CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ฉันนี่แหละจ้าวนรก - ตอนที่ 40

  1. Home
  2. ฉันนี่แหละจ้าวนรก
  3. ตอนที่ 40
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 40ความอาลัยอาวรณ์ครั้งสุดท้าย
EnjoyBook
บทที่ 40ความอาลัยอาวรณ์ครั้งสุดท้าย

ไร้ซึ่งเสียงตอบ

บ่วงของโจวตงฝางเกิดจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขาไม่ได้รับข่าวคราวจากผู้เป็นลูกสาวมาเป็นเวลานานเกินไป หวังเฉิงห่าวสัมผัสได้ถึงอารมณ์ทั้งหมดภายในคราวเดียว และในที่สุด ความรู้สึกทั้งหมดก็ถูกกลั่นกรองออกมาเป็นคำถามเพียงข้อเดียว “ลูกสาวของคุณ…เธอชื่อว่าอะไร? ผมหมายถึง…ชื่อที่เธอถูกใช้เรียกในอินเทอร์เน็ต?”

ชายสูงวัยพยักหน้า “ฉันจำได้ว่ามันเป็นชื่อที่ไม่เหมือนใคร รู้สึกว่าเธอจะถูกเรียกว่า…ชู้รักคนนั้น…”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังเฉิงห่าวทำได้เพียงฝังหน้าลงกับฝ่ามือทั้งสองข้างของตนเองและนั่งเงียบ ๆ อยู่บนโซฟา

ความจริงเพียงข้อเดียวที่เขารู้…ก็คือผู้หญิงบ้านี่ได้ทำลายครอบครัวของเขา!

แต่เขาไม่ได้รู้ถึงเรื่องจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นเลยสักนิด ฉินเย่เองก็ไม่ได้เปิดวิดีโอที่แสดงความจริงทั้งหมดให้เด็กหนุ่มดูเช่นกัน

เขาคิดว่ามันอาจจะดีกว่าถ้าจะปล่อยให้หวังเฉิงห่าวจดจำแต่ภาพอันบริสุทธิ์ของพ่อของเขา เพราะอย่างไรเสีย อีกฝ่ายก็ไปสบายแล้ว

หนี้ของผู้เป็นพ่อไม่จำเป็นที่จะต้องชดใช้โดยลูกชายที่ไม่รู้ความจริง…

ถึงกระนั้น มันก็ไม่อาจเปลี่ยนข้อเท็จจริงที่ว่าภายในใจของหวังเฉิงห่าวในเวลานี้เต็มไปด้วยความสับสนได้

เขาไม่ใช่คนเดียวที่ครอบครัวถูกทำลายและพังพินาศจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

แม้กระทั่งตายไปแล้ว โจวตงฝางก็ยังคงวนเวียนอยู่ที่นี่ รอข่าวคราวเกี่ยวกับลูกสาวของตนเอง รอ…แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายปี และมีเพียงยมทูตเท่านั้นที่ปรากฏตัวขึ้น

“นายวางแผนว่าจะทำยังไงกับเขา?” หวังเฉิงห่าวยกมือคลึงขมับของตัวเองและมองฉินเย่ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

“ฉันจะพาเขาไปด้วย” ฉินเย่ตอบเสียงนิ่ง “เขาทำผิด ข้อแรก ในโลงศพที่ตั้งอยู่ข้างบนไม่มีศพอยู่ ผู้หามหีบศพได้เคลื่อนย้ายศพไปที่มณฑลเสฉวนแล้ว ฉันคิดว่าคงมีใครบางคนบอกเขาว่าคนพวกนั้นมีวิธีที่จะทำให้ลูกสาวของเขาได้ใช้ชีวิตในลักษณะที่แตกต่างออกไป เพราะฉะนั้นเขาเลยตอบตกลง…”

ฉินเย่สามารถจดจำเหตุการณ์ที่เขาเคยเห็นเมื่อไม่นานมานี้ได้อย่างชัดเจน ผีร้ายที่มีรูพรุนไปทั่วร่าง

การโจมตีด้วยคำพูดหลายพันครั้งส่งผลให้เรื่องที่เป็นเพียงข่าวลือในตอนแรกกลับกลายเป็นเรื่องจริง

แล้ว…หญิงสาวเลือกที่จะแบกรับบาปทั้งหมดของตระกูลไปบนหลังด้วยหรือเปล่า?

