ฉันนี่แหละจ้าวนรก - บทที่ 389 การลอบสังหารจ้าวนรก (1)
บทที่ 389: การลอบสังหารจ้าวนรก (1)
นี่มันบ้ามาก…หัวสมองของฉินเย่ตื้อไปหมด ร่างกายของเขาตึงเครียดขึ้นมา มีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง โชคดีที่ชั้นพลังหยินสีดำก่อตัวขึ้นรอบร่างของเด็กหนุ่มเอาไว้อย่างกะทันหัน พร้อมกับเสียงกระทบของเหล็ก ใบมีดทั้งเจ็ดปะทะเข้ากับศักดิ์ศรีแห่งอำนาจของฉินเย่เข้าอย่างจัง
เคร้ง!!!
ชั้นพลังหยินกระเพื่อมเล็กน้อย จากนั้น พร้อมกับเสียงที่แผ่วเบา รอยร้าวเริ่มปรากฏขึ้นที่ขอบของคมมีด แพร่กระจายไปทั่วทั้งอาวุธ ก่อนที่จะระเบิดมันออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในชั่วพริบตา หลังจากนั้น ผู้จู่โจมทั้งหมดก็ถูกสะท้อนกลับไปยังบ่อน้ำ ที่ซึ่งพวกมันกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวและพยายามถอยหนีอย่างสุดความสามารถ
ศักดิ์ศรีแห่งอำนาจของขั้นตุลาการนรก
มันทำงานโดยอัตโนมัติ และทำให้แน่ใจว่าตุลาการนรกจะไม่มีทางถูกทำร้ายโดยตัวตนที่อ่อนแอกว่าพวกเขาเป็นอันขาด
ฉินเย่หลับตาลงทันทีที่เขาพบว่าอีกฝ่ายถูกกระแทกกลับไป หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเย็น เด็กหนุ่มกัดฟันแน่นและยกมือขึ้น สายโซ่จำนวนมากพุ่งออกจากแขนเสื้อของเขา พันรอบวิญญาณทุกตนที่พยายามถอยหนีและรัดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ!
กร๊อบ! การรัดของโซ่ตามมาด้วยเสียงถูกบดของกระดูก ครู่ต่อมา โซ่เส้นยาวก็ค่อย ๆ ถูกดึงกลับเข้าไปในแขนเสื้อของเขาอีกครั้ง ทิ้งไว้เพียงศพเจ็ดศพที่ร่วงลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
อกของฉินเย่กระเพื่อมขึ้นลงเล็กน้อยขณะที่เขามองไปรอบ ๆ อย่างหวาดระแวง นิ้วมือของเขายังคงสั่นเทาอยู่ภายใต้แขนเสื้อ พร้อมที่จะลงมือทันทีที่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงวินาทีแห่งความเป็นตายและวิกฤตที่แผ่ซ่านออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
แม้แต่ตอนที่อยู่ที่ช่องแคบสึชิมะเขาก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้!
แต่มันก็สมเหตุสมผลเช่นกัน เพราะว่าตอนนั้น เขารู้ดีว่าตัวเองยังสามารถหนีได้ การแลกเปลี่ยนเพียงอย่างเดียวก็คือเขาจำเป็นต้องทิ้งถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีเอาไว้เท่านั้น แต่ตอนนี้…เจตนาของคู่ต่อสู้ของเขานั้นค่อนข้างชัดเจน – อีกฝ่ายต้องการชีวิตของเขา!
นี่คือ… การลอบสังหาร!
การลอบสังหารจ้าวนรก!
หากตอนนี้เขายังอยู่ขั้นยมทูตขาวดำ…
ความคิดมากมายที่ตามมาทำให้ฉินเย่เสียวสันหลังวาบ
ผู้บงการที่มองไม่เห็นได้จู่โจมเขาเมื่อตอนที่อยู่ที่สถานีรถไฟ นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาตกเป็นเป้าหมาย! อีกนัยหนึ่งก็คือ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ล้วนถูกเตรียมการมาเพื่อเอาชีวิตของเขา! หลุมของโครงกระดูกนับพันคือกับดักอันซับซ้อนที่ถูกวางเอาไว้เพื่อหลอกล่อและกำจัดเขา! การคำนวณที่ผิดพลาดเพียงอย่างเดียวของอีกฝ่ายก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าฉินเย่ได้บรรลุคอขวดและขึ้นเป็นขั้นตุลาการนรกก่อนที่เขาจะกลายเป็นเหยื่อของกับดักนี้
หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นแรงขึ้น เขาพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองขณะที่หันกลับไปมองยังเจียงซือที่อยู่ที่กลางบ่อ เขาไม่สามารถคิดเรื่องผู้บงการในตอนนี้ได้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ…มันมีคำใบ้ที่หลงเหลืออยู่สำหรับเขาบ้างหรือไม่
ทำไม?
