ฉันนี่แหละจ้าวนรก - บทที่ 253 สมุดแห่งความเป็นตาย
บทที่ 253: สมุดแห่งความเป็นตาย
มืดมิด
ทะเลแห่งความตาย
เสียงกรีดร้องที่น่าสะพรึงกลัวดังขึ้นไปทั่วทั้งห้องควบคุม สัตว์ประหลาดยืนอยู่เบื้องหน้าของพวกเขาขณะที่ศพไร้ใบหน้าของผู้ที่เคยเป็นกัปตันนั่งอยู่ด้านหลัง ราวกับกำลังเฝ้าสังเกตการกระทำและการเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งหมด ความกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจของคนทั้งหมด ในขณะที่แผ่นหลังทั้งห้าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น
แซ่กกกก ! ซ่ากกก !! กัปปะตรงหน้ามีความสูงประมาณ 1.5 เมตร และมันก็เลียริมฝีปากของตัวเองอย่างหิวโหย ราวกับมนุษย์ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของมันไม่ได้ต่างอะไรกับอาหารอันโอชะ ผู้คุ้มกันทั้งหมดยืนป้องกันอยู่ด้านหน้าของนิชิโนะราวกับกำแพงหิน พวกเขากระชับปืนในมือของตนอย่างสั่นเทาขณะที่กระซิบเบา ๆ “นายหญิง พวกเราจะต้านมันไว้เอง กรุณาวิ่งหนีไปทันทีที่คุณยังมีโอกาส…”
“ทำไมฉันถึงต้องวิ่งหนีด้วย ?” ใบหน้าของหญิงสูงวัยซีดเผือด แต่เธอก็ยังยืนหยัดอย่างกล้าหาญและเอ่ยว่า “กันมันเอาไว้ ฉันไม่เป็นไร มันไม่กล้าทำอะไรฉันแน่ ๆ พวกคุณคิดว่าทำไมฉันถึงทำงานการกุศลเป็นประจำ ? คิดหรือว่าเป็นเพราะว่าฉันมีเงินให้ใช้มากมาย ?”
เธอหมุนตัวกลับไปและคว้าอุปกรณ์สื่อสารที่อยู่บนโต๊ะของกัปตัน “สวัสดี นี่นิชิโนะ มิโอพูด มีใครได้ยินไหม ตอบด้วย กรุณาโอนสายของฉันไปที่ห้องประมูลทันที ได้ยินไหม ? ตอบด้วย ?!”
ไม่มีเสียงตอบกลับจากปลายสายแต่อย่างใด
“ตะ ติด… ติดต่อไม่ได้เหรอครับ ?” หนึ่งในผู้คุ้มกันเอ่ยถาม
ท่าทีที่ขี้ขลาดของเขานั้นสามารถยอมรับได้เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เพราะอย่างไรแล้ว มหาสมุทรที่กว้างใหญ่ซึ่งอยู่รอบ ๆ พวกเขาก็ทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวังและอับจนหนทางมากพออยู่แล้ว และสิ่งที่ทำให้เรื่องแย่ลงกว่าเดิมก็คือจู่ ๆ สิ่งมีชีวิตในตำนานตนนี้ก็ปรากฏตัวขึ้น และมันก็ตั้งท่าที่จะเหวี่ยงเขี้ยวใส่พวกเขา ! แค่ข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาสามารถยืนอยู่นิ่ง ๆ เหมือนกำแพงเนื้ออยู่ต่อหน้าของหญิงสูงวัยได้แบบนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายกย่องมากพวกแล้ว
“มันไม่ใช่ว่าเราติดต่อไม่ได้…” นิชิโนะกัดฟันกรอด “แต่ฉันคิดว่าห้องสื่อสารของเรือลำนี้ทั้งหมดต่างตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน”
หัวใจของพวกเขาตกลงไปที่ตาตุ่ม
สิ่งมีชีวิตพวกนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่ ? ตามตำนานเล่าว่ากัปปะถือกำเนิดจากดวงวิญญาณอาฆาตที่เสียชีวิตจากการจมน้ำในแหล่งน้ำตื้น สัญชาตญาณธรรมชาติของพวกมันทำให้มันต้องกินอวัยวะภายในของเด็กน้อย ตำนานพวกนี้ได้ถูกเล่าขานต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นเป็นเวลากว่าพันปี แต่ใครจะไปคาดคิดว่าจู่ ๆ พวกเธอจะต้องมาเผชิญหน้ากับมันอย่างกะทันหัน แถมมันยังเข้าควบคุมเรืออีก ?
