ฉันนี่แหละจ้าวนรก - บทที่ 388 อดีตอันยาวนาน (2)
บทที่ 388: อดีตอันยาวนาน (2)
หลังจากประโยคนี้ ส่วนที่เหลือของหน้ากระดาษก็เปื้อนไปด้วยเลือด
ฉินเย่นำมันออกมา และถือมันไว้ด้านหน้าราวกับกำลังจะเขียนบันทึก จากนั้นก็หรี่ตาลง
เขาสามารถบอกได้ว่าผู้เขียนบันทึกนี้ได้ถูกตัดคอจากด้านหลัง และเลือดก็สาดกระเซ็นลงบนหน้าบันทึกอย่างพอดิบพอดี
เด็กหนุ่มคาดเดาว่าผู้เขียนบันทึกเลือดนี้น่าจะอยู่ภายในห้องของตัวเองในตอนที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น
อยู่เพียงลำพัง ในตอนที่เข็มนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืน
ด้วยความกลัวของนางในตอนนั้น นางคงไม่กล้าเปิดประตูให้ผู้ใด หน้าต่างและประตูเองก็คงจะถูกปิดและล็อกอย่างแน่นหนาเช่นกัน นอกจากนี้ ความวิตกกังวลมหาศาลภายในใจยังหมายความว่านางสามารถตกใจได้แม้ว่าจะมีเสียงที่เบามากดังขึ้นกลางดึกก็ตาม
อีกความหมายหนึ่งก็คือ มีบางสิ่งบางอย่างอยู่ภายในห้องกับนางในกลางดึก แอบย่องมาด้านหลังอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะฟันคอของนางจนตาย
มันไม่มีร่องรอยขัดขืนใด ๆ
หากพูดกันตามตรง นางอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตายได้อย่างไร
เราไม่จำเป็นต้องคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น…ฉินเย่ส่ายศีรษะและพลิกไปหน้าถัดไป
“วันที่ 1 เมษายน ปีค.ศ. 1948”
“โรงงานผลิตไหมพังทลายแล้ว… มันพังทลายไปโดยสมบูรณ์…”
“เมื่อวานนี้ฉันไม่สบาย ดังนั้นจึงไม่ได้ไปทำงาน แต่ไม่นานฉันก็ได้ยินว่าเกิดไฟไหม้ขึ้นที่โรงงานเมื่อคืนนี้ ทำให้คนกว่าพันคนถูกเผาทั้งเป็น… คนกว่าพันคน! ทั้งหมดล้วนถูกเผาทั้งเป็น!”
“มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำงานที่นั่นต่อ… พวกเราได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับคนตายทุกวัน พวกทหารญี่ปุ่นได้เชิญพระและนักพรตมาเพื่อปัดเป่าแล้ว แต่มันดูเหมือนจะไม่ได้ผล ทุกคนที่ทำงานในโรงงานต่างกระสับกระส่ายและเฉื่อยชา ไม่มีใครมีแรงบันดาลใจในการทำงาน ดังนั้นพวกญี่ปุ่นจึงใช้วิธีขังเราทุกคนเอาไว้ในโรงงานเพื่อที่จะทำให้พวกเรายอมจำนน! และมันก็เพราะเหตุผลนี้เองที่ทำให้ไม่มีคนงานคนไหนสามารถหลบหนีออกมาจากเหตุไฟไหม้เมื่อคืนนี้ได้…”
“ในที่สุดฝันร้ายก็จบลง… ฉันจะไปทำความเคารพเหล่าเพื่อนร่วมงานผู้โชคร้ายของตัวเอง ฉันอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถรอดจากบททดสอบแห่งฝันร้ายนี้ได้…แต่หลังจากที่ทุกอย่างจบลงไม่นาน ฉันก็ได้ยินข่าวลือมาว่าพวกญี่ปุ่นจะทำการฝังโรงงานผลิตไหมทั้งโรงงาน! แม้ว่ามันอาจจะยังมีคนที่รอดชีวิตที่ติดอยู่ภายในก็ตาม! ฉัน… ฉันกลัวมากจนรีบกลับมาที่บ้านและขังตัวอยู่แต่ในห้องของตัวเองทันที”
“มันช่างโหดร้ายเหลือเกิน… เมื่อไหร่วันคืนแห่งความเจ็บปวดนี้จะจบลง? วันนี้ ฉันลอบมองไปทางโรงงานจากที่ไกล ๆ และฉันก็พบว่าที่ดินบนนั้นถูกถมแล้ว… นอกจากนี้ ฉันยังไม่แน่ใจด้วยว่าตัวเองกำลังหลอนไปเองหรือเปล่า… แต่ว่าฉันรู้สึกเหมือนกับว่า…ฉันได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กผู้หญิง?”
