ฉันนี่แหละจ้าวนรก - บทที่ 420 การต่อสู้ที่เมืองเจียงอิน (3)
บทที่ 420: การต่อสู้ที่เมืองเจียงอิน (3)
เหล่าทหารของกลุ่มพันธมิตรได้รับการต้อนรับโดยกำแพงโล่ที่มีหอกยื่นออกมาไม่ต่างอะไรกับฟันของหมาป่า
อย่างไรก็ตาม แววตาของพวกเขาไม่ฉายแววถึงความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
แม้แต่กระต่ายตัวจ้อยก็ฮึกเหิมดั่งราชสีห์เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ถูกต้อง วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนจับจ้องไปยังคู่ต่อสู้ ฉากหลังเป็นเปลวไฟนรก แต่ถึงกระนั้น พวกเขากลับไม่ก้าวถอยหลังไปเลยแม้แต่ก้าวเดียว สิ่งเดียวที่อยู่ภายในหัวของพวกเขาตอนนี้ก็คือสังหารและทำลายอีกฝ่ายให้สิ้นซาก
แนวหน้าปะทะกันอย่างรุนแรง และขั้นยมทูตขาวดำทั้งเจ็ดก็พุ่งตัวเข้าหากองกำลังของยมโลกโดยตรง เปลวไฟนรกลุกโชนขึ้นบนฟ้าในทุกจุดที่พวกเขาเคลื่อนตัวผ่าน และภายในชั่วพริบตายมโลกก็สูญเสียทหารไปกว่าพันนาย หยางเหยียนเจาค่อนข้างประหลาดใจเมื่อเห็นว่ากองกำลังของยมโลกกำลังต่อสู้กับขั้นยมทูตขาวดำทั้งเจ็ด เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน “ยมทูตขาวดำ? นี่อีกฝ่ายเปิดเผยไพ่ตายของตัวเองแล้วหรือ? แถมยมทูตขาวดำพวกนั้นยังมีไม่ผู้ที่คอยคุ้มกันให้อีกด้วย? พวกเขาพุ่งเข้าใส่กองกำลังของเราโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของตัวเองเลยแม้แต่น้อย? นี่พวกเขาเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร??”
มู่กุ้ยอิงเองก็เอ่ยขึ้นจากด้านหลัง “นี่พวกเขารู้หรือไม่ว่ายุทธวิธีทางทหารคืออะไร? ทันทีที่เราทำลายความฮึกเหิมของพวกเขาซะ ความมุ่งมั่นทั้งหมดของเหล่าทหารวิญญาณก็จะลดลง และพวกเขาก็จะไม่สามารถรวบรวมแรงใจที่จะต่อสู้ได้อีกต่อไป”
กองกำลังของยมโลกล่าถอยเล็กน้อย แต่หยางเหยียนเจาก็ไม่ได้ตื่นตระหนักแต่อย่างใด เขามองไปยังเหล่าผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของตน “ผู้ใดจะออกไป?”
