ฉันนี่แหละจ้าวนรก - บทที่ 390 การลอบสังหารจ้าวนรก (2)
บทที่ 390: การลอบสังหารจ้าวนรก (2)
ฟึ่บ… สายฝนลูกธนูดูไม่ต่างอะไรกับฝูงตั๊กแตนที่เติมเต็มท้องฟ้าด้วยเปลวไฟนรกสีเขียวหยก เป้าหมายของพวกเขาน่ะหรือ? ฉินเย่อย่างไรล่ะ
“แค่พวกเจ้าน่ะหรือ?” ถึงแม้ว่าฉินเย่จะเอ่ยออกไปอย่างเย็นชา แต่ความเป็นจริงก็คือที่หน้าผากของเขาตอนนี้เริ่มมีเม็ดเหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นมาให้เห็นแล้ว นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายขนาดนี้ตั้งแต่ที่ก่อตั้งยมโลกแห่งใหม่ขึ้นมา อาร์ทิสมักจะบอกเขาเสมอว่าโลกใต้พิภพนั้นตกอยู่ในความโกลาหล แต่มันก็เพิ่งจะเป็นวันนี้เองที่เขาเข้าใจถึงความหมายของมันอย่างถ่องแท้
เวรเอ๊ย…เขาควรจะออกจากหน้าที่ทันทีที่มีโอกาส แต่ตอนนี้มันกลับสายเกินไปเสียแล้ว!
ด้วยการเสียเปรียบทางจำนวน มันคงมีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นที่จะทำให้เขาสามารถหนีออกไปจากวงล้อมนี้ได้…
ทว่าช่างน่าเสียดาย แต่เขามีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และเขาก็ไม่สามารถทำพลาดหรือออมแรงอะไรไว้ได้ ศักดิ์ศรีแห่งอำนาจปะทุออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ทันทีที่ลูกธนูทั้งหมดมาปะทะ เด็กหนุ่มก็พบว่า…
พวกมันหนักอย่างไม่น่าเชื่อ!
รุนแรงและทรงพลังกว่าการจู่โจมก่อนหน้านี้ที่เขาได้รับมา!
อาร์ทิสได้บอกเขาถึงความสำคัญเกี่ยวกับค่ายกลสู้รบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากพูดกันตามตรง นางยังบอกฉินเย่ด้วยว่าค่ายกลสู้รบนั้นจะถูกจัดให้เป็นระดับต้น ๆ ของรูปแบบทางการทหาร แต่เขาก็ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าการเผชิญหน้ากันครั้งแรกของเขากับค่ายกลสู้รบจะอยู่ในเงื่อนไขเช่นนี้ นอกจากนั้น…ค่ายกลสู้รบที่เขาพบยังเป็นปัญหามากกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก!
ฉึก! ฉึก! ฉึก! ภายในไม่กี่วินาที ทั่วทั้งลูกบอลสีดำก็กลายเป็นลูกบอลลูกธนู ลูกธนูแต่ละดอกเจาะเข้าที่เกราะป้องกันของเขาด้วยแรงมหาศาล! แต่ถึงกระนั้น มันกลับไม่ได้เด้งกลับไปเมื่อมันถูกสะท้อนกลับ กลับกัน…พวกมันเพียงส่งเสียงกรีดร้องออกมาและเริ่มหมุนตัวไปรอบ ๆ ขณะที่หาทางเจาะเข้าไปด้านในอย่างสิ้นหวัง!
ฉินเย่พยายามรักษาศักดิ์ศรีแห่งอำนาจของตนเอาไว้ขณะที่สายฝนลูกธนูยังคงกระหน่ำลงมาและพลังหยินก็ระเบิดออกมาจากรอบด้าน ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้สูดหายใจ เขาก็ได้ยินเสียงที่ดังสนั่นดังขึ้น “อีกครั้ง!!!!” ภายในระยะเวลาเพียงเสี้ยววินาที ฝนลูกธนูชุดที่สองก็พุ่งผ่านท้องฟ้าราวกับคลื่นสึนามิที่ไร้ที่สิ้นสุด!