แผล็บ… ทันใดนั้นเอง เจ้ากัปปะที่ยืนพิงหลังอยู่กับประตูห้องควบคุมมาตลอดก็ขยับตัว ลิ้นสีแดงเข้มของมันสะบัดไปมาอย่างน่ากลัว เลียผิวหนังที่เป็นเกล็ดของมันช้า ๆ และคลานเข้าหาคนทั้งหมด
“ถอยไป ! ระวังตัวไว้ !” หัวหน้ากลุ่มผู้คุ้มกันเอ่ยสั่ง และคนทั้งหมดก็ก้าวถอยหลังเล็กน้อย แต่ภายในห้องควบคุมนี้พวกเขาจะมีพื้นที่มากแค่ไหนกันเชียว ? หลังจากถอยหลังไปประมาณหนึ่งฟุต แผ่นหลังของตัวเองได้ชนเข้ากับแผงควบคุม
ในขณะเดียวกัน กัปปะตรงหน้าได้ทิ้งคราบน้ำเอาไว้บนพื้นในทุกที่ที่มันคลานผ่าน ความเงียบสงัดของพื้นที่ถูกทำลายลงด้วยเสียงน้ำเบา ๆ
มันคือเสียงของสิ่งมีชีวิตตรงหน้าที่กำลังกลืนน้ำลายของตัวเอง
จากนั้น ราวกับเต่า มันค่อย ๆ คลานเข้าไปใกล้คนทั้งหมด สามเมตร… สองเมตร… หัวหน้าผู้คุ้มกันสูดหายใจเข้าช้า ๆ และกระซิบกับคนทั้งหมด “การเคลื่อไหวของมันค่อนข้างช้า อาจเป็นเพราะว่าตอนนี้มันกำลังอยู่บนบก พวกคุณเตรียมตัวให้ดี ทันทีที่มันเข้ามาในระยะหนึ่งเมตร รีบ—….”
ซ่ากกกก !! แต่คำพูดของเขาก็ถูกขัดขึ้นโดยเสียงกรีดร้องที่โหยหวนของกัปปะตรงหน้า เงาสีแดงปรากฏขึ้นกลางอากาศ และทันใดนั้นหัวหน้ากลุ่มคุ้มกันก็แน่นิ่งไปกะทันหัน
“อ๊ากกก–!!”
“พระเจ้า !”
“นี่มัน… นะ นี่… นี่มัน…”
คนทั้งหมดจ้องไปที่ผู้เป็นหัวหน้าด้วยความหวาดกลัว แม้แต่นิชิโนะเองก็กรี๊ดออกมาสุดเสียงและก้าวถอยหลังกลับไปหลายก้าวทันที
หัวหน้าของผู้คุ้มกันกะพริบตาอย่างว่างเปล่า และค่อย ๆ ก้มหน้าลงมองท้องของตัวเองอย่างเหลือเชื่อราวกับหุ่นยนต์
ลิ้นของกัปปะตัวนั้นพุ่งเข้ามาที่ท้องของเขาอย่างรวดเร็ว
ซูบบบ… เสียงบางอย่างดังมาจากกระดูกบริเวณอกของผู้เป็นหัวหน้า และร่างของเขาก็กระตุกอย่างแรง ตาของเขาเหลือกขึ้น และลิ้นของเขาก็ห้อยออกมาด้านนอกอย่างอ่อนแรก แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการที่ท้องของเขายุบลงอย่างรวดเร็ว แทบจะเหมือนว่าอวัยวะภายในของเขาถูกปั๊มสูบออกไปจนหมดด้วยแรงดูดที่ทรงพลัง
“อึก… เอือก…” ผู้เป็นหัวหน้าส่งเสียงร้องออกมาขณะที่มีก้อนอะไรบางอย่างไหลอย่างออกมาตามลิ้นของกัปปะ เห็นได้ชัดเลยว่ามันคือ ปอด ตับ และหัวใจของเขา….
