ฉันนี่แหละจ้าวนรก - บทที่ 196 เส้นทางสู่การเป็นเศรษฐี
บทที่ 196: เส้นทางสู่การเป็นเศรษฐี
“ท่านฉิน…ท่านลองมาดูไม้ฮวงหัวลี่สายพันธุ์ไหหลำในยมโลกของเราดู”
ฉินเย่เดินเข้าไปใกล้ ๆ และเขาก็ต้องตกตะลึง
บนตอไม้มีตาไม้ปรากฏอยู่ และมัน…ก็ก่อตัวเป็นลวดลายสวยงามเสียด้วย!
มันไม่เหมือนกับงานแกะสลักที่ถูกออกแบบมาอย่างวิจิตร แต่มันเป็นเหมือนกับภาพวาดทิวทัศน์ชั้นยอด แทบจะเหมือนกับมีจิตรกรมือหนึ่งได้สาดน้ำหมึกลงบนผืนผ้าใบก่อนจะวาดต่อหลังจากนั้น
เซียอี้[1]
ลายไม้ตรงหน้าเหมือนกับลายเส้นที่พลิ้วไหวของจิตรกรหญิงผู้หนึ่ง ดูไม่ชัดเจนทว่าสง่างาม แตกต่าง มันเป็นชิ้นงานที่ดูแล้วชวนให้หลงใหล
ในความเป็นจริง มันสวยงามจนแทบจะไม่สามารถบอกได้เลยว่ามันเติบโตขึ้นมาในต้นไม้ได้อย่างไร ราวกับว่ามันถูกวาดขึ้นมาเองด้วยซ้ำ
“นี่คือสิ่งที่เราเรียกว่าลายหน้าผี” กู่ชิงเอ่ยอย่างตื่นเต้น
“โดยธรรมชาติแล้ว ตาไม้จะเกิดขึ้นในระหว่างการเจริญของต้นไม้ ไม้ฮวงหัวลี่นั้นเจริญเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย ดังนั้นมันจึงเป็นพืชที่เติบโตอย่างช้า ๆ แล้วถึงจะค่อย ๆ แตกกิ่งก้านสาขาออกไป และมันก็เป็นเพราะเหตุผลนี้เช่นกัน ที่ทำให้เมล็ดพันธุ์ของมันมักจะบิดเบี้ยวและดูค่อนข้างผิดธรรมชาติ ซึ่งสิ่งนี้เพิ่มแนวโน้มในการจะเกิดหน้าผีบนต้น และยิ่งหนามากเท่าไหร่ก็จะยิ่งราคาสูงมากเท่านั้น แต่…นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นลายหน้าผีที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ทั้งยังดูเหมือนจริงเช่นนี้ครั้งแรก”
ทั้งสามเเงียบสนิท อาร์ทิสและฉินเย่ต่างมองไปที่กู่ชิงอย่างไม่ละสายตา รอฟังข้อสรุปสุดท้ายของเรื่องนี้อย่างใจจดใจจ่อ
กู่ชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ต้นไม้พวกนี้ดูเหมือนจะมีลักษณะเฉพาะทั้งหมดของไม้ฮวงหัวลี่สายพันธุ์ไหหลำ ผมมีความมั่นใจมากกว่า 90% ว่ามันคือไม้ฮวงหัวลี่สายพันธุ์ไหหลำอย่างแน่นอน! อันที่จริง ถ้าไม่ใช่เพราะมันดูแปลกประหลาดมากเกินไป ผมคงจะยืนยันออกไปทันทีแล้วว่านี่คือไม้หายากที่มีชื่อว่าไม้ฮวงหัวลี่สายพันธุ์ไหหลำ! ไม้พะยูงหอมที่เป็นที่ต้องการของผู้คนทั่วทั้งแผ่นดินจีน!”
ริมฝีปากของฉินเย่สั่นระริก “ข้าให้เวลาท่านสามวินาทีในการคิดอีกที…”
กู่ชิงเงียบไป จากนั้นก็กระแอมแห้ง ๆ “ถ้าอย่างนั้น…ผมยืนยันว่ามันคือไม้ฮวงหัวลี่สายพันธุ์ไหหลำ”
“นี่คือไม้ฮวงหัวลี่สายพันธุ์ไหหลำที่มีลายหน้าผีที่ดูเหมือนจริงอย่างไม่สามารถหาที่เปรียบได้…ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงลำต้น ผมสามารถรับรองได้เลยด้วยซ้ำว่าแค่ราคาของตอไม้เพียงอย่างเดียวก็สามารถเทียบได้กับราคาของทั้งต้นแล้ว!”