ฉึก ฉึก ฉึก! สายฝนลูกธนูพุ่งลงมากระทบที่เกราะกำบังของฉินเย่ ตามมาด้วยเสียงเจาะที่ดังขึ้นรอบตัว หัวลูกธนูทั้งหมดดูราวกับพวกสัตว์กินเนื้อ ฉินเย่รู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นปลาที่สิ้นหวังซึ่งถูกล้อมรอบโดยฝูงปิรันย่าที่หิวโหย
“หัวลูกธนูพวกนี้ถูกทำขึ้นมาจากกระดูกของมนุษย์ในช่วงที่มีพลังหยางเข้มข้นที่สุด พวกมันนับได้ว่าเป็นศัตรูโดยธรรมชาติของการป้องกันที่ก่อตัวจากพลังหยินในทุกรูปแบบ แม้ว่าท่านจะเป็นขั้นตุลาการนรก แต่ท่านก็ย่อมรู้สึกเจ็บปวดจากพลังหยางที่ไหลผ่านร่างของท่านทันทีที่ธนูพวกนี้ปะทะเข้ากับร่าง…” ชายผู้อยู่ภายในที่ประทับเคลื่อนที่เงยหน้ามองท้องฟ้าที่ยังคงเต็มไปด้วยลูกธนูขณะที่จิบไวน์ในแก้วของตน “เมื่อเป็นเรื่องของความเข้าใจเกี่ยวกับวิญญาณ ตระกูลขงจื๊อของเราจะเป็นรองก็เพียงแต่พระยมแห่งพระตำหนักทั้งสิบเท่านั้น นอกจากนี้ ท่านเองก็เป็นเพียงตุลาการนรกมือใหม่ ดังนั้นหากท่านกำลังคิดหาทางหนี…ข้าเกรงว่านั่นจะเป็นเพียงความเพ้อฝันเท่านั้น”
ฉินเย่กำลังคิดหาทางหนีอยู่จริง ๆ
แต่น่าเสียดาย เพราะความจริงที่ว่าฝนลูกธนูที่ตกกระหน่ำลงมายังการป้องกันของเขาอย่างรุนแรงยังคงอยู่ และมันก็มากจนศักดิ์ศรีแห่งอำนาจของเขาเสื่อมอำนาจลงอย่างเห็นได้ชัด!
เร็วเข้าสิ!! ฉินเย่ไม่แม้แต่จะคิดว่าตนจะต้องทำอย่างไรเมื่อศักดิ์ศรีแห่งอำนาจของเขาพังทลายลง เด็กหนุ่มกำมือรอบเศษตราจ้าวนรกแน่น – นี่เจ้าไม่ทำงานเลยได้อย่างไร? ถูกกดขี่โดยลิมโบอย่างนั้นหรือ? เจ้าเป็นถึงตราจ้าวนรกเชียวนะ!
มันไม่มีเหตุผลที่จะต้องนึกถึงเรื่องอื่น ๆ
ตราบที่เขาสามารถใช้งานเศษตราจ้าวนรกในมือได้ เขาก็สามารถกลับไปยังยมโลกแห่งเก่าได้อย่างปลอดภัย และจากนั้น ทุกอย่างก็จะอยู่ภายใต้การควบคุมอีกครั้ง
แต่ทันใดนั้นเอง เสียงร้าวก็ดังขึ้น – ศักดิ์ศรีแห่งอำนาจพังทลายลงแล้ว!
มันถูกเจาะผ่าน…
การป้องกันของเขาถูกทำลาย! สายฝนธนูกว่า 5-6 รอบได้ลดอำนาจในการป้องกันของเขาจนพวกมันสามารถทำลายศักดิ์ศรีแห่งอำนาจได้สำเร็จ!
เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งไป สิ่งเดียวที่ฉินเย่มองเห็นก็คือทะเลลูกธนูที่อยู่ล้อมรอบและเหนือศีรษะของตัวเอง ลูกธนูทั้งหมดสั่นเทาและส่งเสียงออกมา แทบจะเหมือนกับว่าพวกมันเป็นปลาปิรันย่าที่กำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างดุร้าย
สิ่งต่อมาที่ฉินเย่รู้ก็คือ เสียงเจาะทั้งหมดหายไป เหลือไว้เพียงเสียงพุ่งเข้ามาของลูกธนู ทันใดนั้น ฉินเย่ก็เริ่มเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ เขาปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมาอย่างเต็มกำลังและพุ่งลงไปด้านล่างทันที
ลูกธนูจำนวนมากที่ตกกระหน่ำลงมาทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเสียวสันหลังวาบ นี่คือพลังของค่ายกลสู้รบอย่างนั้นหรือ? เดิมทีทหารวิญญาณเพียงหมื่นนายไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาด้วยซ้ำ แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อเขาได้เมื่ออยู่ภายใต้ผลของค่ายกลลงทัณฑ์พยัคฆ์ขาว…
ทหารวิญญาณที่อยู่ภายใต้การเสริมกำลังของค่ายกลสู้รบนี่มันอยู่กันคนละระดับอย่างสิ้นเชิง!
อย่างไรก็ตาม ฉินเย่ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะหายใจ เพราะในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ว่าค่ายกลหอกบนพื้นได้ตั้งหอกของตนบนพื้น โดยที่ด้านปลายหอกของตนชูขึ้นด้านบน เปลี่ยนให้พื้นด้านล่างเต็มไปด้วยหอกแหลมจำนวนนับไม่ถ้วนภายในชั่วพริบตา!
เขารู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถดูถูกอาวุธที่ถูกทำขึ้นจากกระดาษได้ เด็กหนุ่มคิดด้วยซ้ำว่าพื้นดินซึ่งเต็มไปด้วยหอกนี้ก็อันตรายไม่น้อยไปกว่าฝนลูกธนูที่โจมตีเขาจากด้านบนเลยแม้แต่น้อย!
เด็กหนุ่มรวบรวมกำลังของขั้นตุลาการนรกเพื่อที่จะลอยตัวอยู่กลางอากาศ ทว่าการโจมตีของทหารวิญญาณทั้งหมดนั้นประสานกันอย่างดี และทั้งหมดก็โจมตีเขาอย่างต่อเนื่อง ภายในไม่กี่วินาที ลูกธนูที่ดูเหมือนกับฝูงตั๊กแตนที่แสนอันตรายก็พุ่งเข้ามาอีกระลอกหนึ่ง กลุ่มก้อนเฆมแห่งความตายปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ แทบจะไม่เหลือช่องว่างให้เขาได้หลบหนีเลยแม้แต่นิดเดียว
ขึ้นก็ไม่ได้ ลงก็ไม่ได้… ตอนนี้ฉินเย่เริ่มรู้สึกถึงก้อนบางอย่างที่จุกอยู่บริเวณลำคอ แม้เพียงค่ายกลต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่มันยังสามารถดักจับเป้าหมายและทำให้การหลบหนีไม่สามารถเป็นไปได้อีกด้วย!
แม้แต่ช้างที่ทรงพลังก็ไม่สามารถยืนหยัดต่อกองทัพมดจำนวนมหาศาลได้ และนี่ยังไม่รวมถึงวิญญาณขั้นตุลาการนรกที่กำลังควบคุมค่ายกลสู้รบนี้อยู่ สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือ เศษตราจ้าวนรกดูเหมือนจะไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียกของเขาเลยแม้แต่น้อย…ฉินเย่กัดฟันกรอดและตะโกนออกไปสุดเสียง “ถอยไป!!!”
