ฉันนี่แหละจ้าวนรก - บทที่ 256 หยินและหยาง (1)
บทที่ 256: หยินและหยาง (1)
บนดาดฟ้าของเรือ ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
สายลมของทะเลพัดพาความหนาวเย็นอันขมขื่นมาสู่ผู้ที่ได้รับ ในขณะที่กลุ่มดาวบนท้องฟ้าส่องแสงระยิบระยับกระทบกับผิวน้ำ ภาพเหล่านี้ไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกสงบลงเลยแม้แต่น้อย กลับกัน พวกเขาทั้งหมดต่างเริ่มรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนัก
“ช่างเป็นความแค้นที่น่ากลัวจริง ๆ…” หนึ่งในผู้ฝึกตนต่างชาติเอ่ย “นี่น่าจะเป็นการรวมกันของพลังหยินที่น่ากลัวที่สุดที่ผมเคยเห็นมาเลยก็ว่าได้…”
ในสายตาของพวกเขา กลุ่มก้อนพลังหยินตรงหน้านั้นไม่ต่างอะไรกับรอยแยกอันน่าสยดสยองที่เปิดออกเหนือท้องทะเล ปลดปล่อยเหล่าดวงวิญญาณที่มีความคับแค้นใจผู้ซึ่งกำลังกรีดร้องอย่างโหยหวนขณะที่ลอยเข้ามาหาพวกเขา
นี่มันไม่ต่างอะไรกับนรกบนดินเลยสักนิด
บรรยากาศโดยรอบนั้นตึงเครียดเป็นอย่างมาก มันแทบจะเหมือนกับว่ามันกำลังกรีดหัวในของพวกเขา และขณะที่ผู้ฝึกตนคนนั้นกำลังจะละสายตาจากภาพตรงหน้าเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง เขาก็ต้องชะงักไปอย่างกะทันหันก่อนจะหันไปมองที่ปลายสุดของขอบฟ้าอีกครั้ง
และมันก็ไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ฝึกตนเกือบทั้งหมดต่างมองไปยังทันทางเดียวกัน เพราะจู่ ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงเบา ๆ ของบางอย่างดังมาจากไกล ๆ
แต่เหล่าขั้นน่าล่าวิญญาณรู้ดี หากพูดกันตามตรง พวกเขารู้ดีเกินไปด้วยซ้ำว่าแหล่งกำเนิดเสียงที่ตนได้ยินนั้นไม่ได้เบาเลยสักนิด และมันก็อาจสามารถพูดได้ว่าอันตรายถึงตายเลยด้วยซ้ำ
ขณะที่พวกเขามองภาพตรงหน้าอย่างหวาดกลัว ระดับของน้ำทะเล ณ ปลายขอบฟ้าก็ค่อย ๆ สูงขึ้นและลดลง ในตอนแรกมันอาจจะยังไม่สูงมากนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันก็ค่อย ๆ สูงขึ้น จนกระทั่งผ่านไปประมาณสิบนาที ระดับความสูงของคลื่นจากผิวน้ำทะเลก็เพิ่มขึ้นมากกว่าสิบเมตร และมันก็กำลังพุ่งตรงมาที่เรือสำราญ !
“นี่มัน…” หนึ่งในผู้ฝึกตนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงและเอ่ยเสียงสั่น “มะ มัน… สึนามิ ? สึนามิ !!!!”
ไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไรอีก คนทั้งหมดรู้ได้ทันทีว่าตนกำลังเผชิญหน้าอยู่กับอันตรายแบบใด
ฟึ่บ ! เมื่อคลื่นยักษ์ตรงหน้าก่อตัวเข้าด้วยกัน มันมีแต่จะสูงขึ้นและเร็วขึ้นเท่านั้น
ความสูง 5 เมตร… 10 เมตร… 20 เมตร… 25 เมตร !
ระยะทางห่างจากเรือสำราญ 5,000 เมตร… 4,000 เมตร… 3,000 เมตร… 2,000 เมตร !
และจากนั้น ในที่สุดมันก็เข้ามาในระยะ 1,000 เมตร !
อึก… หนึ่งในเหล่าผู้ฝึกตนลอบกลืนน้ำลายอย่างตื่นตระหนก นี่คือคลื่นสึนามิที่มีความสูง 50 เมตร ! และมันก็อยู่ห่างจากพวกเขาอีกไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตรเท่านั้น !
