ฉันนี่แหละจ้าวนรก - บทที่ 182 พิธีศพ (2)
บทที่182: พิธีศพ (2)
ฉินเย่เอื้อมมือไปที่ข้างเอว แต่ก็ยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นร่างยมทูตแต่อย่างใด
มันยังไม่ถึงเวลา…
ยมทูตพวกนั้นยังต้องทำลายเคล็ดวิชาตรึงวิญญาณสามชั้นโดยการเปิดฝาโลงที่ประทับด้วยเวทเจ็ดดาราสลักวิญญาณ ดึงตะปูตอกวิญญาณ และนำหยกตรึงวิญญาณออกมาจากปากศพเสียก่อน และทั้งหมดนี้ก็จะสามารถทำได้โดยผ่านกายเนื้อของมนุษย์เท่านั้น ซึ่งมันก็มีความเป็นไปได้ว่ายมทูตพวกนั้นอาจจะถูกโจวเซียนหลงบดขยี้ทิ้งก่อนที่พวกเขาจะทำทั้งหมดนั้นสำเร็จเสียอีก
ไม่ต้องรีบ… อดทนไว้…
เขาสูดหายใจเข้าช้า ๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ของตนเอง และจังหวะหัวใจที่เต้นรัวก็ค่อย ๆ ช้าลง แต่ถึงกระนั้นเด็กหนุ่มก็ยังคงไม่ละสายตาไปจากภาพความโกลาหลที่เกิดขึ้นในโถงไว้อาลัยแต่อย่างใด
ผู้ประกาศข่าวที่รวมตัวกันอยู่ด้านนอกของโถงไว้อาลัยต่างอ้าปากค้างและถอยไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ตากล้องเองก็กรีดร้องออกมาเสียงดังขณะที่ถอยห่างออกมา โถงไว้อาลัยในเวลานี้ตกอยู่ในความโกลาหล มีเพียงกล้องที่ตั้งอยู่เท่านั้นที่ยังคงจับภาพและถ่ายทอดสดความบ้าคลั่งที่เกิดขึ้นต่อไป
เหล่าอาจารย์ที่อยู่ด้านนอกเองก็มึนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น วินาทีนี้ไม่มีผู้ใดสามารถประเมินได้ว่าตนควรเชื่อฟังคำสั่งของเหล่าศาสตราจารย์ต่อ หรือควรรีบพุ่งเข้าไปในโถงไว้อาลัยเพื่อเสริมกำลังให้อีกฝ่ายกันแน่
เหล่านักเรียนกลับมึนงงยิ่งกว่า พวกเขามองไปยังเก้าอี้ว่างที่อยู่รอบ ๆ ตน นึกย้อนว่าเมื่อครู่นี้ที่นั่งข้าง ๆ ตนมีคนนั่งอยู่จริงหรือไม่
เพราะหนึ่งในเจ้าของเก้าอี้สิบกว่าร่างที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ว่างเปล่าเหล่านั้นเมื่อครู่ เพิ่งจะพุ่งขึ้นไปบนฟ้า หัวเราะและกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง แม้จะยังอยู่ในร่างมนุษย์ แต่ผมของพวกเขากลับปลิวไปมาอย่างรุนแรง พร้อมกับพลังหยินที่หนาแน่นยังคงหลั่งไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด เล็บมือของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำและยาวขึ้นเกือบหนึ่งฟุต ดวงตาแดงก่ำ และพุ่งเข้าหาศาสตราจารย์ทั้งห้าโดยไม่หลบเลี่ยง
ฟึ่บ…โคมไฟพระราชวังที่แขวนอยู่ในหอบรรพบุรุษและหลอดไฟในโถงไว้อาลัยแตกเป็นเสี่ยง ๆ และดับไปเพราะพายุที่รุนแรง ทั้งหมดที่เหลืออยู่มีเพียงการเต้นรำของเหล่ายมทูตท่ามกลางสายลมแห่งนรกเท่านั้น
“วิญญาณยึดครองร่าง?!” รูม่านตาของศาสตราจารย์ทั้งห้าหดตัวลงพร้อมกัน และโหลวชวนก็เอ่ยด้วยริมฝีปากที่สั่นเทาด้วยความโกรธ “เยี่ยมมาก…พวกแกรนหาที่เอง!! หนึ่ง สอง สาม…วิญญาณขั้นนักล่าวิญญาณ 14 ตนกล้ามาก่อความวุ่นวายขึ้นในสำนักฝึกตนแห่งแรกอย่างนั้นหรือ?!”