ฉินเย่รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกจากอก!
เงินหมื่นล้าน…
เขาเข้าใจผิด เข้าใจผิดมาโดยตลอด! เขาไม่ได้เริ่มต้นโดยไม่มีอะไรเลย ในความเป็นจริง มันคงไม่มีจุดเริ่มต้นไหนที่สมบูรณ์แบบไปมากกว่านี้แล้ว สำหรับการสร้างยมโลกขึ้นมาใหม่!
“การสร้างสรรค์ผลงานของธรรมชาติ…นั้นอยู่เหนือจินตนาการอย่างแท้จริง…” เด็กหนุ่มเอ่ยออกมาขณะที่มองไปยังต้นเม..ไม่! ต้นเมเปิ้ลแดงบ้าอะไร?! รู้แล้วไม่ใช่หรือว่านี่คือไม้ฮวงหัวลี่สายพันธุ์ไหหลำ ไม้ที่นับว่าเป็นสายพันธุ์หายากเนื่องจากการถูกใช้งานเกินจำกัดก่อนหน้านี้ และตอนนี้ทางรัฐบาลก็ได้ออกนโยบายในการจำกัดปริมาณการซื้อขาย เพราะสุดท้ายแล้ว ปริมาณการซื้อขายที่มากเกินไป ย่อมหมายถึงการตัดไม้มากเกินกว่าที่มันจะสามารถฟื้นตัวได้ แต่…ตลาดที่มีความต้องการไม้พวกนี้มากจะสนใจเรื่องพวกนี้อย่างนั้นหรือ?
ไม้ฮวงหัวลี่นั้นถูกรู้จักกันในหลายชื่อ เช่น หนึ่งในสี่พันธุ์ไม้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด หรือทองคำในป่าใหญ่ มีไม้เพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่สามารถทำเงินได้ดีกว่ามัน และไม้ชนิดนั้นก็คือไม้จันทน์แดง จากเท่าที่เขาสามารถจำได้ เตียงไม้สไตล์คลาสสิกที่ทำมาจากไม้ฮวงหัวลี่นั้นสามารถทำราคาได้สูงถึง 16 หยวน ในขณะที่ชุดเก้าอี้สองตัวมีมูลค่าสูงถึง 8 ล้านหยวน เหตุผลเดียวที่อธิบายว่าทำไมเครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยซึ่งทำมาจากไม้ฮวงหัวลี่ถึงสามารถพบเห็นได้ยากตามท้องตลาด ก็เพราะว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะหาไม้ดิบขนาดใหญ่ของไม้พันธุ์นี้ได้ตามท้องตลาดทั่วไป เขาสามารถพูดได้เลยว่าจำนวนไม้ฮวงหัวลี่ที่เขามีในครอบครองนั้น เพียงพอที่จะส่งผลกระทบต่อราคาในท้องตลาดได้แน่!
แม้แต่ผู้ประกอบการอย่างหวงเลี่ยงชวน ก็อาจทำได้เพียงแค่ขอร้อง แต่ก็ไม่สามารถซื้อไม้พวกนื้ได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียวเลยก็ได้? เมื่ออยู่ในมือของช่างฝีมือที่ถูกคน ไม่ว่าบริษัทใด ๆ ที่ได้ไม้ฮวงหัวลี่พวกนี้ไป ก็สามารถผลักดันตัวเองจนสามารถเรียกลูกค้ามหาเศรษฐีทั้งหลายได้อย่างง่ายดาย! ป่าของเราเป็นเหมือนกุญแจที่สามารถปลดล็อกอนาคตที่ไม่สามารถประเมินค่าได้สำหรับบริษัทเหล่านี้! ผู้ใดที่สามารถเข้าถึงแหล่งไม้ของเขาได้จะสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองได้ทั้งชีวิต!
และเขา ในอีกด้านหนึ่ง ก็จะได้กำไรมหาศาลจากความต้องการไม้พวกนี้ในฐานะของผู้ขาย ทั้งหมดที่เขาต้องทำมีเพียงสร้างระบบเงินตราในยมโลกก่อนที่แหล่งทำเงินของเขาจะร่วงโรยไป และจากนั้น มันจึงจะสามารถบอกได้ว่ายมโลกได้หลุดพ้นจากสถานการณ์เลวร้ายไปแล้วอย่างแท้จริง เมื่อเวลานั้น ยมโลกก็จะสามารถพึ่งพาตัวเองได้เสียที
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ไม้พวกนี้เป็นกุญแจสำหรับการฝ่าออกไปจากวงจรแห่งความยากจนของยมโลก!
