ฉันนี่แหละจ้าวนรก - ตอนที่ 68
บทที่ 68: เข้าร่วมหน่วยสอบสวนพิเศษ (2)
ฮัสกี้ฉินเย่เดินตามจางเชิงไห่ไปอย่างระแวดระวัง และทันทีที่เขาเดินผ่านประตูที่ดูล้ำสมัยไป อุปกรณ์ทุกอย่างที่ติดอยู่โดยรอบก็สว่างขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน นอกจากนี้ รังสีเอกซเรย์จากร่างของเขา ยังปรากฏขึ้นบนหน้าจอที่อยู่ด้านข้างของทางเดินอีกด้วย
“อะไรน่ะ?” ฉินเย่เอ่ยอย่างตกใจ
จางเชิงไห่หัวเราะ “ไม่มีอะไรหรอก มันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว แม้ว่าคนที่เต็มใจจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างเราจะเป็นมนุษย์ แต่มันก็ยังมีมาตรการความปลอดภัยบางอย่างที่ต้องปฏิบัติตาม เพราะท้ายที่สุดแล้ว วิญญาณก็สามารถที่จะเข้าสิงมนุษย์ได้อยู่ดี”
“เขามั่นใจขนาดนั้นได้ยังไงกัน?” เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเองเสียงเบา
อาร์ทิสที่ได้ยินเช่นนั้นจึงตอบด้วยน้ำเสียงที่ติดจะขี้เกียจว่า “อืมม…เมื่อพวกภูตผีเริ่มพัฒนาความรู้สึกบางอย่าง พวกมันก็จะรู้สึกถึงความกระหายเลือดเนื้ออย่างไม่สิ้นสุด ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงไม่สามารถยืนเคียงข้างภูตผีได้ และวิธีที่เชื่อถือได้มากที่สุดในการพิจารณาว่าคนคนหนึ่งเป็นมนุษย์หรือไม่…ก็คือการดูเงาของเขา”
ติ๊ดดดด…ทันใดนั้นเอง เสียงรายงานของระบบก็ดังขึ้น “ตรวจพบมนุษย์ที่ไม่ได้ลงทะเบียน ต้องการให้ลงชื่อในทะเบียนของหน่วยสอบสวนพิเศษหรือไม่? โปรดสั่งการด้วย”
ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่ในชุดปฏิบัติการสีขาวทั้งหมดก็หันหน้าไปมองทางประตูด้วยสายตาสนใจ
“เด็กใหม่หรือ…” ผู้หญิงในชุดปฏิบัติการสีขาวดันแว่นตาของตนขึ้นขณะพึมพำเบา ๆ “นานแล้วนะ…เขายังเด็กมากด้วย อยากรู้จริง ๆ ว่าเขาเป็นอัจฉริยะจากตระกูลไหน?”
“เขายังดูไม่ถึง 20 ด้วยซ้ำ”
“เขาคือคนที่ปรากฏตัวขึ้นเมื่อคืนนี้เหรอ?”
“ถ้าเข้าคุณสมบัติก็หมายความว่า…เขาจะต้องอยู่ขั้นยมเทพเป็นอย่างต่ำใช่หรือเปล่า? แต่เขายังเด็กอยู่เลยนะ….เฮ้อ ฉันล่ะอิจฉาเขาจริง ๆ…”
จางเชิงไห่พยักหน้า “ตอนนี้เลย”
“ได้รับอนุญาตให้ลงทะเบียน ทางระบบได้ตรวจพบการจับคู่หนึ่งรายที่ตรงกับรูม่านตา ลายนิ้วมือ เลือด และตัวอย่างดีเอ็นเอของผู้ลงทะเบียน”
“ฉินเย่ ระดับ: นักล่าวิญญาณ ไม่มีญาติ หมายเลขลงทะเบียน: S9527 หากไม่มีคำถามเพิ่มเติม กรุณาเลือกหน้าที่ที่คุณต้องการ ตรวจพบ: ความแข็งแกร่งของคุณเหนือกว่ากลุ่มปฏิบัติการทั่วไป ทางระบบได้เพิ่มตัวเลือกสำหรับเจ้าหน้าที่รักษาการณ์ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โปรดเลือก”
“ว่าไงนะ?!”