คลื่นที่กำลังใกล้เข้ามานั้นไม่ต่างอะไรกับเขื่อนน้ำทะเลขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้ามาพวกเขาอย่างรวดเร็วและเริ่มที่จะทำให้กระแสน้ำที่อยู่รอบ ๆ พวกเขาเกิดเป็นฟองขึ้น เรือสำราญขนาดใหญ่ดูเล็กไปเลยเมื่อเทียบการกับปรากฏตัวของคลื่นยักษ์นี่ และมันก็ดูไม่ต่างอะไรกับใบไม้ที่ลอยไปมาอย่างไม่สามารถทำอะไรได้ในกระแสน้ำที่แปรปรวนเลยสักนิด !
ยิ่งคลื่นสึนามิเข้ามาใกล้มาเท่าไหร่ กระแสน้ำที่พวกเขาประสบก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น มันรุนแรงจนคนทั้งหมดเริ่มคิดแล้วว่าเรืออาจจะพังทลายลงในอีกไม่ช้า
“พระ… เจ้า…” เหล่ามหาเศรษฐีและผู้คุ้มกันที่กำลังซ่อนตัวอยู่ภายในห้องนอนอดไม่ได้จะครวญครางออกมาด้วยความหวาดกลัวและยกมือขึ้นมาปิดปากเพื่อกั้นเสียงกรีดร้องของตน นี่มันไม่เหมือนกับอะไรที่พวกเขาเคยเจอมาก่อน
สุดท้ายแล้ว มีเพียงตอนที่ได้มายืนอยู่เบื้องหน้าของคลื่นสึนามิขนาดมหึมาที่ใกล้จะมาถึงตัวเท่านั้นที่พวกเขาจะตระหนักได้ว่าการดำรงอยู่ของมนุษย์อย่างพวกตนนั้นอ่อนแอมากเพียงใด
มีเพียงตอนที่ได้มาเผชิญหน้ากับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่ไม่อาจต้านทานได้เท่านั้นที่พวกเขาจะชื่นชมถึงความงดงามของการสรรค์สร้างของโลก
และตอนนี้ท้องฟ้าก็ได้ถูกบดบังด้วยกลุ่มเมฆหนา ทำให้มันไม่มีเกาะให้เห็นเลยแม้แต่เกาะเดียว จะมีก็เพียงกำแพงน้ำทะเลที่ดูเหมือนจะสูงขึ้นในทุก ๆ นาที บดบังและดับความกล้าหาญภายในจิตใจของเหล่ามนุษย์ไปในทันที !
500 เมตร… 475 เมตร… 460 เมตร… คลื่นยักษ์ตรงหน้าพุ่งสูงขึ้นไปบนฟ้า นี่เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ปกติ แม้ว่าจะเทียบกับสึนามิครั้งอื่น ๆ ที่ได้ทำลายล้างโลกมาในอดีตก็ตาม ผู้ฝึกตนทั้งหมดสูดหายใจเข้าช้า ๆ ทว่าก่อนที่พวกเขาจะได้เริ่มใช้พลังปราณในร่างของตัวเองเพื่อตั้งรับคลื่นที่ถาโถมเข้ามา ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นลูกไฟสีเขียวหยกคู่หนึ่งลุกโชนขึ้นภายในคลื่นนั้น
มันมีขนาดใหญ่มากจนดูเหมือนกับเป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ในน้ำไม่มีผิด นอกจากนี้ ลูกไฟตรงหน้านั้นยังลุกโชนอยู่ ณ จุดกึ่งกลางของคลื่นสึนามิ ราวกับดวงตาที่กำลังจ้องมาที่พวกเขาอย่างน่ากลัว !
นิชิโนะซ่อนตัวอยู่ภายในห้องของตน เธอยกมือขึ้นปิดปากของตัวเองด้วยความหวาดกลัวและก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว เวลานี้เธอทำได้เพียงส่ายหน้าไปมาอย่างสิ้นหวัง ภาพที่ไม่น่าเชื่อนี้ทำให้เธอเหงื่อแตกและขนลุกไปทั่วร่าง
มีบางสิ่งบางอย่างอยู่ในน้ำ…
“ข้าแต่องค์เทพเจ้า…” เธอปิดเปลือกตาลงและเอ่ยภาวนาด้วยเสียงที่สั่นเทา
ตู้ม !!!