“นายท่านฉิน ด้วยจำนวนไม้ที่มากขนาดนี้ จะต้องสามารถขับเคลื่อนระดับตลาดของตกแต่งบ้านได้อย่างแน่นอน!” กู่ชิงสรุป “ส่วนจะทำอย่างไรนั้น ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับดุลพินิจของท่านแต่เพียงผู้เดียว”
ฉินเย่สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบจิตใจของตัวเอง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังก้องไปทั่วทุกมุมของยมโลก “พนักงานทุกตนของบริษัทก่อสร้างหยินทั้งหมดจงหยุดงานที่ตนทำอยู่ ณ บัดนี้ หัวหน้าแผนกทั้ง 7 หวงเลี่ยงชวนและกลุ่มสนับสนุนตะวันสีชาดทั้งหมดจงไปที่ห้องโถง เพื่อร่วมการประชุมครั้งที่สองของบริษัทก่อสร้างหยิน”
สิ้นสุดเสียงพูด เขาก็เดินนำกู่ชิงไปที่ประตูนรกทันที
เวลามักจะผ่านไปอย่างเชื่องช้า เมื่อใดก็ตามที่จิตใจของคุณเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและกระวนกระวาย การเดินเพียง 20 นาทีของฉินเย่ให้ความรู้สึกราวกับผ่านไปทั่ววัน และเมื่อเขาไปถึงที่ห้องโถง ทุกคนต่างจ้องมองมาที่เขาด้วยความหวาดกลัว
“เชิญ” ฉินเย่ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมาพูดเรื่องไร้สาระ เขาผายมือเชิญทั้งหมดนั่งลง วิญญาณ 5 ตนยืนอยู่ด้านหลัง พร้อมกับปากกาและกระดาษในมือ เตรียมพร้อมจดรายละเอียดของการประชุม
“นี่คืออธิบดีของหน่วยงานวางผังเมืองของจีน ผู้อาวุโสกู่ชิง ก่อนหน้านี้เขาเคยได้มีส่วนร่วมในการวางแผนและออกแบบโครงการในแอฟริกา รวมถึงการก่อสร้างในเขตพิเศษของจีน ด้วยประสบการณ์หลายสิบปีในการวางผังเมืองและการก่อสร้าง เขาจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็น CEO ตนแรกของบริษัทก่อสร้างหยิน และเขาจะเป็นผู้ดูแลเรื่องทั้งหมดในตอนที่ข้าไม่อยู่”
ไม่มีผู้ใดปฏิเสธ
เพราะไม่มีผู้ใดกล้าปฏิเสธ
นี่เป็นผลจากการปกครองโดยกฎเหล็กและวิธีการที่เลือดเย็นของเขาก่อนหน้านี้ ฉินเย่พยักหน้าพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึก ๆ “พวกเราสามารถแก้ปัญหาใหญ่ที่ชะลอการพัฒนาของยมโลก ซึ่งก็คือเรื่องการเงินและทรัพยากรได้แล้ว”
ถึงแม้ว่าเขาจะฝึกพูดสิ่งที่ต้องการจะพูดอยู่ภายในใจหลายครั้ง แต่ฉินเย่ก็ยังรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาเต้นถี่รัวขึ้น “เมื่อครู่นี้ ผู้อาวุโสกู่ได้ตรวจสอบแล้วว่าต้นไม้ที่อยู่ข้างนอกทั้งหมดคือไม้ฮวงหัวลี่สายพันธุ์ไหหลำ”
“ว่าไงนะ?!” “นี่…ท่านฉิน ท่านจะต้องล้อเล่นเป็นแน่!” “ป่านผืนนั้นน่ะหรือ? ไม้ฮวงหัวลี่?!” “ป่าใหญ่นั่นที่แท้ก็คือทองคำเองหรือนี่?!” “ไม่น่าเชื่อ…ไม้ที่พวกเราตัดมันทุกวัน! มันคือไม้ฮวงหัวลี่จริง ๆ น่ะหรือ?”
ทั่วทั้งโถงประชุมถูกปกคลุมไปด้วยความตื่นเต้นทันทีที่ฉินเย่ทิ้งระเบิดลง!
