ฉันนี่แหละจ้าวนรก - บทที่ 246 ตัวเลือก
บทที่ 246: ตัวเลือก
สการ์เล็ต 01 รู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสที่แผ่ซ่านมาจากขาของตนราวกับกระแสฟ้า
มันเป็นความเจ็บปวดที่คมชัด แทบจะเหมือนกับตอนที่ท่านอิซานามิใช้วิชาเปลี่ยนให้เขากลายเป็นเป็นยมทูตญี่ปุ่นในตอนนั้นไม่มีผิด มันคือความเจ็บปวดที่เกินจะต้านทาน แม้แต่สำหรับวิญญาณร้ายอย่างเขาเองก็ตาม มันรู้สึกไม่ต่างอะไรกับการถูกเนรเทศไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของขุมนรกแห่งการลงทัณฑ์ทั้ง 18 เลยสักนิด ไม่กี่วินาทีต่อมา เขากอดขาตัวเองแน่ กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและตกลงมาจากกลางอากาศ
ทาดายูกิ โดจินซัง จินโกะซังและอิวาซาต่างตกตะลึง
เมื่อครู่นี้ จู่ ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นภายในห้องเก็บสินค้า ตามมาด้วยการแพร่กระจายของพลังหยินจำนวนมหาศาล จากนั้น ร่าง ๆ หนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ตกลงมาบนพื้น และกระแทกเข้ากับตัวเรืออย่างแรง นอกจากนี้มันยังมีคลื่นกระแทกขนาดเล็กที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าที่กระจายตัวออกมาอีกด้วย
นี่ไม่ใช่มนุษย์
ร่างของมันมีดูเหมือนจะมีพลังหยินแผ่ออกมา ดวงตาสีแดงดวงหนึ่งบนกลางอกซึ่งตอนนี้บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั้งร่าง อีกฝ่ายจับขาของตัวเองแน่น กรีดร้องออกมาอย่างโหยหวนขณะที่กลิ้งไปมาบนพื้น
“ยมทูตตนนี้กำลังได้รับบาดเจ็บสาหัส กฎที่ปกป้องเขาไว้จากสายตาของมนุษย์ได้สลายไป นี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกเจ้าถึงสามารถมองเห็นเขาได้ในตอนนี้” น้ำเสียงที่คุ้นเคยอธิบายให้กับคนทั้งหมดฟัง เมื่อทุกคนเงยหน้าขึ้นไปบนมอง คนทั้งสี่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
มันยังคงเป็นยมทูตผมสีเขียวหยกและถือไม้ขกสังปั๊งตนเดิม เขาค่อย ๆ ลอยลงมาที่พื้นพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของดวงวิญญาณนับหมื่นตน
ทุกอย่างจบลงแล้ว
โดจินซัง จินโกะซังและทาดายูกิแทบจะไม่เชื่อสายตาของตนเอง
จบแบบนี้เลยเนี่ยนะ ?!
พวกเขารู้ดีว่าศัตรูที่มองไม่เห็นของพวกเขานั้นแข็งแกร่งเพียงใด เพราะพวกเขาแทบจะไม่สามารถป้องกันการโจมตีของอีกฝ่ายได้เลย และพวกเขาก็ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้ใช้ไพ่ตายของตัวเอง ‘แสงจันทร์เดือนหงาย’ ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ยมทูตจีนตนนี้กลับใช้เวลาไม่ถึงห้านาที…
เขาทำได้อย่างไร ?