ผู้คนที่ซ่อนตัวอยู่ภายในเรือสำราญดูตัวเล็กราวกับมดเมื่อเผชิญหน้ากับพลังที่ไม่สามารถต้านทานได้ แต่ถึงกระนั้น กลุ่มคนที่อยู่ที่หัวเรือกลับระเบิดประกายสีทองออกมาจากร่างของตนอย่างไม่ย่อท้อ
“ทุกท่าน… เรารออะไรกันอยู่ ?!” พระชาวอินเดียทั้งสองรูปตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นกลุ่มแรกตะโกนสุดเสียง
“ราชานกยูง !”
“ราชางูสวรรค์ !”
ทั้งสองต่างแต่งกายด้วยเสื้อคลุมสีกากีและสวมหน้ากากปิดหน้า ทำให้ลักษณะของพวกเขาไม่ได้โดดเด่นอะไร ทว่าสัญลักษณ์บนอกของทั้งคู่คือรูปดวงตาสีทอง
นี่คือสัญลักษณ์ของสารนาถ พวกเขาคือหนึ่งในกลุ่มสาวกหลักของหนึ่งในสี่ดินแดนหลักของสังเวชนียสถานในอินเดีย
“ตราประทับแห่งพระกฤษณะ !”
ทันใดนั้นเอง ประกายแสงสีทอง 108 จุดพลันปรากฏขึ้นและล้อมรอบทั้งเรือเอาไว้ ก่อนจะก่อตัวเป็นภาพมายาของสิ่งมีชีวิตลักษณะคล้ายงูขนาดใหญ่ที่ขดตัวอยู่รอบนกยูง
ทั้งสองคือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในตำนานของศาสนาฮินดู นกยูงทอง และพญาอนันตนาคราช ทั้งสองเปล่งเสียงคำรามออกมาอย่างดุร้ายขณะที่หันหน้าเข้าหากันเหมือนจะสู้กันเอง แต่ถึงกระนั้น การกระทำของพวกมันกลับทำให้เรือสำราญที่โอนเอนไปมาเพราะคลื่นสึนามินิ่งสงบลง
“ทุกท่าน…” เสื้อคลุมของพระชาวอินเดียทั้งสองกระพืออย่างรุนแรง มันพัดขึ้นจนเผยให้เห็นจีวรพระที่อยู่ด้านใน คลื่นสึนามิอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ 300 เมตรเท่านั้น แต่มันกลับเริ่มมีฝนและน้ำทะเลตกลงมาราวกับเป็นบทนำถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ตอนนี้พระทั้งสองรูปต่างตัวเปียกโชก แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงประกบฝ่ามือเข้าด้วยกัน กัดฟันแน่นด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “ช่วย ! กัน ! เร็ว !”
คลื่นสึนามิอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ 300 เมตรเท่านั้น
แกร๊ก แกร๊ก …ม่านพลังแสงสีทองเริ่มส่งเสียงแกร๊ก ๆ ออกมาเบา ๆ ขณะที่อักษรสันสกฤตจำนวนนับไม่ถ้วนเปล่งแสงออกมาก่อนจะกลายเป็นดอกบัวสีขาวที่จางหายไปอย่างรวดเร็ว ทว่าไม่ว่าแสงสีทองจะเจิดจ้ามากเพียงใด ข้อเท็จจริงที่ว่าพวกมันกำลังต่อสู้อยู่กับพลังที่ไม่สามารถต้านทานได้ของธรรมชาติก็ยังไม่เปลี่ยน และความพยายามของพวกเขาก็เปรียบได้เพียงหยดน้ำหนึ่งหยดในห้วงมหาสมุทรเท่านั้น นอกจากนี้สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ พวกเขาเริ่มได้ยินเสียงกลืนน้ำลายดังออกมาจากใจกลางของคลื่นยักษ์ตรงหน้า !