“สัตว์ประหลาด… สัตว์ประหลาด !!!” ผู้คุ้มกันอีกคนหนึ่งตกตะลึงเป็นอย่างมาก เมื่อถูกครอบงำด้วยความหวาดกลัว เขาก็เหนี่ยวไกออกไปราวกับคนเสียสติ “สัตว์ประหลาด !!! ไปตายซะ !!!”
ปั้ง ปั้ง ปั้ง ! กระสุนทั้งหมดถูกยิงไปที่กัปปะโดยตรง แต่มันกลับถูกสะท้อนออกไปพร้อมกับเสียงประทบเบาๆ ด้านนอกของห้องควบคุม เสียงเหนี่ยวไกนั้นไม่ต่างอะไรกับเสียงลูกปัดมุกที่ตกกระทบกับแผ่นหยก ร่างภายในห้องขยับไปมาเพียงสิบนาที จากนั้นก็ตามมาด้วยเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วทุกที่ท่ามกลางเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวช ห้องควบคุมในเวลานี้ไม่ต่างอะไรก็นรกบนดินเลยสักนิด !
……
“หืม ?” ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายในห้องประมูลเองก็ตรวจพบว่าจู่ ๆ ระบบการสื่อสารของพวกเขาก็ใช้การไม่ได้
“โปรดอย่าตื่นตกใจไปครับ นี่น่าจะเป็นความผิดพลาดทางระบบเล็กน้อยเท่านั้น” ไป๋อี้ชายรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมืออาชีพ หลังจากพูดของแขกทั้งหมดแล้ว เขาก็หันไปหาผู้ช่วยของตนเอง “หม่าจงฉิน ผมอยากให้คุณไปที่ห้องสื่อสารและตรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้น ระบบสื่อสารของเราเริ่มเกิดปัญหาตั้งแต่เมื่อประมาณสิบนาทีที่แล้ว และตอนนี้มันก็หายไป เราไม่สามารถปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นต่อหน้าแขกทั้งหมดได้ ! นี่เป็นการทำให้เกียรติของโรงประมูลเจียเต๋อเสื่อมเสีย !”
“ครับ !” หม่าจงฉินคือผู้ฝึกตนในวัย 20 ต้น ๆ ที่ยังไม่แม้แต่จะบรรลุเป็นขั้นยมเทพด้วยซ้ำ เขาดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าร่วมในงานประมูลใหญ่อันทรงเกียรติครั้งนี้ และมันเป็นธรรมดาที่เขาจะตอบรับอย่างห้าวหาญและเดินจากไปทันที
“คุณฉินครับ ?” ทาดายูกิ อิวาซากิและหัวหน้าใหญ่ชูต่างรวมตัวกันอยู่ที่ด้านหลังของเวที และพวกเขาก็แทบจะไม่รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นสักนิด ซึ่งแขกผู้ร่วมประมูลเองก็มองไม่เห็นพวกเขาเช่นกัน ดังนั้นแขกทั้งหมดจึงไม่เห็นว่าฉินเย่นั้นเริ่มใจลอยตั้งแต่เมื่อครู่
เสียงเรียกของอิวาซากิทำให้เด็กหนุ่มกลับมาได้สติอีกครั้ง ฉินเย่ขมวดคิ้วยุ่ง “เราควรจะอยู่กับที่ไม่ใช่หรือ ?”
“ครับ เราน่าจะอยู่ห่างจากชายขอบของทะเลจีนตะวันออกประมาณ 100 ไมล์ทะเล มีอะไรหรือเปล่าครับ ?” หัวหน้าใหญ่ชูมึนงงเล็กน้อยกับคำถามของเด็กหนุ่ม
ตอนนี้ฉินเย่ไม่แม้แต่จะมองไปที่กล่องเวทมนตร์ด้วยซ้ำ กลับกัน เขาเคาะนิ้วไปตามที่วางแขนเบา ๆ และเอ่ยเสียงเบา “พวกคุณรู้สึกไหมว่าเรือ… กำลังเคลื่อนที่ ?”
