ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่ 249 เตรียมนอนโรงพยาบาล
ตอนที่ 249 เตรียมนอนโรงพยาบาล
จ้าวเฉียนที่กำลังสนทนาอยู่กับเหรินจานซวนและเฉิงต้าซี ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ปรากฏว่าเป็นจางต้าเฉินโทรมาหา เขาไม่ได้ออกไปรับสายข้างนอก แต่เปิดลำโพงต่อหน้าทั้งสอง
สุ้มเสียงสุดหยิ่งผยองของจางต้าเฉินดังขึ้นทันที
“ฮ่าฮ่าๆๆ….ไอ้หนู คิดว่าแกยังคุมตัวกูอยู่งั้นเหรอ? กูมีเส้นสายแข็งแกร่งกว่าที่แกคิด ตอนนี้กูเป็นอิสระแล้ว เป็นยังไงล่ะ? เริ่มกลัวรึยัง?”
จ้าวเฉียนอยากจะหัวเราะใส่ดังๆ แต่ก็แสร้งปั้นเสียงขรึมกล่าวตอบไปว่า
“โอ้? ออกมาได้แล้วเหรอครับ? แล้วผมก็ลากคุณเข้าไปใหม่ได้เช่นกัน ที่โทรมาอยากจะพล่ามแค่นี้เหรอครับ?”
จางต้าเฉินไม่คิดจะปิดบังจุดประสงค์ตัวเองแต่อย่างใด จึงตอบไปตามตรงว่า
“ใช่! กูแค่อยากจะโทรมาบอกแกว่า กูเป็นอิสระแล้ว แม้แต่ตำรวจยังต้องกลัว! กูแข็งแกร่งกว่าที่แกคิดไว้เยอะไอ้หนู! รอดูได้เลย….แกจบไม่สวยแน่นอน!”
จ้าวเฉียนกล่าวตอบเจือน้ำเสียงรำคาญว่า
“โอเคครับ โอเค งั้นผมจะรอ ที่จะพูดมีแค่นี้ใช่ไหม? งั้นมาเจอกันที่บริษัทหน่อยเป็นไง? ผมรออยู่ในห้องประชุม”
จางต้าเฉินไม่คิดที่จะปฏิเสธ หลังจากตอบตกลงเขาก็วางสายทันที รีบเดินทางกลับไปบริษัทเซียนเหว่ย เข้าไปในห้องประชุม จ้าวเฉียนที่เห็นดังนั้นก็ยิ้มและเชิญให้นั่งลงก่อน
“หยุดเสแสร้งได้แล้ว! ที่เรียกฉันมามีอะไร?”
ฟังดูน้ำเสียงของจางต้าเฉินช่างหยิ่งผยองนัก
จ้าวเฉียนแสดงเอกสานการโอนหุ้นของบรรดาหุ่นส่วนคนอื่นๆให้อีกฝ่ายดู และเอ่ยถามขึ้นว่า
“ว่าไงครับ?”
จางต้าเฉินที่เห็นแบบนั้นก็รู้ทันทีว่าก่อนหน้าเกิดอะไรขึ้น เขาส่ายหัวปฏิเสธตอบโต้กลับไป
“ไม่มีทาง! อยากให้ฉันเซ็นงั้นเหรอ อย่าฝัน! ฉันเป็นหุ้นส่วนคนแรกของเหรินไห่อัน หากไม่มีฉัน บริษัทของมันก็ไม่มีวันมายืนอยู่ในจุดนี้หรอก! ฉันไม่ขาย! แล้วแกก็บังคับฉันไม่ได้!”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะ เอ่ยตอบกลับไปว่า
“ผมว่าคุณกำลังเข้าใจผิดอยู่นะครับ ผมไม่ได้บังคับซะหน่อย แค่ถามความเห็นคุณเฉยๆ ถ้าหากคุณยินดีที่จะขายหุ้นในมือให้ผมจริงๆ ผมจะเสนอราคาที่ดีที่สุดให้ แต่ถ้าไม่ผมจะทำการขยายหุ้นเพื่อลดมูลค่าหุ้นในมือคุณซะ ว่ายังไงครับ?”