“พวกเราได้ยินผิดหรือเปล่า?”
“แต่สติกซ์ไม่มีทางวิเคราะห์ผิดนี่?!”
ก่อนที่ฉินเย่จะได้ตอบอะไร เหล่าเจ้าหน้าที่ในชุดปฏิบัติการสีขาวที่นั่งอยู่รอบ ๆ ห้องต่างก็ลุกขึ้นยืนและมองไปที่ฉินเย่อย่างตกตะลึง
“พวกเขา….” เด็กหนุ่มมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างตกใจ “เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่มีอะไรหรอก…” จางเชิงไห่เองก็ตกใจไม่แพ้กัน
เขาสูดหายใจเข้าช้า ๆ ควบคุมอารมณ์ของตนเองก่อนจะเอ่ยต่อว่า “ตัวอักษรที่นำหน้าหมายเลขทะเบียนจะบ่งบอกถึงศักยภาพของแต่ละคน E คือระดับที่ต่ำที่สุด ในขณะที่ S นั้นคือระดับที่สูงที่สุด ในเวลานี้มีคนเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ S นำหน้าโดยที่อายุต่ำกว่า 30….และจำนวนผู้ที่มีตัวอักษร S นำหน้าก็มีไม่ถึง 200 คนของทั้งประเทศ…”
“หากพูดให้ถูกต้องก็คือมันมีทั้งหมดแค่ 168 คน” น้ำเสียงที่ดูกระตือรือร้นดังขึ้น ในวินาทีต่อมา ร่างในชุดขาวก็ดันร่างของจางเชิงไห่ให้หลบไปด้านข้างและคว้าเข้าที่แขนของฉินเย่อย่างตื่นเต้น “ระดับ S…ระดับ S ตัวเป็น ๆ! นายทำได้ยังไงน่ะ? ฉันไป๋ชิงซาน นายสนใจที่จะมอบส่วนหนึ่งของร่างกายให้กับวิทยาศาสตร์หรือเปล่า? อย่างเช่นแขน หรือขา….หรือถ้านายยินดีถึงขนาดที่ยอมยกสมองให้ฉันก็จะดีใจมาก!”
บ้าไปแล้ว…
ฉินเย่รีบดึงแขนของเขาออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายทันที น่ากลัวชะมัด…มีคนที่ต้องการจะผ่าและแยกส่วนเขาเป็นชิ้น ๆ ทันทีที่เขาเข้าร่วมหน่วยสอบสวนพิเศษเลยเหรอเนี่ย…..
แต่ก่อนที่ฉินเย่จะได้เอ่ยอะไร ร่างของไป๋ชิงซานก็กระเด็นไปด้านข้าง เหมือนถูกอีกฝ่ายยกตัวขึ้นและไปโยนไปด้านข้าง เหมือนมือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นไม่มีผิด และหลังจากนั้นไม่นาน ร่างผอมบางร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่กลางทางเดิน
สายตาของฉินเย่เปลี่ยนเป็นเฉียบคมมากยิ่งขึ้น ร่างผอมบางตรงหน้าสูงประมาณ 170 เซนติเมตร เป็นชายสูงวัยที่สวมชุดสูทสีขาว ทว่า…เด็กหนุ่มกลับสัมผัสได้ถึงออร่าที่น่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาจากร่างของชายตรงหน้า ออร่าที่น่ากลัวยิ่งกว่าของขั้นนักล่าวิญญาณ ยิ่งกว่านั้น…เขาเคยเจอผู้ชายคนนี้มาก่อน
ขั้นยมทูตขาวดำ!
คนตรงหน้าคือเจ้าหน้าที่ขั้นยมทูตขาวดำที่เขาเจอเมื่อคืนนี้!