ทันใดนั้น คลื่นกระแทกพลังหยินของขั้นตุลาการนรกซัดสาดไปทั่วทั้งดินแดน สะท้อนสายฝนลูกธนูบนฟ้าและสร้างเป็นเขตกันชนรัศมี 50 เมตรขึ้นรอบตัวเขา เหล่าวิญญาณที่อยู่เบื้องล่างของเขาไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะระเบิดออกและกลายเป็นเถ้าถ่าน
วิญญาณกว่า 500 ตนถูกกำจัดไปโดยการปลดปล่อยพลังของฉินเย่ แม้แต่ตุลาการนรกที่ควบคุมค่ายกลทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดกับการสูญเสียครั้งใหญ่นี้
เพราะอย่างไรแล้วพวกเขาก็คือทหารวิญญาณ…ซึ่งเกิดจากการคัดเลือกจากวิญญาณจำนวนมาก ก่อนที่จะสามารถถือได้ว่าเป็นทหารวิญญาณที่แท้จริง!
ย้อนกลับมาภายในที่ประทับชั่วคราว ชายผู้พูดกำมือรอบแก้วไวน์ของตนแน่นขึ้นจนเกิดเป็นรอยร้าวที่ลามไปทั่ว เขาสูดหายใจเข้าช้า ๆ และกัดฟันกรอด “เราไม่สามารถหยุดยมทูตด้วยกองกำลังทหารเพียงหมื่นนายได้แน่! เจ้ากำลังทำบ้าอะไรอยู่?! โจมตีเขาเดี๋ยวนี้! หากเขาสามารถหนีรอดไปได้ ชีวิตของเราหลังจากนี้จะต้องเหมือนตกนรกอย่างแน่นอน!”
ไร้ซึ่งคำตอบ
“เจ้าคนเขลา!!” เขาลุกยืนขึ้นและสบถออกมา “นี่เจ้ากำลังคิดที่จะทำให้ข้าอ่อนแอลงในเวลาเช่นนี้อีกอย่างนั้นหรือ? ข้าจะบอกอะไรให้นะ – พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่ายมทูตนั้นน่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด! นี่คือโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิต! มันคือโอกาสเดียวที่เราจะสามารถหลุดจากกฎข้อบังคับทั้งหมด! พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าการปรากฏตัวของเขาที่นี่หมายความว่าอย่างไร? มันหมายความว่ายมโลกนั้นพร้อมที่จะกลับมาควบคุมโลกใต้พิภพอีกครั้งแล้ว!! เจ้าไม่รู้หรือว่าสิ่งใดที่สำคัญที่สุดตอนนี้คืออะไร?!”
ยังคงไร้ซึ่งเสียงตอบรับ
แต่หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ผ้าม่านที่อยู่โดยรอบที่ประทับก็ถูกยกขึ้นราวกับมีใครบางคนกำลังพุ่งออกมา
ในขณะเดียวกัน ฉินเย่ก็สามารถกลับมาหายใจตามปกติได้
ค่ายกลลงทัณฑ์พยัคฆ์ขาว…ชื่อของค่ายกลสู้รบนี้อาจจะฟังดูยิ่งใหญ่ แต่แท้จริงแล้ว…มันก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นไม่ใช่หรือ?
หากพูดกันตามตรง ผลของค่ายกลสู้รบนั้นหมายความว่าเหล่าทหารวิญญาณจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม แต่ถึงกระนั้น การโจมตีจากปากกาแห่งการพิพากษาของเขาก็สามารถกำจัดวิญญาณร้อยกว่าตนได้ในคราวเดียว และในเมื่อเป็นเช่นนั้น มันไม่ได้หมายความว่าเขาสามารถกำจัดกองกำลังทั้งหมดได้โดยแค่กดปากกาลงไปอีกเพียงสองสามครั้งหรอกหรือ? ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถระบุได้ว่าตัวเองยังเหลือจำนวนครั้งในการโจมตีอยู่อีกเท่าใด แต่สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้ก็คือการยื้อเวลาไปจนกว่าที่เศษตราจ้าวนรกจะตอบสนองต่อเสียงเรียก!
