ฉันนี่แหละจ้าวนรก - บทที่ 418 การต่อสู้ที่เมืองเจียงอิน (1)
บทที่ 418: การต่อสู้ที่เมืองเจียงอิน (1)
ที่นี่คือดินแดนของคนตาย
ที่นี่คือโลกของวิญญาณ
และนี่ก็คือสงครามระหว่างทหารวิญญาณ
ไม่มีฝ่ายไหนคิดจะอ่อนข้อให้กัน การต่อสู้ระหว่างทหารกว่า 2 แสนนายกำลังจะเกิดขึ้น แม้แต่ จ้าวแห่งเจียงอิน ซาเซียงจู่ เองก็สัมผัสได้ว่าหน้าผากของเขามีเม็ดเหงื่อเกาะอยู่เต็มไปหมด
คำสั่งเพียงคำสั่งเดียว ที่พวกเขารอทั้งหมดมีเพียงคำสั่งเดียว และทั้งสถานที่ก็จะหลายเป็นเครื่องบดวิญญาณ และสงครามครั้งใหญ่ก็ระหว่างกลุ่มพันธมิตรแห่งความมืดและกองกำลังของยมโลกก็จะเกิดขึ้น
เขารู้ดีว่าตัวเองควรจะเอ่ยอะไรออกไป แต่เขาก็ยังรู้สึกลังเลอยู่ดี
ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าตนนั้นด้อยประสบการณ์และไร้เดียงสาเพียงใด และแน่นอน เขาเพิ่งตายมาเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงยังมีความกลัวเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่ายมโลกหลงเหลืออยู่
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็ยังสามารถรวบรวมสติได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นและสบตากับฉินเย่พร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดัง “แจ้งกลุ่มพันธมิตรแห่งความมืด!! บอกพวกเขาว่ากองกำลังทหารวิญญาณกำลังบุกรุกดินแดน!! และกองกำลังทั้งหมดก็มีจำนวนมากกว่าที่เมืองกู่เฉิงก่อนหน้านี้มะ—…”
ตู้ม!!!
ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ เปลวไฟนรกที่น่าสะพรึงกลัวก็พุ่งขึ้นไปบนฟ้าและปิดล้อมป้อมปราการทั้งหมด ราวกับต้องการจะบอกว่าการหลบหนีนั้นไม่สามารถเป็นไปได้
สายลมโดยรอบพัดผมเผ้าของอาร์ทิสยุ่งเหยิงไม่เป็น นางกวาดดวงตาที่แดงก่ำของตนมองไปยังซาเซียงจู่ “ศาสตร์แห่งนรก ผู้เหลือรอดคนสุดท้าย”
“เราจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้ก็ต่อเมื่อชัยชนะถูกตัดสินแล้วเท่านั้น ข้าต้องขอยอมรับเลยว่ามันกินเวลาพอสมควรในการเตรียมการสำหรับศาสตร์นี้ โชคดีที่มีใครบางคนฉลาดพอที่จะช่วยยื้อเวลาเอาไว้ ไม่เช่นนั้น…เจ้าคิดหรือว่าข้าจะมีความอดทนมากพอถึงขนาดพูดเรื่องไร้สาระพวกนั้นกับเจ้า?”
“เอาสิ เจ้าหนู ในเมื่อเจ้ามั่นใจนักเมื่อครู่นี้ เหตุใดจึงไม่รีบพิสูจน์เล่าว่าเจ้าสามารถยืดหยัดเผชิญหน้ากับกองกำลังของยมโลกได้จริง ๆ อย่างที่ว่า?”
เวร… เวรเอ้ย!!!
หน้าผากของซาเซียงจู่เปียกไปด้วยเหงื่อ เหตุใดจู่ๆทุกอย่างถึงกลายเป็นแบบนี้? นี่ขงโม่ปกปิดสิ่งใดเอาไว้กันแน่? และหากเขาตายตอนนี้… จะเกิดอะไรขึ้นกับนครชฺวีฟู่—…
“ไม่กล้าเป็นฝ่ายเริ่มอย่างนั้นหรือ?” ฉินเย่แย้มยิ้มขณะที่ยกมือขึ้นช้าๆ “ถ้าอย่างนั้น เรามาเริ่มเปิดม่านการแสดงครั้งนี้กันเลยดีหรือไม่? ข้าไม่อยากจะเสี่ยงให้เจ้ารอดชีวิตไปได้…”
จากนั้น ด้วยความหวาดกลัวของซาเซียงจู่ ฉินเย่ก็กดมือของตนลง
“จัดการ”
“บุกกกกกก!!!” ทันทีที่คำสั่งถูกเอ่ยออกมา กองกำลังของยมโลกก็กู่ร้องออกมาเสียงดัง! สวรรค์สั่นไหว ผืนดินสั่นสะเทือน กองกำลังทหารเกือบ 7 หมื่นนายพุ่งตัวไปข้างหน้าราวกับคลื่นยักษ์ ผ่านร่างของฉินเย่ขณะที่ส่งเสียงคำรามไปยังกองกำลังของจ้าวแห่งเจียงอิน
บัดซบ!