มันคือเสียงของวิญญาณร้ายที่กำลังกลืนน้ำลายอย่างหิวโหยขณะที่พวกมันกำลังข่มความกระหายเลือดและเนื้อสดของตัวเอง
ภูตผีพวกนั้นกำลังเข้ามาใกล้…
คลื่นสึนามิขนาดมหึมาได้ก่อตัวขึ้นที่กลางทะเลภายในค่ำคืนที่มืดมิด พร้อมด้วยวิญญาณร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนที่แฝงตัวอยู่ภายใน และทั้งหมดนั้นต่างก็กำลังจับจ้องมาที่จุด ๆ เดียว
แหมะ ! พลังของสึนามินั้นรุนแรงมากจนทวารทั้งเจ็ดของพระทั้งสองเริ่มมีเลือดไหลออกมาในทันทีที่พวกเขาตะโกนขอความช่วยเหลือ ทันใดนั้น ด้วยเสียงที่แผ่วเบา ดอกบัวสีทองก็ลอยออกมา
“เส้นทางแห่งความชอบธรรม การชำระล้างแห่งทองคำ” เสียงนั้นยังคงแผ่วเบา ทว่ากลับแฝงไปด้วยแหล่งพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถตัดผ่านเสียงคำรามลั่นของสายลมแรงและผืนน้ำที่อยู่โดยรอบ ครู่ต่อมา ดอกบัวสีเขียวเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้น จากหนึ่งเป็นสอง และก็สาม… ภายในชั่วพริบตา ดอกบัวสีเขียวเพียงหนึ่งดอกก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นทะเลดอกบัวที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าม่านพลังสีทอง
“สายลมแห่งมะฮอกกานี” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่ทะเลดอกบัวทั้งหมดจะเบ่งบานอย่างเต็มที่ และต้นมะฮอกกานีขนาดใหญ่ที่ปกคลุมด้วยพลังปราณก็ปรากฏขึ้นเหนือผิวน้ำ แผ่กิ่งก้านสาขาออกมาอย่างรวดเร็ว และภายในไม่กี่วินาที กิ่งก้านสาขาทั้งหมดของมันก็เกาะเกี่ยวไปที่ทะเลดอกบัวเพื่อสร้างม่านไม้ขึ้น
การผสานวิชาครั้งแรกกระตุ้นให้เกิดการกระทำที่สอง สาม และอีกมากมายจากเหล่าผู้ฝึกตนทั้งหมดอย่างรวดเร็ว แสงสว่างมากมายระเบิดออกจากทุกส่วนของหัวเรือราวกับอัญมณีที่ส่งประกาย คัมภีร์โบราณลอยขึ้นในอากาศและกลายเป็นห่วงโซ่ของคัมภีร์ที่เชื่อมต่อกัน ล้อมรอบเรือทั้งหมดเอาไว้ เครื่องหมายไม้กางเขนสีทองเองก็ลอยขึ้นในอากาศ ปกคลุมเรือสำราญด้วยม่านอักษรภาษาอังกฤษจำนวนนับไม่ถ้วน
สายลมกระโชกแรงที่พัดเข้ามานั้นไม่ต่างอะไรกับการอารัมภบทของความตาย เวลานี้คลื่นสึนามิอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ 200 เมตรเท่านั้น ! ชายสูงวัยอีกคนหนึ่งที่ถือดอกบัวไว้ในมือกัดฟันและกำมือแน่น “ผสาน”
ทันใดนั้น หญิงชราที่ผมเผ้าไม่เป็นทรงก็เผยให้เห็นสีหน้าดุดันขณะที่ตะโกนออกมาสุดเสียง “ผสาน !!”
“ผสาน !!”
“รวม !”
“รวมเป็นหนึ่ง !!!”
พวกเขาเอ่ยออกมาด้วยคำพูดแตกต่างกันและภาษาที่แตกต่างกัน แต่มันกลับถูกรวมเป็นหนึ่งด้วยความตั้งใจเดียว ผู้ฝึกตนทุกคนที่อยู่บริเวณหัวเรือต่างปลดปล่อยวิชาป้องกันของตนออกมาด้วยพลังปราณที่แข็งแกร่ง และแสงสว่างมากมายก็พลันสาดส่องไปทั่วทุกมุมของเรือพร้อมกับสัญลักษณ์และอักขระมากมายที่ปรากฏขึ้น ลอยไปมาอยู่ในอากาศ
นี่คือการรวมพลังของขั้นนักล่าวิญญาณมากกว่า 30 คนเพื่อที่จะต้านทานวิญญาณร้ายที่กำลังพุ่งเข้ามา
ตึกตัก ตึกตัก…
ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว พวกเขาตั้งสมาธิอยู่กับวิชาของตน สายตาจับจ้องไปที่คลื่นยักษ์ที่กำลังถาโถมเข้ามา 50 เมตร… 30 เมตร… 20 เมตร…
10 เมตร !
