ฉันนี่แหละจ้าวนรก - บทที่ 265 ฮนดะ เฮฮาจิ ทาดาคัตสึ (3)
บทที่ 265: ฮนดะ เฮฮาจิ ทาดาคัตสึ (3)
กรุบ กรุบ กรุบ …กองกำลังสีแดงและกองทหารสีดำของโอดะโนบูนางะควบม้าข้ามผิวน้ำอย่างรวดเร็ว ขณะที่พวกเขาเคลื่อนที่ไปข้างหน้า เสื้อโครงไม้ไผ่ที่มีผ้าคลุมทัพของพวกเขาก็ค่อย ๆ เปิดออกราวกับผีเสื้อที่กางปีก ทั้งหมดลากหอกของตนไปบนผิวน้ำด้วยท่าทีดุร้าย โนบูนางะนำทัพทั้งหมด ในขณะที่กองทัพทหารม้าตามไปติด ๆ เบื้องหน้าของเขาประมาณหนึ่งกิโลเมตร ชุดเกราะสีขาวของอะซะอิ นะงะมะซะเปล่งประกายราวกับดวงจันทร์ที่สว่างไสวในค่ำคืนที่ไร้แสงดาว ล้อมรอบด้วยกองกำลังส่วนตัวของอิซานามิจำนวนกว่า 3,000 นาย
ไม่มีฝ่ายไหนถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว นี่คือสุดยอดความเกลียดชังและความปรารถนาที่ยาวนานกว่า 400 ปี ความเกลียดชังในการที่ลูก ๆ ของตนถูกสังหาร รวมถึงความปรารถนาที่จะล้างแค้นสำหรับการทรยศที่ไม่อาจให้อภัย แต่เหนือสิ่งอื่นใด โนบูนางะต้องการที่จะประกาศให้ญี่ปุ่นได้รับรู้ถึงการกลับมาของราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6 ด้วยการสังหารหมู่ครั้งใหญ่
ในขณะเดียวกัน ฮนดะทาดาคัตสึเองก็พุ่งเข้าใกล้เรือมากขึ้น นำทัพอย่างหาญกล้า กองกำลังทั้งสองที่เข้าปะทะกันต่างแยกตัวออก เปิดทางให้เขาได้เป็นอย่างดี โดยไม่แม้แต่หันกลับไปมองกองกำลังขอตัวเอง เขาผิวปากเสียงดังและลากหอกทมโบคิริไปตามผิวน้ำขณะที่วิ่งผ่านทหารม้าทั้งหมดและตรงไปที่เรือสำราญซึ่งอยู่ตรงหน้า
ในสายตาของอะซะอิ นะงะมะซะ …เวลานี้มีเพียงภาพของโนบูนางะเท่านั้น ทันทีที่ทาดาคัตสึมุ่งหน้าผ่านกองกำลังของโนบูนางะ เครื่องบินกระดาษบนท้องฟ้าก็ร่อนตัวลงมาและบินอยู่เหนือผิวน้ำ กองกำลังส่วนตัวของอิซานามิได้เคลื่อนไหวในที่สุด
พลังหยินปะทุออกมาจากร่างของพวกเขาและปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดชักดาบของตนออกมาและพุ่งเข้าใส่ศัตรูโดยไม่คิดจะหวาดกลัวกองกำลังทหารม้าที่เคยเหยียบย่ำญี่ปุ่นในยุคเซ็งโงกุเลยแม้แต่น้อย 300 เมตร… 200 เมตร… 100 เมตร… เวลานี้ ทั้งสองฝ่ายพุ่งเข้าหากันด้วยความเร็วสูงสุด จากนั้น พร้อมกับเสียงที่ดังสนั่น กองกำลังทั้งสองเข้าปะทะกันในที่สุด
ไม่มีการอ่อนข้อให้กันแม้แต่น้อย การฟาดฟันอันทรงพลังของดาบคาตานะปะทะเข้ากับค่ายกลหอกอย่างไม่ลดละ กองกำลังส่วนตัวของอิซานามิเข้าปะทะกับกองกำลังทหารม้าที่แข็งแกร่งโดยตรง ภายในไม่กี่วินาที พลังหยินแพร่กระจายไปทั่วทุกที่และปกคลุมไปทั่วผิวน้ำ และสนามรบของวิญญาณนับพันก็ดูไม่ต่างอะไรกับนรกบนดิน
