฉางเฟิ่ง และเหวินหวู่เหว่ยกำลังต่อสู้กัน ทั้งสองไม่ยอมลดราวาศอกให้กันแม้แต่น้อย
ใบหน้าของฉู่หรานราวกับกำลังเบื่อหน่ายเขามองชายชราทั้งสองที่ทะเลาะกันอย่างเซ็ง ๆ ใบหน้าของเขาค่อนข้างน่าเกลียด
”หากพวกเจ้าต้องการต่อสู้กันนักเหตุใดต้องมาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของข้า ในเมื่อที่สำนักเวชโอสถกับตำหนักเซียนพยับหมอกของพวกเจ้าก็มี ที่ของข้าก็เล็กเพียงนี้ ข้าไม่สามารถต้อนรับผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองได้ เช่นนั้นโปรดออกไปไว ๆ เถิด !”
ชายชราทั้งสองนี้เป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดในแผ่นดินใหญ่หากทั้งคู่ต่อสู้กันจะไม่ทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขาพินาศหรือ ?
เช่นนั้นเพื่อความสงบสุขของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เขาจำต้องส่งชายชราทั้งสองคนนี้ออกไปโดยไว
แต่ผู้ใดจะรู้ทันทีที่คำกล่าวของเขาจบลงชายชราทั้งสองก็หันมามองเขาด้วยความโกรธ
“เกาะศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นที่ซึ่งหลานสาวของข้าอาศัยอยู่ข้าก็เพียงอยากมาดูให้เห็นกับตา แต่ตาเฒ่าเหวินหวู่เว่ยล่ะ เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เจ้าจงรีบอธิบายให้ข้าฟังโดยเร็ว !”
จนถึงตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกับไป๋หนิงยังคงฝังใจไป๋ฉางเฟิ่งเช่นนั้นเมื่อเขาเห็น เหว่นหวูเหว่ยกล้ามาที่เกาะศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ความโกรธของเขาพลันปะทุขึ้นอย่างรุนแรงไม่ต่างจากภูเขาไฟระเบิด
เหวินหวูเหว่ยจัดเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงของตนมุมปากของเขายกโค้งขึ้นเล็กน้อย “ข้าอยากเห็นสถานที่ที่ซึ่งหลานสาวของข้าอาศัยอยู่เช่นกัน ไม่ว่าหยานเอ๋อจะเคารพข้าในฐานะปู่หรือไม่ อย่างไรเสียบุตรชายของข้าก็ยังเป็นบิดาของนาง”
ความหมายก็คือไม่ว่าไป๋ฉางเฟิ่งจะโกรธแค้นสักเพียงใดไป๋หยานก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตำหนักเซียนพยับหมอก
ไป๋ฉางเฟิ่งตะคอก“ภรรยาและบุตรชายของเจ้าน่ะดีมาก ฮูหยินของตำหนักเซียนพยับหมอกเป็นผู้บริสุทธิ์ ทว่าการตัดสินใจของเจ้าในครั้งนั้นได้ทำร้ายบุตรสาวของข้า ตราบใดที่ข้ายังไม่พบนาง ข้าก็จะไม่มีวันยกโทษให้เจ้าแน่ !”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไป๋ฉางเฟิ่งไม่เคยสบายใจเลย ทุกครั้งที่เขาหลับ เขามักจะฝันว่าบุตรสาวของเขาเดินมาหาเขาด้วยร่างที่โชกไปด้วยเลือด พลางร้องขอให้เขาช่วยนางด้วยน้ำเสียงที่น่าเวทนา …
ส่งผลให้หัวใจของเขาปวดร้าวยิ่งนัก!
นางเป็นบุตรสาวที่เขารักมากนับแต่ยังเด็กเขาทะนุถนอมนางราวกับไข่ในหิน ทว่าบุตรสาวตัวน้อยของเขากลับถูกคนอื่นมาปฏิบัติเช่นนี้
จะไม่ให้เขาเสียใจได้อย่างไร? ไม่เจ็บปวดใจได้อย่างไร ?
