ฉันนี่แหละจ้าวนรก - บทที่ 403 กวาดล้างเมืองกู่เฉิง (2)
บทที่ 403: กวาดล้างเมืองกู่เฉิง (2)
ดั่งเช่นเขตนักล่าเขตอื่นๆ หลุมของโครงกระดูกนับพันไม่มีผู้คุ้มกันและเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนเลยแม้แต่คนเดียว ทว่าด้านล่างของหลุมกลับแตกต่างจากคืนวันแห่งความสงบสุขในอดีต
ฟึ่บ...มือซีดเผือดโผล่พ้นขึ้นมาจากพื้นดินที่อยู่ด้านล่างของหลุม หลังจากนั้น ผืนดินที่อยู่โดยรอบก็ยุบตัวลงอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดเป็นรอยแยกขนาดใหญ่ประมาณหนึ่งเมตรปรากฏขึ้น
รอยแยกดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นทางที่นำไปสู่ยมโลก กระแสพลังหยินสีดำสนิทพวยพุ่งออกมาจากรอยแยกนั้น พร้อมด้วยเสียงกรีดร้องของเหล่าวิญญาณร้ายจำนวนมาก เปลวไฟนรกพุ่งออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัวรอบๆผมเผ้าที่กระเซอะกระเซิง และจากนั้น ศพไร้หัวก็ค่อยๆลุกขึ้นมาจากส่วนลึกของรอยแยกพร้อมกับกระแสลมพลังหยิน
เส้นผมสีดำสนิทของวิญญาณร้ายกระจัดกระจายไปทั่ว อีกฝ่ายแต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายโบราณสีขาวสนิท และมือทั้งสองข้างก็ถือศีรษะของเด็กทารกที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีเขียวเอาไว้ เหล่าผู้ที่พบเห็นสามารถบอกจากลักษณะได้ทันทีว่าวิญญาณร้ายตนนี้เป็นผู้หญิง
นางยังคงแน่นิ่งไม่ไหวติง ในขณะที่ศีรษะในอ้อมแขนของนางเบิกตากว้าง ก่อนจะหันไปจ้องมองที่ท้องฟ้าของเมืองกู่เฉิงด้วยความตกตะลึง มันอ้าปากกว้างด้วยความหวั่นกลัว แทบจะเหมือนกับสายธนูรัดแน่นที่พร้อมจะขาดอยู่ตลอดเวลา
ช่างเป็นกลิ่นที่คุ้นเคยนิ่งนัก…
กลิ่นนี้…ดูเหมือนกับกลิ่นของผู้ฝึกตนที่จู่ๆก็หายตัวไปเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่เหตุใด…พลังปราณของเขาถึงกลายเป็นพลังหยินไปได้?
และหากมันเป็นเพียงแค่นั้น มันก็คงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่นางจะต้องโผล่ออกมาจากหลุมของโครงกระดูกนับพันเพื่อตรวจสอบมันด้วยตัวเอง เหตุผลที่แท้จริงซึ่งทำให้นางรู้สึกกระวนกระวายใจก็เพราะ…นางสัมผัสได้ถึงคลื่นความกลัวที่ลอยมาตามอากาศ
มันเป็นความหวาดกลัวที่แผ่ออกมาจากวิญญาณเร่ร่อนที่อยู่ด้านนอก – ความกลัวจากส่วนลึกของจิตใจที่ไม่สามารถปกปิดได้
นางมองไปรอบๆ แต่ถึงกระนั้น…นางก็มองไม่เห็นวิญญาณตนอื่นแม้แต่ตนเดียว!
มีบางอย่างผิดปกติ!
แรงดึงดูดจากวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่านั้นเป็นสิ่งที่วิญญาณระดับล่างไม่สามารถต้านทานได้ ในอดีต นางมักจะมองเห็นวิญญาณจำนวนมากลอยไปมาในทุกครั้งที่โผล่ขึ้นมาจากหลุม พัน หรืออาจจะหมื่น วิญญาณเร่ร่อนทั้งหมดมักจะลอยไปลอยมาอยู่ในส่วนนี้ของเมืองกู่เฉิง เมื่อใดก็ตามที่นางแผ่พลังของนางออกไป วิญญาณเหล่านั้นจะสั่นสะท้านและมุ่งหน้าเข้ามาหานาง ด้วยหวังที่จะดูดซับพลังหยินของนางเพื่อเป็นอาหารให้กับตัวเอง แต่ถึงกระนั้น…วันนี้กลับไม่มีวิญญาณสักตน
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง มีบางอย่างอยู่แถวนี้…บางสิ่งบางอย่างที่อันตรายและน่าสะพรึงกลัว… มันแทบจะเหมือนกับว่า… อีกฝ่ายกำลังยืนอยู่ใกล้ๆกับนาง จ้องมองนางจากความมืดโดยรอบ
อกของนางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างหนักหน่วง ในเสี้ยววินาทีต่อมา นางก็อาศัยจังหวะนี้ในการมุดกลับลงไปในรอยแยกที่นางจากมา
ทว่าขณะที่ศพไร้หัวกำลังหันหลังและเตรียมที่จะหนีไปพร้อมกับศีรษะของนาง มันก็เกิดเป็นภาพที่แปลกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ ทันทีที่มันอยู่ห่างจากรอยแยกประมาณสามเมตร ประกายแสงจากใบมีดก็ตัดผ่านความมืด ฟันจนเกิดเป็นรอยยาวกว่าหลายสิบเมตรบนพื้นดิน! หากพูดกันตามตรง รอยฟันดังกล่าวปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า รอยร้าวมากมายปรากฏขึ้น แพร่กระจายไปทั่ว ก่อนที่ทั้งหลุมจะพังทลายลง!
“ผู้ใดกัน?!!!” นางกรีดร้องออกมาเสียงดัง คลื่นเสียงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าสาดซัดไปโดยรอบ เศษฝุ่นกระจัดกระจายไปทั่ว เส้นผมบนศีรษะเริ่มสยายออกมาอีกครั้งราวกับคลื่นยักษ์สีดำสนิท ในขณะเดียวกันเส้นผมสีเขียวบนหัวของเด็กทารกก็ลุกตั้งขึ้น ราวกับว่ามันกำลังหวาดกลัว
“ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นเจ้ามีท่าทีหวาดกลัวขนาดนี้…” เสียงของชายคนหนึ่งดังมาจากในความมืด และเสี้ยววินาทีต่อมา ทั้งหลุมก็ถูกปกคลุมด้วยเงาดำสนิท ร่างขนาดใหญ่ชายผู้หนึ่งลอยอยู่เหนือวิญญาณร้าย จ้องมองลงมายังนางด้วยดวงตาสีแดงก่ำอันน่าสะพรึงกลัว จากนั้น ขณะที่อีกฝ่ายยกดาบในมือของตนขึ้นในแนวนอนตรงหน้าของตน วิญญาณร้ายก็สังเกตเห็นว่าบนใบมีดของมันมีอักษรสลักอยู่ – คิคุอิจิมอนจิ
น่ากลัว… นี่มันอะไรกัน?! วิญญาณร้ายอย่างนั้นหรือ? แต่…นางเองก็วิญญาณร้ายเช่นกัน แล้วเหตุใดนางจึงรู้สึกหวาดกลัวอีกฝ่ายกัน?
ผับๆๆ… เล็บเท้าสีดำสนิทของนางจิกลงไปบนพื้นอย่างมั่นคง แต่ขาของนางกลับสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมได้
นางมองไปยังร่างที่ปรากฏตัวขึ้นจากความมืดอย่างหวาดระแวง โนบูนางะเพียงยกดาบคาตานะของตนขึ้นมาและไล่นิ้วไปตามผิวของใบมีดอย่างแผ่วเบา “หากเจ้ารู้ว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นเช่นนี้ เจ้าจะทำมันตั้งแต่แรกหรือไม่?”
มันเป็นเพียงประโยคอันเรียบง่ายซึ่งไม่ได้แฝงไปด้วยอารมณ์ใดๆ แต่มันกลับทำให้ความหวาดกลัวภายในใจของวิญญาณร้ายพุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมาก! นางไม่สามารถค้นหาต้นตอของความหวาดกลัวได้อีกต่อไป สิ่งเดียวที่นางรู้ก็คือสัญชาตญาณของนางกำลังกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง – หนีไปซะ! เจ้าสู้เขาไม่ได้! เขาคือราชาปีศาจตัวจริง!!!