“หาที่ตายชัด ๆ!!”
ด้วยการขยับแขนอย่างรวดเร็ว เส้นไหมจำนวนมากที่ถูกปล่อยออกจากมือของเขาพุ่งลงไปบนพื้น จากนั้นเขาก็ดึงมันอย่างแรงอีกครั้ง โครม! พื้นไม้ภายในโถงยุบตัวลง และโลงศพขนาดใหญ่เจ็ดโลงก็ปรากฏขึ้นมาจากพื้น เปิดขึ้นด้านหน้าของโลงศพของกู่ชิงเอาไว้
“จงเปิด!” ด้วยเสียงตะโกนแห่งความโกรธ ฝาโลงศพทั้งเจ็ดถูกเปิดออก และศพหญิงสาวเจ็ดคนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าในยุคสมัยที่แตกต่างกันมี ฉิน ฮั่น ถัง ซ่ง หยวน หมิง และชิง ลอยออกมาจากโลงราวกับพวกเธอคือหุ่นเชิดที่เต้นรำไปตามการเชิดของผู้เป็นนาย
อาวุธมากมายรวมถึงกระบี่ หอก ดาบและง้าวพุ่งออกมาจากในแขนเสื้อของศพ และแสงสะท้อนของใบมีดก็สว่างวาบขึ้นในความมืด
ครื้น! เสียงฟ้าร้องที่ดังขึ้นให้ได้ยินท่ามกลางสายฝนที่เทลงมากลบเสียงที่เกิดจากความโกลาหลภายในโถงไว้อาลัยได้เป็นอย่างดี
“ตุลาการนรก!” นักเรียนสามคนที่พุ่งเข้าหาคนทั้งห้ากรีดร้องออกมาทันทีที่อาวุธทั้งเจ็ดแหวกผ่านอากาศ สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือความจริงที่ว่ายมทูตนอกอาณาเขตทั้งห้าฝ่ายไม่ได้โจมตีกันเองเลยแม้แต่น้อย พวกเขารู้ดีว่าตนต้องทำสิ่งใดเพื่อที่จะทำลายเคล็ดวิชาตรึงวิญญาณสามชั้นได้ ไม่เช่นนั้น…ความพยายามของพวกเขาทั้งหมดจะต้องสูญเปล่า และความล้มเหลวก็อาจจะทำให้พวกเขาต้องชดใช้ด้วยชีวิต
การโจมตีของศพหุ่นเชิดทั้งเจ็ดยังคงพุ่งออกไปอย่างต่อเนื่อง แต่ในวินาทีวิกฤตนี้ แสงสีฟ้าก็เปล่งประกายขึ้นในความมืด นักเรียนคนหนึ่งที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดทุกคนต่างอ้าปากกว้าง กว้างจนแทบแก้มของเขาจะฉีกออกจากกัน น้ำลายและเลือดเริ่มไหลหยดออกมา และเมื่อปากของพวกเขาอ้าออกจนมีความกว้างหนึ่งฟุต ดอกไม้สีฟ้าก็ค่อย ๆ บานออก
ทันทีที่มันบานออกเต็มที่ หุ่นเชิดศพทั้งเจ็ดก็หยุดชะงัก จากนั้น ราวกับถูกพายุที่รุนแรงพัดผ่าน ศพทั้งเจ็ดถูกพัดไปด้านหลังอย่างช้า ๆ!
