ฉันนี่แหละจ้าวนรก - บทที่ 413 ดินแดนที่ไม่รู้จัก (3)
บทที่ 413: ดินแดนที่ไม่รู้จัก (3)
ตึก ตึก ตึก… หยางเหยียนเจานำทัพกองกำลังทั้งหมด เลี่ยงผ่านเหวลึกอันไร้ก้นบึ้งขณะที่มุ่งหน้าสู่ตะเกียงหวนหยางดวงแรกโดยเร็วที่สุด
นี่คือประโยชน์ของการมีตะเกียงหวนหยาง โลกใต้พิภพนั้นเป็นสถานที่ที่กว้างใหญ่และไร้ซึ่งขอบเขต เมื่อปราศจากแสงนำทาง กองกำลังทั้งหมดก็อาจจะหวาดกลัวราชาอสูรวิญญาณจนเผลอก้าวเข้าไปยังจุดที่อันตรายกว่าเดิมโดยไม่ได้เจตนาก็เป็นได้ แต่ด้วยแสงจากตะเกียงหวนหยาง ทุกคนจะยังมีความหวังอยู่ แม้ว่าจะมีทหารวิญญาณบางส่วนที่พลัดหลงออกจากกองกำลังหลัก พวกเขาก็ยังวางใจได้ว่าจะสามารถพบกันได้ในจุดถัดไป
เขาอยากรู้จริง ๆ ว่าฝั่งของท่านฉินเป็นอย่างไรบ้าง… ภายในใจของหยางเหยียนเจาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถหยุดเดินทัพและตั้งที่พักได้จนกว่าจะแน่ใจว่ากองกำลังทั้งหมดรอดพ้นจากอันตรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ท่านฉินและท่านอาร์ทิสได้มอบให้ เขาจะต้องใช้มันให้ดีที่สุด!
เขาเหลือบมองไปด้านหลัง และก็พบว่ามีกลุ่มก้อนพลังหยินหนาแน่นรวมตัวกันอยู่ห่างออกไปประมาณสิบกิโลเมตร นอกจากนี้เขายังสัมผัสได้ถึงแหล่งพลังหยินของขั้นตุลาการนรกสามแหล่งปะทุออกมาจากด้านในและกำลังสู่กันอีกด้วย ด้วยฟันที่กัดเข้าหากันแน่น เขาหันไปหากองกำลังทั้งหมดและตะโกนสุดเสียง “เดินหน้าด้วยความเร็วเต็มที่! ทัพเกราะทมิฬเคลื่อนไปอยู่กองหลัง! กองกำลังทั้งหมดที่หลุดไปอยู่ด้านหลังของทัพเกราะทมิฬจะถูกจัดการตามกฎอัยการศึก!”
“ท่านแม่ทัพใหญ่” ทันใดนั้นเอง วิญญาณของชายหนุ่มผู้ขี่ม้าศึกโครงกระดูกก็พุ่งมาขนาบข้าง เมื่อหยางเหยียนเจาเหลือบมอง เขาก็พบว่าเป็นโนบูทาดะนั่นเอง มันแปลกมาก เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายคือชาวญี่ปุ่น แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงเจตนาร้ายใดๆจากชายหนุ่มผู้นี้เลย
“เหตุใดเราถึงไม่ตอบโต้?” โนบูทาดะถามเสียงเบา “กองกำลังของเขามีกำลังมากพอที่จะจัดการกับอสูรวิญญาณพวกนั้นมิใช่หรือ?”