และนางก็เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง
ก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยจบ นางก็กรีดร้องออกมาและพุ่งกลับไปที่รอยแยกบนพื้นด้วยความเร็วแสง นางวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด เสื้อผมทั้งหมดหดกลับมาพันรอบตัวจนกลายเป็นลูกบอลเส้นผมที่มีขนาดประมาณสิบเมตร ไม่ว่าอย่างไร นางจะต้องกลับเป็นที่ลิมโบให้ได้
ทว่าน่าเสียดาย…เพราะทันทีที่นางเข้าไปใกล้กับรอยแยกนั้น ลูกไฟสีแดงเข้มก็ลุกโชนขึ้นที่ด้านบนของหลุม หนึ่งลูก… เพิ่มเป็นสองลูก… สิบลูก… 50 ลูก… 100 ลูก… 1,000 ลูก!
และทันใดนั้นลูกไฟทั้งหมดก็พุ่งตรงไปที่รอยแยกตรงหน้าของนางอย่างรวดเร็ว!
กึก… เจียงซือสาวชะงักไป ภายในใจของนางกำลังบอกว่าหากนางก้าวเท้าไปอีกเพียงก้าวเดียว คู่ต่อสู้จะรีบปล่อยสายฟ้าสีแดงที่รุนแรงออกมาและเจาะทะลุร่างของนางจนเป็นรูในทันที!
ทันใดนั้นเอง ร่างที่ลอยอยู่เหนือหลุมก็เคลื่อนไหวในที่สุด
เขาไม่ลีลาให้มากความ ม้าศึกที่มีร่างเป็นโครงกระดูกและเจ้าของของมันกระโจนขึ้นไปบนอากาศ
กลุ่มก้อนพลังหยินติดตามเขาราวกับม่านสีดำผืนบางขณะที่เขากระโจนผ่านกลุ่มก้อนเมฆสีดำ มันเป็นภาพสีสง่างาม แต่ถึงกระนั้น ใบมีดของเขากลับตวัดผ่านอากาศจนเกิดเป็นระเบิดคลื่นเสียงที่ทรงพลัง ควบคู่ไปกับม้าศึกที่กำลังพุ่งไปด้านหน้า ดาบคาตานะของเขาฟันเข้าที่ส่วนหัวของเจียงซือตนดังกล่าวราวกับสายฟ้าแห่งการทำลายล้างที่ผ่าลงมาจากสวรรค์!
เร็ว
มันเร็วเสียจนแม้แต่เจียงซือสาวก็มองไม่เห็นการเคลื่อนไหวนั้น! นางไม่เข้าใจเลยว่าวิญญาณที่อยู่ขั้นเดียวกับนางสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร!
มันรวดเร็วราวกับสายฟ้า และหายวับไปอย่างรวดเร็วราวกัยสายรุ้ง
ซ่ากกกก!!!! นางส่งเสียงขู่ออกมาอย่างสิ้นหวัง ในขณะเดียวกัน ม้าศึกตัวดังกล่าวก็มาหยุดลงตรงหน้า และการโจมตีที่รุนแรงก็ปะทะเข้ามาราวกับสายฟ้าที่รุนแรง แต่โนบูนางะกลับไม่แม้แต่จะหันไปสนใจบาดแผลที่เขาได้สร้างให้กับอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย กลับกัน เขาเพียงหันกลับไปสั่งคนของตัวเอง “มัดนางไว้”
ทหารวิญญาณกว่าพันนายที่ยืนอยู่รอบๆก็รีบก้าวเข้ามา เจียงซีอสาวกัดฟันแน่นขณะที่กุมเข้าที่แผลของตนเองบริเวณลำตัวด้านซ้ายของนาง ตั้งแต่ช่วงหัวไหล่ซ้ายไปจนถึงช่องท้องด้านซ้ายถูกฟันขาดออกจากร่างในคราวเดียว!
เร็วมาก!
นี่นาง…พ่ายแพ้ในการโจมตีเดียวอย่างนั้นหรือ?
ด้วยฝีมือของวิญญาณที่อยู่ขั้นเดียวกันน่ะหรือ?
“นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไร…” นางจ้องมองนักรบผู้กล้าตรงหน้าด้วยความตกตะลึง ทว่าอีกฝ่ายกลับเหยียบลงบนส่วนหัวของนางจนจมดิน
“ด้วยคำพิพากษาจากนรก เหล่าวิญญาณทั้งปวงจงสูญสิ้น เจ้าไม่เคยได้ยินมันอย่างนั้นหรือ?” โนบูนางะเอ่ยด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายขณะที่ก้มมองวิญญาณที่อยู่บนพื้น “ยมทูตทุกตนล้วนมีอำนาจในการเอาชนะวิญญาณที่อยู่ระดับขั้นเดียวกับตนได้ เจ้าที่เป็นวิญญาณสมัยใหม่หาได้เข้าใจถึงวิธีการทำงานของโลกนี้เลยแม้แต่น้อย”
…………………………………………….
“พลังหยินบริเวณเขตนักล่า A-49 ผันผวนมาก! เดี๋ยวนะ… จบแล้วเหรอ? เขตนักล่า A-49 สงบลงแล้ว… เขตนักล่า A-49 สงบลงแล้ว!!!” ผู้สืบสวนที่นั่งดูภาพจากกล้องวงจรปิดตะโกนออกมาเสียงดัง “นี่มันหมายความว่า…หลุมของโครงกระดูกนับพันถูกชำระล้างแล้วอย่างนั้นเหรอ?! นี่วิญญาณร้ายขั้นยมทูตถูกลอบสังหารหรือเปล่า?! ทำไม…มันถึงเร็วขนาดนี้?!”
และมันก็ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้น แต่แม้แต่เจิงไสว่ เฉินเหนียน และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆที่ยืนภาพจากกล้องวงจรปิดต่างก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน ในวินาทีนั้น จุดสีแดงขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือบนหน้าจอที่แสดงถึงเขตนักล่า A-49 ก็หดจนมีขนาดเล็กลงเท่าปลายนิ้ว และมันก็กำลังมุ่งหน้าตรงมาที่ศาลากลาง!
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดของหน่วยสอบสวนพิเศษต่างมองหน้ากันและกันด้วยความเหลือเชื่อ
นี่คือพลังของยมโลกอย่างนั้นหรือ?
นี่คือผลจากการเดินทัพของเหล่าทหารวิญญาณอย่างนั้นหรือ
เจิงไสว่เป็นคนแรกที่กลับมาได้สติ เขารีบหันไปดูเวลาทันที ตอนนี้เป็นเวลา 04.30 น.
พวกเขาใช้เวลาเพียงสี่ชั่วโมงเท่านั้นในการกวาดล้างเขตไล่ล่าและเขตนักล่าทั้งหมด! และ…ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น! เขายังสัมผัสได้อีกว่าคลื่นพลังหยินที่หนาแน่นกำลังมุ่งหน้าใกล้เข้ามายังศาลากลาง!
ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะอยู่ที่ชั้นใต้ดิน แต่พวกเขาก็ยังสามารถสัมผัสได้ว่าปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยวิญญาณระดับสูง แต่มันกลับเป็น…การรวมตัวกันของมดจำนวนนับไม่ถ้วน!
“ยมโลก...สามารถกวาดล้างวิญญาณทั้งหมดภายในเมืองกู่เฉิงได้แล้วจริงๆน่ะเหรอ?” ริมฝีปากของเจิงไสว่สั่นระริกขณะที่เขาถามออกไปด้วยความเหลือเชื่อ
นี่คือเป้าหมายสูงสุดขอเหล่าผู้สืบสวนทุกคนที่อยู่โดยรอบ ทว่ามันกลับไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใดเคยประสบความสำเร็จมาก่อน แต่…ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำให้ความฝันของพวกเขาเป็นจริง!
พวกเขาไม่ใช่เพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่ตกตะลึงกับการกระทำของฉินเย่ เพราะในวินาทีนี้ ผู้ฝึกตนขั้นตุลาการนรกทั้งสองที่อยู่บนชั้นบนสุดของศาลากลางก็กำลังจ้องไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดด้านนอกด้วยปากที่อ้ากว้างเช่นกัน
ไม่ ท้องฟ้าไม่ได้ดำมืดอย่างที่พวกเขาเคยเห็นก่อนหน้านี้อีกแล้ว
ดวงจันทร์ได้เริ่มโผล่พ้นออกมาจากกลุ่มเมฆเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉายแสงสีเงินอันนุ่มนวลไปทั่วดินแดนที่เย็นยะเยือก วินาทีนี้ คนทั้งหมดต่างมองเห็นทหารวิญญาณนับร้อยนายที่กำลังควบคุมเหล่าวิญญาณเร่ร่อนในบริเวณใกล้เคียงมารวมกันที่ด้านหน้าของศาลากลาง ที่ซึ่งพวกเขารวมตัวเข้ากับวิญญาณตนอื่นๆที่ได้คุกเข่าอยู่บนพื้นรออยู่ก่อนแล้ว!