“ไม่ต้องไปสนใจ” ชายสูงวัยจ้องลึกเข้าไปในตาของฉินเย่ครู่หนึ่งก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง “เยี่ยมมาก…ข้าไม่คิดเลยคนที่ทำลายเขตไล่ล่าทั้งเก้าแห่งเพียงคนเดียวเมื่อคืนจะอายุน้อยถึงเพียงนี้…เยี่ยม…เยี่ยมมาก! ในที่สุดพวกเราก็ได้เห็นการถือกำเนิดของอัจฉริยะในรุ่นของเราเสียที นี่คือสิ่งที่โลกแห่งการบ่มเพาะที่ควรจะเป็นของประเทศจีน!”
สีหน้าของชายสูงวัยยังคงนิ่งสนิทขณะที่เขาเอ่ยคำเหล่านี้ออกมาเสียงดัง ด้วยรอยยิ้มจอมปลอม จากนั้นเขาจึงยื่นมือออกไปข้างหน้า “ผู้ตรวจการคนที่สามของมณฑลอันฮุ่ย หลิ่วชิง”
“ฉินเย่ครับ”
ทั้งสองจับมือกัน จางเชิงไห่ที่ตระหนักถึงที่ฐานะของตนเองได้ จึงถอยออกไปยืนด้านข้าง หลิ่วชิงเป็นฝ่ายเดินนำ และพูดขึ้นขณะที่ทั้งคู่เดินไปพร้อมกัน “ยินดีต้อนรับเข้าสู่หน่วยสอบสวนพิเศษ ในไม่ช้า เจ้าจะค่อย ๆ ตระหนักได้ว่ามันเป็นเกียรติอย่างแท้จริงที่ได้มาอยู่ที่นี่ ได้ต่อสู้เพื่อประชาชนและมาตุภูมิ มันยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับหน่วยสอบสวนพิเศษอีกเล็กน้อยที่เราจะส่งไปให้เจ้าในภายหลัง เพื่อที่เธอจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับขอบเขตข้อมูลที่เธอสามารถเข้าถึงได้”
“แต่อันดับแรก เธอจะต้องเลือกหน้าที่ของตัวเองเสียก่อน”
“หน่วยสอบสวนพิเศษแบ่งออกเป็นกองปฏิบัติการ และกองรักษาการณ์ที่ไม่ได้ใช้งานมานานแล้วด้วย ทั้งสองส่วนถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการก่อตั้งประเทศ….”
“ทันทีที่เธอแสดงพลังที่แท้จริงในระดับเดียวกับยมเทพออกมา เธอจะได้รับสิทธิ์ในการสมัครเข้ากองรักษาการณ์ เจ้าหน้าที่รักษาการณ์ไม่จำเป็นจะต้องรายงานการปฏิบัติหน้าที่เป็นประจำทุกวัน แต่เมื่อใดก็ตามที่ผู้คนบริเวณใกล้เคียงส่งสัญญาณร้องขอความช่วยเหลือ พวกเขาจะต้องตอบรับในทันที นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่รักษาการณ์ยังมักจะเป็นแนวป้องกันด่านแรกที่ต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณอาฆาตที่ทรงพลังด้วย….แต่ช่างเถอะ เดี๋ยวสุดท้ายแล้วเธอก็จะได้เรียนรู้เรื่องพวกนี้เอง สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรทราบก็คือ….”
ชายสูงวัยสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดและเอ่ยต่อว่า “เธอ….จะต้องติดต่อได้ตลอดเวลา!”
“กรุณาทำให้แน่ใจว่าโทรศัพท์ของเธอสามารถติดต่อได้ตลอดเวลา! ฉันจะขอบคุณมาก!”
ด้วยเหตุผลบางประการ ฉินเย่รู้สึกราวกับว่าอีกฝ่ายกัดฟันอยู่ขณะที่พูดประโยคพวกนั้น แม้แต่บริการโทรคมนาคมเองก็ได้ยุติหมายเลขของพวกเขาไปแล้ว เนื่องจากไม่มีการใช้งานมาเป็นเวลานาน
หลิ่วชิงถอนหายใจออกมาก่อนจะอธิบายว่า “มันเป็นเพราะว่าพวกเรานั้นแตกต่างจากผู้คนธรรมดาจนสามารถนับว่าเป็นสองสายพันธุ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยก็ว่าได้ พวกเราเป็นผู้ฝึกตน และระยะเวลาที่ใช้ในการบ่มเพาะนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเราแต่ละคน และด้วยเหตุนั้น เจ้าหน้าที่รักษาการณ์บางคน…จึงปิดโทรศัพท์ทันทีที่พวกเขาได้รับแต่งตั้ง… แม้แต่ค่ายโทรศัพท์บริษัทต่าง ๆ เองก็ได้ยุติหมายเลขของพวกเขาเนื่องจากไม่มีการใช้งานไปแล้ว ซึ่งพวกเขา…ยังคงไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้จนถึงทุกวันนี้….”