“ข้อสอง โจวตงฝางเอกก็รู้ดีถึงเหตุผลที่ลูกสาวของเขาไม่กลับมา ในฐานะของเทพประจำตระกูล เขาย่อมรู้ได้โดยทันทีเมื่อดวงวิญญาณของลูกสาวของเขาถูกส่งไปยังอีกโลกหนึ่ง และเพราะเหตุนี้…เขาจึงเริ่มคิดที่จะใช้ดวงวิญญาณของคนที่ยังมีชีวิตในการหล่อเลี้ยงดวงวิญญาณของลูกสาวของตัวเอง ในทางกลับกัน ข้อเท็จจริงที่เขาเริ่มเพลิดเพลินกับความคิดพวกนี้จะใช้เวลาอีกไม่นานเท่านั้นก่อนที่เขาจะกลายเป็นวิญญาณร้าย”

จากนั้นฉินเย่จึงหันไปมองโจวตงฝางและเอ่ยว่า “แต่เจ้าหาได้มีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับดวงวิญญาณเลยสักนิด ความคิดพวกนั้นของเจ้าไม่ได้ส่งผลอะไรกับดวงวิญญาณของนางเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ ข้าไม่สามารถยกโทษให้กับเจ้าได้อีกต่อไป เจ้าได้หลุดพ้นจากการเป็นเทพประจำตระกูลไปตั้งแต่ครั้งแรกที่เจ้าเริ่มมีความคิดพวกนั้น…ข้าจำเป็นจะต้องทำตามหน้าที่ของตัวเอง เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

ชายชราหัวเราะเบา ๆ และดึงขากางเกงของตนขึ้น เผยให้เห็นความจริงที่ว่าขาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำและจางลง

“ผมเข้าใจดี…”

เสียงไก่ขันดังมาจากบ้านของเพื่อนบ้าน นำมาซึ่งเสียงร้องสอดประสานกันของอีกาที่ตามมาติด ๆ

ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น และร่างของชายแก่ก็เริ่มที่จะจางลงภายใต้แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าตรู่ ฉินเย่ที่เห็นอย่างนั้นเพียงเอ่ยต่ออย่างใจเย็นว่า “คำถามข้อสุดท้าย”

น้ำเสียงของเขาดูเศร้าลงอย่างไม่สามารถหาที่เปรียบได้ “ตอนนั้น เจ้ายอมให้คนพวกนั้นยอมนำร่างของโจวฟางหรงไป ข้าอยากรู้ว่าใครคือผู้ที่เข้ามาติดต่อกับเจ้าในตอนนั้น”

“พวกเขาได้เผยตัวตนที่แท้จริงให้เจ้าเห็นบ้างหรือไม่?”

โจวตงฝางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ไม่เลย แต่ความจริงของเรื่องนี้ก็คือหากเป็นตอนแรก ผมจะไม่มีวันที่จะตอบรับคำขอของพวกเขาเป็นอันขาด เพราะอย่างไรแล้ว ผมก็รู้ดีว่าความดีและความชั่วจะได้รับการตอบแทนอย่างสาสม และผมเองก็เชื่อในการดำรงอยู่ของโลกใต้พิภพ ในฐานะของเทพประจำตระกูล ผมย่อมเข้าใจความจริงพื้นฐานของโลกนี้ดี ดังนั้นผมจึงรู้ว่าหากผมยอมปล่อยให้พวกเขาเอาศพของหรงหรงไป มันจะไม่มีทางเกิดเรื่องดีแน่นอน…”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ชายสูงวัยก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ และเอ่ยต่อด้วยแววตาที่ฉายชัดถึงความหวาดกลัว “แต่แล้วพวกเขาก็เอาบางอย่างให้ผมดู! และเหมือนกับต้องมนต์ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพยักหน้าไปตอนไหน กว่าที่ผมจะกลับมามีสติอีกครั้ง ศพของหรงหรงก็ไม่ได้อยู่ในโลงศพอีกต่อไป”

“พวกเขาให้เจ้าดูอะไร?”

“มันเป็นสัญลักษณ์แปลกประหลาด ดูเก่าแก่และยังปล่อยความผันผวนที่อยู่เหนือกาลเวลาออกมา ผะ ผม…ผมจะวาดให้ดู!”