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นที่ใจกลางสนามรบ กลุ่มก้อนพลังหยินที่น่าสะพรึงกลัวหมุนวนไปรอบ ๆ ราวกับกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ ในขณะที่เปลวไฟนรกสีเขียวหยกลอยอยู่รอบ ๆ อย่างน่าขนลุก แรงระเบิดของการปะทะส่งผลให้น้ำทะเลจำนวนมากกระจายตัวไปรอบทิศทาง มีบางครั้งที่เขาเห็นเหล่าวิญญาณกรีดร้องขณะที่ลอยไปในอากาศก่อนจะกลายเป็นพลังหยินที่กระจัดกระจายไปโดยรอบ ฉินเย่กัดฟันแน่นและละสายตาจากสนามรบ จากนั้นจึงมองไปยังบุคคลบนหลังม้าที่กำลังพุ่งตรงมาหาเขา
กองกำลังทั้งหมดของทาดาคัตสึได้ถูกดึงเข้าไปในการต่อสู้กับกองกำลังของโนบูนางะแล้ว แต่ถึงกระนั้นมันก็เห็นได้ชัดเจนว่าทาดาคัตสึไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเท่าไหร่นัก เขาคือชายที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในความสามารถของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงตั้งใจที่จะจัดการคู่ต่อสู้ของเขาด้วยตัวเอง
แรงกดดันที่รุนแรงแผ่ออกมาจากร่างของเขาอย่างเงียบ ๆ ท่าทางมั่นใจของอีกฝ่ายทำให้ลมหายใจของฉินเย่เริ่มติดขัด
500 เมตร… 300 เมตร… 100 เมตร ! แม้ว่าจะอยู่ในสถานะยมทูต แต่หน้าผากของเด็กหนุ่มในเวลานี้กลับเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเย็น ดวงตาของเขาวูบไหวอย่างกระสับกระส่าย จากนั้นหมิงชีหยินก็เอ่ยขึ้นเบา ๆ “ไม่จำเป็นต้องมองไปรอบ ๆ มันไม่มีทางให้เจ้าหนี”
“… เราพอจะเหลือตัวเลือกอื่นบ้างหรือไม่ ?”
“ไม่มี ข้าได้ใช้ไพ่ตายสุดท้ายอย่างการสำแดงพลังอำนาจของท่านเปาไปแล้ว และข้าก็เกรงว่าข้าคงจะไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ นอกจากนั้น… นี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ข้าสามารถรับมือได้” หมิงชีหยินอธิบาย “ข้าได้ส่งข้อความไปหาอาร์ตี้เมื่อสองสามชั่วโมงก่อนเพื่อขอความช่วยเหลือจากนาง อย่างเร็วที่สุด นางก็น่าจะมาถึงที่นี่ภายในหนึ่งชั่วโมง เจ้าจะต้องยื้อไว้ให้ถึงตอนนั้นให้ได้ !”
หนึ่งชั่วโมง !
จิตสังหารที่ถูกส่งมานั้นรุนแรงมาก และมันก็ยิ่งกดดันเขามากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ จากนั้นทันทีที่พวกเขาสบตากัน รัศมีอันตรายของทาดาคัตสึก็ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง เม็ดเหงื่อเย็นกลิ้งลงจากหน้าผากของฉินเย่ขณะที่เขาคว้ากระจกโบราณและยัดมันไว้บริเวณอกเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
ทำอย่างไรดี… เขาจะทำอย่างไรดี ?!
เขาไม่เผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายที่มีจิตวิญญาณต่อสู้ที่รุนแรงและความสามารถที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้มาก่อน ! และนี่ก็ไม่ใช่วิญญาณร้ายของจีนด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นมันจึงไม่สามารถใช้อำนาจปราบปรามที่ยมทูตจีนมีต่อวิญญาณของจีนได้ ! และเราก็กำลังพูดถึงชายผู้ซึ่งเป็นตำนานในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่… เขาจบแล้ว… อีกฝ่ายคงจะฟาดฟันเขาจนเหลือแต่กระดูกเป็นแน่ !