“ข้าเอง” หนึ่งในแม่ทัพหญิงรีบตอบขึ้นทันที “พวกนั้นกล้าดีอย่างไรถึงพุ่งเข้าปะทะกับกองกำลังของยมโลกโดยปราศจากซึ่งความกลัว? พวกวิญญาณที่ถือกำเนิดขึ้นในช่วงร้อยปีที่ผ่านมาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเราเลยแม้แต่น้อย…”
สิ้นสุดเสียงพูด นางก็เปลี่ยนร่างเป็นกระแสลมที่พุ่งเข้าสู่สนามรบทันที
ทางด้านตะวันตกของสนามรบ “ฮ่าๆๆๆๆ…” หญิงวัยกลางคนร่างอ้วนที่สวมชุดพี่เลี้ยงพุ่งเข้าหากองกำลังของยมโลก ทิ้งไว้เพียงกลุ่มควันและฝุ่นในจุดที่นางเคลื่อนตัวผ่าน เหล่าทหารของกลุ่ทพันธมิตรร้องตะโกนออกมาสุดเสียงขณะที่มุ่งหน้าตามนางไปติด ๆ ล้อมรอบร่างขนาดใหญ่ของนางและปะทะเข้ากับค่ายกลเกาะของยมโลก
นางดูไม่ต่างอะไรกับแทงค์ฝีมือดีที่พุ่งเข้าสู่กองกำลังของยมโลกและสังหารทหารวิญญาณทุกนายที่อยู่ตรงหน้า ภายในไม่กี่วินาที นางสามารถสร้างช่องว่างขนาดใหญ่ขึ้นในกองกำลังทางตะวันตกของยมโลกขึ้นได้ และเหล่าทหารของกลุ่มพันธมิตรก็รีบพุ่งตัวเข้าไปแทรกทันที
หญิงวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นมองฟ้า ก่อนจะคำรามออกมาเสียงดัง “เร็วเข้า! รีบเข้าไปและสังหารศัตรูทั้งหมดเสีย! ผู้ใดก็ตามที่คิดจะถอยหนีจะต้องตาย! หรือพวกเจ้าจะรอให้ท่านซาลงโทษพวกเจ้าด้วยขี้ผึ้งน้ำมันมนุษย์?!!”
การลงโทษย่อมเป็นแรงกระตุ้นที่ดีที่สุด!
พวกนางมีโอกาสแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หากซาเซียงจู่ทนไม่ไหว และขั้นตุลาการนรกที่อยู่บนฟ้าเปลี่ยนมาสนใจพวกนาง… นางไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น…
“บุก!!!” เหล่าทหารวิญญาณที่อยู่ด้านหลังของนางพุ่งตัวไปด้านหน้าราวกับคลื่นที่ถาโถม ธงของซาเซียงจู่พริ้วไหวอยู่กลางอากาศ ทันใดนั้นขณะที่หญิงวัยกลางคนร่างอ้วนกำลังจะพุ่งตัวเข้าไปตามทหารของกลุ่มพันธมิตรก็ต้องหยุดชะงักก่อนจะหันไปมองที่ขาของตนเอง
ด้วยเหตุผลที่แปลกประหลาดบางประการ นางพบว่าขาข้างหนึ่งของตนเองกำลังถูกรัดไว้ด้วยโซ่เงินเส้นยาว
“นี่มันอะไรกัน?” นางกระพริบตาปริบอย่างมึนงงขณะที่มองไปยังจุดกึ่งกลางของกองกำลังยมโลก
และทันทีที่ทำเช่นนั้น พลังหยินขั้นยมทูตขาวดำที่รุนแรงกว่าก็ปะทุออกมาจากกลางกลุ่มกองกำลังของยมโลก เห็นได้ชัดเลยว่าบุคคลลึกลับผู้นี้กำลังเปิดเผยการดำรงอยู่ของตนให้กับยมทูตขาวดำของกลุ่มพันธมิตรได้รับรู้
กลุ่มทหารแนวหน้าที่พุ่งตัวเข้าไปต่างแน่นิ่งไปด้วยความตกตะลึง ในขณะเดียวกัน หญิงวัยกลางคนก็กรีดร้องออกมาอย่างโหยหวนเมื่อพบว่าจู่ๆตัวเองก็ถูกลากลงมาด้านล่างโดยโซ่ที่รัดที่อยู่ที่บริเวณน่องของตนเอง!
ตุบ ครืดดด… ร่างของนางตกลงกับพื้นอย่างแรงและถูกลากไปตามทาง ไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่น้อย เหตุใดโซ่เหล็กเส้นบางถึงได้แข็งแรงขนาดนี้?! ที่ปลายอีกด้านหนึ่งของโซ่คืออะไรกัน?
“นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไร?!” นางถูกลากไปเร็วขึ้น เร็วขึ้นเรื่อย ๆ เหล่าทหารวิญญาณที่ยืนขวางทางต่างกระเด็นออกไป ในขณะที่เศษฝุ่นและดินกระจัดกระจายคละคลุ้งไปทั่ว หญิงวัยกลางคนพยายามมองหาแหล่งที่มาของโซ่ดังกล่าว แต่ทันทีที่นางทำเช่นนั้น ใบหน้าของนางก็กระแทกลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว และนางก็เด้งตัวขึ้นมาพร้อมกับดินจำนวนมากที่ติดอยู่ในปาก
ไม่สามารถมองหาผู้ที่ยืนอยู่ปลายสุดของโซ่ได้เลยสักนิด
ความรู้สึกหวาดกลัวภายในใจมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไม่นานนางก็พบว่าสหายขั้นยมทูตขาวดำทั้งหกของนางเองก็ถูกลากไปยังตำแหน่งเดียวกัน! ตำแหน่งเจ็ดตำแหน่งภายในสนามรบตลบไปด้วยฝุ่นควันขณะที่เหล่าขั้นยมทูตขาวดำถูกลากไปยังตำแหน่งเดียวกันโดยที่ไม่เต็มใจ
มันแทบจะเหมือนกับแมงมุมยักษ์ที่พยายามลากเหยื่อทั้งหมดเข้าไปหาตนเองไม่มีผิด
“ยมทูตอีกตนอย่างนั้นหรือ?!” วิญญาณผู้หญิงไร้หน้ากรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวขณะที่นางจ้องมองสายโซ่ที่รัดแน่นอยู่รอบลำคอของตนเอง เส้นผมของนางเจาะแน่นลงไปบนพื้น พยายามที่จะยึดร่างของตนเองไว้กับพื้นและต้านทานแรงดึงของโซ่ แต่มันก็เปล่าประโยชน์
ตอนนี้พวกนางรู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างมาก ไม่ต่างอะไรไปกับคันไถของชาวนาที่ถูกลากไปตามสนามรบ ไม่กี่วินาทีต่อมา วิญญาณไร้หน้าก็กรีดร้องออกมาอย่างตกใจอีกครั้งเมื่อนางพบว่าร่างของนางถูกดึกขึ้นไปในอากาศ
ตู้ม ตู้ม ตู้ม… ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียงไม่ถึงสิบวินาที เหล่าทหารของกลุ่มพันธมิตรต่างเงยหน้ามองภาพที่เกิดขึ้นด้วยความหวั่นสะพรึง แม่ทัพขั้นยมทูตขาวดำของพวกเขาทั้งหมดได้หายไปอย่างรวดเร็วดั่งเช่นตอนที่ปรากฏตัวขึ้น สิ่งเดียวที่เหลืออยู่มีเพียงรอยลากเจ็ดรอยซึ่งมาบรรจบกัน ณ จุด ๆ หนึ่งของกองกำลังของยมโลกเท่านั้น
สิ่งใดกันที่สามารถลากแม่ทัพทั้งเจ็ดไปได้?
กราฟแสดงขวัญกำลังใจของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เหล่าทหารวิญญาณมองหน้ากันและกันอย่างกระอักกระอ่วน ไม่รู้ว่าตนควรจะทำสิ่งใด ไม่มีใครพุ่งตัวเข้าหาศัตรูต่อเลยแม้แต่คนเดียว
……………………………………………………..