ในขณะเดียวกัน หัวหน้าใหญ่ชูที่นอนหลับไปก่อนหน้านี้ก็ค่อย ๆ ตื่นขึ้นหลังจากที่ได้ยินเสียงกระแทกที่ดังลั่น เปลือกตาของเขาสั่นระริกเล็กน้อยขณะที่เขาลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ
ไม่มีใครในห้องเก็บสินค้ารับรู้เลยว่าหัวหน้าใหญ่ชูได้ตื่นขึ้นจากการหลับใหลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากพูดกันตามตรง ฉินเย่ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนอื่น ๆ จะมองเขาอย่างไร ด้วยการถือขุมพลังที่แข็งแกร่งอย่างหมิงชีหยินไว้ในมือ เขาค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้สการ์เล็ต 01 และแค่นหัวเราะออกมาอย่างโหดเหี้ยม
จากนั้น หมิงชีหยินก็ฟาดลงไปอีกครั้ง
และครั้งนี้ แขนทั้งสองข้างของสการ์เล็ต 01 ขาดหายไป
“อ๊ากกกก !!” พลังหยินที่อยู่ในร่างของสการ์เล็ต 01 รั่วไหลออกมาจนเกือบหมด และร่างของชายที่แต่งกายคล้ายกับนินจาก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของทุกคน เส้นเลือดฝอยสีดำมากมายปรากฏขึ้นในจุดที่แขนและขาของเขาขาดหายไป ในขณะที่ใบหน้าของเขาซีดเผือดและมีรอยฟกช้ำราวกับคนตายให้เห็นอยู่ทั่วร่าง
ความเจ็บปวดอันรุนแรงทำให้ร่างของเขากลิ้งไปมาบนพื้นไม่หยุด ยมทูตญี่ปุ่นกระแทกศีรษะของตนลงกับพื้นขณะที่กรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวช สภาพที่น่าสะพรึงกลัวของร่างตรงหน้าทำให้มนุษย์ทั้งสี่ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
“เจ็บหรือไม่ ?” ฉินเย่เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายและเตะร่างตรงหน้าอย่างแรง “ข้าเดาว่าเหล่ามนุษย์ที่อยู่ที่สถานีตงไห่เหนือเองก็คงร้องของความเมตตาจากเจ้าเช่นกัน ใช่หรือไม่ ?”
“แต่เจ้าก็ยังคงทำมันลงไป ว่าอย่างไร… เจ้าชอบของตอบแทนที่ข้ามอบให้หรือไม่ ?”
“อึก… แฮ่ก…” สการ์เล็ต 01 สูดหายใจเข้าช้า ๆ เส้นเลือดฝอยมากมายลามมาถึงบนใบหน้าของเขา จากนั้น ด้วยฟันที่กัดแน่น เขาอ้อนวอนออกมาเสียงสั่น “พะ พวกเราทั้งคู่ต่างก็เป็นยมทูต… พะ เพราะฉะนั้น… ชะ ช่วยจบสภาพอันน่าสังเวช… ของข้าไปเสียที…”
“เกรงว่าจะไม่ได้” ฉินเย่แสยะยิ้มขณะที่เหยียบลงไปบนอกของสการ์เล็ต 01 อย่างแรง “เรากำลังพูดถึงชีวิตคนบริสุทธิ์ 70 ชีวิต เจ้าทำกับพวกเขาเช่นนั้นได้อย่างไร ?”
“เพราะฉะนั้น ข้าได้เตรียมสถานที่อันแสนพิเศษไว้ให้เจ้าแล้ว” ฉินเย่หันไปหากระจกโบราณ “ท่านหมิง”
“เฮอะ…” น้ำเสียงที่หยิ่งทะนงดังกลับมา หมิงชีหยินพยายามแสดงให้เด็กหนุ่มเห็นว่าตนกำลังอารมณ์ไม่ดี พื้นผิวของกระจกทั้งหมดกลายเป็นสีดำในขณะที่ข้อความสีแดงเลือดปรากฏขึ้น “ไสหัวไป ไสหัวไป ไสหัวไป ไสหัวไป”
“ช่วยให้ความร่วมมือด้วย” ฉินเย่กัดฟันกรอดและกลอกตา “ว่าที่จ้าวนรกองค์ถัดไปเพิ่งเปิดตัวบนเวทีเป็นครั้งแรกนะ ท่านช่วยไว้หน้าข้าบ้าง”
หมิงชีหยินเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุด ท่ามกลางความเงียบที่น่าอึดอัด แสงสีขาวก็เริ่มสว่างออกมาจากกระจก ห่อหุ้มร่างของสการ์เล็ต 01 เอาไว้ทั้งร่าง ฝ่ายตรงข้ามแน่นิ่งไป และเส้นเลือดฝอยบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ หายไป
“จะ เจ้า… เจ้าคือ….” เขาอ้าปากค้างขณะที่จ้องหมิงชีหยินอย่างหวาดกลัว “กระจกส่องกรรม… เจ้าคือกระจกส่องกรรม… !”