ราวกับสัมผัสได้ถึงความกระสับกระส่ายของฉินเย่ ทาดาคัตสึแย้มรอยยิ้มเย็นภายในหมวกนับรบเขากวางที่สวมอยู่ จากนั้น ในวินาทีที่เขามาถึงที่ตรงหน้าของเรือสำราญ ม้าศึกของเขาก็หยุดลงอย่างกะทันหันพร้อมกับเสียงร้องที่ดังลั่น และเขาก็เหวี่ยงหอกในมือของตนไปทางเรือสำราญอย่างดุเดือด !
ตู้ม !!
ฉินเย่มองภาพที่เกิดขึ้นด้วยความกลัวขณะที่ผืนน้ำด้านหน้าของทาดายูกิยกตัวสูงขึ้นสิบเมตร ในขณะที่สายลมที่รุนแรงทำให้เรือทั้งลำโอนเอนอย่างรุนแรง แม้แต่ฉินเย่เองก็อดไม่ได้ที่จะก้าวถอยไปด้านหลังเมื่อแรงลมดังกล่าวปะทะเข้ากับเขาโดยตรง
บ้าไปแล้ว… นี่มันพลังเหนือมนุษย์แบบไหนกัน ?!
นี่คือคู่ต่อสู้ที่เขากำลังจะสู้ด้วยจริง ๆ น่ะหรือ ?! “เจอตัวแล้ว” ม่านน้ำที่ยกตัวสูงขึ้นบนฟ้าตกลงมาราวกับแก้วที่แตกสลาย เผยให้เห็นร่างที่น่าเกรงขามของทาดาคัตสึอย่างชัดเจน ฉินเย่อ้าปากค้างด้วยความหวาดกลัวขณะที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญก่อนจะตะโกนว่า “ท่านนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดหยุดด้วยเถอะ !”
ทาดาคัตสึกระโดดลงจากหลังม้าอย่างสง่างามราวกับนกที่สยายปีก และลงมายืนบนเรือสำราญพร้อมกับเสียงดังสนั่น ตอนนี้เขายืนอยู่ห่างจากฉินเย่ไม่ถึงสิบเมตร และเขาก็ใช้หอกทมโบคิริที่ยาวหกเมตรของตัวเองไปที่ลำคอของฉินเย่ “หืม ? เจ้ามีคำพูดอะไรจะสั่งเสียหรือไม่ ?”
มีเพียงหลังจากที่ทาดาคัตสึได้มายืนอยู่ตรงหน้าแล้วที่ฉินเย่ถึงเข้าใจในที่สุดว่ารัศมีที่ยิ่งใหญ่จนเกินต้านทานนั้นแท้จริงแล้วเป็นเช่นไร
มันคือความกล้าหาญที่เกิดขึ้นจากการสังหารทหารนับพันและหล่อหลอมเป็นประวัติที่ไม่เคยได้รับบาดเจ็บหลังจากที่ผ่านการสู้รบมามากมายหลายสิบครั้ง การมาถึงของอีกฝ่ายทำให้อากาศรอบ ๆ เขาถูกแช่แข็งโดยสมบูรณ์ ปลายหอกยังคงอยู่ห่างจากลำคอของฉินเย่อเกือบสี่เมตร แต่เด็กหนุ่มกลับรู้สึกราวกับว่ามันสามารถแทงเข้ามาที่คอของเขาได้ทุกเวลา
ฉินเย่ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้มามีส่วนร่วมในการต่อสู้เช่นนี้ ! โดจินซัง จินโกะซัง ! หายหัวไปไหนกันหมด ?!
เขายอมรับเลยว่าตัวเองกำลังกลัว… ฉินเย่สูดหายใจเข้าช้า ๆ แต่คำพูดที่ออกมาจากปากของเขากลับน่าตกใจเป็นอย่างมาก “ท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ ท่านเคยคิดที่จะสวามิภักดิ์กับยมโลกของจีนบ้างหรือไม่ ? เพียงแค่ท่านพยักหน้าเบา ๆ ข้าจะรีบรายงานเรื่องนี้ให้กับทางยมโลกทันที และพวกเขาก็จะแต่งตั้งให้ท่านเป็นแม่ทัพใหญ่ของเรา !”