ทำไมคนคนนี้ถึงปรารถนาที่จะสังหารเขาได้อย่างเลือดเย็นเช่นนี้? อีกฝ่ายพลาดไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่กลับยังพยายามทำมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า…
หรือว่าเป็นเพราะว่าฝ่ายตรงข้ามรู้ว่ายมโลกถูกก่อตั้งขึ้นอีกครั้งแล้ว?
นั่นเป็นไปไม่ได้ หรือต่อให้เป็นแบบนั้น คนคนนั้นจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาคือจ้าวนรก? ยิ่งกว่านั้น มันไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายจะสามารถตรวจจับถึงการมีอยู่ของเศษตราจ้าวนรกบนตัวเขาได้ เพราะอย่างไรแล้วมันก็คือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ฮนดะ ทาดาคัตสึก็สามารถตรวจจับถึงการมีอยู่ของเศษตราจ้าวนรกได้ในตอนที่มันส่งเสียงสะท้อนกับสมุดแห่งความเป็นตายเท่านั้น ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยในสถานการณ์เช่นนี้
ดังนั้น…มันจะต้องมีเหตุผลอื่นที่ทำให้เกิดการกระทำเหล่านี้ หวังว่าเขาจะสามารถหาเบาะแสจากศพของเจียงซือเหล่านี้ได้ เขาขยับนิ้ว และโซ่ตรวนวิญญาณพุ่งไปพันเข้ากับหนึ่งในศพพวกนั้นและลากมันกลับมาหาเขา
ทว่าขณะที่ศพดังกล่าวกำลังลอยมาในอากาศ มันก็หยุดชะงักไป แทบจะเหมือนกับว่ามีแรงที่เท่ากันคอยดึงศพกลับไปจากอีกฝั่งหนึ่ง ศพดังกล่าวสั่นเทาอยู่กลางอากาศ ไม่สามารถขยับไปไหนได้!
“นี่มัน…” ฉินเย่ชะงักไป จากนั้นจึงหันกลับไปมองที่บ่อน้ำ
มันเป็นวินาทีนั้นเองที่เขาเห็นรูที่กว้างประมาณหนึ่งเมตรซึ่งปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ น้ำทั้งหมดไหลลงสู่รูดังกล่าว พร้อมด้วยร่างของเจียงซือหญิง
ที่นี่…ไม่ได้มีเพียงแต่น้ำเท่านั้นที่ถูกกลืนลงไปในรูดังกล่าว
หลุมขนาดใหญ่ดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่โดยรอบ ราวกับว่ามันคือหลุมน้ำวนสีดำ! ทั้งมิติที่ฉินเย่อยู่ในตอนนี้ รวมถึงเหล่าคนงานผู้หญิงที่ตายไปแล้ว โรงงาน และแม้แต่… ร้านขายยา โรงแรม ถนน เสาไฟฟ้าข้างทาง และคนกระดาษที่อยู่ด้านนอกล้วนถูกดูดเข้าไปด้านในราวกับว่าพวกมันเป็นเพียงภาพวาดบนผืนผ้าใบที่ถูกดูดโดยกระแสน้ำวนที่ทรงพลัง
พรึ่บ… แม้แต่เสื้อผ้าของฉินเย่ก็ยังกระพืออย่างบ้าคลั่งจากแรงดูดที่ทรงพลังนั้นขณะที่มันค่อย ๆ รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ! สีสันที่อยู่โดยรอบค่อย ๆ จางหายไป เหลือไว้เพียงสิ่งสกปรกบนพื้นและโครงกระดูกกับศพจำนวนมากที่กองอยู่เบื้องล่าง
ตุลาการนรก…
ดวงตาของฉินเย่หรี่เล็กลง เขาสัมผัสได้ว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นทรงพลังมากพอที่จะสร้างผลกระทบให้กับทุกสิ่งทุกอย่างโดยรอบได้อย่างที่ขั้นตุลาการนรกสามารถทำได้ นี่อีกฝ่ายตัดสินใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วมด้วยตนเองแล้วอย่างนั้นหรือ? วิธีการลงมือของคนคนนี้เหมือนเดิมทุกประการ – พยายามลอบสังหาร และตัดสินใจที่จะทำลายหลักฐานทั้งหมดเพื่อปกปิดร่องรอยของตัวเองทันทีที่แผนการของตัวเองล้มเหลว