พวกเขาทั้งหมดต่างอยู่ในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ไม่สิ ต่อให้พวกเขาจะไม่อยู่ แต่ชื่อเสียงของไม้ฮวงหัวลี่นั่นแพร่หลายไปทั่วอยู่แล้ว!
มูลค่าของมันพุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาลเมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ตันละหลายสิบล้านหยวน ไม่มีผู้ใดกล้า แม้แต่จะคิดถึงความเป็นไปได้ที่ว่าไม้ชนิดนี้จะเป็นไม้ฮวงหัวลี่เลยสักนิด และพวกเขาก็ไม่รู้ถึงลักษณะของพันธุ์ไม้พวกนี้เช่นกัน เพราะสุดท้ายแล้ว สมาชิกส่วนใหญ่ของบริษัทก่อสร้างหยินก็เป็นเพียงพนักงานธรรมดา แล้วพวกเขาจะไปเคยเห็นหรือเคยได้กลิ่นหอมของไม้ฮวงหัวลี่ในชีวิตจริงได้อย่างไร?
แม้ว่าจะมีวิญญาณตนอื่นที่เป็นคนระดับสูงพอจะรู้จักมันอยู่บ้าง แต่ว่าพวกเขาไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งในพื้นที่พื้นที่ก่อสร้าง ดังนั้นจะเป็นมีใครรู้จักว่าต้นไม้เหล่านั้นเป็นต้นอะไรกันแน่ได้อย่างไร?
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมไม้ฮวงหัวลี่ จึงไม่ถูกระบุสายพันธุ์มาจนถึงตอนนี้
“นี่คือ…ไม้ฮวงหัวลี่จริง ๆ น่ะหรือ?” หางตาของหวงเลี่ยงชวนกระตุกอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ขณะที่เขาพยายามบังคับตัวเองไม่ให้ลุกขึ้นยืน ก่อนหน้านี้เขาเองก็สงสัยอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขานึกถึงตอนที่ตัวเองเคยเอนหลังพิงกับต้นไม้เหล่านั้นเพื่อพักผ่อน เขาก็เคยสงสัยว่าทำไมกลิ่นของมันจึงทั้งหอมและผ่อนคลายนัก!
ให้ตายเถอะ…พอคิดว่าวิญญาณนับแสนต่างอาศัยร่มเงาและเอนกายพิงต้นไม้พวกนี้ทุกวัน….
“นั่นเยี่ยมไปเลย!” หูเฟิงได้สติกลับมาเป็นตนแรก เขาลุกขึ้นยืนและประสานกำปั้นและฝ่ามือให้กับฉินเย่ “นายท่าน เรามีต้นไม้เกินกว่าพันต้นไปแล้ว! ไหนจะกิ่งก้านอีกหลายพันตันด้วยนั่นด้วย! ด้วยกิ่งก้านพวกนี้ เราสามารถสร้างวัสดุขนาดเล็กอย่างเช่นกำไร สร้อยคอ จี้ ประติมากรรมขนาดเล็กหรือเครื่องประดับชิ้นเล็กอื่น ๆ ได้ แค่เพียงเท่านี้…ก็ทำให้ยมโลกของพวกเรารวยเละแล้ว!!!”
เฉียนเทียนอี้ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงและลุกยืนขึ้นก่อนจะทำเช่นเดียวกันกับหูเฟิง “นายท่าน ผมจะไม่โกหกท่านแต่อย่างใด ก่อนหน้านี้พวกเราได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการขาดเงินทุก ดังนั้นสิ่งนี้จะทำให้เราได้กางปีกและโบยบินได้อย่างแท้จริง การอัดฉีดเงินทุนคือทุกอย่าง! นายท่าน ผมรับรองได้เลยว่าภายใต้การชี้แนะของท่านและผู้อาวุโสกู่ เราจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับยมโลกได้ภายในระยะเวลาเพียงสิบปี!”
ซ่งหมิงมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยหางตาที่ยังกระตุกไม่หยุด “ไม้หลายพันตัน…เรากำลังพูดถึงเงินกว่าหมื่นล้านหยวน…ก่อนหน้านี้ พวกเราต่างเป็นกังวลว่าเมื่อใดสวนจี้ชั่งระยะแรกจะเสร็จสมบูรณ์ได้เสียที ไหนจะสวนจี้ชั่งส่วนระยะที่สองก็ดูจะไม่มีกำหนดว่าจะเริ่มเลยด้วยซ้ำ เหล่าประชาชนเองก็ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง พวกเราต่างกลัวว่าวันหนึ่งพวกเขาจะก่อกบฏ แต่ตอนนี้….”