มันมีทั้งเด็ก ทั้งแก่ ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง พวกเขาทั้งหมดไม่มีใครมีความตระหนักรู้ทางจิตวิญญาณเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังรู้สึกถึงความกลัวที่ไม่สามารถต้านทานได้ วิญญาณทั้งหมดก้มหน้าลงต่ำ ไม่มีใครกล้าขยับตัวแม้แต่นิดเดียว
และผู้ที่นั่งอยู่ตรงหน้าของวิญญาณทั้งหมดก็คือผู้กระทำผิดที่รับผิดชอบเขตไล่ล่าและเขตนักล่าภายในเมืองกู่เฉิง ไม่มีใครสามารถเล็ดลอดไปได้แม้แต่คนเดียว!
“ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะใช้เวลาแค่สี่ชั่วโมงครึ่ง…” หนึ่งในผู้ฝึกตนขั้นตุลาการนรกเอ่ยออกมาด้วยความเหลือเชื่อ “ในการกำจัดวิญญาณที่มีอายุกว่าร้อยปีที่อาศัยอยู่ภายในเมืองกู่อัน”
วิญญาณพวกนี้มีจำนวนมากราวกับมหาสมุทร ทั้งหมดน่าจะประมาณแสนกว่าตนที่มารวมตัวกันอยู่ที่ตรงหน้าศาลากลางในเวลานี้!
ไม่เพียงแค่มาปรากฏอยู่ที่หน้าศาลากลางเท่านั้น แต่พวกเขายังล้นไปถึงถนนที่อยู่โดยรอบ มันไม่ใช่การพูดเกินจริงเลยหากจะเรียกภาพตรงหน้าว่ากระแสวิญญาณ…
มันแทบจะเหมือนกับว่า…พวกเขากำลังจะสังหารคนทั้งมณฑล
ช่างเป็นภาพที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ!
วิญญาณจำนวนมากยังคงหลั่งไหลเข้ามารวมกันราวกับคลื่นที่ซัดสาดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากนั้น ทันทีที่เข็มนาฬิกาตีบอกเวลาตี 5 เสียงที่ทรงอำนาจก็ดังขึ้น “วิญญาณทั้งหมดได้ถูกพามาอยู่รวมกัน ณ ที่นี่แล้ว”
กรุบ กรุบ กรุบ ม้าศึกโครงกระดูกที่ถูกขี่โดยโนบูนางะเดินเข้ามาจากทางเข้าหลักของศาลากลาง
สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่าน ส่งผลให้ผ้าคลุมยาวสีแดงของโนบูนางะกระพือไปมาในอากาศอย่างยิ่งใหญ่ จากนั้น เขาก็กระโดดลงจากหลังม้าและคุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่ง “ตามคำสั่งที่ได้รับมา พวกเราได้รวบรวมวิญญาณทั้งหมด 1,089,432 ตนที่ซ่อนตัวอยู่ภายในเมืองกู่เฉิงมาไว้ ณ ที่นี่ รบกวนทุกท่านโปรดตรวจสอบ...”
ในที่สุดมันก็จะจบลงแล้วอย่างนั้นเหรอ? คนทั้งหมดที่อยู่ภายในศาลากลางจ้องมองไปยังลานกว้างตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา เจิงไสว่และผู้ฝึกตนระดับล่างคนอื่นๆถึงขนาดที่ยอมออกจากการคุ้มกันของศาลากลางและเดินไปยังลานกว้างด้านนอก กระแสวิญญาณพวกนี้เป็นภาพที่น่าตกตะลึงสำหรับพวกเขา เจิงไสว่หลับตาลง และสัมผัสได้ถึงเปลือกตาที่เต้นตุบๆอย่างไม่สามารถควบคุมได้ของตัวเอง เขาแทบจะไม่เชื่อเลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยใฝ่ฝันถึงจะมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าของตัวเองในตอนนี้
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็พึมพำออกมาเบาๆ “เหล่าเฉิน…พวกเราอาศัยอยู่ในเมืองกู่เฉิงแห่งนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ…?”