ส่วนกลางของหน้ากระดาษถูกทิ้งให้ว่างเปล่า
ย่อหน้าต่อไปของบันทึกถูกเขียนอย่างเร่งรีบและบิดเบี้ยว “ไม่…ทุกอย่างยังไม่จบ! เธอยังอยู่ที่นี่! เธอยังอยู่ที่นี่!!”
“เด็กผีนั่นกำลังตามหาฉันอยู่! เธอจะต้องกำลังตามล่าหาฉันอยู่แน่ ๆ!!”
“มีใครบางคนมาเคาะที่ประตูห้องของฉันตลอดทั้งคืน! และฉันก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเป็นใคร! ฉันพยายามมองดูมันจากรูโหว่ที่ประตู แต่มันก็ไม่มีคนอยู่ข้างนอกเลยสักคน! แต่…เมื่อฉันย่อตัวลงไปมองลอดใต้ประตู…ฉันสาบานได้เลย…ว่าตัวเองเห็นมือและเท้าของเด็กทารกอยู่ตรงนั้น!!”
“เธอกำลังมองมาที่ฉัน… ยังคงจับตามองมาที่ฉัน! ทำไมเธอถึงไม่ยอมแพ้ไปสักที!! ทำไมกัน?! ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอแท้ ๆ!!”
“ปล่อยฉันไปเถอะ… ได้โปรด… ฉันยังไม่อยากตาย…”
และบันทึกหน้านี้ก็จบลงเพียงเท่านั้น
มันยังเหลือกระดาษอยู่อีกจำนวนหนึ่ง เมื่อฉินเย่พลิกดู เขาก็พบว่ากระดาษหน้าต่อไปนั้นเปื้อนไปด้วยสีของเลือด
มันมีข้อความเขียนอยู่เพียงบรรทัดเดียวเท่านั้น
มันดูบิดเบี้ยว แทบจะเหมือนกับว่าถูกเขียนโดยเด็กที่เพิ่งหัดเขียนหนังสือ
“ในที่สุดเจ้าก็มา…”
ฟึ่บ!
ฉินเย่เงยหน้าขึ้นจากบันทึกและมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง
ข้อความนี้ไม่ได้ถูกเขียนโดยมนุษย์!
ตัวหนังสือบนหน้ากระดาษเจือไปด้วยพลังของขั้นยมทูตขาวดำ มัน…ถูกเขียนโดยวิญญาณ!
นอกจากนี้ ข้อความบนหน้ายังถูกเขียนเพื่อให้เขาเห็นโดยเฉพาะ!
หน้ากระดาษแผ่นต่อไปยังคงเปื้อนไปด้วยเลือดดังเดิม มันว่างเปล่า แต่ทันทีที่เขาพลิกหน้ากระดาษ ตัวหนังสือก็เริ่มปรากฏขึ้น
“ข้า…”
“กำลัง…”
“จับตาดู… เจ้าอยู่…”
แปล่บ แปล่บ…พรึ่บ!!
ทันทีที่ทั้งประโยคปรากฏขึ้นโดยสมบูรณ์ แสงไฟภายในห้องก็กะพริบและดับไป!