ค่ายกลลงทัณฑ์พยัคฆ์ขาวกะพริบเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาสว่างดังเดิม การโจมตีอันทรงพลังของฉินเย่ก่อนหน้านี้ได้ทำให้พื้นที่ส่วนกลางของค่ายกลเกิดเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ขึ้น น่าเสียดายที่ปริมาณพลังหยินที่เขาสามารถใช้ได้นั้นมีอยู่อย่างจำกัด เขารีบขยายขอบเขตของศักดิ์ศรีแห่งอำนาจให้ครอบคลุมรัศมี 50 เมตรรอบตัว ป้องกันการโจมตีของทหารวิญญาณทั้งหมดทันที อย่างน้อยมันก็สามารถต่อชีวิตของเขาในตอนนี้ไปได้
เขายังสามารถทนได้!
ภายในใจของฉินเต็มไปด้วยความปิติยินดี ด้วยการป้องกันที่ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เขาเริ่มจิ้มปากกาแห่งการพิพากษาในมือของตนออกไปด้านนอก ทำลายค่ายกลที่ล้อมรอบตัวเองอยู่ด้วยแรงสั่นสะเทือนที่ทรงพลังจนทั่วทั้งลิมโบต้องสั่นไหว พลังหยินที่ปกคลุมอยู่โดยรอบเริ่มสลายไป และหัวใจของเขาก็เต็มตื้นไปด้วยความปิติ แต่ทันใดนั้นเอง หัวใจของเด็กหนุ่มก็ต้องหดตัวเข้าหากันเมื่อเขามองไกลออกไป
หากพูดกันตามตรง จะบอกว่ามันอยู่ไกลออกไปก็ไม่ถูกนัก เพราะนอกเหนือจากค่ายกลทหารวิญญาณหมื่นนายที่กำลังล้อมรอบฉินเย่อยู่ ทุกอย่างโดยรอบล้วนถูกปกคลุมด้วยกลุ่มหมอกหนา แต่ตอนนี้ เมื่อหมอกพวกนั้นค่อย ๆ สลายไป มันก็เผยให้เห็น…เงาดำจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่เบื้องหลัง รวมถึงเงาขนาดใหญ่ที่ดูราวกับภูเขาขนาดย่อม!!!
ชายผู้นั่งอยู่ในที่ประทับชั่วคราวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “รู้จักเลือกเวลาปรากฏตัวจริง ๆ”
หวูดดดดดด… เสียงเป่าแตรดังก้องไปทั่วทั้งลิมโบ ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง… เสียงดังสนั่นของกลองศึกที่ดังขึ้นให้ได้ยิน ฉินเย่ชะงักไป เขามองไปรอบ ๆ ด้วยความหงุดหงิด และก็พบว่ามีธงที่ถูกปักด้วยสัญลักษณ์แปลกประหลาดหลายผืนถูกชูขึ้นในพื้นที่ซึ่งพลังหยินสลายไป แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าธงเหล่านั้น…ตั้งอยู่ท่ามกลางกองกำลังทหารวิญญาณอีกจำนวนนับไม่ถ้วน!
กำลังเสริมมาถึงแล้ว! เมื่อเปรียบเทียบกับกองกำลังที่ฉินเย่กำลังต่อสู้ด้วย เขาสามารถบอกได้ทันทีเลยว่าจำนวนของกองกำลังเสริมนั้น…มีไม่ต่ำกว่า 60,000 นาย!