“และมันก็ยังมีพวกที่ทิ้งโทรศัพท์ไว้ด้านนอกทันทีที่พวกเขาเข้าสู่การบ่มเพาะด้วย! สิ่งนี้ทำให้เกิดข้อมูลที่ผิดพลาดเมื่อเจ้าหน้าที่ของเราพยายามติดต่อเพื่อขอความช่วยเหลือและกำลังเสริม จนถึงทุกวันนี้ พวกเราได้ขาดการติดต่อจากเจ้าหน้าที่รักษาการณ์ไปจำนวน 75 คน ในขณะที่จำนวนของเจ้าหน้าที่รักษาการณ์ที่เราไม่สามารถติดต่อได้เป็นเวลาสามปีมีถึง 432 คน….”
บ้าน่า?!
นี่มันเหมาะกับเขามากเกินไปแล้ว!
ฉินเย่กะพริบตาปริบราวกับเห็นใจชายตรงหน้า จากนั้นภายใต้การจับจ้องที่คาดหวังของหลิ่วชิง เด็กหนุ่มตอบออกไปอย่างไม่ลังเล “ผมเลือกเจ้าหน้าที่รักษาการณ์”
มุมปากของหลิ่วชิงกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“เธอแน่ใจหรือ?” เขาถามอย่างไม่เต็มใจนัก “มีทีมของเราตั้งหลายทีมไม่มีแม้แต่ผู้ฝึกตนที่อยู่ขั้นยมเทพคอยนำพวกเขา…หากเข้าร่วมกับกองปฏิบัติการ เธอจะได้รับโอกาสให้เป็นหัวหน้าของทีมเล็ก ๆ ที่มีสมาชิกอย่างน้อยสิบคน อันที่จริง กัปตันของทีมปฏิบัติการระดับกลางเองก็กำลังขาดแคลนเช่นกัน ผู้ฝึกตนที่อยู่ขั้นนักล่าวิญญาณส่วนใหญ่จะประจำการในเมืองต่าง ๆ เมื่อเธอตกลง เธอจะได้รับมอบหมายให้ดูและทีมที่มีผู้ฝึกคนมากกว่า 30 คนขึ้นไป…”
ฉินเย่ที่ได้ยินเช่นนั้นเพียงกระแอมออกมาเบา ๆ “ไม่ต้องห่วงครับ…ผมจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวเองจะสามารถติดต่อได้ตลอดเวลา….”
หลิ่วชิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเสียดาย “ก็ได้…ตามฉันมา”
“เขาดูไม่ค่อยพอใจนะครับ?” ฉินเย่ถามจางเชิงไห่ขณะที่ทั้งคู่เดินตามหลิ่วชิงไป
จางเชิงไห่จึงตอบด้วยน้ำเสียงที่ติดจะไม่พอใจเช่นกัน “แน่นอนสิครับ…ระดับความอันตรายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกพื้นที่ของจีน แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา นักล่าวิญญาณส่วนใหญ่ทั่วประเทศกลับเลือกที่จะไปประจำในเมืองต่าง ๆ ในฐานะของผู้คุมหรือไม่ก็ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่รักษาการณ์…นี่คือผลที่ทำให้ในเมืองและมณฑลต่าง ๆขาดกัปตันทีมระดับกลางมาเป็นเวลานาน….คุณฉิน ผมอยากจะให้คุณลองพิจารณาการตัดสินใจของคุณอีกครั้งและรับตำแหน่งกัปตันทีมจริง ๆ นะครับ ผมมั่นใจว่ามันคือความต้องการของทุกเมืองและทุกมณฑลรอบๆ”
ฉินเย่เพียงยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป
จะบ้าหรือไง! อีกไม่นานเขาอาจจะต้องลงไปที่ยมโลกและนครวิญญาณ เพื่อก่ออิฐสร้างบ้านในตอนกลางคืนก็ได้! ถ้าเกิดมีคนอื่นเห็นเข้าจะทำอย่างไร?!