“เก้าปี…” เสียงที่ตอบกลับมาของเฉินเหนียนนั้นฟังดูล่องลอยไม่แพ้กัน นอกจากนี้ เขายังได้ยินอีกฝ่ายอึกอักเล็กน้อยด้วย “ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเราจะได้เห็นภาพแบบนี้…”
วิญญาณนับล้านต่างคุกเข่าอยู่ตรงหน้าศาลากลาง ในขณะที่กระแสพลังหยินที่หนาแน่นล่องลอยอยู่รอบๆ วินาทีแห่งประวัติศาสตร์จะถูกผนึกลงทันทีที่ชายที่ชื่อขุยมู่หลางได้ออกคำสั่งให้กวาดล้างวิญญาณทั้งหมด! ที่นี่จะเป็นที่แรกที่ปราศจากวิญญาณอย่างสมบูรณ์ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา! แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นตุลาการนรกทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื้นตัดด้วยความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ขณะที่พวกเขาตั้งตารอคำพูดที่ทุกคนต่างรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ – คำพูดที่จะนำความโล่งใจมาสู่พวกเขา
ทุกอย่างโดยรอบเงียบสนิท และทันใดนั้นเอง พลังหยินที่อยู่โดยรอบก็หลั่งไหลมารวมตัวกันที่จุดกึ่งกลางของลานกว้าง ก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนพลังหยินซึ่งฉินเย่ก้าวเท้าออกมาในสถานะยมทูตของเขา
เสื้อคลุมสีดำสนิท พร้อมกับหมวกของจงขุย ปากการแห่งการพิพากษาและสมุดแห่งความเป็นตายภายในมือทั้งสองข้าง เสื้อคลุมของเขากระพือไปมา เช่นเดียวกันกับเส้นผมสีขาวราวหิมะของเขา วิญญาณมากกว่าล้านตนได้มารวมตัวกันอยู่ที่ลานกว้างแห่งนี้ แต่มันกลับไม่มีวิญญาณตนไหนที่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองผู้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่เลยแม้แต่คนเดียว แม้แต่เหล่าวิญญาณร้ายที่อยู่ในเขตไล่ล่าต่างก็ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
ผู้ฝึกตนขั้นตุลาการนรกทั้งสองลอบกลืนน้ำลายอย่างหวั่นสะพรึง ช่างเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่อะไรเช่นนี้… นี่คือขั้นตุลาการนรกที่แท้จริง! ผู้ที่มีอำนาจเหนือวิญญาณนับล้าน! เจ้าแห่งความเป็นตายที่แท้จริง!
จากนั้น ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมาของผู้ที่อยู่โดยรอบ ฉินเย่กวาดสายตามองวิญญาณทั้งหมดอย่างเย็นชา ก่อนจะหยุดลงที่เจียงซือสาวซึ่งอยู่เบื้องหน้าของวิญญาณทั้งหมด
เจียงซือสาวตัวสั่นเทาอย่างรุนแรง ริมฝีปากของนางอ้าออกอยู่หลายครั้ง ราวกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ความหวาดกลัวที่ก่อตัวขึ้นได้ครอบงำนางจนหมดสิ้น มันมากจนทำให้นางพูดอะไรไม่ออก ได้แต่อ้าปากค้างคล้ายกับพยายามจำค่ำครวญออกมา – ปล่อยข้าเถิด…
ฉินเย่ละสายตาจากอีกฝ่าย จากนั้น เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เปลวไฟนรกสีทองในดวงตาก็เปล่งประกายราวกับแสงของดวงอาทิตย์ เด็กหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “พวกเจ้าทุกตนที่อยู่ที่นี่ต่างมีส่วนร่วมในการลอบสังหารจ้าวนรกแห่งยมโลก และด้วยเหตุผลนี้ พวกเจ้าทั้งหมดจึงถูกตัดสินให้ต้องโทษขี้ผึ้งน้ำมันมนุษย์โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น!”