จ้าวแห่งเจียงอินสบถในใจ แน่นอน เขาเคยได้ยินขงโม่พูดว่าทหารวิญญาณของยมโลกนั้นแตกต่างจากวิญญาณร้ายทั่วไปอย่างสิ้นเชิง แต่มันแตกต่างอย่างไร?
เขาไม่รู้ ทั้งหมดที่เขารู้มีเพียงว่าขงโม่ได้เอ่ยเตือนเขาหลายครั้งแล้วเกี่ยวกับเรื่องของกองกำลังของยมโลก แต่เรื่องพวกนั้นมันสำคัญหรืออย่างไร? เขามีทหารใต้บังคับบัญชาอยู่ถึงแสนนายเชียวนะ!
นี่มันเป็นสิ่งที่สามารถมองข้ามกันได้ง่ายๆอย่างนั้นหรือ? นี่อีกฝ่ายสามารถมองข้ามข้อได้เปรียบทางจำนวนพวกนี้ไม่ได้จริงๆน่ะหรือ?
“ฆ่าพวกมันให้หมด!” ผ้าม่านสีเขียวภายในที่พำนักชั่วคราวพลิ้วไหวอย่งรุนแรงขณะที่เสียงคำรามอย่างดุดันของ ซาเซียงจู่ดังขึ้น หากการพุ่งตัวไปข้างหน้าของกองกำลังทหาร 7 หมื่นนายของฉินเย่เปรียบได้กับแม่น้ำที่ไหลลงสู่ทะเล เช่นนั้น การพุ่งตัวของกองกำลังของซาเซียงจู่ก็ไม่ต่างอะไรกับกองหิมะที่ถล่มลงมาจากยอดเขา ทั้งสองฝ่ายพุ่งเข้าหากันและปะทะกัน ณ จุดกึ่งกลางของดินแดน
เคร้ง! เคร้ง เคร้ง เคร้ง! ภายในไม่กี่วินาที แนวหน้าของกองกำลังทั้งสองฝ่ายก็ปะทะกัน เสียงการปะทะกันของเหล็กดังขึ้นให้ได้ยินไปทั่ว และซาเซียงจู่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่า…กองกำลังของเขาไม่สามารถป้องกันการโจมตีของกองกำลังศัตรูได้เลยแม้แต่นิดเดียว!
แนวหน้าของกองกำลังของยมโลกนั้นมิใช่ผู้ใดอื่นนอกจากทัพเกราะทมิฬ 1 พันหน่วย พวกเขาพุ่งนำกองกำลังทั้งหมดราวกับเทพแห่งความตายผู้แข็งแกร่ง หยุดยั้งการพุ่งเข้ามาของกองกำลังฝ่ายตรงข้ามได้อย่างหนักแน่น
พวกเขาทุกคนล้วนสูงอย่างน้อยสองเมตร และสวมด้วยชุดเกราะสีดำหนา แทบจะเหมือนกับว่าพวกเขาคือแทงค์ในสนามรบ หอกนับร้อยแทกเข้าไปที่เกราะสีดำของพวกเขา แต่มันกลับทำได้เพียงสร้างประกายไฟเล็กน้อยออกมาเท่านั้น ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ทัพเกราะทมิฬได้ยกทวนของพวกเขาขึ้นมาและฟันมันลงไปด้านหน้าอย่างสุดแรง
อึก!!! ย๊ากกกก!!! ทัพเกราะทมิฬ 1 พันหน่วยเปรียบเสมือนกับเทือกเขาที่ไม่สามารถข้ามผ่านไปได้สำหรับกองกำลังของซาเซียงจู่ ในทางกลับกัน กองกำลังของซาเซียงจู่กลับเปรียบเสมือนกับลูกแกะที่กำลังเข้าโรงเชือดสำหรับใบมีดอานุภาพทำลายล้างของจวนของพวกเขา ทหารวิญญาณของซาเซียงจู่กรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวชขณะที่ถูกฟันเป็นชิ้นๆ ร่างของพวกเขาถูกเผาไหม้ด้วยเปลวไฟนรกในฉับพลัน ไม่สามารถต้านทานการรุกหน้าของกองกำลังของยมโลกได้เลยแม้แต่น้อย!