“Go!!” นักเรียนที่เปล่งแสงสีฟ้าออกมากรีดร้องด้วยเสียงที่แหบพร่า โดยไม่รีรอ เงาดำมากมายพุ่งขึ้นไปบนฟ้าอย่างบ้าคลั่ง
“คิดหรือว่าเป็นแค่ขั้นนักล่าวิญญาณกระจอกจะสามารถทำอะไรก็ได้ต่อหน้ายมทูตขาวดำอย่างนั้นหรือ?!” โหลวชวนแค่นหัวเราะอย่างเหยียดหยามและสะบัดข้อมือ เส้นไหม้จำนวนมากที่ยื่นออกจากมือของเขากระเพื่อมไปมาราวกับระลอกคลื่น พร้อมกับเสียงที่ดังก้อง หุ่นเชิดศพทั้งเจ็ดแยกตัวออก จากนั้นด้วยการขยับนิ้วอย่างรวดเร็วของเขา ใบมีดที่แหลมคนพุ่งออกจากข้อต่อแต่ละข้อของศพ ปกคลุมท้องฟ้าราวกับอาวุธลูกเห็บ
เสียงแหวกอากาศดังให้ได้ยินอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ข้อต่อของหุ่นเชิดศพส่งเสียงดังอย่างน่ากลัว แต่ถึงกระนั้น ร่างนับสิบก็ยังพยายามพุ่งเข้ามาในโถงไว้อาลัยอย่างไม่หยุดนิ่ง ไม่สนใจการโจมตีของหุ่นเชิดศพทั้งเจ็ดเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นว่าความพยายามของตนสูญเปล่า โหลวชวนรีบประกบฝ่ามือของตนเข้าด้วยกัน ส่งผลให้ข้อต่อทั้งหมดพุ่งเข้าไปในโถงเพื่อไล่ตามร่างลึกลับเข้าไป แต่ทันใดนั้น เขาก็ค้นพบบางอย่าง….
ร่างที่ถูกแยกของศพขยับเล็กน้อย จากนั้น…ก็หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ ราวกับมีอะไรบางอย่างหยุดพวกมันเอาไว้!
ฉินเย่ที่นั่งอยู่หน้าโทรทัศน์รีบลุกขึ้นยืนทันที
ความมืดนั้นไร้ความหมายสำหรับยมทูต ดังนั้นเขาจึงมองเห็นอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่หยุดพวกมันไว้คืออะไร
มันเป็นดอกไม้ที่เปล่งประกายสุกใส แต่กลีบของมันกลับก่อตัวขึ้นจากวิญญาณทั้งสิ้น และเมื่อมันบานออก ภาพตรงหน้าดูราวกับดอกไม้แห่งยมโลกที่บานสะพรั่ง!
วิญญาณจำนวนมากคร่ำครวญและกรีดร้องขณะที่หลุดออกมาจากกลีบของดอกไม้ดอกนี้ มันก่อตัวเป็นตาข่ายวิญญาณที่แข็งแกร่งจนแม้แต่การโจมตีขั้นสูงสุดที่ทรงพลังของผู้ฝึกตนขั้นยมทูตขาวดำก็ไม่สามารถทะลวงเข้าไปได้!
“นี่มัน….” ฉินเย่พึมพำอย่างเหลือเชื่อ
“วัตถุหยินสมบูรณ์” สีหน้าของอาร์ทิสยังคงสงบนิ่งราวกับสายน้ำขณะที่นางอธิบายต่อ “ยมทูตที่ได้รับมอบหมายภารกิจพวกนี้จะต้องเป็นพวกที่มีฝีมือดีที่สุดในยมโลกนั้น ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย มันจึงเป็นเรื่องที่พอจะสามารถคาดการณ์ได้ว่าพวกเขาจะต้องนำสมบัติที่อยู่เหนือขอบเขตอำนาจของพวกตนมาด้วย เพราะสุดท้ายแล้ว วัตถุหยินพวกนี้ก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถรับประกันได้ว่า พวกเขาจะสามารถถอยกลับไปนรกของตนได้ และมันก็เป็นเหตุที่ข้าบอกว่าคืนนี้…จะไม่ราบรื่นอย่างที่เจ้าคิด”
“หากยมทูตพวกนี้มีวัตถุหยินสมบูรณ์อยู่กับตัวทุกตน พลังของพวกมันเมื่อรวมเข้าด้วยกันก็จะมากมายมหาศาลจนแม้แต่ข้าก็ไม่สามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย นับประสาอะไรกับหน่วยสอบสวนพิเศษที่ไม่เคยเผชิญหน้ากับการต่อสู้แบบนี้มาก่อน!”
…………………………..
ย้อนกลับไปที่ด้านหน้าของโถงไว้อาลัย
โหลวชวนหันหลังกลับไปตะโกนบอกคนทั้งหมด “คุ้มกันโลงศพ! นั่นคือเป้าหมายของพวกมัน!!”