“ไม่นะครับ”
“จะเป็นไปได้ยังไงกันครับ ? เรือของเราทอดสมอมาเป็นวันแล้ว !” ทั้งสองเอ่ยออกมาพร้อมกัน
ฉินเย่หันไปมองร่างที่เดินจากไปของหม่าจงฉิน ด้วยเหตุผลบางประการ เขาเริ่มมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยนักเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
มันแทบจะเหมือนกับว่า… เขากำลังเข้าไปใกล้กับอะไรบางอย่างที่น่ากลัว บางอย่างที่ไม่ต่างอะไรกับทะเลนรก
ทันใดนั้นเอง ดวงตาของเขาก็วาววาบขึ้นและเขาก็รีบลุกขึ้นยืน พร้อมกับดวงตาที่ยังคงจับจ้องไปที่ร่างอันเลือนรางของหม่าจงฉิน เขาเอ่ยกับคนทั้งหมด “ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่”
จากนั้น โดยไม่รอคำตอบ เขาเดินจากไปทันที ชายทั้งสามต่างมองหน้ากันและยักไหล่อย่างไม่สนใจ
ฉินเย่เดินตรงไปที่ห้องน้ำ ที่นี่เป็นจุดเดียวที่มีกระจกรับแสงจากด้านบน เขารีบถอดเสื้อนอกออกและเอ่ยกับหมิงชีหยิน “ท่านเห็นมันหรือไม่ ?”
“หือออ ?” หมิงชีหยินดูเหมือนจะยังไม่ตื่นดี
ฉินเย่สูดหายใจเข้าช้า ๆ “เมื่อครู่นี้… ข้าเห็นตัวอักษรสีแดงเลือดปรากฏขึ้นบนแผ่นหลังของหม่าจงฉิน”
“มันเขียนว่า – เวลาเสียชีวิต: 10 นาที 21 วินาที”
ฟึ่บ ! หมิงชีหยินที่ได้ยินเช่นนั้นรีบลอยออกมาและเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นเทาทันที “ไม่มีทาง… นั่น… นั่นเป็นไปไม่ได้ !”
ฉินเย่รีบดึงมันกลับมาและเอ่ยถามลอดไรฟัน “แล้วมันคืออะไรกัน ?!”
หมิงชีหยินลอยไปรอบ ๆ พื้นที่ขนาดเล็กของห้องน้ำ และไม่กี่วินาทีต่อมา เงาสีดำก็พุ่งออกมาจากกระจกและพุ่งตรงไปทางหม่าจงฉินทันที ในขณะเดียวกัน หมิงชีหยินก็หันกลับไปเอ่ยกับเด็กหนุ่มด้วยเสียงที่สั่นเครือ
“เจ้าหนู… ฟังให้ดี” หมิงชีหยินกลืมน้ำลายอย่างเป็นกังวล “หากสิ่งที่เจ้าเห็นเป็นความจริง เช่นนั้น มันก็หมายความว่าพวกเรา… กำลังเข้าใกล้ตำแหน่งของสมุดแห่งความเป็นตาย”
“สมุดแห่งความเป็นตาย !!!” ฉินเย่อุทานออกมาเสียงดัง คนที่อยู่ในห้องน้ำห้องถัดไปทุบผนังห้องน้ำอย่างไม่พอใจ เด็กหนุ่มและกระจกโบราณรีบลดเสียงของตนลงทันที แต่ถึงกระนั้น หัวใจของพวกเขาก็กำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง
นี่คือหนึ่งในมหาสมบัติทั้งสามของยมโลก สมุดแห่งความเป็นตาย !