เมื่อมองเห็นความเศร้าโศกบนใบหน้าของไป๋ฉางเฟิ่งเหวินหวู่เว่ยก็ไม่รู้จะกล่าวคำใดต่อ เช่นนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำกล่าวหาของไป๋ฉางเฟิ่ง เขาจึงไม่อาจกล่าวแม้สักคำ
“เรื่องก็ผ่านมานานมากแล้วทั้งเหวินหวู่เหว่ยก็รู้ตัวแล้วว่าทำผิด” ฉู่หรานมองชายชราทั้งสอง เขาพยายามที่จะไกล่เกลี่ย “ยิ่งไปกว่านั้นเหวินหวู่เหว่ยยังสัญญาแล้วว่า เขาจะตามหาไป๋หนิงให้พบให้ได้ ไป๋หนิงกับเหวินหยุนเฟิงก็รักกันอย่างลึกซึ้ง ขอโอกาสให้เหวินหวู่เหว่ยอีกครั้งเถิด”
ใบหน้าของไป๋ฉางเฟิ่งแลดูดีขึ้นเล็กน้อยทว่าแววตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความรังเกียจ “รอจนกว่า หนิงเอ๋อกลับมาเสียก่อนเถิด หากข้ารู้ว่า ตาเฒ่าอย่างเจ้ากล้ากลั่นแกล้งบุตรสาวของข้าอีก ข้าจะพาหนิงเอ๋อ หยานเอ๋อกับเฉินเอ๋อไป ทั้งจะไม่ให้เจ้าได้พบพวกเขาอีกตลอดชีวิต”
เหวินหวู่เหว่ยถอนหายใจเบาๆ “เมื่อก่อนข้าเคยทำเรื่องโง่ ๆ มามาก ตอนนี้ข้ายินดีใช้เวลาทั้งชีวิต เพื่อชดเชยให้หนิงเอ๋อและหยานเอ๋อ ทั้งจะไม่ทำร้ายพวกนางอีกต่อไป”
บทที่ 999 : ปาฏิหาริย์ (2)
เมื่อได้ยินคำรับรองของเหวินหวู่เหว่ยไป๋ฉางเฟิ่งก็ไม่ได้กล่าวคำใดอีก แม้ว่าความขุ่นเคืองในใจของเขาจะยังไม่คลาย ทว่าเขาก็ไม่ได้ขับไล่เหวินหวู่เหว่ยอีกต่อไป
”พวกท่านอยู่ที่นี่กันพร้อมหน้าเลยหรือ?”
เวลานี้……
เสียงหัวเราะเบาๆ ก้องมาจากอากาศว่างเปล่าดังเข้าหูของทุกคนที่นั่น
โดยเฉพาะไป๋ฉางเฟิ่งและเหวินหวู่เหว่ยต่างก็เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจพวกเขาแหงนเงยหน้ามองอากาศว่างเปล่าเบื้องบน พลันเห็นหญิงสาวในอาภรณ์สีแดงเพลิง
นางยังคงงดงามและน่าประทับใจ ส่วนโค้งน้อย ๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของนาง ราวกับทุกสิ่งในโลกนี้ถูกบดบังด้วยรอยยิ้มงามที่ยากจะหาผู้ใดเทียบ
”ในเมื่อพวกท่านอยู่ที่นี่กันพร้อมหน้าก็ดีแล้วไม่รู้ว่าพวกท่านได้นำกุญแจปาฏิหาริย์มาด้วยหรือไม่ หากนำมาก็เอาออกมาเถิด”
ไป๋ฉางเฟิ่งสะดุ้งเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะจ้องไป๋หยานตาเขม็ง
หลังจากนั้นไม่นานคิ้วที่ขมวดมุ่นของเขาก็คลายลงแววตาของเขาเปลี่ยนเป็นตื่นตกใจ
“เจ้า… นี่เจ้าได้ทะลุไปถึงขั้นสูงของระดับเชิงเจี่ยแล้วกระนั้นหรือ ?”