หมิงชีหยินจ้องมองฉินเย่ราวกับมันเห็นผี ทำไม… นี่เป็นภาพของว่าที่จ้าวนรกที่กำลังสนทนากับศัตรูของเขาท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือดมิใช่หรือ ? เหตุใดมันถึงรู้สึกอยากที่จะฉีกแขนขาและร่างของเขาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกัน ?
มันหมายถึง… หากเป็นผู้อื่นที่ได้เผชิญหน้ากับบุคคลระดับตำนานในยุคเซ็งโงกุ ความคิดแรกที่เข้ามาในหัวของพวกเขาจะไม่ใช่ต้องต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของจีน แต่เป็นการเชิญเขาเข้ามาเป็นแนวร่วมในกองกำลังอย่างนั้นหรือ ?
ควรค่าแล้วที่เจ้าเด็กนี่จะถูกเรียกว่าเป็นว่าที่จ้าวนรกที่อ่อนแอที่สุดในประวัติศาสตร์ของยมโลก…
อันที่จริง แม้แต่ทาดาคัตสึเองก็ตกตะลึงไปกับคำพูดของฉินเย่
นี่มัน… ค่อนข้างแตกต่างจากที่เขาคาดการณ์เอาไว้…
ต้องขอชื่นชมเลยว่าฉินเย่นั้นเป็นเจ้าแห่งการเสแสร้งที่แท้จริง เพราะแม้ว่าจะสบตากัน เด็กหนุ่มก็ไม่เผลอก้าวถอยหลังเลยแม้แต่น้อย เขาทำเหมือนกับว่าตัวเองมีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่และไม่สามารถโจมตีได้ ผู้ที่แบกความยิ่งใหญ่ของยมโลกเอาไว้ พวกเขาทั้งคู่ต่างอยู่ขั้นยมทูตขาวดำ ดังนั้นทาดาคัตสึจึงคาดหวังว่าฉินเย่จะสู้กับตน แต่ผู้ใดจะไปคิดว่าการโจมตีแรกที่ฝ่ายตรงข้ามปล่อยออกมาจากเป็นคำพูดหว่านล้อมพวกนี้กัน ?
ทว่าสิ่งที่ได้กลับมามีเพียงความเงียบเท่านั้น หัวใจของฉินเย่ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขารีบเอ่ยต่อ “ท่านแม่ทัพทาดาคัตสึ ท่านเองก็คงจะรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของยมโลกเป็นอย่างดี เหตุใดท่านจึงยอมเป็นเพียงเบี้ยตนหนึ่งในเมืองใต้พิภพกัน ? ยมโลกของจีนไม่เคยผูกมัดหรือเมินเฉยต่อผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นท่าน การได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางของท่านในยมโลกเท่านั้น หลังจากนั้น ท่านอาจมีโอกาสได้เลื่อนขั้นเป็นฝู่จวิน และอาจจะถึงขั้นพระยมเลยก็เป็นได้ นอกจากนี้มันยังมีทรัพยากรอีกมากมายให้ท่านได้เลือก !”
“ที่สำคัญที่สุด จำนวนประชากรวิญญาณในยมโลกนั้นมีมากกว่าพันล้านตน ! มันยังมีวิธีอีกมากมายที่ท่านจะได้ก้าวไปอยู่ในจุดสูงสุด การอยู่ในสถานที่ที่เล็กและจำกัดอย่างญี่ปุ่นจะมอบโอกาสให้กับท่านได้มากเพียงใดกัน ? อย่างมากที่สุด ท่านก็คงได้รับมอบหมายให้ดูแลเมือง ๆ หนึ่งเท่านั้น แต่ที่ยมโลกของเรานั้นไม่เหมือนกัน ! เพียงแค่ท่านตกลงร่วมมือกับเรา การได้ปกครองมณฑลทั้งมณฑลนั้นไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป ! และหากเรามองดูดี ๆ มันคงจะใช้เวลาเพียงไม่นานที่ผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างท่านจะได้รับตำแหน่งประธานและแต่งงานกับสาวงาม ท่านจะได้เดินไปสุ่จุดสูงสุดของชีวิตได้อย่างรวดเร็ว !”