เคร้ง! ศพถูกดูดเข้าไปในหลุมในที่สุด และโซ่ตรวนของเขาก็สะบัดกลับมาพร้อมกับเสื้อเกราะบนศพที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นขนาดเท่ากับกล่องไม้ขีดไฟและตกลงบนมือของเด็กหนุ่ม
“ช่างหน้าด้านจริง ๆ เจ้าคิดว่าตัวเองจะสามารถไป ๆ มา ๆ ได้ตามต้องการตลอดหรืออย่างไรกัน?” ฉินเย่หัวเราะขณะที่เก็บชุดเกราะขนาดกล่องไม้ขีดไฟเข้าไปในเสื้อ ก่อนจะระเบิดพลังหยินของตนออกมาขณะที่เข้าสู่สถานะยมทูตโดยสมบูรณ์!
ภายในไม่กี่วินาที เขาก็อยู่ในเครื่องแต่งกายของขั้นตุลาการนรก พร้อมด้วยหมวกของจงขุย เส้นผมสีขาวสยายไปในอากาศอย่างน่าสะพรึงกลัว ในขณะที่เปลวไฟนรกสีทองซึ่งลุกโชนอยู่ภายในดวงตาส่องประกายราวกับดวงจันทร์ในค่ำคืนที่มืดมิด เขาถือปากกาแห่งการพิพากษาไว้ในมือข้างหนึ่ง ในขณะที่มีสมุดแห่งความเป็นตายอยู่ในมืออีกข้าง จากนั้นจึงหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ด้วยคำพิพากษาจากนรก เหล่าวิญญาณทั้งปวงจงสูญสิ้น!”
โซ่ตรวนวิญญาณพุ่งออกไปจากแขนเสื้อพร้อมกับเสียงกระทบกันของโลหะ แทงเข้าที่ร่างของเจียงซือหญิงที่อยู่ลึกเข้าไปในรูดังกล่าวราวกับมีดร้อนที่ตัดผ่านเนย การโต้กลับอย่างรวดเร็วของฉินเย่อัดแน่นไปด้วยพลังของขั้นตุลาการนรก ดังนั้นมันจึงสามารถแท่งทะลุร่างของเจียงซือหญิงได้อย่างง่ายดาย ฝ่ายที่โดนกระทำกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง
ซ่ากกกก!!!! นางพยายามเอื้อมมือไปด้านหน้า หมายจะดึงโซ่ที่แทงเข้ามาในร่างของตนออกไป ในขณะเดียวกัน ทุกอย่างโดยรอบพลันเปลี่ยนเป็นกระแสน้ำวนสีขาวดำที่ถูกหลุมกลืนกิน คนกระดาษที่อยู่โดยรอบกรีดร้องออกมาสุดเสียง แม้ว่าในขณะที่พวกเขากำลังหมุนไปตามกระแสน้ำวนที่กลืนกินทุกสิ่งโดยรอบอย่างสิ้นหวังก็ตาม ภายในไม่กี่วินาที ฉินเย่และเจียงซือหญิงก็ถูกดูดเข้าไปในรูขนาดใหญ่นั้น
ฟึ่บ…สภาพแวดล้อมโดยรอบของฉินเย่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากการผสมกันของกลุ่มก้อนพลังหยินสีเขียวปนดำเป็นดำสนิท ร่างของเขาตกลงเรื่อย ๆ เป็นเวลาหลายนาที แทบจะเหมือนกับว่าเขากำลังทะลุผ่านประตูมิติหรือรูหนอน จากนั้น เมื่อพวกเขาเห็นอีกด้านหนึ่งของประตู เจียงซือหญิงก็กรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวชขณะที่ร่างของนางกระแทกลงบนพื้น ในขณะที่ฉินเย่ยังคงลอยอยู่กลางอากาศ แผ่รัศมีที่ยิ่งใหญ่ของขั้นตุลาการนรกออกมา เขาควงปากกาแห่งการพิพากษาในมือและจิ้มปลายปากกาไปทางเจียงซือตัวนั้น
ครืนนน! อากาศตรงหน้าสั่นสะเทือน พลังของขั้นตุลาการนรกนั้นมหาศาลจนสามารถส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบได้อย่างง่ายดาย
ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ลิมโบ ฉินเย่รู้สึกได้ถึงพลังหยินที่คุ้นเคยซึ่งคละคลุ้งไปในอากาศ ดอกไม้ลบความทรงจำจำนวนนับไม่ถ้วนเบ่งบานไปทั่วทุกที่ ในขณะที่หมอกพลังหยินที่หนาแน่นลอยอยู่เหนือดินแดนทั้งหมด ครู่ต่อมา ฉินเย่ก็กดปากกาลงไปในอากาศตรงหน้า และสายพลังที่รุนแรงก็พุ่งไปที่ร่างของเจียงซือหญิงทันที!!