เหล่าหัวหน้าแผนกต่างสบตากันอย่างมีนัยยะและเอ่ยออกมาอย่างดีใจ “แม้แต่การพัฒนาสวนจี้ชั่งระยะ 3 ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป!”
“พวกเรามีกำลังพลเพียงพอ! ทั้งหมดที่เราต้องการตอนนี้มีเพียงทรัพยากร!”
“และเมื่อมีทรัพยากร การพัฒนาพื้นที่ขนาดห้าตารางกิโลเมตรก็นับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่!”
“แบบนี้ บริษัทก่อสร้างหยินก็จะไม่เป็นเพียงองค์กรแค่ในนามอีกต่อไป!”
เสียงพูดคุยอย่างตื่นเต้นดังก้องไปทั่วห้อง เหล่าผู้จดบันทึกการประชุมเองก็เริ่มจดการพูดคุยของพวกเขาอย่างกระตือรือร้น แววตาของหัวหน้าแผนกทั้ง 7 ต่างลุกโชนด้วยไฟแห่งความมุ่งมั่น การก่อสร้างในยมโลกจะลำบากมากมาโดยตลอด…เครื่องจักรเพียงสองเครื่อง กับหัวหน้าคนงาน 7 และคนงาน 2 หมื่นตน ด้วยเครื่องมือที่มีจำกัดทำให้ ในพื้นที่ก่อสร้างแห่งหนึ่งสามารถมีวิญญาณทำงานได้เพียงสิบกว่าตนเท่านั้น ส่วนวิญญาณที่เหลืออีก 1.9 หมื่นตนก็ทำได้เพียงยืนดูเฉย ๆ คอยให้กำลังใจเพื่อนร่วมงานของตนเท่านั้น
มันไม่เพียงทำลายความมั่นใจเท่านั้น แต่มันยังทำลายศีลธรรมอีกด้วย อันที่จริงมันยังก่อความไม่พอใจขึ้นด้วยซ้ำ แต่พวกเขาเพียงไม่กล้ารายงานเรื่องนี้ให้ฉินเย่ได้ทราบ
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีกต่อไป
ด้วยเงินกว่าหมื่นล้านที่อยู่ภายใต้จมูก ในที่สุดพวกเขาสามารถเชิดหน้าขึ้นและตะโกนออกไปได้อย่างเต็มเสียงว่า ‘ตั้งใจทำงาน! ผู้ใดก็ตามที่ทำงานไม่เสร็จภายในคืนนี้จงลืมเรื่องการกลับชาติไปเกิดใหม่ไปได้เลย!’
และนั่นก็คือสิ่งที่หัวหน้าแผนกควรทำ…
“เงียบ” ฉินเย่เองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน แต่เขาจำต้องรักษาระยะห่างและท่าทีเย็นชาของตัวเองเอาไว้ เด็กหนุ่มกระแอมออกมาเบา ๆ และทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง มีเพียงเสียงหายใจที่ติดขัดเท่านั้นที่ดังขึ้นให้ได้ยิน คนทั้งหมดไปที่ฉินเย่ด้วยนัยน์ตาสีแดงก่ำ
ฉินเย่ผงะไป กู่ชิงแย้มยิ้มขณะที่โน้มตัวไปหาอีกฝ่ายและกระซิบเบา ๆ “ท่านฉิน…นายท่าน นี่เป็นนิสัยที่พวกเขาได้มาจากการทำงานในแดนมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่ใหญ่มากเพียงใด ทรัพยากรย่อมได้รับความสำคัญเป็นอันดับแรก ท่านสามารถคิดได้ว่าความต้องการทรัพยากรของพวกเขาในตอนนี้เป็นเพียงสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงสัญชาตญาณในการทำงานของพวกเขาเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตก็ได้”
ฉินเย่แย้มยิ้มออกมาในที่สุด
ใช่แล้ว…มันคือสิ่งที่บริษัทก่อสร้างควรจะเป็น
ก่อนหน้านี้ไม่ง่ายเลยกว่าเขาได้นำเครื่องจักรก่อสร้างมาไว้ในมือได้ และกลุ่มวิญญาณตรงหน้าก็ได้ให้คำสัญญากับเขาอย่างหนักแน่น แต่…มีใครมาแย่งเครื่องจักรไปหรือไม่?