กว่าเขาจะทะลุไปถึงระดับเชิงเจี่ยขั้นสูงได้ต้องใช้เวลานานเพียงใด? นี่ … นี่มันเกินกว่าที่เขาจะคาดคิดได้จริง ๆ นี่มันเร็วเกินกว่าปกติไปมากเลย !
ร่างของเหวินหวู่เหว่ยแข็งค้างเขามองรอยยิ้มงดงามหาผู้ใดเทียบ พลางถอนหายใจเบา ๆ
หลายปีก่อนหากเขาไม่ต้องการแยกคู่รักที่เปรียบดั่งกิ่งทองใบหยกของบุตรชายตน สตรีอัจฉริยะผู้นี้คงจะเติบโตขึ้นมาในตำหนักเซียนพยับหมอก บางทีความสำเร็จในยามนี้ของนางอาจจะยิ่งใหญ่กว่านี้เสียอีก
”ไป๋หยาน… ” ฉู่หรานถอนหายใจเบา ๆ “นี่เจ้ากลายเป็นยอดฝีมือระดับเชิงเจี่ยขั้นสูงแล้วกระนั้นหรือ ? ข้ายังจำได้ตอนที่เจิ้งฉีพาเจ้ากลับมา เจ้าได้รับบาดเจ็บร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ทว่าตอนนี้เจ้ากลับกลายเป็นผู้แข็งแกร่งเหนือสรรพสัตว์ทั้งปวงแล้ว”
คิ้วของไป๋ฉางเฟิ่งขมวดอีกครั้ง”เจ้าพูดว่ากระไรนะ ? ครั้งที่นางมาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์นางได้รับบาดเจ็บ ถึงขั้นเลือดไหลโซมกายเลยกระนั้นรึ ?”
”ใช่แล้ว”ฉู่หรานพยักหน้าเล็กน้อย “เจิ้งฉีเป็นคนพานางกลับมา ทว่าตอนนั้นนางอ่อนแอมาก เทียบกับนางในตอนนี้ไม่ได้เลย”
หัวใจของไป๋ฉางเฟิ่งเต้นแรงหลังจากถ้อยคำยืนยันของฉู่หรานแล้ว เขาก็ไม่ได้ยินอะไรอีก หัวใจของเขาเต็มไปด้วยคำกล่าวที่ว่า
นางได้รับบาดเจ็บร่างกายเต็มไปด้วยเลือดและเจิ้งฉีเป็นคนพานางกลับมา
เป็นไปได้ว่าหากในครั้งนั้นเจิ้งฉีไม่พานางมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นางจะทนใช้ชีวิตอยู่ภายนอกได้เช่นไร ?
ไป๋ฉางเฟิ่งสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะโค้งคำนับให้ฉู่หราน
”ขอบคุณเจ้ามาก”
น้ำเสียงของเขาจริงใจแววตาของเขาจริงจัง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสำนักเวชโอสถ และดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีข้อพิพาทกันไม่น้อย ทว่าเนื่องเพราะไป๋หยานข้อพิพาทต่าง ๆ เหล่านั้นก็ได้รับการแก้ไขอย่างง่ายดาย
ขอเพียงหลานสาวของเขาปลอดภัยต่อให้เขาต้องใช้สำนักเวชโอสถทั้งหมดเป็นของกำนัลเขาก็เต็มใจยกให้ …
รอยยิ้มของไป๋หยานเปล่งประกายนางจับมือของเสี่ยวหลงเอ๋อ พลางเดินลงมาจากอากาศว่างเปล่า
นางมีคิ้วและรอยยิ้มที่งดงาม
“ข้าไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อนเพราะตอนนี้ข้าก็สบายดีแล้ว”
ตอนนี้นางสบายดีแล้วนั่นก็เพียงพอแล้วนี่ ?