มันคือตัวกำหนดหยินและหยาง และมันยังควบคุมอายุขัยของสิ่งมีชีวิตในแดนมนุษย์ ! เขาสามารถพูดได้เลยว่ายมโลกจะไม่มีทางสมบูรณ์หากปราศจากการมีอยู่ของมัน !
“ท่านแน่ใจหรือ ?! มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน ?!” ฉินเย่มีสีหน้าเคร่งขรึมมากขึ้น “แต่เรากำลังจะออกนอกเขตน่านน้ำของจีนแล้วนะ สมุดแห่งความเป็นตายจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ?”
“ข้ามั่นใจ ! และมันก็เป็นไปได้ !” เสียงที่เอ่ยออกมาของหมิงชีหยินเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง “จงอย่าลืมว่าการล่มสลายครั้งใหญ่ของยมโลกนั้นมาพร้อมกับการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ! มันเป็นธรรมดาที่สมุดแห่งความเป็นตายจะกระเด็นมาถึงจุดนี้ ! ยิ่งกว่านั้น…”
มันเงียบไปครู่หนึ่ง และตัวอักษรสีแดงก็ปรากฏขึ้นบนผิวหน้าของกระจก “สมุดแห่งความเป็นตายเล่มนั้นมีนายของมันแล้ว…”
“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ?!” นี่คือครั้งที่สองที่ฉินเย่ถามคำถามเดิมออกไป “มีเพียงแค่ยมทูตเท่านั้นที่จะสามารถเป็นนายของสมุดแห่งความเป็นตายได้ ! เราจะไปหายม—…”
เขาหยุดพูดไปกลางคันและเด็กหนุ่มก็แน่นิ่งไป…
ใช่แล้ว… แถวนี้ยังมียมทูตตนอื่นอยู่อีก
ช่องแคบสึชิมะนั้นอยู่อีกไม่ไกลมาก และมันก็มียมทูตญี่ปุ่นอีกจำนวนมากที่กำลังรอพวกเขาอยู่
“เราสามารถคิดได้ไหมว่ายมโลกของญี่ปุ่นได้สมุดแห่งความเป็นตายไปไว้ในครอบครอง ?” ฉินเย่เอ่ยด้วยเสียงที่สั่นเทา
“ข้าไม่รู้… แต่นั่นก็อาจจะเป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุดได้เช่นกัน แต่พวกมันก็คงไม่สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ต่อให้ได้มันไปก็ตาม มันคือมหาสมบัติของยมโลกของจีน ! ใครก็ตามที่ใกล้ตายจะมีเวลาตายซึ่งอยู่ในรูปของอักษรสีแดงเลือดปรากฏขึ้นเมื่อเข้าใกล้สมุดแห่งความเป็นตาย อ้อ เจ้าคงเคยอ่านการ์ตูนที่ได้รับความนิยมในสมัยนี้อย่างเดธโน้ตใช่หรือไม่ ? สมุดเล่มนี่… โดยพื้นฐานแล้ว… น่ากลัวกว่าเดธโน้ตหลายพันเท่า ! และมันก็ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการใช้งานอีกด้วย !”
หมิงชีหยินสูดหายใจเข้าช้า ๆ และเอ่ยต่อ “ข้าเข้าใจทุกอย่างแล้ว… หากสิ่งที่เจ้าเห็นเป็นความจริง มันก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่ยมทูตญี่ปุ่นพวกนั้นก็คงจะครอบครองสมุดแห่งความเป็นตายเอาไว้ เจ้าจำเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นในทะเลตะวันออกที่ทำให้เกิดเรือผีสิงจำนวนมากได้หรือไม่ ? มันแสดงให้เห็นว่ายมทูตญี่ปุ่นพวกนั้นกำลังทดสอบการทำงานของสมุดแห่งความเป็นตายอยู่ !”