ศัตรูมาถึงแล้ว
นี่คือแหล่งที่มาของเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นในเมืองกู่เฉิง… บางทีอีกฝ่ายอาจจะเป็นคำเตือนที่พระกษิติครรภโพธิสัตว์และอาลยวิญญาณของอาร์ทิสบอกด้วยซ้ำ ฉินเย่มองไปรอบ ๆ ก่อนจะจ้องเขม็งไปที่บ่อน้ำตรงกลางห้อง
มันยังคงเต็มไปด้วยรังไหม และมันก็เป็นจุดเดียวกันกับที่ศพของทารกน้อยถูกกำจัดด้วย ความแปลกประหลาดเพียงอย่างเดียวตอนนี้ก็คือน้ำภายในบ่อกลับเดือดพล่านและมีฟองอากาศจำนวนมากที่ปรากฏขึ้นตามขอบบ่อ
มากขึ้น หนาขึ้นเรื่อย ๆ! ภายในเวลาเพียงหนึ่งนาที พื้นที่โดยรอบบ่อน้ำก็เต็มไปด้วยชั้นพลังหยินที่หนาแน่นจนแทบจะก่อตัวเป็นรูปร่าง อย่างไรก็ตาม บริเวณจุดกึ่งกลางของบ่อน้ำยังคงปรากฏฟองขึ้นอย่างอันตราย แทบจะเหมือนกับว่ามันคือปากของปล่องภูเขาไฟที่พร้อมจะระเบิดออกอยู่ตลอดเวลา
วิญญาณขั้นยมทูตขาวดำระดับสูง… วิญญาณที่อยู่ห่างจากการก้าวสู่ขั้นตุลาการนรกเพียงแค่ขั้นเดียวเท่านั้น วิญญาณชั่วร้ายที่ไม่ได้รับการสอนให้ควบคุมพลังหยินของตัวเองจนฉินเย่สามารถบอกระดับพลังของอีกฝ่ายได้ในทันที แต่มันก็ยังมีคำถามอื่น ๆ ผุดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน
วิญญาณร้ายที่ยังไม่บรรลุเป็นขั้นตุลาการนรกจะเป็นภัยคุกคามต่อเขาได้อย่างไร?
ซ่าาาา…. ทันใดนั้น ฉินเย่ก็ได้ยินเสียงของอสูรขนาดใหญ่ที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำ และพลังหยินที่แพร่กระจายตัวอยู่ภายในอากาศก็รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ฉินเย่สูดหายใจเข้าช้า ๆ และพุ่งตัวไปที่กลางบ่อเพื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้นทันที
ไม่น่าเชื่อ… มันไม่มีอะไรเลย
และสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าบ่อน้ำยังคงใสจนเขาสามารถมองเห็นก้นของบ่อได้อย่างชันเจน และมันก็ไม่มีอะไรอยู่ด้านใน แต่พลังหยินสีเขียวปนดำกลับหลั่งไหลออกมาจากขอบบ่ออย่างต่อเนื่อง
มีบางอย่างผิดปกติ… สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่ามันจะต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนตัวอยู่ภายในนี้ แต่…มันจะเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยดวงตาของตุลาการนรกจริง ๆ น่ะหรือ?
เด็กหนุ่มครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะทำท่าคว้าอะไรบางอย่าง ส่งผลให้บานกระจกที่แขวนอยู่ที่ทั้งสองฝั่งของห้องลอยมายังบ่อน้ำ ก่อตัวเป็นกระจกขนาดใหญ่ที่มีขนาดพอ ๆ กับบ่อน้ำ
ตำนานกล่าวว่ากระจกคือประตูระหว่างหยินและหยาง
หลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจะสามารถมองเห็นได้ก็ต่อเมื่อมองผ่านเงาสะท้อนบนกระจกเท่านั้น นี่ยังเป็นเหตุผลด้วยว่าทำไมเราถึงไม่ควรหวีผมหรือมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกในตอนเที่ยงคืน
เพราะว่า…คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าคุณจะเห็นสิ่งใดอยู่ด้านหลังของคุณในเงาสะท้อนนั้น
ฉินเย่มองเห็นความจริงของบ่อน้ำทันทีที่กระจกบานใหญ่ก่อตัวขึ้น
โครงกระดูก…
โครงกระดูกที่แต่งกายด้วยเครื่องแบบญี่ปุ่นนอนเกลื่อนอยู่ที่ก้นบ่อ! ไม่คิดเลยว่านี่จะเป็นบ่อน้ำที่ซ่อนโครงกระดูกจำนวนมากเอาไว้!
นอกจากนี้ มันยังมีศีรษะจำนวนมากที่ลอยไปมาอยู่เหนือผิวน้ำที่เดือดปุด ๆ อีกด้วย พวกมันทั้งหมด…ล้วนเป็นศีรษะของคนตาย!
โดยศพทั้งหมดล้วนเป็นผู้ชายทั้งสิ้น มีทั้งแก่และหนุ่มผสมกัน ใบหน้าของพวกเขาแดงเถือกจากการถูกต้มในน้ำเดือด หากพูดกันตามตรง ศีรษะเหล่านี้บวมจนมีขนาดใหญ่กว่าศีรษะของมนุษย์ทั่วไปถึงสามเท่าด้วยซ้ำ! เส้นผมของพวกเขาแผ่สยายอยู่เหนือผิวน้ำอย่างน่าขนลุก
ในที่สุดฉินเย่ก็เข้าใจแล้วว่ากลิ่นเหม็นพวกนั้นมาจากไหน
มันคือกลิ่นของ…ศพที่ถูกต้ม!
เฉิงเหนียนเคยพูดก่อนหน้านี้ว่ามีผู้สืบสวนสองคนที่ลงมาภายในหลุมเพื่อตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้กลับขึ้นไป และมันยังมีนักพรตเต๋าที่ถูกพบว่ามีเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ด และยังเหล่าคนงานก่อสร้างที่ถูกนั่งร้านถล่มลงมาใส่อีก คนทั้งหมดล้วนอยู่ที่นี่
แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าผู้หญิงในชุดขาวที่กำลังลอยอยู่กลางบ่อต่างหาก
มันเป็นศพไร้หัว เหตุผลเดียวที่เขาสามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงก็เพราะว่าเนื้อของนางยังคงไม่เน่าเปื่อย และรูปร่างทรวดทรงทั้งหมดก็บอกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นรูปร่างของผู้หญิง นอกจากนี้…เขายังสามารถบอกได้ด้วยว่านางกำลังอุ้ม…เด็กทารกที่มีผิวสีม่วงและเต็มไปด้วยรอยจ้ำสีคล้ำไว้ในอ้อมอก! และเด็กทารกนั่นก็กำลังจ้องเขม็งมาที่ฉินเย่!
ซ่ากกก!!! เด็กทารกส่งเสียงคำรามออกมาขณะที่เส้นผมสีดำพุ่งออกมาจากบนหนังศีรษะ ยื่นออกกว่าสองเมตรและแพร่กระจายไปทั่วบ่อน้ำ! ภายในไม่กี่วินาที สีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ใบหน้าตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีเขียว พร้อมกับเขี้ยวยาวสองนิ้วที่ยื่นออกมาจากมุมปากทั้งสองข้างราวกับคมเขี้ยวของสัตว์ร้าย!
เจียงซือ!
ฉินเย่ถอนหายใจออกมา นี่คือสถานที่ที่ดีที่สุดในการบ่มเพาะศพ มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยหากสิ่งแบบนี้จะปรากฏขึ้นหลังจากถูกฟูมฟักมานานกว่าหลายสิบปี และเจียงซือในชีวิตจริงก็ไม่ได้เหมือนกับสิ่งที่เห็นกันในโทรทัศน์ – ตัวแข็ง ไม่เคลื่อนไหว และไร้ซึ่งสติปัญญา
ถึงแม้ว่าเขาจะยังจำข้อมูลจากมรดกของยมโลกแห่งเก่าไม่ได้ทั้งหมด แต่เขาก็มีความรู้มากพอที่จะแยกแยะชนิดและระดับของวิญญาณ เจียงซือ…อาจจะถูกรู้จักในฐานะของผีดิบ แต่ความจริงของเรื่องนี้ก็คือพวกมันเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า และมีพละกำลังมหาศาล พวกมันถูกจัดให้เป็นหนึ่งในระดับสูงของวิญญาณร้ายทั้งหมด!
สถานที่ใดที่มีการปรากฏตัวขึ้นของเจียงซือนั้นไม่สามารถประมาทได้
“เจียงซือขั้นยมทูตขาวดำระดับสูง…อยู่ห่างจากขั้นตุลาการนรกอีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น การที่เรามาพบกันในวันนี้คงเป็นเรื่องของโชคชะตา” ฉินเย่พึมพำเสียงเบา “ทั้ง ๆ ที่ตายไปแล้ว แต่กลับไม่ยอมตาย แถมยังฆ่าคนจำนวนมาก ทีนี้ จงเป็นเด็กดีและปล่อยให้ข้าส่งเจ้าไปตามทางซะ”
พรึ่บ…ปากกาแห่งการพิพากษาปรากฏขึ้นในมือ ทว่าในขณะที่เขากำลังจะจ่อมันไปในอากาศ ตรงไปที่เจียงซือตรงหน้า ฉินเย่ก็แน่นิ่งไป
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!
ทั้ง ๆ ที่มีขั้นยมทูตขาวดำเพียงแค่ตัวเดียว แต่มันสามารถปกปิดการมีอยู่ของตัวเองจากดวงตาตุลาการนรกของเขาได้อย่างไร?
มันไม่ใช่ทั้งวิญญาณกลายพันธุ์ หรือวิญญาณระดับสูงที่สามารถปกปิดการมีอยู่ของตัวเองได้ แล้วเจียงซือขั้นยมทูตขาวดำที่ยังโตไม่เต็มที่สามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้อย่างไร?
นี่คือสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นที่สถานีรถไฟของเมืองกู่เฉิง ในตอนนั้น…สิ่งที่เขาเจอคือวิญญาณบาปแห่งขงจื๊อที่ถูกเนรเทศไปยังลิมโบ ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ผู้ที่เป็นเจ้าของบ่อน้ำนี้เห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นอวี๋ลี่ซาน หรือไม่ก็ลูกสาวของนาง นี่มันไม่เป็นไปในทางเดียวกันเลยสักนิด!
มันยังมีอีกความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง…
ฉินเย่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ก่อนจะรีบหันกลับไปด้านหลังอย่างไม่ลังเล พร้อมกับพุ่งตรงกลับไปยังประตูเหล็กที่อยู่ด้านหลัง
ความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ…เจียงซือตัวนั้นร่วมมือกับใครบางคนในการจัดการกับเขา!
ทันใดนั้นประตูเหล็กก็ขยับด้วยตัวของมันเอง โซ่และยันต์ที่ถูกแปะไว้กับมันขาดออกและถูกเผาไปจนหมด และมันก็เป็นวินาทีนั้นเองที่ฉินเย่พบว่ายันต์ทั้งหมดถูกวาดขึ้นมาโดยใช้เลือดของมนุษย์ นอกจากนี้…พวกมันยังถูกเขียนด้วยอักขระที่สามารถเห็นได้แค่ในยมโลกแห่งเก่าเท่านั้นอีกด้วย!
“เวรเอ๊ย!!” ฉินเย่สบถออกมา เขาตกหลุมพรางของอีกฝ่าย คู่ต่อสู้ที่มองไม่เห็นไม่เคยปล่อยให้ฉินเย่หลุดไปจากสายตาเลยแม้แต่น้อย!
ทำไมกัน?!
น่าเสียดาย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพิจารณาคำถามเหล่านั้น เพราะในเสี้ยววินาทีต่อมา… ตู้ม ตู้ม ตู้ม!!! เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และร่างเจ็ดร่างก็พุ่งขึ้นมาจากบ่อน้ำและปล่อยการโจมตีที่รุนแรงไปยังจุดตายของฉินเย่อย่างรวดเร็ว!
“ด้วยคำพิพากษาจากนรก เหล่าวิญญาณทั้งปวงจงสูญสิ้น!!”
วินาทีนั้น เส้นผมที่แพร่กระจายอยู่ในบ่อก็ตึงขึ้นและพุ่งเข้าหาฉินเย่ราวกับกระแสน้ำที่น่ากลัว!
หลอดไฟภายในห้องกะพริบก่อนจะดับไป ตอนนี้พวกเขากำลังต่อสู้ภายในความมืดมิด โชคดีที่ฉินเย่อยู่ในร่างของยมทูต และทัศนวิสัยของเขาก็ไม่ได้ถูกจำกัดเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้น เขาจึงมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน
เขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับศพเจ็ดร่าง ทั้งหมดล้วนแต่งกายด้วยชุดสีดำ และเหตุผลที่ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายคือศพ…ก็เพราะว่าร่างทั้งหมดมีกลิ่นฉุนของศพที่รุนแรงแผ่ออกมา และนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถปกปิดได้
พวกมันแต่งกายด้วยชุดสีดำโบราณ พร้อมด้วยหมวกไม้ไผ่ทรงกรวย แทบจะเหมือนกับเหล่านักลอบสังหารในนิยายกำลังภายในไม่มีผิด และแม้ว่าพวกมันจะเป็นศพ แต่การเคลื่อนไหวของมันก็นุ่มนวลและว่องไวราวกับอสรพิษ ภายในไม่กี่วินาที ใบมีดของพวกมันก็พุ่งตรงมาที่ร่างของฉินเย่อย่างรวดเร็ว!
ด้วยคำพิพากษาจากนรก เหล่าวิญญาณทั้งปวงจงสูญสิ้น!
ฉินเย่คุ้นชินกับคำพูดเหล่านี้เป็นอย่างดี แต่การได้ยินมันจากปากของคนอื่นเป็นครั้งแรกกลับทำให้เขารู้สึกทำอะไรไม่ถูก แต่ถึงอย่างนั้น เด็กหนุ่มก็กลับมามีสติได้อย่างรวดเร็ว เพราะอย่างไรแล้ว หากคู่ต่อสู้ของเขาคือวิญญาณบาปแห่งขงจื๊อจริง ๆ มันก็สมเหตุสมผลแล้วที่อีกฝ่ายจะรู้จักคำพูดเหล่านี้!
หากพูดกันตามตรง ทุกอย่างดูสมเหตุสมผลมากขึ้นเมื่อเขาพิจารณาถึงยันต์ที่ถูกติดอยู่รอบ ๆ ห้อง! นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นยันต์ที่ถูกวาดขึ้นมาโดยวิญญาณ สิ่งเหล่านี้คงไม่สามารถเป็นไปได้หากคู่ต่อสู้ของเขาไม่ใช่ผู้ที่เคยอยู่ในยมโลกแห่งเก่ามาก่อน!
แต่น่าเสียดาย คู่ต่อสู้ของเขาใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาแห่งความสับสนนั้นได้อย่างเต็มที่ ใบมีดของอีกฝ่ายอยู่ห่างจากร่างของฉินเย่ไม่ถึงสามเมตรเท่านั้น ฉินเย่รู้สึกได้ถึงวิถีโค้งของอาวุธที่อัดแน่นไปด้วยพลังหยิน แต่เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนก ศพทั้งเจ็ดดูไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าขั้นนักล่าวิญญาณเท่านั้น ดังนั้นพวกมันจึงไม่สามารถทะลวงการป้องกันของศักดิ์ศรีแห่งอำนาจเข้ามาได้ แล้วจะนับประสาอะไรกับการสร้างความเสียหายให้เขา แต่ทันใดนั้นเอง!
ศพทั้งเจ็ดพลันหมุนตัวกลางอากาศ ฉีกกระชากเสื้อคลุมสีดำที่สวมอยู่ทั้งหมดออก เผยให้เห็น…ชุดเกราะอันงดงามที่ถูกสวมอยู่ภายใต้เสื้อคลุมเหล่านั้น!
เวลาดูเหมือนจะหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ภายในไม่กี่วินาที พลังหยินจำนวนมหาศาลก็ระเบิดออกมาจากชุดเกราะเหล่านั้น ห่อหุ้มร่างของพวกเขาเอาไว้ และทำให้ระดับพลังหยินของวิญญาณทั้งหมดพุ่งมากขึ้น! บรรยากาศโดยรอบร้อนแรงขึ้นมาทันที
ตู้ม!! อากาศโดยรอบเต็มไปด้วยเสียงของโซนิกบูม ในขณะที่เสียงกระดิ่งเตือนดังขึ้นภายในหัวของฉินเย่!
เสียงพวกนี้…คือโซนิกบูมที่มีแต่ผู้ที่อยู่ขั้นยมทูตขาวดำเท่านั้นที่สามารถสร้างได้!
จากนั้น ก่อนที่เด็กหนุ่มจะได้ตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็ได้ยินเสียงผิวปากที่ชวนเสียวสันหลัง และเสียงคำรามที่แหบพร่าทั้งเจ็ดเสียงก็ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน “ฆ่ามัน!!!!”
กริชภายในมือของพวกมันหายไป
และสิ่งที่ดูคล้ายกับใบมีดของเลื่อยซึ่งมีความยาวกว่าหนึ่งเมตรก็พุ่งตรงมาที่ศีรษะของฉินเย่ราวกับสายฟ้า! เด็กหนุ่มถูกบังคับให้กลืนคำพูดของตัวเองก่อนหน้าไปทันที
พวกมันอยู่ขั้นยมทูตขาวดำ…
ขั้นยมทูตขาวดำถึงเจ็ดตน!!