“เจ้ารู้มากเกินไป” ฉินเย่เอ่ยแทรกขึ้นเสียงเรียบ “เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับของขวัญที่เจ้าได้เตรียมไว้ให้ ข้าขอเชิญเจ้าไปที่ยมโลกของเราด้วยความจริงใจ และเจ้าจะได้เพลิดเพลินไปกับขุมนรกแห่งการลงทัณฑ์ทั้ง 18 ของเราไปตลอดนิรันกาล”
“เจ้าจะต้องชอบมันอย่างแน่นอน สหายที่รัก”
“ไม่นะ… ไม่ !” สการ์เล็ต 01 กรีดร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง “ปล่อยข้าไปเถอะ ! ได้โปรด ปล่อยข้าไป ! ข้ายอมทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการ !”
“แต่ได้โปรด… อย่าส่งข้าไปที่ขุมนรกแห่งการลงทัณฑ์ทั้ง 18 ! ข้าขอร้อง !”
เขารู้ถึงชื่อเสียงความยิ่งใหญ่ของขุมนรกแห่งการลงทัณฑ์ทั้ง 18 เป็นอย่างดี !
ฉินเย่ผงะไปเล็กน้อย แต่เขาก็กลับมาได้สติอย่างรวดเร็ว จากนั้น เมื่อมองชายทั้งสี่ที่กำลังตกตะลึงเป็นอย่างมาก ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาภายในหัวของเขาก็อย่างรวดเร็ว
“สองคำถาม” เขาชูนิ้วขึ้นสองนิ้ว ภายใต้อิทธิพลจากลำแสงสีขาวของหมิงชีหยิน ร่างของสการ์เล็ต 01 ดูเลือนรางเป็นอย่างมาก มันแทบจะเหมือนกับว่าเขากลายเป็นเพียงเศษเสี้ยวพลังหยินเท่านั้น จากนั้นสการ์เล็ต 01 ก็พบว่าร่างของตนถูกดึงเข้าหากระจกตรงหน้าเรื่อย ๆ
“คำถามข้อแรก อิซานามิได้แต่ตั้งให้ใครเป็นผู้สั่งการกองทัพที่ช่องแคบสึชิมะ ?”
สการ์เล็ต 01 ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และในเวลานั้นเอง แสงที่แผ่ออกมาจากผิวหน้าของกระจกก็สว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว และยมทูตญี่ปุ่นก็พบว่าร่างกายครึ่งล่างของเขาถูกดูดเข้าไปในกระจกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พูดแล้ว ! ข้าพูดแล้ว !” สการ์เล็ต 01 กรีดร้องและรีบเอ่ยตอบโดยไม่ลังเลอีกต่อไป “อะซะอิ นะงะมะซะ… ท่านอะซะอิ นะงะมะซะ !!”
ฉินเย่พยักหน้า “คำถามข้อที่สอง อิซานามิต้องการดวงวิญญาณของโอดะโนบูนางะไปเพื่ออะไร ?”
หลังจากที่ได้รับบทเรียน สการ์เล็ต 01 ก็ไม่มีความลังเลอีกต่อไป แต่ขณะที่เขากำลังจะพูด จู่ ๆ ก็มีเสียงกระซิบดังขึ้นภายในหู “พูดตามที่ข้าบอก”
“เอ่ยออกไป อิซานามิต้องการที่จะทำให้เกิดสงครามระหว่างแคว้นขึ้นอีกครั้ง และเป้าหมายแรกของนางก็คือเกาหลี”
สการ์เล็ต 01 แน่นิ่งไป
เขาเข้าใจทันทีว่าเป้าหมายของฉินเย่คืออะไร
ลมหายใจของเขาเริ่มติดขัดขณะที่มองไปยังทาดายูกิ ริมฝีปากของเขาสั่นเทา แต่ทว่าเขากลับไม่สามารถเอ่ยอะไรออกไปได้
เพราะมันจะหมายความว่ายมโลกของญี่ปุ่นต้องการจะประกาศสงครามกับทุกฝ่ายที่อยู่โดยรอบ
และนั่นก็คือสิ่งที่ฉินเย่ต้องการ