จางต้าเฉินโกรธจัด เขาลุกขึ้นตบโต๊ะเสียงดังปัง ตะวาดดังลั่นขึ้นว่า
“แกคิดว่าตัวเองอายุเท่าไหร่!? ถึงกล้าปีนเกลียวมาลองดีกับกู! ตอนที่กูขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นอันดับสองของที่นี่ แกยังเล่นโคลนอยู่บ้านด้วยซ้ำ!”
“อะไรกันครับ? ถามแค่นี้ทำไมต้องโกรธกัน? ผมต่อให้คุณได้เริ่มลงมือก่อนเป็นสิบปี ผมที่เพิ่งมาใหม่ แปปเดียวก็แซงคุณได้แล้ว มันคงจี้ใจดำใช่ไหมครับ? สุดท้ายก็แก่แค่อายุ สมองกลับไม่มีพัฒนาการเลยนะครับเนี่ย ฮ่าฮ่า…”
จางต้าเฉินไม่ได้ปริปากตอบใดๆทั้งสิ้น แต่ใบหน้าของเขาแปรแปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความโกรธจัด ในยุคแรกเริ่มเขาร่วมลงทุนกับเหรินไห่อันแค่ไม่กี่ล้านหยวน แต่ถ้าขายหุ้นทั้งหมดในมือออกไปตอนนี้ เขาจะได้รับเงินกลับมากว่า25ล้านหยวน ซึ่งนั้นหมายถึงกำไรจำนวนมหาศาล แต่ถ้าเขาขายออกไปในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับแพ้จ้าวเฉียนเลยไม่ใช่เหรอ? ด้วยบุคลิกนิสัยอย่างจางต้าเฉินย่อมไม่มีวัน
เหรินจานซวนเกลียดชังจางต้าเฉินมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จู่ๆเธอก็กล่าวขึ้นน้ำเสียงหวนว่า
“รีบๆเซ็นแล้วเอาเงินกลับไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานอยู่ที่บ้านไป!”
พอได้ยินแบบนั้น จางต้าเฉินก็ตะวาดขึ้นอีกระลอกทันทีด้วยความโกรธว่า
“นี่คิดว่าตัวเองเป็นใคร!? ขนาดพ่อของเธอยังไม่กล้าไล่ฉันแบบนี้เลย แต่เธอกลับพูดจาหยาบคายต่อหน้าฉันจริงๆ!”
ใบหน้าของเหรินจานซวนแดงก่ำเนื่องจากโกรธจัด แต่อย่างไรเธอก็ไม่สามารถทำอะไรจางต้าเฉินได้
จ้าวเฉียนย่อมไม่อนุญาตให้จางต้าเฉินทำตัวอวดดีต่อหน้าเขาแน่นอน จึงกล่าวขึ้นว่า
“จางต้าเฉิน อย่ามาทำตัวกรางต่อหน้าผม แล้วผมจะบอกอะไรคุณให้อย่างนะ คืนนี้คุณเตรียมตัวนอนโรงพยาบาลได้เลย ต่อให้ซ่อนตัวอยู่ที่บ้านก็ไม่มีประโยชน์ คอยดูล่ะกันถ้าไม่เชื่อ”
จางต้าเฉินระเบิดหัวเราะเยาะลั่นและชี้หน้าด่าจ้าวเฉียนสวนตอบไปว่า
“แกก็เหมือนกัน! คิดว่าตัวเองใหญ่มากจากไหน! ถ้ากล้าก็ลองดู! งั้นกูเองก็อยากจะเตือนอะไรสักอย่าง การจะจัดการแกมันง่ายมาก กูมีวิธีเป็นร้อยเป็นพันไว้ฆ่าแก!”
จ้าวเฉียนรวนหัวเราะพลางทิ้งตัวพิงเก้าอี้ประธานราวกับไม่เกรงกลัวใดๆ และกล่าวตอบออกไปอย่างมีนัยยะว่า
“หลังจากคืนนี้ไป หวังว่าคุณยังจะเดินได้อยู่นะครับ ขอให้โชคดี ประธานเฉิง ไปตามรปภ.ลากตัวเขาออกไป!”