หยางเหยียนเจาส่ายหน้า เขาดึงบังเหียนคุมม้าของตัวเองและเร่งความเร็วขึ้น
“เราทำไม่ได้”
โดยไม่เว้นจังหวะ เขาอธิบายต่อด้วยเสียงเย็นชา “กองกำลังของเรามีทั้งสิ้น 7 หมื่นนาย มันจะต้องมีคนล้มตายหากแน่นอนหากเราไม่ใช้หน้าไม้ศักดิสิทธิ์เปลวไฟแห่งกรรมที่มีอยู่”
“ลูกดอกหน้าไม้ห้าดอกสำหรับทหารแต่ละนายหมายความว่าเราต้องใช้ลูกดอกหน้าไม้ทั้งสิ้น 3.5 แสนดอก นี่เพิ่งวันแรกของการเดินทางเท่านั้น ไหนจะราชาอสูรวิญญาณที่เราอาจจะต้องเผชิญหน้าในอนาคตอีกเล่า? และต่อให้เราจะไม่ได้เจอกับราชาอสูรวิญญาณสักตัวหลังจากนี้ ท่านฉินก็เคยได้ตรัสไปก่อนหน้านี้แล้วว่านครชฺวีฟู่นั้นเป็นสถานที่ที่ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา หากเจ้าลองพิจารณาดู ขงโม่นั้นได้เข้ายึดครองมณฑลซานตงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเขาก็ยังพยายามจะขยายอาณาเขตไปยังมณฑลเจียงซูอีกด้วย พวกเรากำลังพูดถึงวิญญาณและทหารวิญญาณที่เขาได้รวบรวมมาเป็นเวลาเกือบร้อยปี แล้วเจ้าคิดหรือว่าเขาจะมีทหารวิญญาณที่อยู่ภายใต้การควบคุมเพียงไม่กี่แสนนาย? หากเราใช้ทุกอย่างที่มีที่นี่ เราจะใช้อะไรสู้กับกองกำลังพันธมิตรขั้นตุลาการนรกในอนาคต?”
“และต่อให้พวกเราสามารถเอาชนะพวกเขาได้ แต่เราจะรับมือกับราชาผีอย่างไรต่อ?”
ความหมายที่แฝงอยู่ในการกระทำของพวกเขานั้นมากมายมหาศาล นี่คือเหตุผลว่าทำไมการตอบสนองแรกของฉินเย่คือการหลบหนีจากราชาอสูรวิญญาณตนนี้
และแน่นอน มันยังเป็นผลพลอยได้จากความขี้ขลาดของเขาอีกด้วย
โนบูทาดะพยักหน้าอย่างเข้าใจ ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าพวกเขาจะต้องพบเจอกับราชาอสูรวิญญาณตั้งแต่วันแรกที่ออกเดินทาง การเดินทางไปยังเมืองหวู่หยางนั้นน่าจะใช้เวลาประมาณสามเดือน ซึ่งอีกความหมายหนึ่งก็คือ…พวกเขาเพิ่งแง้มผ้าม่านออกเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
และมันก็คงจะไม่ฉลาดนักหากจะใช้ไพ่ตายของพวกเขาทันทีแบบนี้
หยางเหยียนเจาไม่ได้สนใจว่าโนบูทาดะจะคิดสิ่งใดอยู่ เขาเพียงเอ่ยต่อ “โชคดีที่ภายใต้เมืองกู่เฉิงนั้นมีเมืองอยู่แล้ว นั่นคือพื้นที่ปลอดภัยที่พวกเราสามารถพักและรวมกลุ่มได้ ยมโลกได้ส่งกลุ่มกองกำลังวิญญาณกว่า 5 แสนนายไปที่นั่นแล้ว ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือเราจะต้องไปถึงที่นั่นโดยเร็วที่สุดให้ได้!”
เขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองยังกลุ่มเมฆพลังหยินที่อยู่ด้านหลังอีกครั้ง “ข้าเชื่อว่าท่านฉินจะต้องไม่ทำให้เราผิดหวัง”
………………………………………………….
พลังอำนาจของขั้นตุลาการนรกนั้นน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก
อาร์ทิสเคยเผยร่างที่แท้จริงของนางครั้งหนึ่งแล้วที่เมืองชิงซี ร่างของนางสูงเทียมฟ้า และสร้างความหวาดหวั่นไปทั่วทั้งดินแดน หากพูดกันตามตรง ขั้นตุลาการนรกในแดนมนุษย์ทุกคนล้วนต้องลดระดับพลังของตัวเองลงเมื่อพวกเขาทำกิจวัตรต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของตัวเอง ไม่เช่นนั้น การกระทำอันเล็กน้อยของพวกเขาอาจทำให้ภูเขาและโลกต้องสั่นสะเทือนได้ แต่วินาทีนี้ ไม่มีใครเก็บออมพลังของตนไว้อีกต่อไป
และนี่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าการออมพลังอาจนำพาความตายมาสู่พวกเขาได้!