สงครามระหว่างโลกใต้พิภพนั้นเกี่ยวข้องกับแดนมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และวิญญาณร้ายจากเกาหลีก็จะต้องหลั่งไหลเข้ามาที่ญี่ปุ่นทันทีที่สงครามเกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่องเมียวจิและภูเขาโคยะไม่ต้องการที่จะเห็น ดังนั้นคำพูดพวกนี้จะต้องทำให้ท่านอิซานามิเป็นศัตรูกับพวกเขาอย่างแน่นอน
เขาพูดไม่ได้ อย่างน้อยเขาก็พูดมันออกมาที่นี่ไม่ได้ การบอกเรื่องของอะซะอิ นะงะมะซะเมื่อครู่นี้ไม่ได้ส่งผลเสียอะไร เพราะกองกำลังหลังของเมืองใต้พิภพก็ไม่ใช่สิ่งที่องเมียวจิจะสามารถต้านทานได้อยู่แล้ว แต่ความหมายของประโยคที่ฉินเย่ให้เขาพูดออกไปมันกว้างมาก
ฉินเย่แย้มยิ้มบาง แววตาของเขาวาวขึ้น นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจที่จะยั้งมือเอาไว้แทนที่จะสังหารอีกฝ่ายโดยตรง
นี่คือการแสดงความแข็งแกร่ง ในฐานะของฝ่ายที่อ่อนแอที่สุด ฉินเย่จะต้องใช้ทุกโอกาสที่เขามีในการรวบรวมกองกำลังของตัวเอง และนี่ก็คือโอกาสทอง เพราะตราบใดที่เขาสามารถบีบบังคับให้ยมทูตญี่ปุ่นตรงหน้าเอ่ยอะไรแบบนั้นออกมาได้ เขาก็จะสามารถเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในชักชวนให้เหล่าองเมียวจีมายืนอยู่ฝั่งเดียวกันได้ถึง 90%
อันที่จริง เขาอาจสามารถชักชวนภูเขาโคยะให้มาร่วมมือกันได้ด้วยซ้ำ
วิธีการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดไม่จำเป็นจะต้องเป็นวิธีการที่ซับซ้อนที่สุด บางครั้ง พวกเขาแค่ต้องสรรหาคำพูดที่เหมาะสม พูดออกมาถูกที่ ถูกเวลา และถูกคน
เพราะอย่างไรแล้ว ทุกวิธีการบนโลกนี้ก็ถูกสร้างขึ้นมาจากพื้นฐานของเรื่องโกหกทั้งสิ้น
“ไม่ยอมให้ความร่วมมือหรือ ?” หมิงชีหยินได้ตัดสินใจที่จะเก็บความโกรธแค้นที่มีต่อฉินเย่ไว้ชั่วคราว มันหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “ดี เจ้าก็รู้ว่าข้าคือใคร ดังนั้นมันจึงมีวิธีอีกมากมายที่จะทำให้เจ้าเอ่ยมันออกมา !”
ดวงตาของสการ์เล็ต 01 เบิกกว้างขึ้นด้วยความหวาดกลัวเมื่อหมิงชีหยินเอ่ยจบ เขาได้ยินเสียงของตัวเองตอบออกไปแม้ว่าใจของเขาจะไม่ต้องการก็ตาม
อันที่จริง เสียงนั้นไม่ได้หลุดออกมาจากปากของเขาด้วยซ้ำ
แต่ถึงกระนั้น มันกลับชัดเจนและดังพอที่จะทำให้คนทั้งหมดได้ยิน “ท่านอิซานามิกำลังคิดที่จะทำให้เกิดสงครามระหว่างแคว้นขึ้นอีกครั้ง”
มันมีแม้กระทั่งการหยุดหายใจและการวรรคตอนระหว่างประโยค ต้องบอกเลยว่าการเลียนเสียงของสการ์เล็ต 01 ของหมิงชีหยินนั้นแม่นยำอย่างไม่น่าเชื่อ
ทันทีที่ได้ยิน ‘เสียงของสการ์เล็ต 01 ตอบ’ โดจินซังและจินโกะซังต่างก็เบิกตากว้างและลุกขึ้นยืน พร้อมกับฝ่ามือที่ประกบเข้าด้วยกัน พวกเขามองสการ์เล็ต 01 อย่างไม่อยากจะเชื่อ
นะ นี่… อิซานามิเสียสติไปแล้วหรือ ?!