สายลมกระโชกแรงก็ปะทะเข้ากับร่างของเขาก่อนที่จะเอ่ยจบ เมื่อโหลวชวนเงยหน้าขึ้น เขาก็พบว่าหนึ่งในเด็กนักเรียนที่เขาไม่ได้ให้ความสนใจก่อนหน้านี้กำลังเกาะอยู่บนเพดานราวกับแมงมุม ดวงตาของเด็กคนนั้นเป็นสีเขียวหยก และพลังหยินจำนวนมากก็แผ่ออกจากร่างของอีกฝ่ายจนแทบจะปริแตก
“Sir, this is a complete Yin artifact of the underworld of Sumer, one of the earliest civilizations in the world. Don’t you think you’ve underestimated our abilities? / นี่คือวัตถุหยินสมบูรณ์ของยมโลกแห่งอาณาจักรซูเมอร์ [1] หนึ่งในอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดของโลก เจ้าไม่คิดหรือว่าเจ้ากำลังดูถูกพลังของพวกเราเกินไปหรือ?” นักเรียนคนดังกล่าวหัวเราะออกมาอย่างแปลกประหลาด เมื่อเห็นว่าวิญญาณตนอื่น ๆ ได้พุ่งผ่านการสกัดของโหลวชวนเข้าไปในโถงไว้อาลัยไปแล้ว ร่างเยาว์วัยก็พุ่งตัวลงไปด้านล่างอย่างบ้าคลั่ง!
“แกอยู่แค่ขั้นนักล่าวิญญาณ แต่กลับครอบครองหลังอำนาจที่อยู่เหนือขอบเขตของตัวเองเสียได้ และทักษะการต่อสู้ของแกก็ไม่คล้ายกับพวกวิญญาณในจีน เหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นตัวอย่างสำหรับการค้นคว้าของศูนย์วิจัย SRC!” โหลวชวนไม่กล้าลดการป้องกันของตนลงเลยแม้แต่น้อย เขาขยับนิ้วมืออย่างรวดเร็ว และแขนขาที่แยกออกจากกันของหุ่นเชิดศพก็หลุดออกจากการจับกุมของตาข่ายตรงหน้าและพุ่งเข้าหานักเรียนแมงมุมทันที ด้วยเสียงตะลุมบอนของการต่อสู้ ทั้งสองฝ่ายต่างปลดปล่อยการโจมตีของตนอย่างบ้าคลั่ง เหลือให้เห็นเพียงประกายไฟขณะที่ใบมีดกระทบกันเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน เหล่าวิญญาณที่เพิ่งหนีเข้ามาในโถงไว้อาลัยได้ก็ต้องชะงักไปแทบจะทันที
เถาหราน
ศาสตราจารย์จากสาขาการต่อสู้ที่มักจะมีใบหน้าที่เป็นมิตรกำลังยืนอยู่ตรงหน้าโลงศพของกู่ชิงราวกับเสาหินที่ตั้งตระหง่าน
เขายกมือที่เหี่ยวย่นของตัวเองขึ้นช้า ๆ ฟิ้ว….สายลมเย็นพัดผ่าน พลังปราณเริ่มเดือดพล่านและหลั่งไหลออกมาจากร่าง ก่อนตัวเป็นสัญลักษณ์ไท่จี๋ขนาดใหญ่รอบตัวของเขาที่หมุนวนอย่างไม่รู้จบอยู่บนพื้น
ยมทูตนอกอาณาเขตมองตากัน เสี้ยววินาทีต่อมา ร่างที่เคยเป็นร่างของนักเรียนก็พุ่งหาชายสูงวัยด้วยแรงที่เหนือมนุษย์ ร่างหลายสิบร่างพุ่งเข้าหาเถาหรานราวกับสายฟ้า อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายเพียงโบกมือเบา ๆ พลังปราณของเขาเคลื่อนไหวราวกับสายน้ำ สัญลักษณ์ไท่จี๋ขนาดใหญ่ยังคงหมุนอย่างต่อเนื่อง เมื่อพวกมันเข้าไปใกล้อาณาเขตของสัญลักษณ์ดังกล่าว ยมทูตนอกอาณาเขตทั้งหมดก็ถูกดีดออกอย่างแรงจนกระแทกเข้ากับผนังด้านในของโถง
มีบางตนที่คอเกิดผิดรูปจากการโจมตีของชายสูงวัย แต่ทันทีที่มันลุกขึ้น มันก็ดัดกลับมาอยู่ที่เดิมได้อย่างง่ายดาย เถาหรานถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน “พวกนี้ไม่ใช่มนุษย์….”
“แต่มันก็หมายความว่าไม่มีอะไรให้ต้องรู้สึกผิดเช่นกัน”
เขาประกบฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน และพลังปราณในอากาศก็เริ่มแปรปรวน ก่อนตัวเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่สองข้างที่กดลงไปบนร่างของยมทูตนอกอาณาเขตพวกนั้นอย่างแรง เสียงเหมือนอะไรบางอย่างแตกดังขึ้นให้ได้ยินในทุก ๆ บริเวณที่ฝ่ามือเคลื่อนผ่าน ยมทูตนอกอาณาเขตกรีดร้องอย่างโกรธแค้น ขณะพยายามตอบโต้การโจมตีที่ไม่คาดคิดของชายสูงวัย
กร๊อบ…กร๊อบ…เสียงกระดูกหักดังขึ้นให้ได้ยิน แต่ยมทูตพวกนั้นกลับไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด ขณะที่ตะโกนพูดกับนักเรียนอีกคนที่อยู่ข้างตน “How much time has elapsed? / ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว?”
“One minute! / หนึ่งนาที!” ร่างขนาดใหญ่ที่ดูคล้ายกับหมียักษ์กัดฟันและพยายามต้านพลังปราณที่กดทับลงมาที่ตน “The Judge will arrive in no more than thirty seconds! The formation array outside has already been activated, but it can only hold out for another thirty seconds at best! / ตุลาการนรกจะมาถึงในอีก 30 วินาที! อาณาเขตเวทด้านนอกเปิดใช้งานแล้ว แต่มันสามารถทนได้อีกเพียง 30 วินาทีเท่านั้น!”
ดูเหมือนว่าในการต่อสู้ที่ดุเดือด การสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษจะเป็นภาษาที่สะดวกที่สุด พลังปราณที่เถาหรานปล่อยออกมานั้นรุนแรงจนแม้แต่ผิวด้านนอกของยมทูตตอนหนึ่งเริ่มลอกออก ยมทูตตนนั้นกัดฟันแน่นและเอ่ยว่า “What are we still waiting for?! / แล้วพวกเรารออะไรกันอยู่?!”
“We’re dead if we can’t get to the casket before the Judge arrives! / พวกเราต้องตายแน่นอนหากเราไม่นำโลงศพออกมาได้ก่อนที่ตุลาการนรกจะมาถึง!”
ไม่มีผู้ใดกล้าออมพลังของตนไว้อีกต่อไป สุดท้ายแล้ว ยมทูตนอกอาณาเขตทั้งหมดต่างก็สัมผัสได้ถึงพลังปราณอันไร้ขอบเขตที่แผ่ออกมาจากสำนักฝึกตนแห่งแรกและปกคลุมไปทั่วเมืองเป่าอันในเวลานี้ได้อย่างชัดเจน และพลังดังกล่าวก็กำลังพยายามทะลวงอาณาเขตเวทที่พวกเขาได้ติดตั้งเอาไว้ก่อนหน้านี้อยู่ เวลาของพวกเขา…กำลังเหลือน้อยลงทุกที
พรึ่บ…แสงสีทองเปล่งประกายขึ้น ตามมาด้วย…พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!! ร่างของยมทูตนอกอาณาเขตแต่ละตนเริ่มเปล่งแสง!
มีบางส่วนที่เปล่งออกมาระหว่างคิด บางตนเปล่งออกมาช่วงท้อง ในขณะที่ตนอื่น ๆ เปล่งออกมาจากหัวใจ…และแสงดังกล่าวก็มาพร้อมกันพลังหยินที่หนาแน่นซึ่งอยู่เหนือขอบเขตของขั้นนักล่าวิญญาณ! ในความเป็นจริง พลังหยินที่แผ่ออกมานั้นเทียบได้กับขั้นยมทูตขาวดำระดับสูง!
เถาหรานที่ยืนอยู่ที่จุดกึ่งกลางของสัญลักษณ์ไท่จี๋อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?!
ภูตผีที่อยู่ขั้นนักล่าวิญญาณสามารถใช้วัตถุหยินขั้นยมทูตขาวดำได้อย่างไร?! ไม่…เขาไม่เคยได้ยินเรื่องการมีอยู่ของวัตถุหยินแบบนั้นด้วยซ้ำ! หน่วยสอบสวนพิเศษได้ติดตามการมีอยู่ของวัตถุหยินอย่างใกล้ชิด และทำไมจู่ ๆ พวกมันถึงปรากฏขึ้นพร้อมกันแบบนี้?! แถมประสิทธิภาพของวัตถุหยินพวกนี้ก็สูงอย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย!
“อาจารย์ผู้สอนทุกท่านรีบเข้ามาในโถงไว้อาลัยเดี๋ยวนี้!!”
เขาไม่สามารถต้านการโจมตีนี้ได้ด้วยตัวตนเดียว!
ชายสูงวัยวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรวดเร็วและเอ่ยต่อสุดเสียง “นักเรียนทุกคนประจำที่ของตัวเอง! ใครก็ตามที่เข้ามาในโถงไว้อาลัยตอนนี้จะถูกไล่ออกทันที!”
นี่เพิ่งผ่านเที่ยงคืนมาเพียง 42 วินาที มันยังไม่ถึงหนึ่งนาทีเลยด้วยซ้ำ!
อาจารย์ผู้สอนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทัน และแม้แต่ผู้ที่ตอบสนองทันก็ยังไม่กล้าขยับเนื่องจากคำสั่งที่ตนได้รับก่อนหน้านี้ ทว่าทันทีที่เถาหรานเรียกพวกเขา หลินฮั่น ซู่เฟิง หลี่หยุนเซวี่ยและอาจารย์ตนอื่น ๆ ที่กำลังกังวลเป็นอย่างมากก็พุ่งเข้าไปในโถงอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนูที่เพิ่งถูกยิงออกไป!
“กล้าดียังไงถึงมาสร้างความวุ่นวายภายในสำนักของเรา…” สายตาของซู่เฟิงฉายชัดถึงเจตนาสังหาร พัดโบราณปรากฏขึ้นในมือของเขาขณะที่พุ่งตัวไปข้างหน้า ห่อหุ้มแขนขวาของตนไว้ด้วยพลังปราณ ส่งผลให้เส้นเลือดบนแขนปูดออกมาอย่างน่ากลัว จากนั้นเขาก็โบกมืออย่างแรง “แกรนหาที่เองนะ!!!”
โครม! รอยร้าวปรากฏขึ้นบนพื้นตรงหน้า เศษหินและฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปทั่ว ในขณะเดียวกันฉินเย่ก็กระโดดขึ้นไปบนซากอิฐขนาดใหญ่และพุ่งผ่านอากาศ เหลือให้เห็นเพียงภาพสุดท้ายหลังจากทุกอย่างเกิดขึ้น
เจ็ดดาราสะท้อนดวงเดือน [2]
เสียงดังสนั่นเจ็ดครั้งดังขึ้นพร้อมกัน และเพดานด้านบนก็พังทลายลงมาทันที ยมทูตนอกอาณาเขตที่ยังเกาะอยู่บนเพดานขณะที่ต่อสู้กับโหลวชวนก่อนหน้านี้กรีดร้องออกมาอย่างหวาดกลัวขณะที่ตกลงมาด้านล่าง
การร่วมมือกันของผู้ฝึกตนที่มีทักษะสูงแสดงให้เห็นความไว้วางใจและความเข้าใจที่น่าทึ่ง นิ้วมือของโหลวชวนขยับไปมาในพริบตา และมีดสั้นก็พุ่งออกมาจากแขนขาที่แยกออกจากกันของหุ่นเชิดศพทั้งเจ็ดและพุ่งเข้าหายมทูตนอกอาณาเขตที่กำลังตกลงมาทันที
หากอีกฝ่ายโดนการโจมตีนี้ มันจะต้องตายอย่างแน่นอน
นี่คือศาสตราจารย์จากสาขาช่างฝีมือแห่งโลกใต้พิภพ คนขับรถขนศพชั้นยอดผู้โด่งดัง!
“Damn! Shit!! / ให้ตายเถอะ! เวรเอ๊ย!!” ดวงตาของยมทูตที่ตกลงมาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ทันใดนั้น ขณะที่การโจมตีพุ่งเข้ามาใกล้ มันก็กรีดร้องออกมาสุดเสียง “λγkαp!!”
ตูม!!
[1] อารยธรรมโบราณและเขตบริเวณเมโสโปเตเมียตอนใต้ กำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ 3,500 ปีก่อนคริสตกาล
[2] ทักษะที่หลินฮั่นเคยใช้ตอนต่อสู้กับฉินเย่ในบทที่ 100
[ผู้เขียน: เพื่อความราบรื่นในการอ่าน ผู้เขียนจะพยายามไม่ใช้ภาษาอื่นแล้วค่ะ เดี๋ยวหลังจากนี้จะใช้ภาษาเดียวกันให้ได้มากที่สุดแทนนะคะ ขอบคุณค่ะ]