เด็กหนุ่มเอ่ยออกไปอย่างรวดเร็วและกระชับที่สุดเท่าที่จะทำได้ หัวใจของเขาเต้นรัวขณะที่สายตายังคงจ้องเขม็งไปที่ร่างตรงหน้า
ในที่สุดทาดาคัตสึก็แสดงท่าทีอ่อนลง
เปลวไฟนรกในดวงตาของเขาค่อย ๆ สงบลง ซึ่งสำหรับฉินเย่แล้ว นั่นเป็นสัญญาณบอกว่าเขาสามารถทำให้อีกฝ่ายสงบใจลงได้สำเร็จ จากนั้น จู่ ๆ ทาดาคัตสึก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “พูดได้ดี”
ฉินเย่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ถ้าเช่นนั้น…”
“แต่” ทาดาคัตสึเอ่ยขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก “ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้ากำลังครอบครองของที่สามารถทำให้ข้ากลายเป็นผู้ที่ปกครองญี่ปุ่นได้ แม้แต่อิซานามิก็ต้องยอมอยู่ภายใต้อำนาจนี้ และในเมื่อข้าสามารถเป็นผู้ปกครองแผ่นดินของตนเองได้ เหตุใดข้าจึงต้องยอมไปเป็นแค่แม่ทัพด้วยเล่า ?”
ทันทีที่เอ่ยจบ หอกในมือของเขาก็พุ่งออกไป หมายจะแทงเข้าไปที่ลำคอของฉินเย่
เร็วมาก !
ผู้ใดก็ตามที่พุ่งเข้าไปในสนามรบด้วยรัศมีอันยิ่งใหญ่และหัวใจที่ร้อนรุ่ม แต่กลับต้องเผชิญหน้ากับความเฉยเมยของคู่ต่อสู้ย่อมไม่สามารถกระตุ้นความตั้งใจสู้ในจิตใจของตนได้ในทันที แต่นั่นไม่ใช่ในกรณีของฮนดะ ทาดาคัตสึ
การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็วจนเหลือเพียงภาพติดตาในอากาศ ฉินเย่ที่สัมผัสได้ถึงความตายที่เข้ามาใกล้ก็รีบหลบการโจมตีนั้นโดยสัญชาตญาณทันที
แต่เขาก็ไม่มีโอกาสให้ได้โต้กลับเลยแม้แต่น้อย
วินาทีนั้น เขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรงและหนาแน่นซึ่งกดทับลงมาบนร่างของเขาจากทุกทิศทาง และดวงตาของเขาก็จับจ้องไปที่หอกที่พุ่งมาหาตน จากนั้น ทันทีที่เขาถอยหลบการโจมตีที่อาจถึงตาย ไม้ขกสังปั๊งของเขาก็พลันคลี่ตัวออกคล้ายกับร่มและป้องกันการโจมตีจากหอกอย่างรวดเร็ว
ในเสี้ยววินาทีต่อมา เขารู้สึกถึงความอุ่นที่ไหลลงมาตามลำคอ เด็กหนุ่มยกมือขึ้นแตะคอของตัวเองด้วยความเหลือเชื่อ และเขาก็ต้องสะดุ้งด้วยความเจ็บปวด ทั้งฝ่ามือของเขาเปื้อนไปด้วยของเหลวสีแดงเข้ม มันเป็นตอนนั้นเองที่ฉินเย่ตระหนักได้ว่าแค่แรงลมจากการแทงหอกของคู่ต่อสู้ มันก็แหลมคมจนสามารถตัดผ่านการป้องกันศักดิ์ศรีแห่งอำนาจและสร้างบาดแผลที่ยาวห้าเซนติเมตรที่ข้างลำคอของเขาได้แล้ว !
แต่ฉินเย่ก็ไม่ได้มีเวลาพอให้พักหายใจแต่อย่างใด หอกตรงหน้ายังคงพุ่งตรงมาที่เขาราวกับมังกรที่ร่ายรำ ในขณะที่อากาศที่อยู่รอบ ๆ เขาเริ่มส่งเสียงแตกราวกับมันถูกตัดโดยหอกที่มีพลังทำลายล้างของทาดาคัตสึ ในวินาทีนั้น ฉินเย่รู้สึกราวกับว่าหอกนั้นพุ่งมาหาเขาจากทุกทิศทาง และเขาก็อดคิดไม่ได้ว่าหอกที่มีความยาวถึงหกเมตรสามารถถูกใช้ด้วยความยืดหยุ่นและรวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร
เพล้ง เพล้ง เพล้ง …เกราะป้องกันของศักดิ์ศรีแห่งอำนาจไม่สามารถใช้ได้กับการโจมตีของทาดาคัตสึ และฉินเย่ก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันแน่นและฝากชีวิตของตัวเองไว้กับไม้ขกสังปั๊งของตัวเอง การตอบโต้นั้นไม่ได้อยู่ในตัวเลือกแต่อย่างใด แรงที่ตามมาพร้อมกับการแทงหอกทีละครั้งนั้นรุนแรง ทำเอาเด็กหนุ่มรู้สึกไม่ต่างอะไรกับใบไม้ที่ถูกพัดไปมาในพายุขนาดใหญ่ มันรู้สึกเหมือนว่าตะเกียงไฟแห่งชีวิตในร่างของเขาพร้อมที่จะดับไปได้ทุกเมื่อ
“ท่านแม่ทัพ… หยุดก่อนเถิด ! เรายังสามารถเจรจากันได้ !!” ฉินเย่ที่หลบอยู่ด้านหลังไม้ขกสังปั๊งของตนตะโกนออกไปสุดเสียง หมิงชีหยินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตีอีกฝ่ายอย่างแรงภายใต้เสื้อ “เจ้า… คงจะไม่ได้…”
“หุบปาก!” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาของเด็กหนุ่มสั่นเทา “ตอนนี้เรายังสามารถทำอะไรได้บ้าง ?”
ขณะที่พวกเขาพูด การโจมตีของทาดาคัตสึยังคงถาโถมลงมาที่ไม้ขกสังปั๊งอย่างหนักหน่วงราวกับสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาบนร่มที่อ่อนแอ การโจมตีของเขานั้นทรงพลังและโหดเหี้ยม อันที่จริง ทุกการโจมตีของเขานั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่ยิ่งใหญ่จนมันรู้สึกราวกับว่าเขาต้องการที่จะเจาะทะลุภูเขาไท่ซานให้เป็นรูไม่มีผิด !
“ยังสามารถใช้พลังหยินได้ตามปกติ…” หมิงชีหยินกัดฟันกรอด
ตู้ม !!! เสียงระเบิดดังสนั่น แต่ฉินเย่ก็ยังไม่กล้ายื่นหน้าออกมาจากใต้การคุ้มกันของไม้ขกสังปั๊งเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นด้านนอก การโจมตีของทาดาคัตสึนั้นดุดันจนมันสามารถสร้างอาณาเขตแห่งการทำลายล้างอยู่รอบตัวของเขา และฉินเย่ก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองติดอยู่ในใจกลางของตาพายุขนาดใหญ่ จากนั้นเขาก็ตะโกนออกไปสุดเสียง ตัดคำพูดของหมิงชีหยินไปโดยปริยาย “พอได้แล้ว ! ข้าจะให้ในสิ่งที่ท่านต้องการ !!”
อ๊ากกก !!! เจ้าจะทำเช่นนี้จริง ๆ น่ะหรือ… ดวงตาของหมิงชีเหม่อลอย แต่เหตุใดมันถึงรู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรมากกว่าที่เห็นกัน…
หอกที่พุ่งเข้ามาอย่างรุนแรงหยุดลงทันที ฉินเย่ยื่นหน้าออกมามองจากด้านหลังของไม้ขกสังปั๊งก่อนจะรีบหดหัวกลับเข้าไปอีกครั้ง จากนั้นเขาก็กระแอมออกมาเบา ๆ “เราจะแยกกันทันทีที่ข้าส่งมันให้กับท่าน แต่… ข้าจะต้องรายงานเรื่องนี้ให้กับทางยมโลกได้ทราบ และท่านจะต้องถูกยมโลกตามล่าไปจนสุดขอบโลก ท่านแน่ใจว่าต้องการให้มันเป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่ ?”