จางต้าเฉินได้ยินแบบนั้นก็คำรามใส่ทันทีว่า
“บัดซบ! กูเป็นถึงผู้ถือหุ้นอันดับสองของที่นี่นะ! กูไม่มีคุณสมบัติจะอยู่ที่นี่เลยงั้นเหรอ? แกมีสิทธิ์อะไรมาไล่กู!”
จ้าวเฉียนไม่มีไว้หน้าใดๆอีก กล่าวตอบไปว่า
“ตราบใดที่ผมยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดย่อมมีสิทธิ์ในการควบคุมเบ็ดเสร็จ และตอนนี้ผมเบื่อขี้หน้าคุณแล้ว เหตุผลเท่านี้เพียงพอไหม?”
จางต้าเฉินจ้องจ้าวเฉียนเขม็งอยู่ครู่ใหญ่ แต่ในท้ายที่สุดก็จำใจลุกขึ้นและจากไปอย่างช่วยไม่ได้
เหรินจานซวนชักจะกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของจ้าวเฉียนหลังจากนี้ เธอเอ่ยปากขึ้นทันทีว่า
“พี่จ้าว บอกแผนล่วงหน้าไปแบบนั้น แล้วถ้ามันลอบกัดก่อนขึ้นมาล่ะ?”
เฉิงต้าซีเองก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน โดยเขาเอ่ยขึ้นมาทันทีด้วยความเป็นห่วงว่า
“คุณจ้าว ดันไปบอกแผนศัตรูล่วงหน้าแบบนี้ มันยิ่งทำอะไรลำบากขึ้นนะครับ”
“ผมแค่บอกล่วงหน้าเพื่อให้มันเตรียมตัวเตรียมใจเฉยๆ ยังไงมันก็หนีไม่พ้น แล้วอีกอย่างนะ นี่ไม่ใช่ปัญหาที่พวกคุณทั้งสองควรกังวล”
ทั้งสองพยักหน้าและไม่กล้าพูดอะไรต่ออีกเลย
“เรื่องบริษัทต้องวานทั้งคู่จัดการต่อด้วยนะ ผมจะกลับมาตรวจสอบเป็นระยะ อย่าทำปล่อยบริษัทแย่ล่ะ ถ้ามีข้อสงสัยอะไรก็โทรหาฉันได้ตลอด เดี๋ยวฉันจะเข้ามาช่วยแก้ไขอีกแรงให้”
จ้าวเฉียนกล่าวกับทั้งคู่ไปตามตรง
ทั้งสองรีบพยักหน้าและเอ่ยปากสัญญากับเขาว่า จะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อดูแลบริษัทต่อไปอย่างเคร่งครัด
จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบและจากไปพร้อมกับเอกสารสัญญาการโอนหุ้น
ทั้งสองออกมาส่งจ้าวเฉียนขึ้นเฮลิคอปเตอร์จากไป มองดูอีกฝ่ายจนลับขอบฟ้าไป
หลังจากเฉิงต้าซีที่เผชิญหน้ากับเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ยามนี้ก็อดปากเอ่ยถามเหรินจานซวนไม่ได้เลยว่า
“คุณหนูเหริน ผมถามจริงๆนะครับ…คุณจ้าวเป็นใครกันแน่?”