อสูรวิญญาณนั้นแตกต่างจากวิญญาณเป็นอย่างมาก กฎข้อบังคับที่ว่ายมโลกสามารถสังหารวิญญาณที่อยู่ในระดับขั้นพลังเดียวกันได้ในดาบเดียวนั้นไม่สามารถนำมาใช้กับอสูรวิญญาณได้เลยแม้แต่น้อย เวลานี้ อาร์ทิส ฉินเย่ และราชาอสูรวิญญาณกำลังอยู่ในการเผชิญหน้าที่น่ากลัว พลังหยินที่ปะทุออกจากร่างของพวกเขาหมุนไปรอบ ๆ อย่างน่ากลัว กลายเป็นวังน้ำวนสีดำขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบพวกเขาเอาไว้
ซ่ากกกก!!! ทันใดนั้นเอง ราชาแมงมุมก็พุ่งเข้าใส่เป้าหมาย ทว่าในวินาทีที่มันจะเหยียบเข้าที่ร่างของฉินเย่และอาร์ทิส มันก็ต้องส่งเสียงร้องและถอยออกมาอีกครั้ง จากนั้น มันก็จ้องไปที่ทั้งสองด้วยดวงตาทั้งแปดของมัน
แข็งแกร่ง แข็งแกร่งมาก!
มันสามารถบอกได้ว่าสิ่งมีชีวิตสองตนข้างหน้านั้นแตกต่างจากอสูรวิญญาณที่มันเคยกินมาก่อนอย่างสิ้นเชิง หากพูดกันตามตรง บางสิ่งบางอย่างภายในจิตใจของมันกำลังกรีดร้อง บอกมันว่าอย่าเข้าใกล้สิ่งมีชีวิตทั้งสอง ทว่าน่าเสียดาย…
ดวงตาทั้งแปดเหลือบมองไปยังกองกำลังเคลื่อนที่ห่างออกไปอย่างรวดเร็วซึ่งอยู่ด้านหลังของขั้นตุลาการนรกทั้งสอง และราชาแมงมุมก็ลอบกลืนน้ำลายอย่างตะกละตะกลาม
มันไม่สามารถมองดูให้เหยื่อของมันหนีไปแบบนั้นได้
พรึ่บ… ขนบนร่างของมันลุกชัน นี่คือการแสดงความก้าวร้าว เพื่อเตือนขั้นตุลาการนรกทั้งสองให้หลีกไป หรือไม่ก็ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่รุนแรงของมัน
“มาดูกันว่าเจ้าจะเข้าใจในสิ่งที่พวกข้าพูดหรือไม่” หลังหยินหมุนรอบพวกเขาอย่างน่ากลัวขณะที่อาร์ทิสเอ่ยออกมาเสียงเรียบ “จะไปซะ หรือ…จะตาย”
ดวงตาของฉินเย่เบิกกว้างขึ้น
นี่เจ้าแน่ใจหรือว่านี่คือวิธีการที่เราควรใช้เพื่อร้องของชีวิต?
เขาหมายถึง ไม่ใช่ว่าเรากำลังตบมันด้วยหลังมือหรอกหรือ?! เหตุใดจึงต้องทำท่าทางหยิ่งยโสขนาดนี้ด้วย?
“ไม่… ข้าหมายถึง… พี่แมงมุม… พี่แมงมุม ขอให้ข้าได้อธิบายก่อน...” เขารีบดึงอาร์ทิสไปด้านข้างและก้าวออกไปข้างหน้าพร้อมกับกระแอมเบาๆ “พวกเราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ ท่านดูสิ – ผิวหน้าของเราทั้งหยาบและหนา เราไม่อร่อยหรอก เอาอย่างนี้เป็นอย่างไร – พวกเรา ต่างฝ่ายต่างถอยห่างออกจากกันฝั่งละร้อยก้าว และแยกทางกัน จากนั้น เราก็จะสนใจเฉพาะเรื่องของเรา ในขณะที่ท่านก็สนใจเฉพาะเรื่องของท่าน ข้ารู้ว่าท่านอาจจะเสียใจเกี่ยวกับการตายของลูกและหลานของตัวเอง แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ยังเป็นเพื่อนบ้านกัน เราฝังความเกลียดชังทั้งหมดและปล่อยให้เรื่องในอดีตผ่านพ้นไปไม่ดีกว่าหรือ?”