กรี๊ดดด…ซ่ากกก!! การโจมตีของฉินเย่เปรียบเสมือนกับสายฟ้าแห่งการลงทัณฑ์ที่พุ่งทะลุร่างของเจียงซือหญิง นางตัวสั่นเทาและกรีดร้องออกมาสุดเสียง “ไหนเจ้า…สัญญา…ว่าจะช่วยข้า?!!!!”
ทว่าขณะที่การโจมตีของฉินเย่จะพุ่งไปถึงศีรษะของเจียงซือตรงหน้า ดอกบัวดอกหนึ่งก็ก่อตัวขึ้นและเบ่งบานอยู่ใต้ศีรษะของนาง มันมีขนาดประมาณหนึ่งเมตร ก่อนจะขยายขนาดขึ้นและปะทะเข้ากับการโจมตีจากปากกาแห่งการพิพากษาของเด็กหนุ่มโดยตรง! การปะทะกันอย่างรุนแรงทำให้กลุ่มพลังหยินกระเพื่อมออกเป็นวงกว้าง กวาดกลุ่มหมอกพลังหยินที่ลอยอยู่โดยรอบให้หายไปจนหมด
อ๊ากกกกกก–!!!! เสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชดังก้องไปทั่ว แต่ถึงกระนั้น แหล่งที่มาของเสียงกลับไม่ได้มาจากเจียงซือหญิง นางยังคงกุมศีรษะของตนเองและจับจ้องไปที่ฉินเย่อย่างดุร้าย
“ยมทูต…ยมทูตจริง ๆ!” เสียงที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นดังขึ้นพร้อมกับเสียงของลมหายใจที่ติดขัด ไม่กี่วินาทีต่อมา อีกฝ่ายก็พูดต่อ “ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะยังมียมทูตหลงเหลืออยู่หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นกับยมโลก… แม้แต่ข้าก็แทบจะไม่เชื่อในสายตาของตนเองเมื่อครั้งแรกที่ข้าเห็นเจ้า…”
ฉินเย่ยังคงเงียบขณะที่มองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง
กลุ่มก้อนพลังหยินที่อยู่รอบ ๆ เขาได้สลายไปแล้ว และมันก็เผยให้เห็นว่าตอนนี้ฉินเย่กำลังยืนอยู่กลางวงล้อมของทหารวิญญาณจำนวนนับหมื่น!
ทหารวิญญาณหมื่นนาย… กลุ่มเมฆที่ปกคลุมอยู่ภายในหัวของเขามลายหายไปในฉับพลัน
แบบนี้นี่เอง… เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง!
สาเหตุของคำเตือนของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์อยู่ ณ ใจกลางของเมืองกู่เฉิงจริง ๆ! อันที่จริง มันเพิ่งปรากฏขึ้นในตอนที่เหล่าทหารวิญญาณเริ่มเดินทัพเสียด้วยซ้ำ! ด้วยเหตุนี้พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์จึงตั้งใจที่จะบอกเขา…ว่าให้ระวังทหารวิญญาณเหล่านี้
เพราะว่าอีกฝ่าย…กำลังหมายที่จะเอาชีวิตของเขา!
ทหารวิญญาณมองไปรอบ ๆ ไม่ต่างอะไรกับกองทัพทหารดินเผา พวกเขาไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตเลยแม้แต่น้อย กลับกัน พวกเขากลับดูเหมือนว่าจะถูกสร้างขึ้นมาจากดินเหนียว ในขณะที่ชุดเกราะบนร่างถูกทำขึ้นมาจากกระดาษ
ทหารวิญญาณที่ถือหอกและโล่กว่าพันนายจัดเรียงตัวเป็นค่ายกลอยู่ด้านหน้าสุดของการปิดล้อม ในขณะที่ทหารวิญญาณที่ถือคันธนูกระดาษยืนประจำการอยู่ด้านหลังค่ายกลป้องกันที่หนาแน่น พร้อมกับสิ่งที่ดูเหมือนกับแท่งโครงกระดูกซึ่งติดไฟที่ส่วนปลายถูกใช้เป็นลูกธนู
ทหารวิญญาณที่อยู่โดยรอบดูมากมายและไร้ที่สิ้นสุดราวกับมหาสมุทร มันเป็นภาพลวงตาที่เกิดจากค่ายกลทหารวิญญาณกว่าหมื่นนายที่ก่อตัวอยู่รอบเขา แต่สิ่งที่ดูน่าประหลาดใจกว่านั้นก็คือข้อเท็จจริงที่ว่ามีเกี้ยวโบราณขนาดใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางกลุ่มทหารทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะเรียกว่าเกี้ยว แต่มันอาจจะถูกต้องมากกว่าหากจะบอกว่ามันคือที่ประทับชั่วคราวเคลื่อนที่ของราชวงศ์ที่ถูกแบกอยู่บนไหล่ของวิญญาณนับร้อย
ที่ประทับชั่วคราวเคลื่อนที่ทั้งหลังถูกทำขึ้นมาจากไม้มะฮอกกานีในรูปแบบของโครงสร้างจีนโบราณ กระดิ่งลม ธงวิญญาณ และของตกแต่งมากมายซึ่งถูกใช้ประดับไว้ที่ชายคา ในขณะที่ทางเข้าของมันถูกปิดไว้ด้วยม่านบางสีเขียว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นวิญญาณที่นั่งอยู่ด้านใน ทั้งหมดดูน่าขนลุกอย่างไม่น่าเชื่อ
เงียบกริบ
บรรยากาศโดยรอบตึงเครียดราวกับสายธนูที่ถูกดึง หัวใจของฉินเย่เริ่มเต้นแรงขึ้น และเขาก็พยายามอย่างหนักในการที่จะถ่วงเวลาขณะที่มือค่อย ๆ เอื้อมไปที่เศษตราจ้าวนรก
ทว่าด้วยเหตุผลที่แปลกประหลาดบางประการ เศษตราจ้าวนรกดูเหมือนจะทำงานช้าลงกว่าปกติมาก
“เจ้าคือผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ที่ข้าก้าวเข้ามาในเมืองกู่เฉิงสินะ?” ฉินเย่จ้องไปยังที่ประทับเคลื่อนที่และเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง “เจ้าโยนคำใบ้มากมายเพื่อล่อลวงให้ข้าลงมายังหลุมของโครงกระดูกนับพัน สถานที่ซึ่งเจ้าหมายจะลอบสังหารข้าเป็นครั้งที่สอง จากนั้น เมื่อข้าคิดว่าการลอบสังหารของเจ้าจบลง เจ้าก็ยอมเผยไม้ตายสุดท้ายแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“ช่างกล้าหาญเสียจริง” อีกฝ่ายหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกอยู่ภายในที่ประทับชั่วคราวของตนเอง “เป็นเพียงแค่ตุลาการนรกตัวจ้อย… ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เจ้ากำลังยืนอยู่ตรงหน้าของผู้สืบทอดสายตรงของตระกูลขงจื๊อ – ผู้นำทางจิตวิญญาณของแผ่นดินจีน แต่เจ้ากลับไม่มีแม้แต่จะคุกเข่าและแสดงความเคารพต่อข้าอีกอย่างนั้นหรือ?!”
ตระกูลขงจื๊อ!
ดวงตาของฉินเย่หรี่ลง ชายผู้นี้…คือผู้สืบทอดสายตรงของขงจื๊ออย่างนั้นหรือ? ในแผ่นดินจีนจะมีคนสักกี่คนกันที่ใช้สกุล ‘ขง’? [1] และจะมีสักกี่คนกันที่มีชื่อในเรื่องของการก่ออาชญากรรม? จากคนทั้งหมด ทำไมอีกฝ่ายถึงเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถหลบเลี่ยงผลกระทบจากการตรัสรู้ของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ได้?
“ตนเป็นเพียงแค่วิญญาณเร่ร่อนแต่กลับกล้าพูดจาด้วยความก้าวร้าวและแสดงท่าทีที่เป็นปรปักษ์ต่อยมทูตอย่างนั้นหรือ?” ฉินเย่แสยะยิ้ม แสร้งทำเป็นใจเย็นกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
หากพูดกันตามตรง ภายในใจของเขาเริ่มจะวิตกกังวลแล้วด้วยซ้ำ ที่เศษตราจ้าวนรกทำงานช้ากว่าปกติเป็นเพราะว่าพวกเขาอยู่ในลิมโบอย่างนั้นหรือ? อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่าการแสดงความกลัวออกไปนั้นไม่สามารถแก้ไขปัญหาและกำจัดอันตรายตรงหน้าได้
ดังนั้น…เขาจึงหวังว่าตัวเองจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!
เสียงในที่ประทับชั่วคราวหัวเราะ “หึหึ ท่านตุลาการนรกผู้สูงศักดิ์ หรือว่าท่านกำลังคิดหาทางออกไปจากที่นี่อยู่?”
“ไม่ต้องกังวลไป ข้ารับประกันเลยว่าท่านจะได้ตายอย่างรวดเร็วและไร้ซึ่งความเจ็บปวด หากไม่นับวัตถุศักดิ์สิทธิ์ มันไม่มีวัตถุหยินระดับธรรมดาชิ้นใดที่สามารถใช้งานได้ในลิมโบ และแม้แต่ชิ้นที่หายากที่สุดก็ย่อมใช้เวลานานกว่าปกติในการทำงาน จนกว่าจะถึงตอนนั้น…ท่านก็คงจะตายไปแล้ว”
“และหากท่านกำลังคิดถึงคำกล่าวอ้างที่ไร้เหตุผลอย่างการที่ยมทูตสามารถกำจัดวิญญาณได้ในชั่วพริบตาอยู่ล่ะก็…ท่านลองดูนี่เสียก่อนเถิด…”
ทันที่อีกฝ่ายพูดจบ แสงสีทองก็เปล่งประกายออกมาจากร่างของทหารวิญญาณทั้งหมดในเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ มันยังมีลายเส้นรูปเสือที่เปล่งประกายแสงสีขาวออกมาภายใต้เท้าของทหารวิญญาณทั้งหมดอีกด้วย
ทันทีที่ฉินเย่เห็นลวดลายบนพื้น ภายในหัวของเขาก็รู้สึกปวดขึ้นมาทันที
นี่แหละ…
นี่คือสิ่งที่พระกษิติครรภโพธิสัตว์และอาลยวิญญาณของอาร์ทิสต้องการจะเตือน!
“มันคือค่ายกลทหาร” น้ำเสียงเย็นยะเยือกยังคงอธิบายจากภายในที่ประทับเคลื่อนที่ “ข้ารู้จักตุลาการนรกทั้ง 1,200 ตนของยมโลกแห่งเก่า แต่ข้าไม่เคยเห็นท่านมาก่อน ดังนั้นข้าจึงเดาว่าท่านคงเพิ่งกลายเป็นขั้นตุลาการนรกเมื่อในช่วงร้อยปีมานี้เท่านั้น อีกความหมายหนึ่งก็คือ ท่านเพิ่งบรรลุสู่ขั้นใหม่เมื่อไม่นานมานี้ และท่านก็คงไม่มีทางรู้ถึงวิธีในการรับมือกับสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้”
อึก…เสียงนั้นกลืนน้ำลายอย่างตื่นเต้น “นี่คือค่ายกลลงทัณฑ์พยัคฆ์ขาวที่สร้างขึ้นโดยทหารวิญญาณหมื่นนาย บวกกับการนำของข้า วันนี้ท่านจะต้องตายอย่างแน่นอน!”
“ฆ่าเขาซะ!!”
สิ้นสุดเสียงพูด ทหารวิญญาณทั้งหมดก็กู่ร้องเสียงดังสนั่นและยิงธนูเพลิงใส่ฉินเย่ทันที!
[1] โดยทั่วไปแล้วไม่ค่อยมีคนใช้นามสกุลนี้มากนัก