มันแทบจะเหมือนกับว่ามีเทพแห่งความตายยืนอยู่ที่ปลายขอบฟ้า จ้องมองมาที่ดวงวิญญาณของฉินเย่อย่างหิวกระหาย
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน…” ภายในหัวของฉินเย่ตื้อไปหมด
ทหารวิญญาณหมื่นตนเป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น แต่การที่ต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังที่มากมายขนาดนี้เพียงลำพังทำให้เขาตระหนักถึงความลึกล้ำของกองกำลังตรงหน้าได้อย่างแท้จริง ฉินเย่กำลังต่อสู้อย่างสุดความสามารถกับทหารวิญญาณนับหมื่นนายเพื่อเอาชีวิตรอด เพียงเพื่อที่จะพบว่ามีกำลังเสริมอีก 6 หมื่นนายที่เพิ่งมาถึง จนถึงตอนนี้…มันสามารถพูดได้แล้วว่าจำนวนของกำลังเสริมที่มานั้นกว้างใหญ่ราวท้องฟ้าและลึกราวมหาสมุทร
จำนวนที่ดูเหมือนจะไร้ที่สิ้นสุด ศัตรูได้ปิดล้อมเขาจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ตาม
และมันยังไม่หมดเพียงเท่านั้น มันยังมีที่ประทับชั่วคราวอีก 11 หลังที่กระจุกตัวอยู่ตรงกลางของกองกำลังทหาร 6 หมื่นนาย นอกจากนี้ฉินเย่ยังสัมผัสได้ถึงพลังหยินของขั้นตุลาการนรกแผ่ออกมาจากที่ประทับพวกนี้อีกด้วย! เงาดำที่ดูคล้ายกับภูเขาขนาดย่อมเองก็ค่อย ๆ เดินออกมาจากกลุ่มหมอก ดูไม่ต่างอะไรจากเต่ายักษ์ และสิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดก็คือเต่ายักษ์ตัวนั้นเองก็อยู่ขั้นตุลาการนรกเช่นกัน! พลังหยินที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของมัน หลังของมันถูกปกคลุมไปด้วยหนามแหลม ในขณะที่ดวงตาของมันลุกโชนอย่างน่ากลัวด้วยเปลวไฟนรกสีเขียวหยก หัวใจของฉินเย่หยุดเต้นไปชั่วขณะเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
ทหารวิญญาณ 6 หมื่นนาย และตัวตนขั้นตุลาการนรกอีก 13 ตน… นี่มัน…กองกำลังอันน่าสะพรึงกลัวที่สามารถสร้างมหาพายุขึ้นภายในแผ่นดินจีน รวมถึงสถาปนาตนเป็นเจ้าผู้ปกครองดินแดน แต่…จุดประสงค์เดียวของคนพวกนี้ในตอนนี้ก็คือการบดขยี้และกำจัดเขาเนี่ยนะ?
ทำไมกัน? ทำไมคนพวกนี้ถึงต้องทำถึงขนาดนี้?
ความเงียบปกคลุมพื้นที่ไปชั่วขณะ และจากนั้น ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของสถานการณ์ ธงผืนใหญ่ของกำลังเสริมทั้งหมดก็เริ่มพลิ้วไหวในอากาศอย่างรุนแรง และทั่วทั้งลิมโบก็เริ่มสั่นสะเทือน!
นั่นเป็นเหมือนสัญญาณที่บอกให้ทหารวิญญาณทั้งหมดพุ่งเข้าใส่เป้าหมาย!
แนวหน้าของกำลังเสริมทั้งหมดล้วนสวมหมวกกระดาษและกวัดแกว่งหอกสีขาวในมือของตน นอกเหนือจากนั้น สิ่งเดียวที่ฉินเย่มองเห็นก็คือทหารทั้งหมดที่วิ่งเข้ามาหาเขาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้น…ฉินเย่ก็สังเกตเห็นฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดผึง – กองกำลังทหารวิญญาณทั้งหมดที่กำลังมุ่งหน้ามาหาเขาต่างมีค่ายกลสู้รบที่เปล่งแสงสว่างอยู่ใต้ฝ่าเท้า!
และยังไม่หมดเพียงเท่านั้น!! ฉินเย่ยังได้ยินเสียงอู้อี้บางอย่างก่อนที่คลื่นสึนามิขนาดใหญ่จะซัดข้ามมาจากด้านหลังของทหารแนวหน้าพวกนี้
มันคือคลื่นสึนามิของลูกธนูที่ติดไฟ
ลูกธนูติดไฟจำนวนนับไม่ถ้วนแต่งแต้มท้องฟ้าอันมืดมิดด้วยม่านแสงสว่าง และพวกมันทั้งหมดก็ล้วนถูกเล็งมาที่ฉินเย่!