เห็นหรือไม่? มันยังมีวิธีที่ดีกว่าในการรับมืออกับเรื่องนี้…
พลังหยินที่หนาแน่นโดยรอบบดบังร่างของราชาแมงมุมจนเกือบหมด แต่ทันทีที่ฉินเย่เอ่ยจบ เปลวไฟนรกในดวงตาของราชาอสูรวิญญาณก็วูบไหว และมันก็ค่อยๆหดตัวกลับไป
ฉินเย่ปาดเหงื่อนบริเวณหน้าผากของตนและหันไปมองอาร์ทิสด้วยสายตาไม่พอใจ “จะต้องให้ข้าบอกอีกกี่ครั้งว่าหากเจ้าต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบสังคมนิยม เจ้าควรจะให้ความสนใจเกี่ยวกับวิธีการที่เจ้าปฏิบัติต่อผู้อื่น นี่คือวิธีที่เราควรทำเวลาร้องขออะไรบางอย่างจากผู้อื่นหรืออย่างไร? ดีนะที่เราเจอกับพี่แมงมุมที่มีเหตุผล ไม่เช่นนั้น—…”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ อาร์ทิสก็ดึงร่างของเด็กหนุ่มไปด้านข้าง หลบบางสิ่งบางอย่างที่พุ่งเข้าใส่ได้อย่างฉิวเฉียด กลุ่มก้อนพลังหยินที่อยู่รอบๆพวกเขาแยกตัวออกในทันที
วี๊ดดดด… เสียงกรีดร้องที่แสบหูดังก้องไปทั่ว ในขณะที่ลิ้นสีแดงเข้มหดกลับเข้าไปในปากของราชาอสูรวิญญาณอีกครั้ง
ฉินเย่ลูบเอวของตนขณะที่ค่อยๆลุกยืนขึ้น “ให้ตายเถอะ…เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำเช่นนี้ทั้งๆที่ข้ามอบทางออกที่ง่ายดายให้กับเจ้า?”
ซ่ากกก!!! ทว่าเสียงตอบรับที่เขาได้รับมีเพียงเสียงร้องอย่างดุดันที่ทำให้กลุ่มก้อนพลังหยินบนท้องฟ้าต้องแปรปรวน ร่างขนาดใหญ่ยกขาหน้าทั้งสองข้างของมันขึ้น ประกาศสงครามอย่างชัดเจน
อาร์ทิสหัวเราะ
“เป็นเด็กดีแล้วยืนรออยู่ตรงนี้” นางก้าวออกไป เส้นผมสีดำพลิ้วไหวอย่างน่ากลัวราวกับมงกุฎหนาม “ดูและจำ นี่คือวิธีต่อสู้ของขั้นตุลาการนรก”
เสี้ยววินาทีต่อมา สีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง ขณะที่มือของนางเริ่มประสานเข้าหากันในลักษณะต่างๆ “ฮ่า!!!!”
ในเสี้ยววินาทีต่อมา พลังหยินที่น่ากลัวไม่แพ้กับราชาแมงมุมก็ปะทุออกมาจากร่าง ศีรษะขนาดใหญ่ของนางลอยอยู่เหนือพื้นดินเล็กน้อย เส้นผมสยายของราวกับอสรพิษ ในขณะที่ลูกไฟนรกปรากฏขึ้นรอบตัว นางเปิดปากและส่งเสียงกรีดร้องที่ดังลั่นไปยังราชาอสูรวิญญาณ
กรี๊ดดดด!!!
ซ่าาาา!!! ด้วยความโกรธ ราชาอสูรวิญญาณจึงโก่งหลังและส่งเสียงคำรามมที่ดังไม่แพ้กันออกมา ในขณะเดียวกัน เส้นผมศีรษะของอาร์ทิสก็บิดเบี้ยวและก่อตัวเป็นกรงเล็บแหลมที่ปะทะเข้ากับขาของอสูรวิญญาณ
ครืนนน!