นางคิดที่จะนำสงครามระหว่างแคว้นกลับมาได้อย่างไร ?!
นางมีความคิดที่อันตรายแบบนั้นได้อย่างไร ?! แม้แต่ยมโลกของจีนก็ไม่กล้าที่จะทำให้โลกตกอยู่ในความวุ่นวายแบบนั้น แล้วยมโลกของญี่ปุ่นมีสิทธิ์อะไร ? นี่นางรู้หรือเปล่าว่ามันหมายความว่าอย่างไร ? วิญญาณร้ายจากทั่วทุกมุมของโลกจะหลั่งไหลมาที่ญี่ปุ่นราวกับกระแสน้ำ ! ทั่วทั้งตะวันออกจะตกอยู่ในความโกลาหล !
แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
“ท่านโนบูนางะ… เป็นส่วนสำคัญของแผนการนี้ ท่านอิซานามิต้องการวิญญาณของเขาไปให้ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ทหารวิญญาณหลายล้านตนได้รวมตัวกันอยู่ที่ช่องแคบสึชิมะ เมื่อพวกเขาได้วิญญาณของท่านโนบูนางะไป ท่านอิซานามิเพียงเอ่ยปากสั่งเท่านั้นและกองกำลังทั้งหมดก็จะเข้าโจมตียมโลกของเกาหลีอย่างเต็มกำลังทันที ในไม่ช้า พวกเราจะได้ประสบความสำเร็จจากสิ่งที่ได้ทำพลาดมาตลอด 300 ปี !”
แม้แต่คาโม่ ทาดายูกิก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก
บ้า… พวกเขาบ้าไปแล้ว… !
“เป็นไปได้อย่างไร…” ทาดายูกิทรุดลงกับพื้น “บ้าไปแล้ว… วิญญาณในยมโลกพวกนั้นบ้าไปแล้ว… ยมโลกของญี่ปุ่นจะสามารถทำอะไรแบบนั้นได้อย่างไร ?”
รูม่านตาของสการ์เล็ต 01 ขยายออก ฉินเย่ต้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชาและเอ่ยออกมาโดยไร้เสียง ‘เจ้าหมดโอกาสแล้ว !’
ไม่นะ… ไม่ ! ไม่ !
สการ์เล็ต 01 อ้าปากค้างและพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดเพื่อเอ่ยประท้วง ‘ไม่ใช่นะ ! พวกเจ้าถูกหลอกแล้ว !’ แต่น่าเสียดาย หมิงชีหยินได้ขัดขวางความพยายามนั้นทันที แสงสีขาวสว่างขึ้นกว่าเก่าและร่างของสการ์เล็ต 01 ก็ถูกดูดเข้าไปในกระจกโบราณทันที
“นำเขากลับไปที่ยมโลก” ฉินเย่เอ่ยอย่างไรความปราณี “เมื่อขุมนรกแห่งการลงทัณฑ์ทั้ง 18 ถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้ง เราจะทำให้เขาได้ลิ้มรสถึงบทลงโทษที่แท้จริง และนี่ก็จะเป็นตัวอย่างให้กับผู้อื่นเช่นกัน”
“เราจะปล่อยให้การกระทำของเราประกาศให้ทั้งโลกได้รู้ว่าผู้ที่กล้ากระทำผิดจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต ! ข้าอาจจะเป็นจ้าวนรกมือใหม่ แต่กฎของยมโลกนั้นยังคงเดิมไม่เปลี่ยน !”