เทพประจำตระกูลสามารถสัมผัสกับสิ่งของได้ แม้ว่าจะเป็นของชิ้นเล็กและน้ำหนักเบาอย่างปากกาก็ตาม หลังจากที่วาดสัญลักษณ์ที่ตนเคยเห็นเสร็จ โจวตงฝางก็ยื่นมันให้กับฉินเย่

เมื่อฉินเย่รับมาดู เขาก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง

ใช่…

มันเป็นสัญลักษณ์ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก…

สัญลักษณ์ที่ไม่ค่อยเข้ากับสังคมสมัยใหม่ และการมีอยู่ของมันก็ทำให้สามารถระบุได้โดยง่ายว่าวัตถุชิ้นนั้นเป็นของโบราณหรือไม่ สัญลักษณ์นี้เป็นร่องรอยที่สำคัญของของสิ่งนั้น

มันคือภาพวาดของหัวหมาป่า

มันดูคล้ายกับสัญลักษณ์โบราณที่สลักอยู่บนเสา และลักษณะการวาดก็ยิ่งทำให้มันดูโบราณมากกว่าเดิม เมื่อใดก็ตามที่ฉินเย่มองไปยังหัวหมาป่าตรงหน้า และมันยังดูเหมือนว่าหัวนั้นก็กำลังหันกลับมาจ้องหน้าเขาเช่นกัน

นี่เป็นเบาะแสสำคัญที่จะใช้เผยตัวคนลึกลับของผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังนักเชิดหุ่นได้!

หลังจากดูเสร็จ ฉินเย่ก็เก็บมันไปและพยักหน้าให้กับโจวตงฝาง “เจ้าพร้อมหรือยัง?”

ยิ่งแสงของรุ่งอรุณสว่างมากเท่าไหร่ ร่างของโจวตงฝางก็ยิ่งดูจางลงเท่านั้น ชายชรายิ้มและก้มลงมองมือของตัวเอง “พูดกันตามตรง ผมเหนื่อยล้าเหลือเกินหลังจากที่รอมานานแสนนาน….”

“ไปกันเถอะ”

ฉินเย่ผงกศีรษะ กระบี่ปีศาจปรากฏขึ้นอย่างไร้ซึ่งที่มา ด้วยการตวัดกระบี่เพียงครั้งเดียว ร่างวิญญาณของโจวตงฝางก็เปลี่ยนเป็นกลุ่มควันและหายเข้าไปในกระบี่ทันที

“พักกันที่นี่ต่ออีกสักหน่อยเถอะ เราจะเริ่มเดินทางอีกครั้งทันทีที่นายพร้อม” ฉินเย่ตบไหล่หวังเฉิงห่าวขณะที่เอ่ยออกมา

“ไม่ต้องห่วง ที่นี่ไม่มีวิญญาณตนอื่นอีกแล้ว ผู้หญิงที่นายเห็นก่อนหน้านี้ก็เป็นแค่ภาพหลอนที่เกิดจากความอาวรณ์ของโจวตงฝางเพียงเท่านั้น นายจำไม่ได้หรือไงว่าลูกสาวของเขาสวมชุดเดรสสีดำ? แต่ในเมื่อโจวตงฝางจากไปแล้ว ภาพหลอนพวกนั้นก็จะไม่สามารถคงอยู่ได้อีกต่อไป แล้วโลงศพบนชั้นที่สองเองก็ว่างเปล่า”

“และ ‘รอยเลือด’ บนชั้นที่หนึ่งก็เป็นแค่การสาดสีที่เกิดจากฝีมือของพวกคนที่ตั้งตนเป็นศาลเตี้ยในตอนที่เรื่องของโจวฟางหรงกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ป้ายชื่อที่วางอยู่บนชั้นวางของที่อยู่หลังเคาน์เตอร์เองก็เป็นของโจวฟางหรงเช่นกัน แม้ว่าโจวตงฝางต้องการจะต้องการทำร้ายเรา แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขาได้ยับยั้งเขาเอาไว้จนเขาไม่ได้ทำเช่นนั้นในท้ายที่สุด อันที่จริง เขายังอุตส่าห์เตือนให้พวกเราออกไปจากที่นี่ ฉันคิดว่า…ตอนนั้น ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขาคงจะกำลังตีกันอย่างแน่นอน”

หวังเฉิงห่าวที่ได้ยินเช่นนั้นจึงค่อย ๆ เดินกลับไปข้างบนด้วยแววตาเหม่อลอย

ในทางกลับกัน ฉินเย่ไม่ได้กลับไปนอนแต่อย่างใด

เขาเดินไปหยุดลงตรงหน้าโลงศพของโจวฟางหรง พลัง หยินกระจายไปทั่วห้อง และฉินเย่ก็กลับมาอยู่ในร่างยมทูตอีกครั้ง