ไม่มี
เพราะทุกคนรู้ว่าผลประโยชน์ที่จะได้รับนั้นเล็กน้อยเท่าน้ำหยดหนึ่ง
แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว
การพัฒนาของยมโลกจะดำเนินไปอย่างเหมาะด้วยการอัดฉีดเงินทุนอย่างต่อเนื่อง นกที่ออกไปหาอาหารแต่เช้ามักจะได้หนอนตัวอ้วน! ส่วนพวกที่ชักช้าก็จะได้รับเพียงเศษซากที่เหลือจากผู้อื่น!
“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน พวกเราจะให้ผู้อาวุโสกู่ดูภาพวาดออกแบบอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าเขามีคุณสมบัติมากกว่าผู้ที่ออกแบบภาพพวกนี้เสียด้วยซ้ำ สิ่งสำคัญในตอนนี้ก็คือ…” ฉินเย่เงียบไป สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมกว่าเดิม “เราจะนำสินค้าพวกนี้เข้าสู่ตลาดได้อย่างไร?”
วิญญาณทั้งหมดเงียบลงไปในทันที
นี่ไม่ใช่เรื่องถนัดของเหล่าหัวหน้าก่อสร้างเลยสักนิด
อย่างไรก็ตาม มันกลับเป็นเรื่องถนัดของวิญญาณอีกตนหนึ่ง
ดวงตาของหวงเลี่ยงชวนเป็นประกายขึ้น ชื่อเสียงในฐานะของเจ้าสัวอุตสาหกรรมกระจกไม่ใช่สิ่งที่ได้มาโดยโชคช่วย บางทีอาจจะมีคนอื่นที่เก่งกว่าเขาในอุตสาหกรรมกระจก แต่เมื่อเป็นเรื่องของการตลาด เขาไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน!
“นายท่าน…” หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นอย่างรวดเร็ว ในที่สุดโอกาสของเขาก็มาถึง นี่คือโอกาสในการสร้างความประทับใจให้กับฉินเย่ ใครก็ตามที่ประสบความสำเร็จจะสามารถก้าวขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดได้อย่างแน่นอน!
เขารู้ดีว่าก่อนหน้านี้เขาได้ลูบคมของฉินเย่ไป และเขาพยายามหาทางแก้ตัวมาโดยตลอด ดูเหมือนว่าตอนนี้จะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะทำเช่นนั้น
เขาไม่ได้ต้องการที่จะโอ้อวดเรื่องพวกนี้ แต่เมื่อเป็นเรื่องของธุรกิจ โดยเฉพาะวิธีการสร้างธุรกิจ ทุกคนนอกจากประธานฉินและเขาล้วนเป็นเพียงพวกไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น….
“หืม?” ฉินเย่แย้มยิ้มบางและหันไปหาหวงเลี่ยงชวนก่อนจะถามว่า “เจ้ามีความคิดอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“ถ้าการเสนอความคิดของผมจะพอเป็นประโยชน์” หวงเลี่ยงชวนกระแอมออกมาเบา ๆขณะที่เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อข่มหางที่กำลังจะกระดิกไปมาของตัวเอง “ผมคิดว่าเราควรควบคุมปริมาณสินค้า และเลือกคู่ค้าเฉพาะกลุ่มเท่านั้น”
เขารู้ที่ของตัวเอง ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ควรแสดงตนว่าฉลาดต่อหน้าเจ้านาย
ดังนั้นหวงเลี่ยงชวนจึงอธิบายทันทีว่า “พวกเราควรจะควบคุมปริมาณสินค้าให้แน่นอนเนื่องจากไม้ฮวงหัวลี่ในตอนนี้ ได้กลายเป็นไม้มีค่าและหายากมาก การปล่อยสินค้ามากเกินไปอาจทำให้เราดึงความสนใจของพวกผู้ตรวจสอบตลาด และมันอาจจะเป็นปัญหาได้ในภายหลัง ถึงแม้ว่าเราจะสามารถอธิบายที่มาที่ไปของสินค้าได้ แต่ตัวตนของเราไม่สามารถรอดพ้นจากการตรวจสอบของรัฐบาลได้ มันจะเป็นการดีกว่าที่จะระมัดระวังเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่แรก”
[1] เซียอี้ (写意) หมายความว่า “ด้วยมือเปล่า” หนึ่งในเทคนิคการวาดรูปด้วยพู่กันจีน ไม่ได้หมายถึงการวาดรูปด้วยมือเปล่าจริง ๆ ลายเส้นจะมีความยืดหยุ่นกว่ามากกว่าอีกแบบ มักใช้วาดวิวทิวทัศน์