”หยานเอ๋อกุญแจที่เจ้าต้องการ แท้ที่จริงพวกเราพกติดตัวมาโดยตลอด ในเมื่อตอนนี้เจ้าก็ก้าวเข้าถึงระดับเชิงเจี่ยขั้นสูงแล้ว กุญแจนี้ก็ถึงเวลาส่งมอบให้เจ้าแล้ว”
หลังจากไป๋ฉางเฟิ่งกล่าวจบเขาก็หยิบกุญแจรูปพระจันทร์ออกมาจากกระเป๋า ขณะเดียวกันเหวินหวู่เหว่ยก็หยิบกุญแจของเขาออกมาด้วย
กุญแจทั้งสองดอกนี้มีรูปร่างเหมือนพระจันทร์สองดวงทว่าเมื่อนำมารวมกันแล้วจะกลายเป็นพระอาทิตย์ดวงหนึ่ง
หลังจากนั้นฉู่หรานก็กระแอมขึ้นสองครั้งก่อนจะค่อย ๆ หยิบกุญแจรูปร่างกลม ๆ ออกมาจากกระเป๋าของตน
กุญแจนี้เข้ากันกับวงกลมที่เกิดจากพระจันทร์ทั้งสองดวงไป๋หยานจึงวางไว้ในวงกลมระหว่างพระจันทร์ทั้งสอง
บทที่ 1000 : ปาฏิหาริย์ (3)
สว่างวาบ…แสงสีขาวพวยพุ่งออกมาจากอากาศว่างเปล่าเสียงดังปัง ตกลงมาต่อหน้าไป๋หยาน
หลังจากนั้นไม่นานแสงสีขาวก็สลายไป ประตูสำริดพลันปรากฏขึ้น ประตูเปล่งรัศมีสว่างไสวแลดูศักดิ์สิทธิ์ทรงเกียรติอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
ไป๋หยานดูเหมือนจะถูกประตูสำริดดึงดูดนางก้าวเข้าหาประตูสำริดทีละก้าว ๆ ครั้นนางเดินไปถึงประตู แสงสว่างก็ห่อหุ้มร่างของนางอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาร่างของนางก็หายวับไป …
การแสดงออกของฉู่หรานแลดูเคร่งขรึม”เจ้าสำนักไป๋ เจ้าตำหนักเหวิน พวกท่านควรส่งยอดฝีมือมาเฝ้าประตูบานนี้ ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ประตูบานนี้ทั้งสิ้น”
ไป๋ฉางเฟิ่งและเหวินหวู่เหว่ยต่างพยักหน้าเห็นพ้องแน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่ควรให้ผู้ใดรบกวนไป๋หยาน เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะอาศัยคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่เพียงฝ่ายเดียว
เช่นนั้นพวกเขาจึงไม่กล่าวคำใดอีกต่อไปร่างของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสายฟ้ามุ่งหน้าออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว …
หมอกสีขาวฟุ้งกระจายไปทั่วไป๋หยานยืนอยู่ท่ามกลางหมอกสีขาว นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความงงงวย นางเดินไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ราวกับว่ามีบางสิ่งอยู่เบื้องหน้า พยายามดึงดูดนางเข้าหา …
บนท้องฟ้ามีมังกร พยัคฆ์ วิหค เต่า สัตว์ทั้งสี่หมุนวนล้อมรอบเหนือศีรษะของนาง
ร่างของสัตว์เวททั้งสี่นั้นโปร่งใสมากราวกับม่านหมอกพวกมันต่างก็เคลื่อนไหวไปพร้อมกับการขยับตัวของนาง ประหนึ่งทหารผู้ภักดีสี่คนที่คอยปกป้องคุ้มครองนาง
ไป๋หยานดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นสัตว์เวททั้งสี่ฝีเท้าของนางเหมือนถูกขัดจังหวะ กระทั่งนางต้องหยุดชะงัก นิ้วเรียวยาวเหยียดออกเล็กน้อยชี้ไปกลางอากาศ
มีระลอกคลื่นเกิดขึ้นในอากาศที่ว่างเหล่าม่านหมอกสีขาวที่ลอยอยู่รอบตัวนางพลันกระจายออก
ทันใดนั้นเองพลังอันทรงพลานุภาพพลันพุ่งตรงมาจากอีกด้านหนึ่ง พลังนั้นพุ่งเข้าสู่ดวงจิตของไป๋หยาน ชั่วขณะนี้ จิตใจของนางว่างเปล่า จากนั้นก็มีเสียงที่ดังออกมาจากดวงจิตของนาง ราวกับน้ำที่ไหลหลากท่วมท้น
”เจ้ามาแล้วกระนั้นรึ?”