จากนั้นเขาจึงเอื้อมมือเข้าไปในเสื้อคลุมของตนเอง…และหยิบเครื่องบันทึกเสียงออกมา

“การที่มียมทูตมาจัดพิธีระลึกให้เจ้าหลังจากที่เจ้าตายไปแล้ว….นับว่าเป็นเกียรติมากจริง ๆ” ฉินเย่ยิ้มบางเบา จากนั้นเปลวไฟก็จุดขึ้นจากมือของเขา แผดเผาเครื่องบันทึกเสียงนั้นจนกลายเป็นเพียงเถ้าถ่าน

ทว่าน่าแปลกยิ่งนัก เถ้าถ่านพวกนั้นดูคล้ายกับมีชีวิต พวกมันเปลี่ยนเป็นควันดำก่อนจะลอยไปวนเวียนอยู่รอบ ๆ เทียนทั้งสี่เล่มจนกระทั่งเปลวไฟที่ถูกจุดอยู่ทั้งหมดดับลง จากนั้นเถ้าถ่านที่ว่าก็หยุดหมุนและกระจัดกระจายลงบนโลงศพที่อยู่ด้านล่าง

“หลับให้สบายนะ” ฉินเย่ตบลงบนโลงศพเบา ๆ “เจ้ามีความผิด แต่หวังเจ๋อหมินเองก็ไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์เช่นกัน อย่างไรก็ตาม การตามหาว่าใครถูกหรือใครผิดนั้นไม่มีความหมายอีกต่อไป เพราะเจ้าได้ตายไปแล้ว”

“ข้าเพิ่งจะเข้าใจว่าสาเหตุที่เจ้าสังหารครอบครัวของเขาทั้งหมด ก็เพียงเพราะว่าเจ้าต้องการที่จะแก้แค้นให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพ่อและแม่ของเจ้า นั่นเป็นสิ่งที่ข้ารู้สึกสลดใจยิ่งนัก แต่มันก็ยังมีเรื่องที่ข้าอดที่จะไม่พอใจไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น….ข้าไม่สามารถให้อภัยกับการกระทำของเจ้าในอดีตได้”

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่เอาวิดีโอนี้ให้ใครดู แม้แต่หวังเฉิงห่าวหรือพ่อของเจ้าก็ตาม พวกเราก็แค่…ใช้ชีวิตกันต่อไป เพราะอย่างไรแล้ว มันย่อมเป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้พวกเขาจากไปพร้อมกับภาพความทรงจำที่สวยงามเกี่ยวกับบุคคลอันเป็นที่รัก”

เมื่อเอ่ยจบ เด็กหนุ่มก็ปิดประตูเสียงเบา

ทันใดนั้น เวลาเดียวกันกับที่บานประตูถูกปิดลง ฉินเย่ได้ยินเสียงครวญครางแห่งความโศกเศร้า ราวกับว่าหัวใจที่แตกสลายกำลังร้องไห้ออกมาในตอนจบของละคร

คลิก…สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงการปิดฉากบทละครที่วุ่นวายระหว่างตระกูลหวังและตระกูลโจว ในที่สุดม่านการแสดงก็ถูกปิดลง

สุดท้ายฉินเย่ก็ลงไปชั้นล่างอีกครั้ง ทิ้งตัวลงบนโซฟาและพักผ่อนอย่างที่เขาสมควรได้รับ

เมื่อเด็กหนุ่มลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็พบว่ามีกลุ่มคนจำนวนมากกำลังทุบประตูโรงแรมอยู่

ใบหน้าของคนทั้งหมดต่างฉายชัดถึงความกังวล มันทั้งคุณลุง คุณป้า และหนุ่มสาวอีกหลายคนกำลังยืนอยู่หน้าทางเข้าขณะที่พวกเขายังคงทุบประตูอย่างแรงพร้อมกับตะโกนอย่างสุดเสียง

“อย่าหลับนะ!”

“ตื่นสิ! บอกให้ตื่นไง!!”

“อย่าหลับนะ!! มันมีผี…มีผีอยู่ในโรงแรมนี้!!”