ในที่สุดทั้งสามก็เดินมาถึงหน้าห้องห้องหนึ่ง ด้านในมีเครื่องที่สูงประมาณ 1.2 ถึง 1.3 เมตรตั้งอยู่พร้อมกับข้อความมากมายที่ปรากฏขึ้นที่หน้าจอทัชสกรีน มันดูคล้ายกับตู้เอทีเอ็มของธนาคารไม่มีผิด
นี่คือการผสมผสานกันของเทคโนโลยี และการฝึกตนของพวกมนุษย์อย่างนั้นเหรอ?
ด้วยความอยากรู้ ฉินเย่รีบกรอกข้อความทั้งหมด จากนั้นทันทีที่การตรวจสอบข้อมูลของเขาสำเร็จ ช่องเล็ก ๆ บนเครื่องก็เปิดออกและยื่นหนังสือรับรองสีแดงออกมา
“ได้รับการรับรองโดยหน่วยสอบสวนพิเศษแห่งชาติ” ตัวอักษรขนาดใหญ่ถูกเขียนอยู่บนหน้าปก เมื่อเปิดดูเขาก็เห็นรูปของตัวเอง รวมถึงวันเดือนปีเกิดและภูมิลำเนาของเขาด้วย
สายตาของเด็กหนุ่มจับจ้องไปที่วันเดือนปีเกิดของตน 1 มกราคม ค.ศ. 2000 เห็นดังนั้นเขาก็ดีใจเป็นอย่างมาก
“เจ้าเด็กลงกว่าเดิมตั้ง 70-80 ปีนี่? ดีใจหรือไม่เล่า?” อาร์ทิสหัวเราะ
ฉินเย่ปิดหนังสือรับรองอย่างรวดเร็วและเก็บมันเข้าไปในกระเป๋า จากนั้น ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังจะเอ่ยลา เขาก็พบว่ามันมีโทรศัพท์อยู่ในห้องนั้นด้วย
มันเป็นโทรศัพท์ที่ปราศจากยี่ห้อ แต่การออกแบบและรูปทรงของมันนั้นน่าประทับใจ หน้าจอไร้ขอบอย่างที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปีนี้ เขาแทบจะไม่สามารถถอนสายตาออกจากมันได้หลังจากที่ได้เห็น
“นี่คือ….” ฉินเย่ยิ้มอย่างรู้ทัน
“นี่คืออุปกรณ์สื่อสารของหน่วยสอบสวนพิเศษ สัญญาณของมันจะถูกส่งผ่านระบบดาวเทียมเป่ยโต่ว มันจะทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายต่าง ๆ ที่อยู่โดยรอบได้ ที่สำคัญที่สุดคือมันมีแอปพิเศษของหน่วยสอบสวนพิเศษอยู่ภายในเครื่องด้วย ทุกอย่างที่คุณต้องรู้อยู่ในนั้นทั้งหมดแล้ว”
ค่อนข้างมีประโยชน์มากทีเดียว!
ฉินเย่ประหลาดใจเป็นอย่างมากที่เห็นว่าโลกแห่งการบ่มเพาะตามทันโลกสมัยใหม่ เมื่อนึกถึงตอนที่เขาเผชิญหน้ากับเหล่าผู้ฝึกตนเมื่อสมัยก่อน อีกฝ่ายมักจะอาศัยอยู่ในป่าลึกราวกับฤๅษีจนถึงวันที่ตาย หากคนพวกนั้นต้องการจะหาข้อมูลหรือค้นคว้า ผู้ฝึกตนเหล่านั้นก็จะต้องขี่ม้าไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุดเพื่อซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่าน!