แค่ก ๆ! วิญญาณผู้หญิงไร้หน้าพ่นศษดินที่อยู่ในปากออกมาและลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ยมทูตขาวดำอีกหกตนเองก็อยู่ใกล้ ๆ นางเช่นกัน ทั้งหมดค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
สิ่งแรกที่ทั้งเจ็ดเห็นก็คือพวกนางกลับมาอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเหล่าทหารอีกครั้ง
นี่คือการตีวงล้อมของเหล่าทหารวิญญาณของยมโลก เส้นรอบวงของวงล้อมนี้นี่จะประมาณ 300 – 400 เมตร และกำแพงเกาะที่มีหอกสอดแทรกอยู่ก็กระจายตัวอยู่โดยรอบ นอกจากนี้ พวกนางยังเห็นลูกดอกหน้าไม้ของหน้าไม้ศักดิสิทธิ์เปลวไฟแห่งกรรมเล็กมากที่ตนอีกด้วย จำนวนของมันนั้นมากพอ ๆ กับดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า…
ไร้ซึ่งเสียงพูดใด ๆ
มันคือความสงบก่อนที่จะเกิดพายุ
หากพูดกันตามความจริง มันแทบจะเหมือนกับว่าดินแดนแห่งนี้คือสุสานสำหรับเหล่าวิญญาณ – สำหรับพวกนาง
แต่ตอนนี้…เรื่องพวกนี้มันไม่สำคัญเลยสักนิด
สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือข้อเท็จจริงที่ว่ามีวิญญาณเพียงตนเดียวเท่านั้นที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าของพวกนางในตอนนี้
อีกฝ่ายเป็นผู้หญิง แต่งกายด้วยชุดนักรบของชนเผ่าโบราณ ผมเผ้าถูกมัดเป็นเปียเอาไว้อย่างเรียบร้อย จมูกโด่งเป็นสัน แววตาล้ำลึก และร่างสูงโปร่ง พร้อมกับแบกดาบสองเล่มไว้บนหลัง
“เจ้าเป็นใคร?” ยมทูตขาวดำทั้งเจ็ดของกองกำลังพันธมิตรได้ทำงานร่วมกันมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว และพวกเขาก็ยืนเอาหลังชนหลังเป็นวงกลมขณะที่เผชิญหน้ากับผู้หญิงที่กำลังมองลงมา อย่างไรก็ตาม สาวชนเผ่าผู้นี้กลับเมินเฉยต่อความหวาดระแวงของพวกเขาขณะที่นางค่อย ๆ ดึงดาบที่อยู่ด้านหลังของตนออกมาอย่างช้า ๆ
ด้วยเหตุผลบางประการ นางดูไม่ต่างอะไรกับดอกปี่อั้นสีแดงที่ค่อย ๆ เบ่งบานออกเลยแม้แต่น้อย
“ข้าแปลกใจจริง ๆ ที่กองกำลังเช่นนี้ยังสามารถรวบรวมความกล้าที่จะตอบโต้พวกเราได้” หญิงชนเผ่าถือดาบไว้ตรงหน้าและเริ่มวิเคราะห์ลักษณะของคู่ต่อสู้จากเงาสะท้อนบนดาบ
“พวกเจ้าเองสินะ…” สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่าน ส่งผลให้ผมของนางปลิวไปตามแรงลมเบา ๆ นางยังคงเอ่ยต่อเสียงเรียบ “ข้าคิดว่าเราคงสามารถจบการต่อสู้นี้ได้ในทันทีที่ข้าสังหารพวกเจ้าทั้งหมดลง และข้าด้วยขอสารภาพเลยว่า หลังจากที่ได้เดินทางมากับทัพหลวงของยมโลกเป็นระยะเวลาหนึ่ง พวกเจ้านั้นน่าเบื่อที่สุด”
“แค่เจ้าน่ะหรือ?” หญิงวัยกลางคนร่างอ้วนกัดฟันและแค่นหัวเราะ “วิญญาณขั้นยมทูตขาวดำระดับต้นกล้ามาท้าสู้กับขั้นยมทูตขาวดำทั้งเจ็ดเพียงตัวลำพังอย่างนั้นหรือ?”
หญิงชนเผ่าที่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดัง นางชูแขนขึ้น และทันใดนั้น แขนสามสิบข้างที่ถือดาบก็ยื่นออกมาจากด้านหลังของนาง!
พลังหยินปะทุออกมาจากร่างและไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดของนางอีกครั้ง ส่งผลให้นางดูไม่ต่างอะไรกับอสูรที่ดุร้ายเลยแม้แต่น้อย พลังหยินของนางไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่ยมทูตขาวดำทั้งเจ็ดของกลุ่มพันธมิตรกลับกรีดร้องออกมาและถอยห่างออกไปหลายสิบเมตรทันที
สิ่งนั้นอีกแล้ว!