ฉินเย่ขยี้ตาและเดินไปที่ประตูทางเข้า ทันทีที่เขาสัมผัสเข้ากับตัวล็อก มันก็แตกเป็นชิ้น ๆ และหลุดออกไปทันที

ไม่เหมือนกับตัวล็อกเงาวับที่เขาเห็นเมื่อคืนนี้ มันกลับเต็มไปด้วยสนิม เหมือนกับว่าไม่ได้เปิดมานานหลายปี

“เจ้าหนู! เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?!” คุณป้าวัยกลางคนคนหนึ่งรีบวิ่งมาดึงเขาออกไปจากตัวโรงแรม “เร็วเข้า…รีบออกไปจากที่นี่!! ที่นี่…ที่นี่มีสิ่งชั่วร้ายอยู่!”

“ผมไม่เป็นไรครับ” ฉินเย่แกะมือของอีกฝ่ายออก “ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร อ้อ! พูดถึงเรื่องนี้ ยังมีเพื่อนร่วมชั้นของผมอีกคนหนึ่งที่ยังนอนอยู่ข้างบนด้วย…”

“รีบไปเรียกเขาลงมาเร็วเข้า!”

“ตอนนี้มันเช้าแล้ว เดี๋ยวพวกเราไปเรียกเขาให้เอง!”

ทันใดนั้นชายหนุ่มสองคนก็วิ่งขึ้นไปบนชั้นบนและปลุกหวังเฉิงห่าวจากการหลับใหล

ผู้คนที่อยู่โดยรอบดูเป็นกังวลอย่างน่าเหลือเชื่อ ทันทีที่หวังเฉิงห่าวได้สติ เด็กหนุ่มทั้งสองก็เดินออกมาจากโรงแรมมาพร้อมกับกลุ่มคนทั้งหมดแล้ว เมื่อพวกเขาหันกลับไปมองโรงแรม ทั้งคู่ก็พบว่าอาคารทั้งหลังดูทรุดโทรมกว่าที่พวกเขามาถึงเมื่อคืนมาก!

ป้ายที่เขียนว่า “โรงแรมยรูเจีย” ยังคงดูน่ากลัวเช่นเดิม และเต็มไปด้วยใยแมงมุม สีของอาคารมีรอยดำด่างและลอกออก มันดูไม่เหมือนกับสถานที่ที่คนสติดีที่ไหนจะเข้าไปเลยสักนิด

“เจ้าหนู พวกเธอควรจะต้องขอบคุณดวงดาวนำโชคของตัวเองนะ” ชายวัยกลางคนคีบบุหรี่ออกจากปากและเอ่ยต่อว่า “เมื่อหลายปีก่อน…คู่สามีภรรยาที่เป็นเจ้าของที่นี่ได้เสียชีวิตในอาคารหลังนี้ ตั้งแต่นั้นมา ผู้คนก็มักจะเห็นชายแก่ที่เสียชีวิตไปแล้วคนนั้นยังคงเปิดโรงแรมเพื่อทำธุรกิจในตอนกลางคืนอยู่ตลอด มันแปลกมาก”

“แต่พูดก็พูดเถอะ…” คุณป้าวัยกลางคนเอ่ยขึ้นก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมพูดต่อว่า “โลกนี้มันโหดร้ายนัก…ไม่ว่าลูกสาวของพวกเขาจะทำอะไร แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนข้อเท็จจริงที่ว่าผู้เฒ่าโจวและภรรยาของเขาเป็นคนที่มีจิตใจดี…ทำไมเด็กสมัยนี้ถึงไม่รู้จักคิดก่อนพูดเสียบ้าง?”

หวังเฉิงห่าวยังคงไม่ปริปากพูด มันเหมือนกับว่าเขาได้โตเป็นผู้ใหญ่ในชั่วข้ามคืน หลังจากที่พยักหน้าและขอบคุณความมีน้ำใจของคนทั้งหมด เขาก็ดึงตัวของฉินเย่กลับไปที่รถทันที

“นายรีบอะไร?” ฉินเย่เอนหลังพิงกับกระจกและเอ่ยออกมา เครื่องยนต์ถูกสตาร์ทอย่างรวดเร็ว และพวกเขาก็เริ่มการเดินทางอีกครั้งเพื่อมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองเป่าอัน

หวังเฉิงห่าวส่ายหน้า “ยิ่งฉันอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่…ฉันก็ยิ่งรู้สึกแย่มากเท่านั้น”

“ถ้าเจออะไรแบบนี้อีกสักสองหรือสามครั้ง นายก็จะชินไปเอง และมันก็จะยิ่งมีความเป็นไปได้ที่นายจะได้มาเป็นผู้ช่วยของฉันในอนาคต”

หวังเฉิงห่าวส่ายศีรษะอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้มันกลับแน่วแน่และมั่นคง “ฉันอาจจะสามารถช่วยในเรื่องของการขนส่งหรือการเตรียมของทำพิธีพวกนั้นได้หรอกนะ แต่…ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะอยากรู้สึกอะไรแบบนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว”

ฉินเย่หัวเราะออกมา “นายรู้อะไรไหม? ครั้งหนึ่งฉันก็เคยเป็นเหมือนนาย”

“เหรอ? แล้วอะไรที่ทำให้นายเปลี่ยนไปล่ะ?”