เขาเก็บโทรศัพท์เครื่องใหม่และยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างจริงใจ “ถ้าอย่างนั้น ผมคงต้องขอตัวไปพักก่อน ผมยังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้เริ่มทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”
หลิ่วชิงมองเด็กหนุ่ม “ตามสบาย….แต่อย่าลืมเปิดโทรศัพท์ไว้ตลอดเวลา การประมาทของเจ้าสามารถทำให้ทีมที่อยู่ใกล้ถึงแก่ความตายได้”
“แล้วอีกสามวันต่อจากนี้อย่าลืมไปที่จัตุรัสกลางเมืองด้วย นี่จะเป็นวินาทีประวัติศาสตร์ที่ประเทศจีนจะเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นแก่สาธารณะเป็นครั้งแรก ผู้ฝึกตนที่มีความสำคัญทั้งหมดภายในมณฑลอันฮุ่ยก็จะเข้าร่วมเช่นกัน นอกจากนี้ เจ้าจะได้รับการแต่งตั้งและรับรางวัลสำหรับความพยายามของเจ้าเมื่อคืนนี้ด้วย พยายามทำตัวให้ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ล่ะ”
ฉินเย่เพียงพยักหน้าและขอตัวลา
แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้เดินกลับ มีรถออดี้ A8 ขับไปส่งเขาที่โรงแรม
“หืม?” ในที่สุดทุกอย่างจบลง และตอนนี้ฉินเย่ก็รู้สึกว่าเปลือกตาของเขานั้นหนักขึ้นราวกับภูเขาไท่ซานหล่นทับ ด้วยใบหน้าที่เกือบจะหลับอยู่รอมร่อ แต่เขาก็ยังสามารถตั้งถามออกไปว่า “นี่มันไม่ใช่โรงแรมที่ผมพักนี่?”
มันคือโรงแรมชีเทียน
มันเป็นโรงแรมที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน การตกแต่งนั้นดูหรูหราและงดงามอย่างไม่น่าเชื่อ
“ทางหน่วยได้รู้มาว่าท่านยังไม่มีที่พักที่ไหน ดังนั้นเราจึงจองห้องสวีทให้ในนามของท่านเป็นเวลาสี่เดือนครับ” คนขับรถยิ้มบาง ๆ
“นี่คือหนึ่งในสิทธิพิเศษพื้นฐานของหน่วยสอบสวนพิเศษครับ เจ้าหน้าที่รักษาการณ์ที่อยู่ขั้นนักล่าวิญญาณขึ้นไปจะต้องแสดงใบรับรองแทนบัตรประชาชน ใบขับขี่ และเอกสารอื่น ๆ นอกจากนี้ ท่านจะได้เพลิดเพลินกับสิทธิพิเศษสูงสุดในทุก ๆ ด้าน และยังได้สิทธิ์ในการจองห้องสวีทพิเศษในโรงแรมใหญ่ ๆ ทุกแห่งทั่วประเทศด้วยครับ”
ฉินเย่ค่อนข้างประหลาดใจกับสิ่งที่ตนได้ยิน “มันสะดวกสบายขนาดนั้นเลยหรือ? ทุกอย่างฟรี? ทำไมล่ะ?”
คนขับยังคงยิ้มบางอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอน….สิทธิพิเศษของหน่วยสอบสวนพิเศษไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่นี้ ท่านจะเข้าใจทุกอย่างหลังจากที่ท่านได้อ่านเอกสารที่อยู่ภายในแอปทั้งหมดแล้วครับ ถึงแล้วครับ อีกสามวัน ผมจะมารับนะครับ”
หลังจากลงทะเบียนที่โต๊ะเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ด้านหน้า ฉินเย่ก็รับกุญแจห้องของตนและเดินตรงไปที่ห้องทันที มันเป็นห้องขนาด 80 ตารางเมตรที่มีโคมไฟคริสทัลขนาดใหญ่และพรมนุ่ม ๆ หนากว่าห้านิ้ว
“นี่เราเพิ่งถูกกระสุนเคลือบน้ำตาลยิงเข้าใส่อย่างจังเลยสินะ…” [1]
[1] สำนวนจีน หมายถึงการใช้วิธีการสกปรกชักนำให้ผู้อื่นเสียหาย