พื้นดินสั่นสะเทือน นี่คือการต่อสู้ระหว่างอสูรกายสองตัว ไม่มีทั้งการใช้เวทมนตร์หรือศาสตร์วิชาใด ๆ ทั้งสิ้น กลับกัน ทั้งสองเพียงโจมตีอีกฝ่ายด้วยการโจมตีพื้นฐาน พื้นดินสั่นสะเทือนภายใต้การโจมตีที่รุนแรงนี้ ไม่นานรอยร้าวก็ปรากฏขึ้น
ฉินเย่มองดูภาพดังกล่าวด้วยลมหายใจที่ติดขัด
นี่คือการต่อสู้ระหว่างขั้นตุลาการนรก
หากนี่เกิดขึ้นในแดนมนุษย์ เมืองทั้งเมืองคงจะพังทลายอย่างแน่นอน ไม่แปลกใจเลยที่ขั้นตุลาการนรกได้รับหน้าที่ให้ดูแลนครทั้งนคร
เขามองดูการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอย่างระมัดระวัง หากพูดกันตามตรง อาร์ทิสนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชาแมงมุมเลยแม้แต่น้อยเมื่อเป็นเรื่องของพละกำลังเพียงอย่างเดียว แต่นางก็ไม่ได้ถูกต้อนให้จนมุมเช่นกัน หากพูดกันตามตรง นางใช้วิชาแปลกประหลาดมากมายที่ทำให้นางเป็นฝ่ายเหนือกว่า
เปลวไฟแช่แข็งพ่นออกมาจากทวารทั้งเจ็ด นี่คือเปลวไฟที่เย็นยะเยือกของยมโลกที่จะแช่แข็งทุกอย่างที่มันสัมผัสในทันที ราชาอสูรวิญญาณกรีดร้องออกมาขณะที่มันพยายามขูดน้ำแข็งออกจากร่างของตัวเอง ทว่าน่าเสียดายที่น้ำแข็งบนร่างของมันก่อตัวขึ้นเร็วเกินกว่าที่มันจะสะบัดออกทัน และชั้นของมันก็หนาขึ้นเรื่อย ๆ !
“เป็นแค่อสูรวิญญาณ กล้าดีอย่างไรถึงมาท้าทายขั้นตุลาการนรกแห่งยมโลก?!” อาร์ทิสแค่นหัวเราะ “แม้ว่าพวกข้าเสนอทางออกให้เจ้า…แต่เจ้าคิดหรือว่ามันเป็นเพราะว่าเราหวาดกลัวเจ้า?!”
ทันทีที่เอ่ยจบ เส้นผมส่วนหนึ่งของนางก็กระจายตัวออกไปด้านข้างและรัดร่างของราชาแมงมุมเอาไว้ จากนั้น เส้นผมส่วนที่เหลือก็ก่อตัวเป็นมือขนาดใหญ่ที่ประสานกันในอากาศอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นเพียงภาพติดตา
“ความสิ้นหวังของภูตผี การสำแดงอำนาจของปีศาจ!”
พร้อมกับเสียงตะโกนที่ดังลั่น เปลวไฟนรกที่ไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดของนางรุนแรงขึ้นกว่าเดิม แพร่กระจายจนปกคลุมไปทั่วร่าง ครอบคลุมแม้กระทั่งเส้นผมเส้นที่เล็กที่สุด และทันใดนั้น นางก็กลายเป็นลูกบอลไฟนรกที่ลุกโชติช่วง
“นี่มัน…” ฉินเย่แน่นิ่งไป เผาไหม้พลังชีวิตของตัวเอง? เป็นไปไม่ได้…อาร์ทิสคือหนึ่งใน 50 ขั้นตุลาการนรกของยมโลกแห่งเก่า! มันไม่ทางที่นางจะต้องหันไปเผาพลังชีวิตของตัวเองเพื่อต่อสู้กับอสูรวิญญาณแบบนี้
แต่ก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ ร่างของอาร์ทิสก็ระเบิดพลังหยินที่รุนแรงกว่าที่นางมักแสดงในเวลาปกติออกมา!
ตู้ม!!! ลูกไฟขนาดใหญ่กว่าร้อยเมตรระเบิดออกกลางอากาศ และคลื่นกระแทกอันทรงพลังของพลังหยินก็กวาดไปทั่ว อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่แค่การระเบิดของพลังหยินเพียงลำพัง แต่มันยังก่อตัวเป็นแท่นดอกบัวเพลิงที่มีขนาดกว่าร้อยเมตรอีกด้วย!