เหรินจานซวนส่ายหัวอย่างว่างเปล่าและตอบกลับไป
“เขาไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องราวของตัวเขามากเกินไป ขนาดหนูถามเขาไปตรงๆยังโดนปฏิเสธกลับมาเลย แต่ที่แน่ๆคือเขาต้องรวยมากและมีเส้นสายไม่ใช่น้อยๆ สามารถโทรเรียกเฮริคอปเตอร์มารับ ทำให้ตำรวจยอมปล่อยตัวได้โดยไม่มีเงื่อนไข คงเป็นการดีกว่าจริงหากบริษัทของคุณพ่ออยู่ในมือเขา”
เฉิงต้าซีฟังดูประหลาดใจอย่างมาก ก่อนจะเอ่ยตอบไปว่า
“ผมคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจ้าวจะทรงอำนาจขนาดนี้ เท่าที่ฟังจากคุณหนูเล่ามา จางต้าเฉินคงเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดแล้ว”
เหรินจานซวนกรนเสียงเย็นคำหนึ่งก่อนตอบว่า
“หึ! ก็ต้องแบบนั้นนั่นแหละ คนที่จางต้าเฉินส่งมาลักพาตัวฉันก็ถูกคนของจ้าวเฉียนจับไปหมดแล้ว เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้เช่นกัน เขาเคยบอกฉันนะว่า จะไม่ใช่วิธีสกปรก แต่ไม่รู้สิ…สิ่งที่เขาทำลงไปบางทีอาจดำมืดยิ่งกว่าจางต้าเฉินซะอีก ใครที่คิดหาเรื่องเขา ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตายจริงๆ”
ยิ่งสนทนากันมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่า จ้าวเฉียนเป็นคนน่าทึ่งมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนั้น ทั้งคู่ยังรู้สึกว่าอนาคตของบริษัทเซียนเหว่ยแห่งนี้จะต้องมีหวังแน่นอน
จ้าวเฉียนเดินทางถึงบ้านในไม่ช้า เขาก็โทรหาหยางหู่ให้เตรียมลงมือ
เพื่อคาวมปลอดภัยของตัวคุณชายจ้าว หยางหู่จึงแบ่งกำลังคนส่วนหนึ่งจำนวนนับสิบคนไปเฝ้าหน้าบ้านจ้าวเฉียนไว้ จะถอยกำลังกลับไปได้ก็ต่อเมื่อจางต้าเฉินถูกจัดการแล้ว
จางต้านเฉินในตอนนี้รู้สึกกลัวไม่ใช่น้อย เขาชักจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นักว่าจะรับมือจ้าวเฉียนเพียงลำพังได้ไหว ในคืนนั้น เขาโทรนัดหลิวเปา, เจียงซง, เฉียนนิ่ว, หวู่ฮันและหัวหน้าแก๊งคนอื่นๆ เพื่อมารับประทานอาหารค่ำกันที่โรงแรมตงไห่
ระหว่างมื้ออาหาร พอเห็นว่าถึงเวลาอันสมควร จางต้าเฉินจึงเอ่ยปากเข้าเรื่องทันที
“ที่วันนี้ผมได้เชิญเชื่อพี่น้องทุกคนมาก็เพื่อขอความช่วยเหลือ ผมอยากจะสั่งสอนบทเรียนดีๆให้กับใครบางคนสักหน่อย แต่เขาคนดังกล่าวค่อนข้างมีอิทธิพลไม่น้อยทั้งในด้านขาวและดำ ดังนั้นผมจึงวานพี่น้องทุกคนให้ฉันจัดการหมอนั่นสักครั้ง”
ทุกคนที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับประหลาดใจอย่างมากกับที่สิ่งจางต้าเฉินกล่าวออกมา จะมีใครกันที่เจ๋งขนาดนั้นถึงขั้นต้องเรียกรวมตัวบรรดาเหล่าผู้มีอิทธิพลใต้ดินแห่งเมืองตงไห่รุมจัดการ?
ในบรรดาทั้งหมดในที่แห่งนี้ หลิวเปาเป็นขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว ดังเขาจึงเอ่ยถามขึ้นทันทีว่า
“คุณจางพอมีข้อมูลเกี่ยวกับหมอนั่นที่ว่าไหม? ผมอยากรู้จริงๆว่า มันติดปีกบินได้รึไงถึงขั้นที่ว่าคุณจางต้องนัดพวกเรามารวมตัว?”
“ใช่แล้ว! อยากจะรู้จริงๆว่า มันเป็นใครมาจากไหน ถึงเหนือชั้นอะไรปานนั้น?”
“คุณจางพอจะมีรูปมันไหม? พวกเราอยากเห็นหน้าหน่อย?”
….
จางต้าเฉินพยักหน้าและหยิบมือถือเปิดภาพถ่ายจ้าวเฉียนให้ทุกคนดู