ทหารวิญญาณของซาเซียงจู่หายไปหลายพันนายในเวลาเพียงไม่นาน และมันก็ทำให้ดูเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงกระนั้น ทัพเกราะทมิฬก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงเลยแม้แต่น้อย เช่นเดียวกันกับเครื่องบดเนื้อ พวกเขาขยับทวนในมืออย่างรวดเร็ว เดินหน้าและฟันลงไปอย่างรุนแรงอีกครั้ง
ฉึก!
“อ๊ากกกกก!” “หยุด…พอแล้ว!!” “ปีศาจจจ!!!!” “อ๊าาาา!!!” ทหารวิญญาณหลายพันนายถูกเผาไหม้ไปทันที ราวกับอุกกาบาตที่ลุกโชนในวินาทีสุดท้าย
แนวหน้าของซาเซียงจู่แน่นิ่งไปด้วยความหวาดกลัว มือของพวกเขาสั่นเทา ทหารนั้นไม่สมควรที่จะหวาดกลัว แต่…พวกเขากลับหวาดกลัวสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นอย่างมาก
เพราะไม่ว่าอย่างไร นี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เผชิญหน้ากับสิ่งที่น่ากลัวเช่นนี้ อีกฝ่ายคือทหารวิญญาณจริงๆน่ะหรือ? พวกเขาจะสามารถหยุดยั้งการพุ่งเข้ามาของศัตรูได้อย่างไร? กองกำลังตรงหน้าเข่นฆ่าสหายรวมรบของพวกเขาราวกับใบมีดร้อนที่ตัดผ่านเนย นี่คือ…กองกำลังที่แท้จริงของยมโลก…ทัพหลวงของยมโลกอย่างนั้นหรือ?
มันอยู่ในระดับที่แตกต่างจากพวกวิญญาณที่พวกเขาเคยสู้มาอย่างสิ้นเชิง!
เคร้ง เคร้ง… ทัพเกราะทมิฬยังคงปฏิบัติหน้าที่ของตนต่อไป ทิ้งไว้เพียงร่องรอยของเปลวไฟนรกในทุกจุดที่พวกเขาเคลื่อนทัพผ่าน เหล่าทหารวิญญาณของซาเซียงจู่พยายามหนี แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้! กลุ่มทหารวิญญาณที่อยู่ด้านหลังพยายามผลักดันพวกเขาให้พุ่งไปข้างหน้าและเข้าหาคมมีดของเครื่องบดเนื้อที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งกำลังรอพวกเขาอยู่
น่ากลัวเกินไป… ทหารวิญญาณทุกนายของซาเซียงจู่ต่างมีความคิดเดียวกันในวินาทีสุดท้ายนี้
“เหตุใดจึงอ่อนแอถึงเพียงนี้?” ฉินเย่งงงัน ตอนแรกเขาคาดว่าจะได้เห็นการต่อสู้ที่อุตลุด แต่แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ากองกำลังของเขากลับเป็นฝ่ายเหยียบย่ำกองกำลังของศัตรูแทน
อาร์ทิสยิ้มหยัน “ท่านคิดว่ามันจะออกมาเป็นแบบใดกัน? พวกเขาไม่ได้มีข้อได้เปรียบทางจำนวนอย่างชัดเจน ดังนั้นท่านคิดว่าอีกฝ่ายจะเอาอะไรมาหยุดกองกำลังของเรา? ท่านคิดว่ากลุ่มพันธมิตรแห่งความมืดมีโอดะ โนบูนางะ หรือหยางจีเย่คอยฝึกฝนทหารวิญญาณของพวกเขาหรืออย่างไร? ท่านควรจะตระหนักอยู่เสมอว่ากองทัพของท่านนั้นได้รับการฝึกฝนมาโดยเหล่าแม่ทัพผู้มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ และฝ่ายตรงข้ามคือใครกัน?”