หมิงชีหยินเงียบไป
ฉินเย่เองก็ไม่ได้คาดหวังคำตอบจากอีกฝ่ายเช่นกัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียงตอบเบา ๆ “รับทราบ”
เด็กหนุ่มหันไปมองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องเล็กน้อยพวกนั้น
เพราะอย่างไรแล้ว นี่เป็นเพียงการเรียกน้ำย่อยเท่านั้น อาหารจานหลักกำลังจะตามมาในไม่ช้า
กลุ่มก้อนพลังหยินล้อมรอบร่างของฉินเย่อีกครั้ง หลังจากผ่านไปประมาณสิบนาที ฉินเย่ที่เปลี่ยนกลับเป็นร่างมนุษย์ก็ก้าวออกมาจากวังวนพลังหยินอีกครั้ง เขาเพียงมองไปรอบ ๆ นิ่ง ๆ แต่คนทั้งหมดเผลอก้าวถอยหลังกลับไปโดยไม่รู้ตัว
“ผมคงต้องรบกวนพวกคุณทั้งหมดให้ช่วยเก็บเรื่องตัวตนของผมเป็นความลับ ผมอาจจะเป็นยมทูตจีนตนเดียวที่พวกคุณเคยเจอ แต่จงพึงระลึกไว้เสมอว่าพวกเรายังคงอยู่ในเขตน่านน้ำของจีน ดังนั้นพวกคุณควรจะปิดปากของตัวเองให้สนิทหากคุณไม่อยากตาย” ฉินเย่ยังคงรักษาท่าทีเย็นชาของตน
สาเหตุที่เขายอมเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเองก็เพียงเพื่อที่จะสร้างความหวาดกลัวให้คนพวกนี้เท่านั้น และนั่นจะทำให้เขามีอำนาจในการเจรจางานมากขึ้น
อิวาซากิยังคงนิ่งเงียบในขณะที่ชายอีกสามตนเอ่ยตอบออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน “ครับ”
นี่แตกต่างจากสิ่งที่ฉินเย่วางแผนไว้เล็กน้อย แต่ถึงกระนั้น ตัวแปรส่วนใหญ่ได้เอนเอียงมาทางเขาแล้ว
ในตอนแรกเขาต้องการที่จะเจรจากับตระกูลคาโม่หลังจากที่จัดการเรื่องยมทูตนอกอาณาเขตเสร็จแล้ว เพราะอย่างไรแล้ว มันก็มีความเป็นไปได้ที่ทางตระกูลคาโม่จะให้ความร่วมมือกับทางฝั่งของอิซานามิเช่นกัน เพราะความต้องการของพวกเขาทั้งคู่คือต้องการให้วิญญาณของโอดะโนบูนางะอยู่ห่างจากแดนมนุษย์ให้ได้มากที่สุด ดังนั้นมันจึงไม่สำคัญเลยว่าใครจะร่วมมือกับใครในตอนแรก เพราะท้ายที่สุดแล้วการร่วมมือกับยมโลกของตนเองก็น่าเชื่อถือมากกว่ายมโลกของที่อื่นอยู่แล้ว
ซึ่งหากเป็นกรณีนั้น ฉินเย่ก็คงต้องขอร้องให้ตระกูลคาโม่ร่วมมือกับเขาไปแล้ว แต่ตอนนี้ อีกฝ่ายได้เชื่อเรื่องโกหกที่ฉินเย่สร้างขึ้น รวมถึงร่างสัญญาที่ได้รับการประทับตราจากโอดะโนบูนางะ… ตาชั่งจะต้องเอียงมาทางฉินเย่อย่างแน่นอน !
“ผมมาที่นี่เพื่อจัดการกับเรื่องบางอย่าง” เสียงของฉินเย่ดังก้องไปทั่วห้องเก็บสินค้าขนาดใหญ่ แต่มันกลับไม่มีผู้ใดมีท่าทีที่จะเอ่ยแทรกเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มยังคงเอามือไพล่หลังและเอ่ยต่อ “ผมมั่นใจว่าพวกคุณคงรู้เรื่องเกี่ยวกับดวงวิญญาณของโอดะโนบูนางะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
“เขากำลังจะตื่นขึ้นจากการหลับใหล และเทพเจ้าแห่งความตายของพวกคุณก็ได้ทำการตัดสินเลือกตัวเลือกที่แย่มากลงไป”
ฉินเย่ไล่สบสายตาของคนทั้งหมดอย่างช้าและเอ่ยต่อ “ผมจะให้ตัวเลือกกับพวกคุณเช่นกัน”
“หนึ่ง ส่งถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีมาให้ผมตั้งแต่ตอนนี้ หรือ…”
“สอง… ตาย !”
จากนั้นเขาก็หันไปสบตากับอิวาซากิ “หากผมควักลูกตาและตัดมือของคุณออกมา ผมก็ยังสามารถปลดล็อกมาตรการรักษาความปลอดภัยของถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีได้อยู่ดี”
“ใช่ไหมครับ ประธานคนปัจจุบันของมิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่น คุณอิวาซากิ เคียวยะ ?”