แรงกดดันที่ยากจะหายใจนั่นอีกแล้ว พวกนางไม่รู้แน่ชัดว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่พวกนางก็สามารถบอกได้ว่ามันเป็นความรู้สึกที่สร้างความหวาดกลัวขึ้นภายในใจของพวกนางได้เป็นอย่างดี ทั้งเจ็ดรู้สึกราวกับว่าตนเป็นเพียงกระต่ายที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับสิงโตที่ตุร้ายไม่มีผิด
ร่างตรงหน้าให้ความรู้สึกราวกับว่าเป็นนักล่าโดยธรรมชาติของพวกเขา! นางแผ่รัศมีของผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารออกมา!
“หึ ท้าทายข้าอย่างนั้นหรือ?” ร่างของหญิงชนเผ่าค่อย ๆ เลือนลางขึ้นเนื่องจากพลังหยินที่ยังคงหลั่งไหลออกมา แต่ถึงกระนั้น ดวงตาสีแดงเข้มของนางยังมองไปยังคนทั้งเจ็ด “พวกเจ้าไม่คิดหรือว่าตัวเองกำลังเข้าใจอะไรผิดไป?”
“วิญญาณร้ายที่ถือกำเนิดขึ้นในช่วงร้อยปีที่ผ่านมานั้นไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย…”
“ข้าฮูเหยียนชื่อจิน ยมทูตของตระกูลหยาง อย่างน้อยพวกเจ้าก็ควรจะจำชื่อของยมทูตที่มอบความตายให้กับตนเองได้นะ”
เมื่อเอ่ยจบ นางก็พุ่งผ่านอากาศราวกับสายฟ้า และมิติทั้งหมดก็มืดหม่นลงทันที
เหล่าทหารวิญญาณที่อยู่โดยรอบต่างอ้าปากค้าง พวกเขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เงาขนาดใหญ่ที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหันและเปลี่ยนเป็นลูกบอลสีดำที่กลืนกินขั้นยมทูตขาวดำทั้งเจ็ดของกลุ่มพันธมิตรเข้าไป และในเสี้ยววินาทีต่อมา ร่างเงาดังกล่าวก็ปรากฏมือขึ้นอีก 30 ข้าง ทั้งหมดล้วนเชื่อมต่อกับร่างจนดูไม่ต่างอะไรกับรากษสที่ไร้ซึ่งความเมตตาเลยแม้แต่น้อย!
“วิญญาณร้ายจงพินาศ เมืองเฟิงตูจงเจริญ”
พรึ่บ!
ใบมีดแสงจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นด้านในลูกบอกสีดำ ราวกับกลุ่มดาวบนท้องฟ้า การจู่โจมทั้งหมดทิ้งเพียงร่องรอยที่น่าสะพรึงกลัวเอาไว้ มือทั้ง 30 ข้างเคลื่อนที่ไปในอากาศอย่างสง่างาม ตวัดเป็นองศาที่สมบูรณ์แบบ เรียกเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชเจ็ดเสียงให้ดังขึ้นจากภายในได้เป็นอย่างดี
“ซ่ากกกก!!!” “อ๊ากกก!! นะ นี่มัน…ปะ เป็นไปไม่ได้!!” “นี่มันบ้าอะไรกัน?! เหตุใดท่านซาถึงไม่เคยบอกเราเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน?!” “เป็นไปไม่ได้…นางไม่มีทางเป็นวิญญาณขั้นยมทูตขาวดำระดับต้น!!”
ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก… มันมีรูปแบบในการโจมตีที่ดูเหมือนว่าจะไร้แบบแผนนี้ และหลังจากผ่านไปประมาณ 15 วินาที ลูกบอลสีดำสนิทก็ระเบิดออก และฮูเหยียนชื่อจินก็ก้าวออกมาด้วยร่างวิญญาณของนางโดยมีลูกไฟนรกเจ็ดดวงลอยอยู่รอบ ๆ
สายลมที่พัดผ่านมาเบา ๆ ได้ดับเปลวไฟทั้งหมดไป
ไม่มีการต่อสู้
ไม่มีการขัดขืน
ทั้งเจ็ดไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางเลยแม้แต่น้อย
มันคือการสังหารเพียงฝ่ายเดียว!
