ฉันนี่แหละจ้าวนรก - บทที่ 194 การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ (1)
บทที่ 194: การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ (1)
ฉินเย่ยิ้มให้คนข้าง ๆ ตนและพยักหน้า “เหตุใดจึงหยุดพูดไปอย่างกะทันหันเช่นนั้น? ข้ารู้สึกว่ามันน่าสนใจไม่น้อย”
ปากของกู่ชิงอ้าค้างเล็กน้อย ขณะที่เขายกมือชี้เข้าหาตัวและมองไปรอบ ๆ
ฉินเย่เองก็เลื่อนสายตามองไปยังสุดขอบของที่ดินและเอ่ยต่อด้วยเสียงที่แหบพร่า “ที่นี่ ณ ตรงนี้ คือเมืองหลวงของยมโลกแห่งใหม่ นรกเฟิงตู”
“แต่มันยังไม่มีอะไรทั้งสิ้น” เด็กหนุ่มเอ่ยขณะที่หันไปมองกู่ชิงด้วยแววตาที่ลุกโชติช่วงอีกครั้ง “แต่ในระยะเวลาสิบปี ข้าหวังว่าจะได้เห็นสิ่งก่อสร้างที่สูงใหญ่และอาคารเกิดขึ้นมากมาย”
กู่ชิงกลืนน้ำลายอย่างกังวล ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาเล็กน้อย “ผมเหรอ?”
“ใช่” ฉินเย่ตอบอย่างเอาจริงเอาจัง “พวกเราได้ก่อตั้งบริษัทก่อสร้างแห่งยมโลกขึ้นมาแล้วก่อนที่ท่านจะมาถึง ทุกคนในบริษัทก่อสร้างแห่งยมโลก หรือเรียกสั้น ๆ ว่าบริษัทก่อสร้างหยิน ล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างทั้งสิ้น แต่ความเชี่ยวชาญของพวกเขานั้นอยู่ในเรื่องของการสร้างอาคารหรือศูนย์การค้าเท่านั้น เรายังไม่มีผู้ที่มีความสามารถเช่นกัน ผู้ที่เคยวางแผนผังเมืองหรือโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ นอกจากนี้ท่านยังเคยวางแผนการก่อสร้างของเมืองทั้งเมืองด้วยตัวเองอีกด้วย!”
“กองกำลังทหารได้ถูกเตรียมพร้อมหมดแล้ว และสิ่งที่พวกเราขาดก็คือแม่ทัพ! และมันก็เป็นเพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้พวกเราพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อที่จะช่วยเหลือดวงวิญญาณของท่านกลับมาจากยมทูตนอกอาณาเขตพวกนั้น ที่แย่งชิงดวงวิญญาณของท่านไป หากเราไม่ทำเช่นนั้น ข้าเกรงว่าสิ่งแรกที่ท่านจะได้เห็นหลังจากที่ตื่นขึ้นมาก็คงจะเป็นพีระมิดแห่งอียิปต์เป็นแน่แท้”
เมื่อทั้งสองสบตาการ แววตาของกู่ชิงนั้นเต็มไปด้วยความเหลือเชื่ออย่างเห็นได้ชัด
ครู่ต่อมาเขาก็เอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือ “สถานที่แห่งนี้…มีขนาดเท่าใด?”
“5 ตารางกิโลเมตร” ฉินเย่เอ่ยออกมาอย่างจริงจัง “แต่ในภายภาคหน้า…มันจะมีขนาด 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร! และชื่อของผู้ออกแบบทุกตนก็จะถูกสลักไปที่ทางเข้าของเมืองนั้น ๆ! ข้าจะสร้างอนุสาวรีย์ขึ้นในทุก ๆ เมืองเพื่อบันทึกและให้เกียรติแก่ผู้ที่มีส่วนร่วมในการวางแผนและออกแบบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ชื่อของท่านเองก็จะถูกบันทึกลงในพงศาวดารของนรกเป็นเวลานานนับพันปี”
กู่ชิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และปิดเปลือกตาลง
จะมีนักวางแผนผังเมืองสักกี่คนที่จะได้รับเกียรติให้ทำงานพวกนี้?
เมืองอาจจะทนอยู่ได้ไม่นานนัก แต่ชื่อของผู้ที่ให้กำเนิดมันจะติดอยู่ในกาลเวลาตลอดไป คำพูดของฉินเย่นั้นเรียบง่าย แต่ความหมายของมันกลับยิ่งใหญ่กว่าที่คิด คำสัญญาของเขาคือเกียรติยศชั่วนิรันดร์สำหรับนักวางแผนทุกตนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง!
นอกจากนี้…มันยังเหมือนเป็นคำสัญญาว่าพื้นที่ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร ที่กำลังจะขยายออกไปนั้น เขาจะต้องเป็นผู้พัฒนามันด้วย!
นี่แตกต่างจากโครงการทั้งหมดที่เขาเคยมีส่วนร่วมมาอย่างสิ้นเชิง มันคือโครงการแห่งสหัสวรรษ! ยิ่งใหญ่กว่าเขื่อนซานเสียต้าป้าเสียอีก [1]!
เปลือกตาของกู่ชิงสั่นเทาเล็กน้อย เขายังจำได้ดีว่าตัวเองต้องต่อสู้กับสถาบันออกแบบอย่างดุเดือดเพียงใด ในตอนที่แผนการออกแบบในแอฟริกามาถึง แต่ตอนนี้มันไม่จำเป็นที่เขาต้องคำนึงถึงเรื่องการแย่งตำแหน่งเลยแม้แต่น้อย แค่พยักหน้าเพียงครั้งเดียว เขาก็สามารถเป็นนิรมิตยมโลกจีนแห่งใหม่ได้เลย! หัวหน้าวิศวกร หัวหน้านักออกแบบ และหัวหน้าของการวางผังเมือง ทั้งหมดรวมอยู่ในตัวเขาแต่เพียงผู้เดียว! ชื่อของเขาจะปรากฏอยู่ในพงศาวดารของเมืองแต่ละเมืองที่กำลังเกิดขึ้น และคงอยู่ไปชั่วนิรันดร์!!
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้ชีวิตอยู่บนแดนมนุษย์เกือบร้อยปีของฉินเย่ไม่ได้สูญเปล่าเลยสักนิด เขาสามารถเข้าใจถึงความปรารถนาและความรู้สึกของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี
“ท่านแน่ใจใช่หรือไม่?” กู่ชิงลืมตาขึ้นหลังจากผ่านไปสักพักใหญ่และถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ท่านแน่ใจใช่หรือไม่…ว่าท่านจะสร้างอนุสาวรีย์แห่งเกียรติยศที่มีสลักชื่อของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไว้ในทุกเมือง?”
ฉินเย่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายและพยักหน้า “แน่นอน นอกจากนี้ รายละเอียดทั้งหมดจะถูกบันทึกไว้ในพิพิธภัณฑ์ของเมืองด้วยเช่นกัน ผู้ที่เดินทางลงมายังยมโลกทุกตน จะได้อ่านเกี่ยวกับการกระทำของท่านทันทีที่ระบบการศึกษาถูกก่อตั้งขึ้น บันทึกเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของพวกเขาจะถูกบันทึกไว้ในแผนการสอนด้วยซ้ำ”
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
กู่ชิงรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น หลังจากครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน เขาก็กัดปากล่างของตนเอง ก่อนจะพยักหน้าอย่างแรง
“ดีมาก” ฉินเย่ยื่นมือของตนออกไปอย่างเคร่งขรึม ทั้งสองจับมือกันอีกครั้ง และครั้งนี้มันก็แน่นกว่าก่อนหน้านี้ เส้นเลือดบนหลังมือของกู่ชิงนูนออกมาเล็กน้อย
ฉินเย่แย้มยิ้ม “เช่นนั้นข้าก็ขอต้อนรับเข้าสู่บริษัทก่อสร้างแห่งยมโลก หรือเรียกสั้น ๆ ว่าบริษัทก่อสร้างหยิน ท่านจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็น CEO คนแรกของเรา ตอนนี้บริษัทก่อสร้างหยินมีวิญญาณกว่า 2 หมื่นตนอยู่ภายใต้การดูแล พวกเขาทุกตนล้วนมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างมาแล้วทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีหัวหน้าแผนกถึง 7 คนให้ท่านเลือกใช้งานได้ตามสะดวก และท่านสามารถออกคำสั่งได้ตามแต่เห็นสมควร”
กู่ชิงสูดหายใจเข้าช้า ๆ และเขย่ามือของฉินเย่อย่างหนักแน่นอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยมือออก เขาดูผ่อนคลายกว่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก ชายสูงวัยแย้มยิ้มกว้างและเอ่ย “ถ้าอย่างนั้น ผมขอรบกวนท่านฉินช่วยสรุปเกี่ยวกับบริษัทก่อสร้างหยินให้ผมฟังสั้น ๆ หน่อยได้ไหมครับ?”