เรือลำใหญ่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างไม่สามารถควบคุมได้ คลื่นสึนามิตรงหน้าได้บดบังแหล่งกำเนิดแสงทั้งหมด เกิดเป็นเงาดำที่ทาบลงมาบนเรือสำราญอย่างน่ากลัว จากนั้น พลังทำลายล้างที่รุนแรงของคลื่นสึนามิก็ถาโถมลงมา
กาลเวลาดูเหมือนจะหยุดไปครู่หนึ่ง
ผู้ฝึกตนทั้งหมดมองดูคลื่นที่ซัดลงมาด้วยดวงตาที่มืดมน จากนั้น เปลวไฟขนาดใหญ่ทั้งสองที่อยู่ภายในคลื่นที่ดูเหมือนกับดวงตาก็ระเบิดออก !
ในวินาทีนั้น ร่างดำทะมึนจำนวนมากก็พุ่งออกมา ลูกไฟดังกล่าวไม่ใช่ดวงตาของปีศาจ ! แต่มันคือการรวมตัวกันของหล่าวิญญาณร้ายจำนวนนับไม่ถ้วน !
ที่สำคัญกว่านั้น พวกมันทั้งหมดคือโครงกระดูก
โครงกระดูกพวกนั้นแต่งกายเหมือนชุดในศาลเจ้าของญี่ปุ่นสมัยโบราณและสวมหมวกทรงสูง นอกจากนี้แต่ละตนยังมีผมยาวสยายแม้ว่าพวกมันจะเป็นโครงกระดูกไปแล้วก็ตาม เปลวไฟสีเขียวหยกลุกโชนขึ้นในจุดที่ควรจะเป็นเบ้าตา และขณะที่คลื่นสึนามิกำลังจะซัดลงมาบนเรือ พวกมันทั้งหมดก็พากันก้มมองเหล่ามนุษย์ที่อยู่บริเวณหัวเรืออย่างพร้อมเพรียงกัน
มันคือแววตาของความตาย
พวกมันหัวเราะอย่างเย้ยหยันให้กับการตายของเหล่ามนุษย์ที่อ่อนแอ
ตู้ม !!!
ไม่กี่วินาทีต่อมา ปริมาณน้ำทะเลมากมายมหาศาลได้ถาโถมลงมาที่เรือสำราญ และเหล่าผู้ฝึกตนทั้งหมดก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย
สิ่งที่พวกเขาได้ยินมีเพียงเสียงอู้อี้เบา ๆ ในวินาทีแห่งการปะทะ และจากนั้น ทุกอย่างก็เงียบไป
มันเหมือนกับว่าพวกเขาถูกเคลื่อนย้ายไปยังมิติที่ไร้เสียงอย่างกะทันหัน คนทั้งหมดมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสิ้นหวังขณะที่พวกเขากระเด็นออกจากเรือสำราญด้วยท่าทางที่ไม่สามารถจินตนาการได้ อาณาเขตเวทป้องกันที่พวกเขาได้สร้างขึ้นก่อนหน้านี้พังทลายลงอย่างรวดเร็วจนพวกเขามองไม่เห็นรอยร้าวที่ปรากฏขึ้นด้วยซ้ำ
ทุกอย่างโดยรอบเงียบเสียงลงโดยสมบูรณ์ พลังทำลายล้างของสึนามินั้นรุนแรง มันแทบจะเหมือนกับว่าธรรมชาติต้องการจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกและทำให้ทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิมอย่างที่มันเคยเป็นมา
……
ครืนนน ครืนนน… เหล่าผู้ที่ยืนอยู่หน้าวัดโบราณรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อย ประกายแสงสีแดงสาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้าที่มืดมิด กลิ่นของการเผาไหม้ลอยคละคลุ้งไปในอากาศ
“เจ้าควรจะเร่งมือให้เร็วกว่านี้” โนบูนางะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ตอนนี้เขาอยู่บนม้าศึกและกำลังลากดาบคาตานะของตนเองไปตามพื้นอย่างร้อนใจ