เหล่าวิญญาณที่อยู่โดยรอบแน่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะสามารถรวบรวมสติของตนเองได้ในที่สุด “ชนะ…ชนะแล้ว!!!”
“ชนะแล้ว!!” “ท่านชื่อจินชนะแล้ว!!” “ท่านชื่อจินผู้เกรียงไกร!! ชนะแล้ว!!”
เสียงตะโกนแห่งความตื่นเต้นที่สามารถสังหารขั้นยมทูตขาวดำทั้งเจ็ดของกลุ่มพันธมิตรได้ในพริบตาสร้างความมั่นใจให้กับกองกำลังของยมโลกได้เป็นอย่างดี นี่คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของแม่ทัพของพวกเขา! ทหารฝ่ายศัตรูไม่มีทางเทียบกับพวกเขาได้ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร!
“ท่านชื่อจินจงเจริญ!!” “ชัยชนะเป็นของเรา!” เสียงคำรามของชัยชนะดังกึกก้องและแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ภายในไม่กี่วินาที มันก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งกองทัพ เสียงร้องที่ดังสนั่นทำให้กองกำลังแนวหน้าของยมโลกเต็มไปด้วยความมุ่นมั่นอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นาน นายทหารผู้หนึ่งก็กระโจนไปข้างหน้าพร้อมกับหอกในมือของตนและตะโกนสุดเสียง “พวกเรา…บุก!!!!!”
“ย๊ากกกกก!!!” พร้อมกันนั้น กองกำลังทหารกว่าหมื่นนายก็กระชับมือที่ถือโล่และหอกของตน พุ่งเข้าหาศัตรูพร้อมกับการโจมตีสุดท้ายของตน
“กระจายคำสั่ง” ฮูเหยียนชื่อจินเก็บดาบของตนและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ยมทูตขาวดำทั้งเจ็ดได้ถูกสังหารแล้ว พวกเราจะไว้ชีวิตเฉพาะผู้ที่ยอมจำนนเท่านั้น”
“รับทราบ!!”
ทหารกล้าแทบทุกนายตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน พวกเขาส่วนใหญ่ต่างเป็นทหารที่รับใช้หยางจีเย่มานาน และพวกเขาทั้งหมดก็สามารถอ่านกระแสของการต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถบอกได้ทันทีว่ามันถึงเวลาที่จะจบเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว
“บุกกกก!!!!” ทั้งสนามรบสั่นสะเทือนด้วยเสียงตะโกนของพวกเขา “ยมทูตขาวดำทั้งเจ็ดได้ถูกสังหารไปแล้ว ชัยชนะเป็นของยมโลก! ไว้ชีวิตเฉพาะผู้ที่ยอมจำนนเท่านั้น!”
คำพูดเหล่านี้เปรียบเสมือนกับแรงกระตุ้นสำหรับกองกำลังของยมโลก ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง เหล่าทหารวิญญาณของกลุ่มพันธมิตรแห่งความมืดต่างมองหน้ากันอย่างเหลือเชื่อ ถึงแม้ว่ากองกำลังของยมโลกจะอยู่ห่างจากพวกเขาอีกไม่ถึง 30 เมตร แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าตนควรตอบสนองต่อสถานการณ์นี้อย่างไรดี
พวกเรา… แพ้อย่างนั้นหรือ?
แม่ทัพขั้นยมทูตขาวดำของเราถูกกำจัดแล้วอย่างนั้นหรือ?
ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่นี้พวกเขายังพุ่งเข้าหากองกำลังของศัตรูอย่างกล้าหาญอยู่เลยหรืออย่างไร? เหตุใดจึงถูกกำจัดในระยะเวลาอันสั้นแบบนี้?
“เราไม่มีทางชนะ…” หนึ่งในทหารวิญญาณของกลุ่มพันธมิตรตัวสั่นเทาขณะที่เขาจ้องมองศัตรูที่กำลังพุ่งเข้ามา “ทัพหลวงของยมโลก... พวกเรา….”
ฉึก!
หอกเล่มหนึ่งแทงทะลุอกของเขาก่อนที่เขาจะเอ่ยจบ แววตาของเขาหม่นลง ก่อนที่ร่างจะลุกโชนด้วยเปลวไฟนรกอย่างรวดเร็ว เหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังต่างโยนอาวุธของตนลงกับพื้นและร้องตะโกนเสียงดัง “ข้ายอม! ยอมแพ้แล้ว!!”
ทีละตน ๆ ในไม่ช้า จำนวนทหารวิญญาณที่คุกเข่ายอมจำนวนก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งกองทัพ!
ในชั่วพริบตาเดียว ทั่วทั้งสนามรบก็เต็มไปด้วยเหล่าทหารวิญญาณที่คุกเข่ายอมจำนนลงกับพื้น
กำลังใจของกองกำลังกลุ่มพันธมิตรพลังทลายลงโดยสมบูรณ์
แรงใจที่พุ่งสูงขึ้นจากการปรากฏตัวของเหล่าแม่ทัพขั้นยมทูตขาวดำทั้งเจ็ดของพวกเขาสลายหายไปพร้อมกับความตายของคนทั้งหมด บนท้องฟ้า ซาเซียงจู่ที่ได้ยินเสียงตะโกนยอมจำนนดังก้องไปทั่วทั้งสนามรบก็มีสีหน้าซีดเผือด
เป็นไปได้อย่างไร… ยมทูตขาวดำเจ็ดตน! เหล่าแม่ทัพที่ติดตามเขามามากกว่าสิบปี!
เขาอยากจะปฏิเสธทุกอย่าง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร เขาก็ไม่สามารถตรวจจับได้ถึงการดำรงอยู่ของยมทูตขาวดำทั้งเจ็ดได้เลย ทั้งหมดที่เขาบอกได้มีเพียงแค่ว่าสถานการณ์ด้านล่างพลิกกลับมาเลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว การต่อสู้ที่ดูสูสีกันของทั้งสองฝ่ายกลับจบลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับขวัญกำลังใจของกองกำลังของเขา
“เจ้าคิดว่านี่เป็นเพราะความบังเอิญอย่างนั้นหรือ?” กระแสน้ำวนพลังหยินที่รุนแรงยังคงหมุนวนตรงหน้าของซาเซียงจู่ ฉินเย่หัวเราะออกมาจากด้านใน “เจ้าไม่จำเป็นจะต้องรู้สึกแย่กับเรื่องนี้ ข้าสามารถบอกเจ้าได้ว่าเหตุใดขงโม่จึงหวาดกลัวเป็นอย่างมากเมื่อเขาตรวจจับได้ถึงการปรากฏตัวของพวกเรา กลัวจนทำให้เขาต้องระดมกองกำลังทั้งหมดเพื่อจัดการวิญญาณเพียงตนเดียว”
ตู้ม!
ปากการแห่งการพิพากษาก็ตัวขึ้นกลางอากาศ ครั้งนี้ มันรวบรวมพลังหยินมากกว่าครั้งก่อนหน้ามาก และพวกเขาก็มองเห็นแม้กระทั่งร่างเงาอันเลือนลางของจงขุยที่ปรากฏขึ้นในกลุ่มก้อนพลังหยินที่ก่อตัวขึ้นรอบปากการแห่งการพิพากษาอีกด้วย
และจากนั้น เขาก็จิ้มมันลงไปที่พื้นที่ว่างตรงหน้าอย่างแผ่วเบา ทั่วทั้งท้องฟ้าพลันสั่นไหวอย่างรุนแรง
“มันก็เพราะว่ายมทูตนั้นมีความสามารถที่จะสังหารวิญญาณร้ายที่อยู่ระดับขั้นพลังเดียวกันกับตนได้อย่างไรเล่า! อย่างที่ข้าเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ พวกวิญญาณที่ถือกำเนิดขึ้นในช่วงร้อยปีที่ผ่านมานั้นไม่รู้อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว”