ฉันนี่แหละจ้าวนรก - บทที่ 331 ราชาผีแห่งพิภพอสูร
บทที่ 331: ราชาผีแห่งพิภพอสูร
กวนเกินไม่ได้สังเกตเห็นประกายเย็นยะเยือกในดวงตาของฉินเย่เลยแม้แต่น้อย เขาเอ่ยต่อ “แต่นั่นก็เป็นก่อนที่เขาจะหายตัวไปอย่างกะทันหัน ไม่คิดเลยว่าพอได้กลับมาเจอกันอีกครั้งเราก็อยู่กันคนละโลกเสียแล้ว…”
“ผมเสียใจด้วย” ฉินเย่ตอบออกไปด้วยเสียงที่ค่อนข้างแหบพร่า
กวนเกินหันกลับมาและจ้องหน้าของฉินเย่ ริมฝีปากของเขาสั่นเทาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามออกมาในที่สุด “เขา… ตายอย่างไร ?”
“วิญญาณร้ายขั้นยมทูตขาวดำ ผมโชคดีที่อุตส่าห์รอดมาได้” เด็กหนุ่มตอบอย่างอ่อนแรง
“คุณดูไม่ค่อยจะรู้สึกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนะ”
“ทำไมผมต้องรู้สึกอะไรด้วย ?” คำตอบของฉินเย่นั้นเรียบนิ่ง “มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยสอบสวนพิเศษถูกฆ่าตายตั้งหลายสิบคนต่อวัน ผมควรจะรู้สึกเสียใจและหดหู่เกี่ยวกับการตายของพวกเขาทุกคนเลยหรือ ? คุณกวนครับ นี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงไม่เคยถูกสั่งย้ายออกจากเมืองซินคังใหม่เลย…”
คำตอบของเขานั้นตรงไปตรงมา แต่กวนเกินก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะลุกขึ้นยืน “ผมคิดมากไป”
“ถ้าอย่างนั้น… อาจารย์ฉิน ลาก่อน นอกจากนี้ เที่ยวบินของคุณกลับไปยังเมืองเป่าอันจะเดินทางในอีกสามวัน แล้วก็… ผมหวังว่าสิ่งที่คุณพูดเมื่อครู่นี้จะความจริง” เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่ออย่างสื่อความหมาย “เพื่อนร่วมงานของเขาจะต้องสืบสวนเรื่องนี้อย่างถึงที่สุดแน่นอน”
ฉินเย่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ปั้ง ! ประตูห้องผู้ป่วยถูกปิดลงในที่สุด
จากนั้น เขาก็เป็นเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในห้อง ฉินเย่หยิบผลไม้ขึ้นมาปอกเปลือกและทาน จากนั้นความรู้สึกเหนื่อยล้าก็ถาโถมเข้ามา
เหนื่อยจริง ๆ…
สองสามวันที่ผ่านมานี้เขายุ่งจนนี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ทั้งสมองและร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุด
ถึงเวลาพักเสียที… เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก สวิตช์ไฟถูกติดอยู่ที่หัวเตียง เขาบิดปุ่มของมันและไฟก็ดับลง ทว่าทันใดนั้นเอง… ขณะที่เขากำลังจะซักมือกลับมา ฉินเย่ก็สะดุ้ง มันแทบจะเหมือนกับว่าเขาถูกไฟช็อตอย่างรุนแรง
ฟึ่บ ! พลังหยินภายในกายเริ่มไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด เด็กหนุ่มกลิ้งตัวไปที่ด้านข้าง ดึงอุปกรณ์การแพทย์ที่ติดอยู่กับร่างของตนออกและหมอบตัวลงราวกับเสือชีตาห์ที่พร้อมจะกระโดดเข้าหาเหยื่อ สายตาของเขามองไปรอบ ๆ อย่างหวาดระแวง หัวใจเต้นเร็วขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อครู่นี้ ตอนที่เขาชักมือกลับมา เขารู้สึกเหมือนกับ… มีมือของใครอีกคนมาสัมผัสที่มือของตัวเอง !
มันเย็นและแข็งทื่อ
แทบจะเหมือนกับมือของคนที่ตายมาเป็นเวลานานมากแล้ว !
อีกความหมายหนึ่งก็คือมันยังมีใครอีกคนซ่อนตัวอยู่ภายในห้องนี้ และมันก็เป็นคนที่ตายแล้วเสียด้วย คนตายที่ขยับร่างได้ !
พรึ่บ ! บานหน้าต่างภายในห้องเปิดออก ผ้าม่านปลิวไปตามแรงลม ภายใต้แสงสลัวของดวงจันทร์ ไม่นานฉินเย่ก็พบว่า… มีร่างอีกร่างหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างเตียงของตน !
นี่เป็นห้องผู้ป่วยสำหรับสองคน และเตียงที่อยู่ด้านข้างของเขาก็ควรจะว่างเปล่า แต่ตอนนี้ มีร่าง ๆ หนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่ขอบของเตียงดังกล่าวโดยที่หลังตั้งตรง จากนั้น อีกฝ่ายก็เริ่มร้องไห้ออกมา
ฮึก… ฮืออ… เสียงของเขาแหบพร่าและแฝงไปด้วยความน่ากลัวที่ไม่สามารถอธิบายได้ ห้องพักผู้ป่วยในยามราตรี หน้าต่างถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน สายลมที่พัดเข้ามาส่งผลให้ผ้าม่านในห้องกระพืออย่างรุนแรง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้ฉินเย่ขนลุกขึ้นมาทันที
ฮือออ… ฮึก… ฮือออ ฮือออ…
เสียงร้องของเขาดังขึ้นสลับกันเสียงของสายลม และมันก็ฟังดูเหมือนว่าเขากำลังสะอื้นอยู่ ซึ่งมันก็เป็นภาพที่น่ากลัวจนทำให้ขนของฉินเย่ลุกไปทั้งร่างเช่นกัน เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้าช้า ๆ และแตะมือไปที่เศษตราจ้าวนรกของตนเอง
วิญญาณร้าย…
นี่คือการมาถึงของวิญญาณร้าย
นอกจากนี้… อีกฝ่ายยังแข็งแกร่งกว่าขั้นยมทูตขาวดำอีกด้วย ! ถึงสามารถพรางตัวมาอยู่ข้างเขาโดยที่เขาไม่สามารถตรวจจับได้เช่นนี้ !
แต่ขณะที่เขากำลังจะใช้งานเศษตราจ้าวนรก จู่ ๆ โทรทัศน์ตรงหน้าของเขาก็กะพริบและถูกเปิดขึ้น
มันเป็นโทรทัศน์สมัยใหม่ แต่ภาพที่ปรากฏกับเป็นเม็ดสีขาวดำ เมื่อฉินเย่มองไปยังภาพดังกล่าว เขาก็พบว่ามันเป็นภาพของทางเดินที่เต็มไปด้วยผู้คน
คนตาย
กลุ่มคนที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลังหยินที่หนาแน่น ศพที่มีชีวิต
เด็กหนุ่มมองเห็นหน้าของคนเหล่านั้นไม่ชัดเจน แต่เขาสามารถบอกได้จากเฉดสีเทาที่แตกต่างกันได้ว่าคนเหล่านั้นสวมชุดสีเขียว ดำ น้ำเงิน และขาว แถมคนเหล่านั้นยังถือร่มกระดาษน้ำมันเก่าที่สูงเกือบถึงเพดาน พวกเขายืนเรียงกันเป็นสองแถวพร้อมกับถือระฆังในมือ ค่อย ๆ ลอยมาตามโถงทางเดินของโรงพยาบาล พลังหยินที่ก่อตัวอยู่ด้านหลังของพวกเขาราวกับคลื่นยักษ์ แอ๊ดด ! ทันใดนั้นเอง เสียงแง้มประตูห้องพักของเขาก็ดังขึ้น
ฉินเย่ขนลุกไปทั่วทั้งร่าง
นี่คือความกลัวที่แตกต่างไปจากสิ่งที่เขาเคยเผชิญหน้ามาในอดีต มันทั้งเงียบและอึดอัดจนหายใจไม่ออก
เม็ดเหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นบนหน้าผาก ฝ่ามือเปียกชื้น เขากำเศษตราจ้าวนรกแน่น นี่เป็นไพ่ตายสุดท้ายที่เด็กหนุ่มเหลืออยู่
อ๊ากกก… ฮือออ… เสียงร้องคร่ำครวญของวิญญาณร้ายดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ราวกับประตูห้องของเขาคือทางที่นำไปสู่ขุมนรกแห่งการลมทัณฑ์ทั้ง 18 แต่ละเสียงที่ดังออกมาเพิ่มความหวาดกลัวภายในใจของเขาได้เป็นอย่างดี เด็กหนุ่มกัดฟันแน่นและเริ่มใส่พลังของตนเข้าไปในเศษตราจ้าวนรก แต่เขาก็ต้องพบว่า…
มันไม่ได้ผล !
“ฝู่จวินมีอำนาจในการควบคุมการใช้พลังหยินภายในพื้นที่…” เสียงที่แหบพร่าดังก้องมาตามทางเดิน “ยมทูตขาวดำผู้อ่อนแอเอ๋ย… จงหยุดอยู่กับที่ของเจ้า…”
ราชาผี !
หัวสมองของฉินเย่ตื้อชา เขารู้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น !
มันคือการมาถึงของราชาผี !
เขาประเมินความสำคัญที่ราชาผียึดติดต่อการถือกำเนิดของยมโลกแห่งใหม่ต่ำเกินไป ! เม็ดเหงื่อเย็นไหลลงมาตามกรอบหน้า เขาไม่คิดเลยว่าราชาผีจะเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง
แอ๊ดดด… มือข้างหนึ่งเปิดประตูห้องของเขาอย่างช้า ๆ
ปั้ง… บานประตูกระแทกเข้ากับผนังห้องเสียงดัง ตัดผ่านความเงียบสงัดยามค่ำคืนได้อย่างชัดเจน
มือดังกล่าวขาวซีด แข็งและเย็นยะเยือก มันเต็มไปด้วยรอยจ้ำสีม่วงของศพ และปลายแขนเสื้อก็เผยให้เห็นเสื้อผ้าสีซีด เสี้ยววินาทีต่อมา ร่มกระดาษน้ำมันก็ยื่นออกมาจากประตูที่เปิดกว้างและกางออก ปกปิดร่างของชายที่อยู่ภายใต้แสงจันทร์สลัว จากนั้น ใบหน้าของอีกฝ่ายก็ยื่นออกมาเล็กน้อย ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรงและจ้องมองมาที่ฉินเย่ด้วยดวงตาแดงก่ำ
“!!!…” ฉินเย่กัดริมฝีปากของตัวเองขณะที่ระงับความรู้สึกที่แปรปรวนในจิตใจ จากนั้น ด้านนอกของประตู ร่มกระดาษคันที่สองก็ปรากฏขึ้น… และก็คันที่สาม… ภายในไม่กี่เสี้ยววินาที ทั้งทางเดินด้านนอกก็เต็มไปด้วยร่มกระดาษน้ำมันที่ถูกถือโดยวิญญาณจำนวนมากที่ผมเผ้าไม่เป็นทรง โผล่หน้าออกมาและจ้องมองฉินเย่ด้วยดวงตาแดงก่ำ และไม่นานฉินเย่ก็พบว่าทั้งหมดนี้… คือคนกระดาษ…
กรุ๊งกริ๊ง… กรุ๊งกริ๊ง… เสียงกระดิ่งดังขึ้นที่ทางเข้า เมื่อเสียงกระดิ่งดังก้องเข้ามา ฉินเย่ก็พบว่าผนังห้องพักของเราเริ่มลอกออกมาและเป็นรอย ราวกับว่ามันมีอายุมากขึ้นหลายสิบปีในไม่กี่วินาที
ตัวผนังมีสีเข้มขึ้นในขณะที่เชื้อราเริ่มปรากฏขึ้นให้เห็น คราบชื้นปรากฏขึ้นบนเพดาน จากนั้น… เลือดสีแดงเข้มก็เริ่มหยดลงมาที่พื้นราวกับหยดน้ำฝนที่รั่วลงมา ภายในไม่กี่วินาที เขารู้สึกราวกับตนเองถูกขังไว้ในห้องร้างมาเป็นเวลาหลายสิบปี
ในที่สุด ร่าง ๆ หนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ประตูทางเข้า เขาคือคนแรกที่ไม่ได้ถือร่มเข้ามา และทันทีที่ชายผู้นี้ปรากฏตัว คนกระดาษที่อยู่โดยรอบก็รีบคุกเข่าลงทันที ร่างดังกล่าวเปลี่ยนเป็นกลุ่มก้อนพลังและพุ่งตัวมาข้างหน้าก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าของฉินเย่ในลักษณะของกระแสน้ำวนพลังหยิน
“ยมทูต” พลังหยินก่อตัวอยู่ภายในกระแสน้ำวนก่อนจะก่อตัวเป็นภาพของใบหน้าที่บิดเบี้ยว “ยมทูตที่แท้จริง… ยมโลกยังมีอยู่จริง ๆ …ไม่น่าเชื่อ”
“ราชาผีแห่งพิภพอสูร ?” ฉินเย่เอ่ยด้วยความระแวดระวังเป็นอย่างมาก ความกลัวก่อตัวขึ้นในส่วนลึกของจิตใจ ส่งผลให้จังหวะการหายใจของเขาเริ่มติดขัด
“นี่เป็นเพียงการฉายภาพเท่านั้น เทพสวรรค์ที่ 20 มีสัญลักษณ์พลังหยินของข้าติดอยู่กับนาง ไม่ว่านางจะอยู่ที่ใด ข้าก็สามารถเปิดใช้สัญลักษณ์นี้และสร้างทางเชื่อมระหว่างเราขึ้นมาได้เป็นการชั่วคราว ถึงแม้ว่าตัวจริงของข้าจะไม่สามารถข้ามไปได้ แต่การฉายภาพและฆ่าเจ้านั้นไม่ใช่ปัญหาอะไร” คนกระดาษในกระแสน้ำวนเอ่ยช้า ๆ
ไม่คิดเลยว่าแค่การฉายภาพมายาของอีกฝ่ายจะสามารถทำให้เกิดความกดดันได้มากขนาดนี้… นี่คือพลังของขั้นฝู่จวินอย่างนั้นหรือ… ? ฉินเย่เงียบไป ภายในหัวของเขากำลังคิด คิดหาคำตอบที่จะทำให้เขาสามารถเอาตัวเองออกจากสถานการณ์ตรงนี้ได้
เขาจะเอาใจอีกฝ่ายได้อย่างไรบ้าง ?
มันจะต้องมีทาง… ความขัดแย้งพื้นฐานระหว่างราชาผีและเขาคืออะไร ? ตราบใดที่เขาสามารถแก้ปมนี้ได้ เขาก็มั่นใจว่าตัวเองจะสามารถทำให้อีกฝ่ายพอใจได้
ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา… และมันก็หลังจากผ่านไปหนึ่งนาทีเต็มก่อนที่ราชาผีแห่งพิภพอสูรจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ยมโลกแห่งใหม่… เป็นอย่างไรบ้าง ?”
“ไม่ดีนัก” ฉินเย่ถอนหายใจออกมาอย่างท้อใจ
เกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่ง
ราชาผีค่อนข้างประหลาดใจและสับสนกับคำตอบของเด็กหนุ่มตรงหน้า
นี่มัน… คำตอบอะไรกัน ?
ไม่ใช่ว่ามันควรจะเป็น ‘ยมโลกแห่งใหม่นั้นแข็งแกร่งและทรงพลัง และมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะกำจัดเจ้า’ หรอกหรือ ?
มันคือคำตอบที่พวกยมทูตตนก่อน ๆ มักจะพูดไม่ใช่หรือ ?
แต่เจ้า… คำสารภาพที่กะทันหันของฉินเย่เป็นสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินเลยสักนิด
ทว่าก่อนที่ราชาผีจะได้รวบรวมสติ ฉินเย่ก็เอ่ยออกมาว่า “ทั้งกงล้อแห่งสังสารวัฏและขุมนรกแห่งการลมทัณฑ์ทั้ง 18 ยังไม่ได้ถูกสร้างขึ้น ยมโลกแห่งเก่าล่มสลายไป และแมลงแห่งหายนะจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้นเพื่อกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีมรดกใดของยมโลกแห่งเก่าถูกส่งต่อให้เราเลยสักนิด ยมโลกแห่งใหม่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสร้างขึ้นใหม่ตั้งแต่ต้น”
ราชาผีแห่งพิภพอสูร “……”
ที่รัก ตื่นได้แล้ว !
เจ้าเป็นยมทูต ! ตอนที่เขียนชื่อของตัวเองลงบนบันทึกนรก เจ้าไม่ได้เอ่ยคำมั่นว่าจะกำจัดวิญญาณร้ายอย่างพวกเราออกไปจากโลกหรืออย่างไร ? ไม่ใช่ว่าพวกเราจะต้องเป็นศัตรูกันหรอกหรือ ? นอกจากนี้ เหตุใดเจ้าจึงปรึกษาปัญหาของยมโลกแห่งใหม่กับข้า ? เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันทำลายความตึงเครียดระหว่างเรามากเพียงใด ? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…
เขาไม่เคยเจอยมทูตที่เต็มใจเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตนเองมาก่อน… นี่เขาเจอยมทูตตัวปลอมหรือเปล่า ?
แต่ฉินเย่ก็ไม่ให้เวลาอีกฝ่ายในการรวบรวมความคิดเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มเอ่ยต่อโดยไม่เว้นจังหวะ “ท่านคิดว่าข้ากำลังโกหกใช่หรือไม่ ? ผิดแล้ว ลองนึกดู ท่านคิดว่ายมโลกแห่งใหม่มีผู้มีพรสวรรค์หรือไม่ ? ทุกคนล้วนถูกพาไปสวรรค์พร้อมกับพระกษิติครรภโพธิสัตว์แล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ท่านจ้าวนรกเพียงองค์เดียวเท่านั้นที่ยังอยู่ในยมโลก พวกเราทั้งหมดต่างยุ่งอยู่กับการก่อสร้าง ดังนั้นท่านคิดจริง ๆ น่ะหรือว่าเราจะมีเวลามาสนใจเรื่องของพวกท่าน ?”
คำพูดมากมายไหลออกมาจากริมฝีปากของฉินเย่ราวกับสายน้ำ เขารู้ดีว่าการพูดผิดแม้เพียงนิดเดียวอาจนำความตายมาสู่ตนเองได้ อันตรายที่มาถึงตัวอย่างกะทันหันทำให้อะดรีนาลีนเริ่มหลั่ง ความคิดมากมายผลุดขึ้นมาในหัว เขาเอ่ยต่อ “ทรัพยากรหรือ ? พวกเขากำลังเตรียมดินบนที่ดินผืนใหม่ทั้งหมด และปราศจากมรดกของยมโลกแห่งเก่า ดังนั้นเราจะไปหาทรัพยากรมาจากที่ใด ? นอกจากนี้ หากเรามีทรัพยากรจริงๆ ท่านไม่คิดว่าหรือว่าพวกท่านทั้งสองคงได้เห็นการต่อต้านจากยมโลกแห่งใหม่บ้างแล้ว ? อย่างน้อยพวกท่านก็คงจะเห็นยมทูตมากมายก้าวเข้าไปในอาณาเขตของท่านและเหล่าวิญญาณไปแล้ว พวกเราคงแค่เพียงแต่งตั้งนักล่าวิญญาณขึ้นมาสักร้อยตนเพื่อมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตของท่าน ท่านมีขั้นยมทูตขาวดำอยู่กี่ตน ? ท่านคิดหรือว่าตัวเองจะสามารถต้านทานกองกำลังของเราได้ ? คิดหรือว่าตัวเองจะสามารถนำหน้ายมโลกได้ ?”
นั่นดู… ค่อนข้างมีเหตุผล… คำพูดมากมายที่หลั่งไหลออกมาจากปากของฉินเย่เริ่มคลี่คลายบรรยากาศที่ตึงเครียดภายในห้อง แต่ถึงกระนั้นราชาผีก็ยังรู้สึกว่ามันยังมีอะไรบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องนี้…
“เมื่อไม่มีทรัพยากร พวกเราจะพัฒนาและเจริญเติบโตได้อย่างไร ? ท่านคงรู้ดีกว่าข้าด้วยซ้ำว่ามันต้องใช้ความพยายามมากเพียงใดในการสร้างกงล้อแห่งสังสารวัฏขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ต้น… ข้าสามารถพูดได้เลยว่ายมโลกแห่งใหม่ยังไม่มีอำนาจและเวลามากพอที่จะมาสนใจท่านในอีกอย่างน้อยหลายร้อยปี”
ใช่แล้ว… นั่นคือความขัดแย้งพื้นฐานที่เขากำลังหาอยู่ !
จุดประสงค์ของยมโลกก็คือทำโทษผู้ที่กระทำชั่วและตอบแทนผู้ที่กระทำดี ราชาผีทุกตนล้วนเคยทำสิ่งที่ไม่สามารถให้อภัยได้เมื่อครั้งที่ยังมีชีวิต และมันก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะหวาดกลัวที่จะถูกจับอีกครั้ง แต่…
นั่นเป็นเพียงความจริงสำหรับยมโลกแห่งเก่า
เป้าหมายของยมโลกแห่งใหม่นั้นถูกสรุปด้วยคำสั้น ๆ เพียงคำเดียว ‘เอาชีวิตรอด’ หยุดยั่วยุกองกำลังที่มีอำนาจ เอาใจทุกฝ่ายเท่าที่จะสามารถทำได้ และรวบรวมกองกำลังที่แข็งแกร่งก่อนที่จะเริ่มเดินทัพต่อต้านผู้อื่นอีกครั้ง
ราชาผีแห่งพิภพทั้งหกหรือ ?
ไม่ใช่เรื่องของยมโลก !!
“อันที่จริง ข้าเคยได้ยินท่านจ้าวนรกพูดบางอย่าง” ฉินเย่เว้นจังหวะอย่างชาญฉลาด “หากท่านสัญญาว่าจะไม่ทำชั่วและอยู่เงียบ ๆ จนกระทั่งยมโลกแห่งใหม่กลับมามีอำนาจอีกครั้ง… ท่านก็อาจจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่ของยมโลกแห่งใหม่ด้วย”
“ว่าไงนะ ?!” ราชาผีแห่งพิภพอสูรผงะไปทันที
นี่… จ้าวนรกองค์ที่สาม… เป็นสุนัขอย่างนั้นหรือ ?!
เขาเกรงว่าจ้าวนรกองค์ที่ 1 และองค์ที่ 2 คงจะรีบกระโดดออกมาจากหลุมทันทีหากพวกเขาได้ยินคำพูดเมื่อครู่นี้แน่ ๆ!
นี่เป็นการละเมิดจุดประสงค์ของยมโลกอย่างสิ้นเชิง ! เจ้า… เจ้าคนทรยศ ! ราชาผีแห่งพิภพอสูรไม่คิดมาก่อนเลยว่าจ้าวนรกองค์ปัจจุบันจะทำเรื่องนอกรีตเช่นนี้ !
เขาไม่เล่นตามกฎเลยสักนิด !