มันมากมายมหาศาล กำลังเสริมของทหาร 6 หมื่นนายไม่ได้นำมาซึ่งความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว แต่การปรากฏของฝ่ายตรงข้ามยังสร้างแรงกดดันทางจิตวิทยาที่กดทับลงมายังจิตใจของฉินเย่อีกด้วย
“เวรเอ๊ย!!!” ฉินเย่สบถออกมาสุดเสียง โดยไม่แม้แต่จะลังเล เขารีบรวบรวมพลังทั้งหมดที่เหลืออยู่และห่อหุ้มร่างของตนด้วยศักดิ์ศรีแห่งอำนาจทันที
นี่เป็นทางเดียวที่เขาจะสามารถรับประกันความปลอดภัยของตัวเองได้
หนึ่งวินาที… สองวินาที… สามวินาที…
และทันใดนั้น ศักดิ์ศรีแห่งอำนาจของเขาก็พังทลาย อานุภาพของธนูเพลิงนับหมื่นหมายความว่าความสามารถในการป้องกันของเขาไม่สามารถต้านทานได้นานนัก!
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! สิ่งเดียวที่ฉินเย่มองเห็นในตอนนี้ก็คือลูกธนูที่ถาโถมเข้ามาที่ตน มันไม่มีโอกาสให้ผิดพลาด ฉินเย่ดึงพลังหยินส่วนสุดท้ายในร่างของตัวเองออกมา กัดฟันแน่นขณะที่ปัดป้องลูกธนูทั้งหมด!
ตุบ ตุบ ตุบ…ตอนนี้มีลูกธนูจำนวนมากล้อมรอบร่างของฉินเย่เอาไว้ พยายามจะเจาะทะลุการป้องกันของเขา แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น จำนวนของลูกธนูที่พุ่งเข้าหาเขากลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่มีท่าทีว่าจะยอมแพ้ ดวงตาของฉินเย่แดงก่ำ ลูกธนูทุกดอกที่พุ่งลงมาบนร่างของเขานั้นให้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับการทิ่มแทงของหอกยาว ตอนนี้พวกมันอาจจะยังไม่สามารถเจาะทะลุเกราะป้องกันของเขาได้ แต่มันก็ยังทำให้เลือดของเขาเดือดพล่านและร่างกายก็สั่นเทาไปหมด
ความกล้าของชายชาตรี…ในวินาทีนี้ เขาตระหนักได้แล้วว่าเมื่อเทียบกับกองกำลังทหารหมื่นนายที่ได้รับการเสริมความแข็งแกร่งของค่ายกลสู้รบ ความกล้าของชายเพียงคนเดียว…มันน้อยเกินไป!
ตุบ ตุบ ตุบ… มันเหมือนกับสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงตอนนี้ หัวลูกธนูเริ่มเจาะทะลุการป้องกันของเขาเข้ามาได้แล้ว เด็กหนุ่มกัดฟันอย่างโมโห เขาไม่มีทักษะหรือศาสตร์อะไรให้ใช้! ยมโลกในตอนนี้ยังไม่มีแม้แต่สถาบันวิจัยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ แล้วเขาจะหาพวกทักษะอะไรมาจากที่ไหน?
ซ้ำร้าย เขายังไม่มีวัตถุหยินให้ใช้อีกด้วย! มันยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ต้องทำในยมโลกแห่งใหม่ และประชากรก็ยังไม่แม้แต่จะตั้งรกรากโดยสมบูรณ์ เพราะฉะนั้น เขาจะเอาวัตถุหยินที่ไหนมาใช้?
หากพูดกันตามตรง เขาไม่มีแม้แต่เพื่อนร่วมงานที่จะให้เรียกขอกำลังเสริมด้วยซ้ำ… ในวินาทีนั้น ความสิ้นหวังเข้าเกาะกุมทุกตารางนิ้วของหัวใจของฉินเย่ทันที