“ประสบการณ์ชีวิต มนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจ…แต่ท้ายที่สุดแล้ว ความเป็นผู้ใหญ่ก็จะทำให้เรามีภูมิต้านทาน”

“…อย่าพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์แบบนั้น ปีนี้ฉันเพิ่งอายุ 18 เอง!”

“อ้อ! จริงสิ ยังมีเรื่องเสแสร้งแบบใส่หน้ากากหากันด้วย”

เสียงของเด็กหนุ่มทั้งสองยังคงดังให้ได้ยินตลอดทาง หลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง แผ่นป้ายที่ตั้งอยู่เหนือด่านเก็บเงินซึ่งเขียนว่า “เมืองเป่าอัน” ก็ปรากฏขึ้นสู่ธารสายตา

การจราจรหน้าแน่นและช้าอย่างน่าเหลือเชื่อ

จากประสบการณ์มากมายของเขา หวังเฉิงได้คาดการณ์เกี่ยวกับสิ่งนี้ไว้อยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงได้เตรียมน้ำ บะหมี่แห้ง ที่ชาร์จแบบพกพาและอื่น ๆ เอาไว้เป็นที่เรียบร้อย แต่เขาเองก็ยังไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องติดอยู่ที่ด่านเก็บเงินถึงสองชั่วโมงเต็ม!

“ให้ตายเถอะ!” สุดท้ายแล้วความอดทนของเด็กวัยรุ่นอย่างหวังเฉิงห่าว ทำให้เขากลอกตา เอนหลังพิงกับเบาะและถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “นี่มันประสิทธิภาพแบบไหนกัน?! ทำไมถึงใช้เวลาถึงสองชั่วโมงกว่าจะเข้ามาในตัวเมืองได้?! คนพวกนี้ทนใช้ชีวิตแบบนี้กันได้ยังไง?”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก…วินาทีนั้นใครบางคนก็เคาะกระจกรถจากด้านนอก หวังเฉิงห่าวลดกระจกลงอย่างเฉื่อยชา และพบเข้ากับเด็กหนุ่มท่าทางกระตือรือร้นคนหนึ่งกำลังถือตะกร้าที่เต็มไปด้วยสินค้ามากมาย “เราไม่ซื้อ เรามีทุกอย่างที่ต้องการอยู่ในรถแล้ว”

สีหน้ากระตือรือร้นของชายหนุ่มดูหม่นลงในทันที จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวัง หมุนตัวและเริ่มจะเดินไปที่รถคันอื่นภายใต้แสงแดดที่ร้อนระอุ ฉินเย่ก็หันหน้าไปเรียกเด็กหนุ่มเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน….”

“ครับ? คุณจะรับอะไรดีครับ? น้ำแร่ กระดาษชำระ บุหรี่ ของดอง เท้าไก่หรือนิตยสารดีครับ เรามีทุกอย่างที่คุณต้องการ! เชิญดูด้วยตัวเองได้เลย!” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยท่าทีกระตือรือร้นอีกครั้ง

เจ้านี่มันหุ่นยนต์อย่างดีเลยไม่ใช่หรือไง?

ฉินเย่หัวเราะ เขาหยิบธนบัตรใบหนึ่งออกมาและยื่นมันให้กับอีกฝ่าย “วันนี้มีอะไร ทำไมรถถึงติดขนาดนี้?”

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นวันแรกครับ มันเป็นอย่างนี้มากว่าสี่เดือนแล้ว คนที่ขับรถแทบทุกคนใกล้จะสติแตกกันอยู่แล้ว นอกจากนั้น จำนวนรถที่เข้ามาในเมืองก็สูงกว่าจำนวนรถที่ออกมาก ซึ่งก็อย่างที่คุณเห็น สถานการณ์มีแต่จะเลวร้ายลง”

ฉินเย่กะพริบตาปริบ “ทำไมถึงเป็นแบบนั้นเหรอ?”

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 40"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์