ทหารม้า 2,500 นายตั้งแถวอย่างเป็นระเบียบอยู่ที่ด้านหน้าของประตูทางเข้าหลังของวัดฮนโน ในขณะที่ฉินเย่กำลังนั่งยอง ๆ อยู่ที่พื้นในสถานะของยมทูตโดยที่มือหนึ่งทาบลงพื้น ผมสีเขียวหยกของเขาแผ่สยาย และบริเวณหน้าผากของเขาตอนนี้ก็เปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อเย็น
สิ่งที่แปลกที่สุดเกี่ยวกับการกระทำของเขาก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าพื้นที่เขากำลังสัมผัสอยู่นี้ดูไม่ต่างอะไรกับผิวน้ำในทะเลสาบเลยสักนิด ระลอกคลื่นกระจายออกไปจากมองของเขา เผยให้เห็นอักขระภาษาสันสกฤตจำนวนนับไม่ถ้วนสว่างวาบขึ้นเหนือท้องฟ้า
ในขณะเดียวกัน ระลอกคลื่นดังกล่าวก็มีขนาดใหญ่ขึ้นและกว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนในท้ายที่สุดมันก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งวัดฮนโน เมื่อผนึกทั้งหมดหลุดออก ราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6 ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นบนแดนมนุษย์อีกครั้ง !
“ท่านคิดว่าข้าจงใจทำทุกอย่างให้ช้าลงหรืออย่างไร ?” ฉินเย่กัดฟันกรอด “ผู้ที่ได้ผนึกท่านเอาไว้นั้นแข็งแกร่งมาก วิชาการทำลายผนึกนี้ข้าได้รับการสอนมาจากขั้นตุลาการนรก แต่จะว่าไป… เกิดอะไรขึ้นด้านนอกนั่น ?”
เขามองขึ้นไปยังต้นตอของแรงสั่นสะเทือน ในขณะที่โนบูนางะหรี่ตาลง “ดูเหมือนว่าอะซะอิ นะงะมะซะจะรอไม่ไหวอีกต่อไป…”
“เจ้าหนู เจ้าควรเร่งมือให้เร็วกว่านี้ ข้าสามารถพูดได้เลยว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้ส่งกองกำลังที่แท้จริงออกมา การโจมตีครั้งแรกนั้นเป็นแค่คำเตือนเท่านั้น และเมื่อคำเตือนสิ้นสุดลง นั่นคือเวลาที่นรกของจริงจะมาเยือน”
“บางที ในสายตาพวกเจ้า กองกำลังญี่ปุ่นนั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่ถึงกระนั้น พวกเจ้าก็ไม่สามารถปฏิเสธข้อเท็จจริงที่ว่าเราเองก็มีเหล่าแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่และกองกำลังที่แข็งแกร่งเช่นกัน และด้วยประวัติศาสตร์ระหว่างเราทั้งสองชาติ ข้าสามารถพูดได้เลยว่าอะซะอิ นะงะมะซะจะไม่มีทางเผชิญหน้ากับข้าด้วยตัวคนเดียว เขาจะต้องมาพร้อมกับกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคเซ็งโงกุอย่างแน่นอน หากเจ้าไม่รีบลงมือ เจ้าก็จงเตรียมพร้อมที่จะกลับไปพบกับเรือบรรทุกศพได้เลย”
ฉินเย่ชะงักไป “เขาจะทำเลยเถิดโดยไม่สนใจพระพรแห่งคุณธรรมเลยอย่างนั้นหรือ ?”
โนบูนางะแค่นยิ้ม “ทั้งหมดที่เจ้ากล่าวมานั้นไม่ได้สำคัญสำหรับผู้ที่ภายในใจจิตอัดแน่นไปด้วยความกระหายในการแก้แค้นมิใช่หรือ ? นอกจากนี้ เป้าหมายเดียวของเจ้านั่นก็คือหารสังหารข้า เพราะฉะนั้น ข้าขอถามเจ้า เหตุใดเขาจึงต้องสนใจของอย่างพระพรแห่งคุณธรรมด้วย ?”