เห็นได้ชัดว่าเสียงนี้เป็นสตรีหากแต่กลับสง่างามและทรงอำนาจเหนือสรรพชีวิต ปราศจากความอ่อนโยนของอิสตรี
อย่างไรก็ตามทันทีที่ได้ยินเสียงของหญิงผู้นี้ ไป๋หยานก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างผิดปกติ ในหัวใจของนางเกิดความรู้สึกหวั่นไหวขึ้นเล็กน้อย หัวใจของนางเต็มไปด้วยความเศร้า
“เมื่อเจ้ามาถึงที่นี่ได้ย่อมพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ในชีวิตนี้ของเจ้า เจ้าได้มาถึงระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงแล้ว ทั้งเจ้าก็มีคุณสมบัติมากพอที่จะต่อสู้กับคนเหล่านั้นที่อยู่ในระดับเฉินเจี่ย(ระดับเทพ)ได้”
ไป๋หยานกลับมารู้สึกตัวนางค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ พลางเอ่ยถามว่า “เจ้าเป็นใคร ?”
”เจ้าก็คือข้าและข้าก็คือเจ้า” เสียงของหญิงผู้นั้นช่างน่าเกรงขามนัก “ตอนนี้ ภารกิจของเจ้าก็คือการพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเอง เพื่อจัดการกับคนไร้ยางอายในอาณาจักรสวรรค์ !”
“อาณาจักรสวรรค์?” ไป๋หยานขมวดคิ้วอย่างเฉยชา “นี่เจ้าไม่พอใจคนในอาณาจักรสวรรค์มากเลยกระนั้นหรือ ? เกิดเรื่องใดขึ้น ? พอจะให้ข้ารู้ได้บ้างหรือไม่ ?”
หญิงสาวหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความรังเกียจ และเยาะหยัน รวมทั้งหยิ่งยโส ราวกับโลกทั้งโลกไม่อยู่ในสายตาของนาง
“คนพวกนั้นต่างก็หน้าซื่อใจคดคนในแดนสวรรค์ต้องการหลอกใช้ข้า เพียงเพราะความสามารถพิเศษของข้าเท่านั้น หลังจากที่ข้าค้นพบความจริง เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขากลับบอกว่าการดำรงอยู่ของข้าจะทำลายอาณาจักรเทพทั้งหมด และเพื่อความสงบสุขของอาณาจักรสวรรค์ พวกเขาจำต้องขับไล่ข้า”
”ชายคนรักในวัยเด็กของข้าชายที่เคยเอ่ยอ้างว่าจะปกป้องข้าด้วยชีวิต ทว่าเพื่อประโยชน์ของสรรพสัตว์ในแดนสวรรค์แล้ว เขากลับละทิ้งข้า เพื่อแดนสวรรค์แล้วเขาถึงกลับทอดทิ้งข้า … ”
หัวใจของไป๋หยานสั่นสะท้าน
นางน่าที่จะรับฟังคำบอกเล่าจากหญิงผู้นี้เสมือนหนึ่งคนนอกแต่ครั้นนางได้ยินถ้อยคำเหล่านี้นางกลับรู้สึกเจ็บแปลบ
ความเจ็บปวดเช่นนี้ทำให้นางหวนนึกถึงภาพลวงตาเหล่านั้นขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ บุรุษที่สวมอาภรณ์สีขาว แม้ว่านางจะมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของบุรุษผู้นั้น แต่ชั่วขณะนี้นางพลันรับรู้แล้วว่า บุรุษผู้นั้นก็คือคนรักในวัยเด็กที่หญิงผู้นี้เอ่ยถึงนั่นเอง