“ไม่ใช่ว่าท่านเพิ่งบอกไปว่ายมทูตนอกอาณาเขตไม่สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้หรอกหรือ ?!” ดวงตาของฉินเย่แดงก่ำ
“ที่ข้าหมายถึงก็คือพวกมันไม่สามารถใช้กับเราที่เป็นยมทูตของจีนได้ ! ขออภัยที่เมื่อครู่พูดไม่ชัดเจน !” หมิงชีหยินตะคอกกลับเสียงดังด้วยความโมโห “หากนั่นเป็นเรื่องจริง… มันก็คงจะสายไปแล้วที่จะอัญเชิญอาร์ทิสมาเพื่อขอความช่วยเหลือ ! เมื่อครู่นี้ข้าได้ส่งพลังติดตามไปกับหม่าจงฉินแล้ว ภาพของเขาจะปรากฏขึ้นบนผิวหน้าของกระจกในอีกไม่ช้านี้ เอาล่ะ… นั่นไง ! ดูที่เวลาตายของเขาให้ดี ! หากสมมติฐานของเราถูกต้อง… แต่ข้าขอให้ครั้งนี้อย่าเป็นเช่นนั้นเลย !”
หม่าจงฉินไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าตนกำลังถูกจับตามองอยู่
เขาเดินมาได้หลายนาทีแล้ว เพราะว่าเรือสำราญลำนี้มีขนาดใหญ่มาก และมันก็ต้องใช้เวลาประมาณสิบนาทีในการเดินจากโถงประมูลไปยังห้องสื่อสาร อย่างไรก็ตาม ด้วยร่างที่สูงและขาที่ยาว เขาไปถึงที่จุดหมายภายในเวลาเพียงแปดนาทีครึ่งเท่านั้น
“อาจารย์หลิวครับ” เขาเคาะประตู หลังจากที่ไม่ได้รับคำตอบ เขาก็ผลักประตูเข้าไป เพียงเพื่อที่จะพบว่าอาจารย์หลิว ชายในวัย 50 กว่า กำลังนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้ เงยศีรษะพิงพนักด้านหลัง ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท
“อาจารย์หลิว คุณช่วยตรวจสอบอุปกรณ์สื่อสารให้ทีได้ไหมครับ ? ดูเหมือนว่าเครือข่ายทั้งหมดจะล่มไป หรือว่าเราใช้คลื่นความถี่ผิดครับ ? หรือว่าวงจรลัดเพราะน้ำทะเล ?” ความผิดปกติทางอินเตอร์คอมไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไร อันที่จริง มันนับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยด้วยซ้ำ และเขาเองก็ค่อนข้างมีความสัมพันธ์อันดีกับอาจารย์หลิว ดังนั้นเขาจึงเดินไปข้างโต๊ะของอีกฝ่ายเพื่อที่จะรินน้ำสักแก้วให้ตัวเอง
แต่ทันทีที่เขาเดินผ่านอีกฝ่าย ชายหนุ่มก็ต้องชะงักไป แทบจะเหมือนกับสายฟ้าที่ผ่าลงมาโดยไม่บอกกล่าว
ตายแล้ว !
อาจารย์หลิว… ตายแล้ว !
ดวงตาทั้งสองข้างของเขาหายไป เหลือเพียงหลุมสองหลุมที่พวกมันเคยอยู่ ใบหน้าของเขาย่นเข้าหากันอย่างพิลึกพิลั่น และปากของเขาอ้ากว้างและยังคงมีเลือดไหลออกมา ภาพที่น่ากลัวนี้ดูเหมือนกับ… วิญญาณร้ายได้เข้ามาในร่างของเขาผ่านทางปากและกลืนกินอวัยวะภายในทั้งหมดจากภายใน !
“อึก อะ… อ๊ากกกกก !!!!” การค้นพบที่น่าตกตะลึงทำให้เขาล้มลงกับพื้นอย่างแรง จากนั้นเขาก็หันหลังและคลานไปที่ประตูอย่างรวดเร็วก่อนที่จะทันได้ลุกขึ้นยืน “ใครก็ได้… ช่วยที !!! ช่วยด้วย ! มีคนตาย !!!”
แต่บานประตูกลับปิดลงต่อหน้าต่อตาของเขา
พรึ่บ !! หลอดไฟเริ่มกระพริบอย่างบ้าคลั่งแล้วจึงดับลงอย่างรวดเร็ว