“แน่นอน กองกำลังทหารวิญญาณพวกนี้อาจจะสามารถสู้ไดกับอสูรวิญญาณบางตัวที่นี่ แต่อสูรวิญญาณในลิมโบนั้นไม่เหมือนกับอสูรวิญญาณในยมโลกเลยสักนิด พวกเขาอาจจะสามารถโค่นล้มอสูรวิญญาณขั้นตุลาการนรกได้ แต่สงครามนั้นมันคนละเรื่องกัน”
ภายในที่พำนักเคลื่อนที่ ซาเซียงจู่ตะโกนร้องออกมาเสียงดัง “เป็นไปได้อย่างไร?!” การต่อสู้เพิ่งเริ่มไปเพียงสิบนาทีเท่านั้น แต่แนวหน้าของเขากลับถูกกำจัดอย่างสิ้นซาก ในขณะที่กองกำลังของศัตรูกลับยังไม่ได้รับความเสียหายใดๆเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่จำนวนผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตของเขามีจำนวนหลายพันแล้ว!
“บัดซบ!!” หัวใจของเขารู้สึกราวกับถูกบีบรัดอย่งาแรก และเขาก็อ้าปากกว้างซึ่งเผยให้เห็นคริสตัลสีดำที่ถูกห่อไปด้วยลิ้นของเขาเอง ในเสี้ยววินาทีต่อมา พลังหยินมากมายมหาศาลก็หลั่งไหลออกมาจากมัน ทำให้วงแสงสีดำปรากฏขึ้นที่ใต้ฝ่าเท้าของกองกำลังของเขา ก่อนจะค่อยๆขยายออกไปรอบทหารวิญญาณทั้งหมดของเขาราวกับไม้เลื้อย ในวินาทีนั้น ไม้เลื้อยพลังหยินก็เชื่อมต่อกองกำลังของเขาทั้งหมดจนกลายเป็นรูปของหัวเสือสีขาว
ค่ายกลสู้รบ!
ตู้ม!! ทันใดนั้น พลังหยินที่ถูกปล่อยออกมาจากทหารวิญญาณของซาเซียงจู่ก็หนาแน่นขึ้น และหอกกระดาษที่พุ่งเข้าหาเกราะของทัพเกราะทมิฬก็สามารถสร้างบาดแผลให้กับฝ่ายตรงข้ามได้ในที่สุด ทว่าน่าเสียดาย เพราะมันยังต้องใช้ความพยายามของทหารวิญญาณจำนวนสิบกว่านายอยู่ดีสำหรับการสร้างความเสียหายให้กับทัพเกราะทมิฬ ในขณะที่ทัพเกราะทมิฬใช้แค่การฟันเพียงครั้งเดียวก็สามารถสังหารกองกำลังของศัตรูที่พุ่งเข้ามาได้แล้ว
แต่มันก็เห็นได้ชัดว่าทัพเกราะทมิฬเองก็ค่อยๆตกอยู่ในที่นั่งลำบากเช่นกัน พวกเขาได้สังหารศัตรูไปมากกว่าพันคนแล้ว แต่ความเสียหายที่สั่งสมอยู่บนเกราะของพวกเขาเองก็มากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน แต่ทันใดนั้น เสียงแตรสงครามก็ดังขึ้นจากด้านหลังของกองกำลังของยมโลก พร้อมกับเสียงร้องที่ดังก้อง ทัพเกราะทมิฬปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของพวกเขาออกไป
การโจมตีของพวกเขาทรงพลังกว่าการโจมตีทุกการโจมตีก่อนหน้านี้มาก หากพูดกันตามตรง ใบมีดของพวกเขายังเปล่งประกายแสงสีดำออกมาในทุกครั้งที่พวกเขาฟันลงไปด้วยซ้ำ ทิ้งไว้เพียงร่องลึกที่เป็นผลจากการฟันอันทรงพลังเท่านั้น เหล่าทหารวิญญาณของฝ่ายศัตรูที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลายเป็นเพียงเถ้าฐานไปในฉับพลัน และในเวลาเดียวกันนี้ ทัพเกราะทมิฬก็ใช้โอกาสนี้ในการถอยทัพ
ถอยทัพ… ในที่สุดปีศาจพวกนี้ก็ถอยทัพแล้ว!
เหล่าทหารวิญญาณของซาเซียงจู่ที่เห็นภาพนี้ต่างดวงตาเป็นประกายขึ้นด้วยความตื่นเต้น ในที่สุดพวกเขาก็ต้อนอีกฝ่ายได้สำเร็จ! ในที่สุดพวกเขาก็ต้อนกองกำลังของยมโลกได้! พวกเขา…
แต่ทหารวิญญาณทั้งหมดก็ต้องเปลี่ยนจากความตื่นเต้นเป็นความสิ้นหวังอย่างฉับพลัน
หวูดดดด… เสียงแตรสงครามดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อทัพเกราะทมิฬถอยหลังกลับไปในกลุ่ม ทหารวิญญาณอีกจำนวนมากก็เคลื่อนตัวมาแทนที่ ถือหอกและโล่ของพวกเขาในลักษณะของรูปแบบป้องกันที่หนาแน่น ในขณะที่พลธนูอีกหมื่นนายประจำที่อยู่ด้านหลัง เล็งเป้าหน้าไม้ที่ลุกโชนด้วยเปลวไฟสีแดงสดไปที่ศัตรู!
อึก...เหล่าทหารวิญญาณของซาเซียงจู่กระชับมือรอบหอกของตัวเองแน่นขึ้นกว่าเดิมขณะที่ภายในหัวตื้อช้าไปหมด
ใช่แล้ว – เหล่าภูตผีก็รู้จักความกลัวเช่นกัน
พวกเขาอยู่คนละระดับกันอย่างสิ้นเชิง…
ตอนนี้พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างสองกองกำลังได้อย่างชัดเจน กองกำลังของยมโลกนั้นเป็นระเบียบและมีแบบแผน อีกฝ่ายรู้ว่าเมื่อใดที่ต้องบุก และเมื่อใดที่ต้องถอย แต่กองกำลังของซาเซียงจู่กลับเป็นเพียงไก่ไร้หัวที่คิดแต่จะพุ่งไปข้างหน้าและจัดการศัตรูเพียงอย่างเดียว
แต่การตระหนักเรื่องพวกนั้นก็เกิดขึ้นเพียงครู่เดียวเท่านั้น
ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ให้ความรู้สึกราวกับทั้งชีวิต
ในเสี้ยววินาทีต่อมา หน้าไม้ทั้งหมดก็ถูกยิง และลูกดอกหน้าไม้จำนวนมากก็พุ่งขึ้นฟ้า ส่งเปลวไฟแห่งกรรมพุ่งทะลุหมู่เมฆ ก่อนจะพุ่งลงมายังทหารวิญญาณที่อยู่ด้านล่าง!
ตู้ม!!!
ดอกไม้เพลิงสีแดงเบ่งบานออก ตามติด ๆ ด้วยเปลวไฟแห่งกรรมที่ดูราวกับมีชีวิตเป็นของตัวเอง เปลวไฟทั้งหมดตกลงใส่ทหารวิญญาณของศัตรูซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงอย่างบ้าคลั่ง ส่งผลให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่สัมผัสกับมันกลายเป็นเพียงเถ้าถ่าน เปลวไฟนรกทั้งหมดถูกกลืนกินด้วยเปลวไฟแห่งกรรมในฉับพลัน ส่งผลให้พวกมันต้องทุกทรมานไปตลอดกาล
สนามรบทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยเสียงร้อยที่โหยหวน เช่นเดียวกับเปลวเพลิงแห่งความสำเร็จที่ถูกจุดขึ้นเพื่อเป็นการบ่งบอกถึงชัยชนะของจิวยี่ ณ การต่อสู้ที่ผาแดง ทั้งสวรรค์และปฐพีต่างถูกปกคลุมด้วยเปลวไฟสีแดงนี้ นี่คือระลอกแรกของการยิงหน้าไม้ศักดิสิทธิ์เปลวไฟแห่งกรรมเท่านั้น แต่มันสามารถกำจัดกองกำลังของจ้าวแห่งเจียงอินไปได้ถึง 1 ในสาม!
ด้านในของที่พำนักเคลื่อนที่ จ้าวแห่งเจียงอินรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมากกับสิ่งที่ตนเพิ่งเห็น
เขาพูดอะไรไม่ออก…
เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะถูกจัดการอยู่ฝ่ายเดียว!
ไม่… มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ เขาได้รับพรจากสวรรค์ ในหมู่ขั้นตุลาการนรกทั้งหมดของกลุ่มพันธมิตรแห่งความมืด เขาคือคนที่ใช้เวลาน้อยที่สุดในการเลื่อนเป็นขั้นตุลารกนรก! เขาต้องตายอย่างน่าสังเวช และได้รับพรให้ปกครองดินแดนที่มีพลังหยินหนาแน่นในทันทีที่เข้าสู่ลิมโบ และการกลายเป็นขั้นฝู่จวินอาจไม่ใช่ความฝัน!
สาเหตุที่เขาเขายอมจำนงต่อขงโม่นั้นก็เพื่อที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับศักยภาพของตนเอง ต้องขอยอมรับเลยว่าความแข็งแกร่งของกลุ่มพันธมิตรแห่งความมืดนั้นไม่สามารถปฏิเสธได้ ขงโม่มีวิชามากมายซ่อนอยู่ รวมถึงค่ายกลและอาณาเขตเวทอื่นๆอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้!
ยิ่งเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ไหน ขงโม่ก็ย่อมที่จะเก็บมันไว้ภายในใจ แต่ถึงกระนั้นซาเซียงจู่ก็ยังเชื่อใจในความสามารถของตนเอง แม้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังที่สามารถจัดการกับเมืองกู่เฉิงได้ก็ตาม…
แต่นั่นเป็นเพียงกองกำลังทหารหมื่นนายเท่านั้น
แต่ตอนนี้มันเหนือความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิง
และมันก็ไม่เพียงพังทลายความหวังของเขาในเรื่องของจำนวนเท่านั้น แต่กองกำลังของยมโลกยังบดขยี้กองกำลังของเขาในทุกๆแนว ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ อาวุธ หรือด้านของพละกำลัง!
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดขงโม่จึงหวาดกลัวกองกำลังของยมโลกนัก เขาเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายอย่างถ่องแท้ และเข้าใจแล้วว่าเหตุใดขงโม่จึงต้องการกำลังขั้นตุลาการนรกพวกนี้มากขนาดนี้
“ด้วยคำพิพากษาจากนรก… เหล่าวิญญาณทั้งปวงจงสูญสิ้น?” เขาเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่สั่นเทาขณะที่กวาดตามองสนามรบที่หายนะบังเกิดขึ้น
เปลวไฟนรกแพร่กระจายไปทั่ว ในขณะที่กองกำลังของยมโลกยังคงพุ่งเข้าหากองกำลังของเขาอย่างไม่ลดละ เขาไม่แม้แต่จะเอ่ยคำสั่งอะไรออกไปด้วยซ้ำ แต่กองกำลังของเขากลับล่มสลายภายในชั่วพริบตา ถึงแม้ว่าทหารทั้งหมดยังคงพยายามต้านการรุกหน้าของยมโลก แต่เขาก็สามารถบอกได้เลยว่ามันคงใช้เวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะสามารถจัดการกับกองกำลังของเขาทั้งหมดได้
เหตุใดทุกอย่างจึงกลับกลายเป็นเช่นนี้?!
ทันใดนั้นเอง ดวงตาของเขาก็วูบไหวอย่างรุนแรง เพราะในวินาทีนั้น กองกำลังของยมโลกได้แยกตัวออกเล็กน้อย เผยให้เห็นคลื่นพลังที่หนาแน่นพุ่งมาทางตน และมันก็มีไอพลังหยินของขั้นตุลาการนรกสองตนผสมอยู่ในพลังหยินเหล่านั้นด้วย
หากพูดกันตามตรง มันคือพลังหยินของคนเจ็ดคน และเขาก็สามารถบอกได้ว่าทั้งหมดต่างกำลังจ้องเขม็งมาที่เขา
สายตาของทั้งสองฝ่ายสบกัน เสียงปะทะกันของเหล่าวิญญาณและอาวุธเงียบลงจนกลายเป็นเพียงเสียงประกอบพื้นหลังไปในฉับพลัน
“กล้าดีอย่างไร!!” พร้อมกับเสียงตะโกนอันโกรธเกรี้ยว ม่านในที่พำนักชั่วคราวกระพืออย่างรุนแรง และซาเซียงจู่ก็พุ่งตัวออกไปยังแหล่งกำเนิดพลังดังกล่าวทันที
ฆ่าอีกฝ่ายซะ…
เขาจะสามารถหนีไปจากศาสตร์วิชาบ้าๆนี่ได้ก็ต่อเมื่อเขาสังหารเหล่าผู้นำของกองกำลังของยมโลกได้แล้วเท่านั้น!
นี่คือโอกาสเดียวที่เขามี!