ขณะที่ทั้งสองเดินไปตามทาง ฉินเย่ก็อธิบายทุกอย่างให้กู่ชิงฟังอย่างละเอียด รวมถึงจุดกำเนิดของยมโลกและสถานการณ์ในปัจจุบัน เหมือนดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘จะใช้คนก็อย่าระแวง หากระแวงใครก็อย่าใช้เขา’ เพื่อที่จะไปให้ถึงจุดหมายที่พวกเขาต้องการ ฉินเย่ยังบอกกับกู่ชิงถึงความจริงเกี่ยวกับการไม่มีอยู่ของยมโลกแห่งเก่าอีกด้วย
กู่ชิงจ้องมองฉินเย่ขณะที่ฟังคำอธิบายของอีกฝ่าย มีถามออกไปบ้างเป็นครั้งคราว แต่ยิ่งได้รู้มากเท่าไหร่ ใบหน้าของชายสูงวัยก็ยิ่งเปลี่ยนไปมาเท่านั้น ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็มองฉินเย่ด้วยสายตาที่เหมือนจะสิ้นหวัง
นี่คุณกำลังล้อผมเล่นหรือเปล่า?
ต่อให้เขาจะออกแบบทุกอย่างได้ แต่หากปราศจากเงินและทรัพยากร พวกเราจะสามารถทำสิ่งใดได้?
“แค่ก แค่ก…” ฉินเย่กระแอมออกมา เขาค่อนข้างรู้สึกอับอายที่ความยากไร้ของยมโลกนั้นอยู่เหนือความคาดหมายของอีกฝ่าย “มันอาจจะมีปัญหาบ้าง แต่เราจะต้องผ่านมันไปให้ได้ ดังนั้นหากมีสิ่งใดที่ต้องหารือ ท่านสามารถบอกข้ามาได้เลย…”
เด็กหนุ่มพบว่าริมฝีปากของกู่ชิงนั้นสั่นระริกทันที เขาจึงรีบเอ่ยเสริมอย่างรวดเร็วว่า “แต่ข้าไม่รับประกันได้ว่าเราจะสามารถแก้ไขมันได้ในทันที”
กู่ชิง: ……
ใจเย็น ๆ…ใจเย็น ๆ…ในฐานะของผู้อาวุโส เขาจะไปต่อปากต่อคำกับเด็กหนุ่มได้อย่างไร? เขาไม่ได้โกรธ ไม่ได้โกรธเลย จริง ๆ นะ…
เขาสูดหายใจเข้าช้า ๆ และพยายามเรียบเรียงความคิดของตัวเองก่อนจะพูดออกมาว่า “ท่านฉิน ผมมีคำถามที่อยากจะถามท่านสักสองสามข้อ ก่อนที่จะเป็นถึงพื้นที่ก่อสร้าง ประการแรก เรามีความเสี่ยงที่จะถูกศัตรูรุกรานหรือไม่?”
ฉินเย่พยักหน้า จากนั้นจึงส่ายหน้า “ท่านกำลังคำนึงถึงการสร้างกลไกป้องกันสำหรับสถานที่อย่างนั้นหรือ? นั่นไม่จำเป็นเลยสักนิด ส่วนเหตุผล…เอาไว้ข้าจะบอกท่านในภายภาคหน้า แต่สำหรับตอนนี้ ท่านสามารถดำเนินการได้โดยสมมติฐานที่ว่าจะไม่มีศัตรูที่ไหนกล้าก้าวเข้ามาที่นี่”
ใช่ เดาได้เลยว่าจะไม่มีใครกล้าก้าวเข้ามาเหยียบนรกของเขาแน่ ก็ตี้ทิงกำลังนอนหลับอยู่ข้างใต้ของเรานี่เองอย่างไรล่ะ…
กู่ชิงถอนหายใจออกมาก่อนจะถามต่อ “ประการที่สอง ยมโลกแห่งเก่ามีผลผลิตพิเศษเพื่อการส่งออกไหม? เหมืองทองคำและแร่ต่าง ๆ ในแดนมนุษย์…หรือมันพอมีทางที่เราจะหามันมาได้บ้างไหม?”
ฉินเย่แย้มยิ้มขมขื่นและส่ายศีรษะไปมา “ข้าไม่คิดว่ามี หรือต่อให้มันมี ข้าก็ไม่แน่ใจนัก แต่ข้าจะพยายามหามันมาให้ได้มากที่สุด หายนะที่เกิดขึ้นที่ยมโลกแห่งเก่านั้นเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป และข้อมูลส่วนใหญ่ก็ถูกทำลายไปจนเกือบหมด ข้าจึงไม่อาจตอบคำถามข้อนี้ของท่านได้”
อาร์ทิสได้จากไปทันทีที่ฉินเย่เริ่มอธิบายทุกอย่างให้กับกู่ชิงอย่างละเอียดเนื่องจากนางเองก็ไม่เคยพูดคุยเรื่องพวกนี้มาก่อนเช่นกัน แต่มันก็สมเหตุสมผลแล้ว เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้ว นางก็เป็นถึงตุลาการนรกผู้สูงส่ง ดังนั้นนางจะมาสนใจกับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ได้อย่างไร?
เมื่อนางรับตำแหน่งตุลาการนรก หากมีลูกน้องบอกนางว่า ‘ที่นี่ไม่มีเหมืองแร่’ นางก็คงเชื่อคำพูดเหล่านั้น โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ใช่แล้ว นี่คืออาร์ทิสที่ฉินเย่รู้จัก!
“นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญ ทรัพยากรคือปัจจัยที่จะตัดสินชี้ขาด ถึงทิศทางการพัฒนาของเมืองนั้น ๆ ได้เลย” กู่ชิงขมวดคิ้วอย่างลำบากใจ
“การพัฒนาของเมืองทั้งหมดล้วนเชื่อมโยงโดยตรงกับการเข้าถึงทรัพยากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกรณีของพวกเราในตอนนี้ ท่านฉิน ผมต้องขออภัยด้วยหากคำพูดของผมนั้นตรงไปตรงมาเกินไป แต่จากทุกสิ่งที่ท่านพูดกับผมเมื่อครู่นี้และในแง่ข้อความจริงที่ว่าระบบเงินตราของยมโลกยังไม่ถูกสร้างขึ้น สิ่งเดียวที่เราสามารถทำได้ก็คือการค้าขายผลิตผลพิเศษจากยมโลกเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินแดนมนุษย์” เขาถามต่อด้วยความหวังสุดท้ายที่มีเหลืออยู่ภายในใจ
นั่นเป็นเส้นทางการเงินที่มั่นคงเพียงเส้นทางเดียวที่พวกเขามี
ฉินเย่ขมวดคิ้วเข้าหากัน นี่ก็คือสิ่งที่เขากำลังคิดเช่นกัน
ตอนนี้ในยมโลกมีกลุ่มผู้ประกอบการอย่างหวงเลี่ยงชวนอยู่เพียงแค่หยิบมือเท่านั้น และแม้ว่าเงินที่ได้รับมาจากการค้าขายของสะสมส่วนตัวของวิญญาณพวกนี้สามารถทำให้พวกเขาผ่านความทุกข์ยากทางการเงินในขณะนี้ไปได้ มันก็ไม่สามารถคงอยู่ไปได้ตลอดชีวิต
แต่…ยมโลกมีอะไรล่ะ?
เขาหันไปมองรอบ ๆ มันมีเพียงท้องฟ้าที่มืดสนิท หุบเหวลึก และต้นไม้ที่มีใบสีแดง ทุกอย่างดูซ้ำซากอย่างไม่น่าเชื่อ เด็กหนุ่มทำได้เพียงหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น “ข้าจะสามารถหาผลผลิตพิเศษอะไรมาสร้างสถานที่รกร้างเช่นนี้?”
“นี่ไม่ใช่ทั้งหมดที่เรามี” ทันใดนั้นเองเสียงของอาร์ทิสก็ดังมาจากที่ที่ไกลออกไป นกกระเรียนกระดาษบินมาและเกาะลงบนไหลขอฉินเย่ “ในสมัยที่ยมโลกแห่งเก่ายังคงรุ่งโรจน์อยู่บ้าง เมืองทุกเมืองล้วนมีผลผลิตพิเศษจำนวนมาก”
โดยไม่เว้นจังหวะ นางเอ่ยต่อ “ยกตัวอย่างเช่นตอนที่ข้าประจำการอยู่ที่เมืองอันหลุน ผลผลิตของเราก็คือต้นไผ่ชนิดหนึ่งที่มีความคมอย่างมาก มันสามารถเทียบได้กับเหล็กที่ดีที่สุดในแดนมนุษย์ได้เลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้มันยังสามารถใช้เป็นชุดเกราะให้กับเหล่าทหารได้ด้วย มันมีความยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก ในตอนนั้นไผ่หนึ่งต้นมีมูลค่าถึง 1 หมื่นเหรียญ”
“อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือมณฑลหมินเฟิง ซึ่งเป็นที่รู้จักในการผลิตผลึกแห่งความมืดจากเมืองตงหยางและเขตย่อยอีกหกแห่ง ผลึกแห่งความมืดพวกนี้มีลักษณะที่คล้ายกับเชื้อเพลิงที่ไม่ก่อให้เกิดควันหรือมลพิษใด ๆ เมื่อถูกนำไปเผา หนึ่งชั่ง [2] ของมันสามารถเผาไหม้ เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ครอบครัวที่มีสมาชิกสามคนได้ตลอดเดือนในช่วงฤดูหนาวที่เลวร้าย…แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ข้ากลับไม่สามารถหาร่องรอยของเหมืองในยมโลกแห่งใหม่ได้เลยสักนิด ข้าพยายามหาต้นไม้ที่มีลักษณะเฉพาะตัวแล้วด้วย แต่ไม่ว่าข้าจะหาอย่าที่ไหน ข้าก็เห็นพันธุ์ไม้เพียงพันธุ์เดียวเท่านั้น”
“เดี๋ยวก่อนนะ…” ฉินเย่มองหน้าอาร์ทิสราวกับตนเพิ่งถูกผีหลอก “ฤดูหนาว? ฤดูหนาวในยมโลกเนี่ยนะ? พวกวิญญาณกลัวฤดูหนาวด้วยหรือ”
นกกระเรียนกระดาษแน่นิ่งไป จากนั้นก็สั่นเทาราวกับเพิ่งถูกฟ้าผ่าลงมา “ใช่แล้ว! อย่างนี้นี่เอง!”
“ข้าจำได้แล้ว!” นกกระเรียนกระดาษบินออกจากบนไหล่ของฉินเย่และระเบิดเป็นกระแสน้ำวนสีดำ ซึ่งร่างจริงของอาร์ทิสปรากฏขึ้น นางกุมขมับของตัวเองขณะที่เอ่ยความคิดของตนออกมา “ใช่แล้ว…ยมโลกไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในวันเดียว อันที่จริง มันถูกพัฒนามาตลอดหลายพันปี!”
“นี่คือประวัติศาสตร์ที่ถูกแก้ใหม่ของยมโลก ตลอด 3,000 ปีที่ผ่านมา เมื่อยมโลกถูกสร้างขึ้นในตอนแรก มันไม่มีทั้งฤดูกาลหรือลมพายุ 1,000 ปีแรกในนรกแห่งเก่านั้นแทบจะเป็นสวรรค์แห่งการก่อสร้างโลกใต้พิภพขึ้นมาใหม่เลยด้วยซ้ำ และต่อมายมโลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นเป็นครั้งแรก มีสายฝนเริ่มตกกระหน่ำลงมา และยมโลกก็เริ่มประสบกับฤดูกาลต่าง ๆ”
“ใน 2,000 ปีต่อมา ยมโลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง และอสูรวิญญาณก็เริ่มปรากฏตัวขึ้นให้เห็น จากนั้นเมื่อถึงช่วงปลายของปีที่ 3,000 ยมโลกก็เปิดการเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งที่สาม รัศมีอันโชติช่วง สัตว์ร้ายจำนวนมากและเปลวไฟอันยิ่งใหญ่ ทุกครั้งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ขึ้น มันมักจะตามมาด้วยสมบัติมากมายมหาศาล”
ฉินเย่ขมวดคิ้ว “แล้วมันเกี่ยวกับเราอย่างไร?”
อาร์ทิสรีบอธิบายอย่างกระตือรือร้น “โลกเกิดขึ้นได้อย่างไร? การวิวัฒนาการเดียวกันนี้ก็ใช้กับนรกเช่นกัน อันดับแรกต้องมีพืชก่อน จากนั้นจึงสัตว์ และจึงทรัพยากรธรรมชาติ แต่ในเวลานี้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในอดีต กฎของโลกยังไม่สมบูรณ์นักเมื่อตอนที่ยมโลกแห่งเก่าถูกก่อตั้งขึ้น ส่งผลให้มันยังไม่มีทั้งฤดูกาลหรือสภาพอากาศ นี่คือเหตุผลว่าทำไมมันถึงถูกเรียกว่าสวรรค์ของวิญญาณ แต่เมื่อมันพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ กฎของธรรมชาติก็จะตามมา ซึ่งมันก็มาพร้อมกับฤดูกาลและภัยพิบัติ รวมไปถึงสมบัติล้ำค่าชิ้นอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน”
นางถอนหายใจออกมาและมองฉินเย่ราวกับจะบอกว่า “เจ้าไม่ดีใจหรืออย่างไรที่ข้าจำเรื่องทั้งหมดนี้ได้? เจ้าควรขอบคุณข้าไม่ใช่หรืออย่างไรกัน?”
ทว่านางกลับได้รับสายตาพิฆาตของอีกฝ่ายมาแทน
หมายความว่าอะไร?
ทำไมเรื่องสำคัญเช่นนี้ท่านถึงเพิ่งนึกมันขึ้นมาได้? สมองของท่านมีไว้เพื่ออะไรกัน?
กู่ชิงไม่ได้สังเกตเห็นประกายไฟที่ที่เกิดขึ้นจากการสบตาของทั้งคู่เลยสักนิด เขาเพียงลูบคางของตัวเองและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือยมโลกในตอนนี้ไม่มีแร่ใด ๆ เลยใช่หรือไม่? และมีเพียงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของยมโลกเท่านั้น เราถึงจะเริ่มเห็นการปรากฏขึ้นของทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ?”
“ตอนนี้เราไม่มีแร่ธาตุใด ๆ ทั้งสิ้น” อาร์ทิสตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ยกตัวอย่างเช่นการก่อตัวของถ่านหินในแดนมนุษย์ต้องผ่านระยะเวลากว่าพันปี มันเกิดขึ้นครั้งแรกที่ใด? ผลึกแห่งความมืดของยมโลกเองก็เช่นกัน ข้าคิดว่าเราอาจจะต้องรอจนกว่ายมโลกจะมีขนาดใหญ่เท่าเมืองหรือนครก่อนเราจึงจะเห็นสิ่งพวกนั้นอีกครา”
กู่ชิงขมวดคิ้วเข้าหากัน เงื่อนไขในการพัฒนายมโลกนั้นยากกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับการก่อสร้างที่แอฟริกา ทุกอย่างที่นั่นยังอยู่ในสถานะที่ดีกว่านี้มาก แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติได้เช่นกัน แต่บริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งประเทศจีนนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด? เขาสามารถเข้าถึงจำนวนเงินและมีอำนาจเหนือกว่านโยบายต่าง ๆ ได้เท่าที่เห็นสมควร แต่ตอนนี้ล่ะ?
ชายสูงวัยถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนและมองไปรอบ ๆ และทันใดนั้นเองดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้น เมื่อเขาจ้องไปยังจุดจุดหนึ่งเข้าพอดี
ตอนนี้พวกเขากำลังเดินไปตามทางข้าง ๆ เขตก่อสร้างแห่งหนึ่ง มันคือพื้นที่โล่งซึ่งมีตอไม้ขนาดความสูงแตกต่างกันปรากฏให้เห็นเต็มไปหมด เห็นได้ชัดว่าต้นไม้ทั้งหมดเพิ่งถูกตัดไปได้ไม่นาน
และนั่นก็คือสิ่งที่เขากำลังมองอยู่!
[1] เขื่อนซานเสียต้าป้า(长江三峡大坝) หรือเขื่อนสามหุบเขา เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกของประเทศจีน
[2] ประมาณ 0.6 กิโลกรัม