แท่นดอกบัวเพลิงดังกล่าวมีอยู่ทั้งสิ้น 18 ชั้น โดยรากฐานของแต่ละชั้นล้วนถูกสร้างขึ้นมาจากกระดูกของมนุษย์ มีเพียงดอกบัวด้านบนสุดเท่านั้นที่ลุกโชนด้วยเปลวไฟนรกสีเขียวหยก มันเบ่งบานสะพรั่ง เผยให้เห็นร่างที่สูงประมาณสิบเมตรที่นั่งอยู่ ณ จุดกึ่งกลางของดอกบัวดอกนั้น
ร่างดังกล่าวมีขนาดเล็กอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเทียบกับร่างของราชาอสูรวิญญาณที่มีความสูงกว่าร้อยเมตร อย่างไรก็ตาม ราชาอสูรวิญญาณกลับกรีดร้องออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่เริ่มตะเกียกตะกายถอยหลัง สร้างรอยขนาดใหญ่ลากไปตามพื้นดินเพื่อหนีเอาชีวิตรอด
เงียบ
ทุกอย่างดูช้าลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบกับการต่อสู้ที่ดุเดือดเมื่อครู่ กริ๊ง…เสียงใสกังวาลของกระดิ่งดังขึ้น ฉินเย่เงยหน้ามองขึ้นไปด้านบน และเขาก็มองเห็นลักษณะของร่างที่นั่งอยู่ด้านบนแท่นดอกบัวได้อย่างชัดเจน
ร่างดังกล่าวมีสามศีรษะและหกแขน โดยศีรษะทั้งสามแสดงถึงความโศกเศร้า ความโกรธ และความปิติยินดี เขี้ยวแหลมคมยื่นออกมาจากปากทั้งสาม เครื่องประดับมากมายถูกสวมอยู่บนร่าง ทันใดนั้น ดวงตาของนางก็ลืมขึ้น
นี่คือร่างที่แท้จริงของรากษส!
นี่คือปีศาจจากยมโลกอย่างแท้จริง! อาร์ทิสได้เผยร่างที่แท้จริงของนางในที่สุด ในขณะเดียวกัน แขนทั้งหกก็ผายออกเพื่อเผยให้เห็นกงล้อสีทองที่กำลังหมุนอย่างรวดเร็ว
ริมฝีปากสีแดงทั้งสามเปิดออก และตะโกนออกมาพร้อมกันด้วยน้ำเสียงที่ดังกึกก้อง “วงแหวนแห่งการชำระล้าง วงล้อระบำเทวะ”
พรึ่บ!
อักขระที่ไม่สามารถอ่านออกปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของอาร์ทิส ในขณะที่ดวงวิญญาณสีซีดขาวจำนวนนับไม่ถ้วนที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าโผล่เข้าออกจากข้อความเหล่านั้น ไม่กี่วินาทีต่อมา การรวมตัวเข้าด้วยกันของอักขระทั้งหมดก็ปล่อยระลอกคลื่นสีดำสนิทที่กวาดล้างดินแดนทั้งหมดออกมา!
แมงมุมตัวเล็กที่อยู่ขั้นยมเทพ อากาศ และดินแดนทั้งหมดล้วนถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย… เล็กลงเรื่อย ๆ จนกระทั่ง…พวกมันกลายเป็นผุยผงไป!
“พระเจ้าช่วย…” ฉินเย่อ้าปากค้างขณะมองภาพที่เกิดขึ้นทั้งหมด ราชาอสูรวิญญาณขนาดใหญ่ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ต่างอะไรกับรูปปั้น จากนั้น ในเสี้ยววินาทีต่อมา พร้อมกับเสียงดังลั่น ร่างของแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆและค่อย ๆสลายไปในอากาศ
มันเป็นวินาทีนั้นเองที่ฉินเย่ตระหนักได้ว่ายมโลกของยมโลกแห่งเก่านั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
และคำถามต่อไปก็ผุดขึ้นมา ถ้าหากอาร์ทิสยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แล้วหลิวอวี้ ที่เป็นขั้นตุลาการนรกหมายเลขหนึ่งของยมโลกแห่งเก่าจะแข็งแกร่งเพียงใด?
และหากขงโม่ยังกล้าที่จะแย่งชิงกรรมสิทธิ์ในการครอบครองอาณาเขตโดยที่รู้ว่าฉินเย่นั้นเป็นยมทูตที่แท้จริง ตระกูลขงจะต้องถือครองความลับไว้มากเพียงใดกัน? อีกฝ่ายจะยังมีศาสตร์ที่น่าเหลือเชื่อและไพ่ตายที่ทรงพลังอยู่กับตัวอีกมากแค่ไหน?