ทาดาคัตสึหัวเราะออกมาเสียงดัง ยิ่งเขาเข้ามาใกล้ เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่เขากำลังตามหานั้นอยู่แถว ๆ นี้ นอกจากนั้นเขายังสามารถบอกได้ด้วยว่าของที่อยู่ในความครอบครองของฉินเย่นั้นไม่ได้ทรงพลังน้อยไปกว่าสมุดแห่งความเป็นตายเลยสักนิด !
ทันทีที่เขาได้มันมา… การก้าวข้ามอิซานามิก็จะเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น ! เขาจะหลบหนีไปยังเกาหลีหรือไม่ก็มลายูและเริ่มรวบรวมกองกำลังของตัวเอง เขาอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าเมื่อถึงเวลานั้นอิซานามิจะมองเขาอย่างไร !
พวกขนนกทมิฬ ?
แต่พวกขนนกทมิฬจะสามารถสู้กับเขา ฮนดะ เฮฮาจิ ทาดาคัตสึได้อย่างไร ?
“ด้วยเจ้ากับกองกำลังใดกัน ?” เขาหัวเราะและเอ่ยกับฉินเย่เสียงเย็น “ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งนาที ส่งมันมาและข้าอาจจะปล่อยเจ้าไป แต่หากเจ้ามีท่าทีไม่น่าไว้วางใจเมื่อใด… เจ้าก็อย่ามาโทษข้าที่เปลี่ยนให้ทะเลแห่งนี้เป็นหลุมฝังศพของเจ้าก็แล้วกัน !”
“เจ้าจะมอบมันให้กับเขาจริง ๆ น่ะหรือ ?!” หมิงชีหยินเดือดดาลเป็นอย่างมาก เด็กหนุ่มเอื้อมมือเข้ามาแล้ว… จ้าวนรกที่ไร้ยางอายที่สุดในโลกฉินเย่ได้เอื้อมมือเข้ามาในเสื้อเพื่อหยิบวัตถุศักดิ์สิทธิ์ !
กล้าดีอย่างไร ?! เจ้ากล้าดีอย่างไร ?!
จ้าวนรกกำลังจะมอบตราจ้าวนรกให้กับศัตรูเนี่ยนะ ?! นี่มันเป็นความน่าอัปยศแบบใดกัน ?! บ้าเกินไปแล้ว !!
ทว่าทันใดนั้น ท่ามกลางความตกตะลึงอย่างเหลือเชื่อของหมิงชีหยิน มันเฝ้ามองด้วยความหวาดกลัวขณะที่มือของฉินเย่ที่เลยผ่านเศษตราจ้าวนรกและคว้าเข้าที่ร่างของมัน กระจกส่องกรรม และร่อนมันไปให้กับฮนดะ ทาดาคัตสึ
เจ้าเด็กนั่นส่งมัน…
ส่งมัน…
ให้ศัตรู… !
ผู้ใดจะไปคิดว่า กระจกส่องกรรมจะถูกมอบให้กับวิญญาณญี่ปุ่นราวกับของขวัญ… หมิงชีหยินรู้สึกถึงความอัปยศและความโกรธเกรี้ยวที่พุ่งสูงขึ้นถึงขีดสุด แต่ทันใดนั้น ขณะที่พื้นผิวกระจกเริ่มที่จะเปล่งแสงออกมา มันก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของฉินเย่ขึ้นมาได้
“ตอนนี้เรายังสามารถทำอะไรได้บ้าง ?”
มันเป็นประโยคที่สั้นและเรียบง่าย แต่ในวินาทีนั้น ขณะที่มันลอยผ่านหอกยาวและตกไปอยู่ในมือของทาดาคัตสึ หมิงชีหยินก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง…