ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่104 เอาตัวผู้ชายคนนี้ออกไป
ตอนที่104 เอาตัวผู้ชายคนนี้ออกไป
จ้าวเฉียนแสยะยิ้มเอ่ยถามหยางหมิงว่า
“นายน้อยหยาง สู้ไหมราคานี้? ถ้าไม่ก็เก็บเพื่อนๆ ของคุณออกไปจากที่นี่ซะ”
หยางหมิงเดือดดาลถึงขีดสุด คำรามลั่นกล่าวว่า
“กูไม่มัวมาแข่งอะไรไร้สาระแบบนี้กับมึงหรอก! จ่ายเงินสามล้านกับเรื่องไร้ประโยชน์แบบนี้น่ะเหรอ?”
“ฮ่าฮ่า…งั้นก็หมายความว่า นายน้อยหยางยอมรับความพ่ายแพ้แล้วใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็ ผู้จัดการรีบไสหัวพวกมันออกไปได้แล้วครับ”
ผู้จัดการรีบยิ้มประจบพร้อมพยักหน้าให้ และหันมากล่าวกับหยางหมิงว่า
“ตามที่คุณจ้าวพูดมาเลยครับ นายน้อยหยางทางเราต้องขออภัยด้วยที่ไม่สามารถให้บริการคุณและคนของคุณได้ ทางเราตัดสินอย่างยุติธรรม ในเมื่อทางนายน้อยไม่สามารถให้ราคาเราสามล้านได้ดังนั้นก็ต้องทำตามกฎนะครับ หวังว่าจะเข้าใจกัน เชิญพาเพื่อนๆ ออกไปจากที่นี่ด้วยครับ”
หยางหมิงเดือดจนไม่รู้จะเดือดยังไงแล้ว
“มึงมันเห็นแก่เงิน! มันเป็นแค่พนักงานบริษัทกระจอกแห่งหนึ่ง คิดหรือว่าจะให้แกได้สามล้านจริงๆ? โง่! โง่ชิบหาย! กล้าดียังไงวะ มาไล่ฉันด้วยเศษเงินแค่นี้! ในอนาคต กูคือประธานเฟยอวี่ กรุ๊ปนะเว้ย มึงจะโง่ไม่เข้าใจสถานการณ์ไปถึงไหน!!?”
ผู้จัดการสวนตอบทันทีอย่างมั่นอกมั่นใจว่า
“แล้วยังไงเหรอครับ? พวกเราเองก็มีบริษัทที่ใหญ่กว่าเฟยอวี่ กรุ๊ปค่อยหนุนหลังอยู่! หวังว่าไม่ต้องให้ผมสาธยายมากไปกว่านี้นะครับ ต่อหน้าบริษัทนั้น เฟยอวี่ กรุ๊ก็แค่บริษัมเล็กๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น กลับเป็นนายน้อยหยางมากกว่าที่ไม่เข้าใจสถานการณ์อะไรเลย! ถ้ายังไม่ออกไปผมจะเรียกรปภ.จับตัวออกไปนะครับ แต่ถ้าอยากจะอยู่ต่อก็ย่อมทำได้แน่นอน จ่ายในราคาที่มากกว่าสามล้านหยวน พวกเรายังพอคุยกันได้นะครับ”
จากคำกล่าวของผู้จัดการโรงแรมทำให้หยางหมิงและบรรดาเพื่อนฝูงโมโหจนเสียสติไปแล้ว
“กูจ่ายให้มึงเอง! อดยากปากแห้งมาจากไหนวะ ถึงร้อนเงินขนาดนี้!? ได้! กูจัดให้เอง!!”
“เอาเลยนายน้อยหยาง! ผมเห็นด้วย! สั่งสอนให้ไอ้พวกชนชั้นต่ำรู้ไปเลยว่า นายน้อยหยางของเรามีเงินเหลือกินเหลือใช้แค่ไหน!!”
“ฉันเองก็เห็นด้วย! เอาเลยค่ะ!”
บรรดาเพื่อนฝูงและสตีมเมอร์สาวต่างให้การสนับสนุนหยางหมิง พวกเขายังกล่าวเสริมอีกว่า เป็นถึงทายาทเฟยอวี่ กรุ๊ปยังมีอะไรต้องกลัวอีก?
หยางหมิงเซ็นเช็คห้าล้าน พร้อมกระแทกอัดเคาน์เตอร์อย่างแรง พร้อมเอ่ยถามจ้าวเฉียนด้วยท่าทีแสนหยิ่งผยองว่า กล้าสู้หรือไหม
จ้าวเฉียนหัวเราะร่าเสียงดังสนั่น ฉีกเช็คมูลค่าสามล้านที่วางอยู่ก่อนหน้าทิ้งไป และเขียนเช็คอใหม่ใหม่ในราคาแปดล้าน วางแทบบนโต๊ะโดยตรง
“ถ้าฉันมีเงินแปดล้าน คงเอาไปซื้อบ้านซื้อรถ ไม่เอามาหักหน้าใครโง่ๆ แบบนี้แน่นอน!”
“ก็นะ พวกเราไม่ได้มีฐนะร่ำรวยอะไร คงไม่เข้าใจพวกเขาหรอกว่ากำลังคิดอะไรกันอยู่ แต่พอแบบนี้แล้ว นายน้อยหยางยังกล้าสู้ต่อไหมเนี่ย?”
พอทุกคนได้เห็นเช็คมูลค่าแปดล้านก็อุทานลั่น
“จ้าวเฉียนเสียสติไปแล้ว! แค่เอาหน้าถึงกับยอมจ่ายแปดล้านให้คนอื่นจริงๆ! เงินตั้งแปดล้านเอาไปซื้อบ้านหรูๆ สักหลังได้แล้วนะ!”
“ประธานฟางอุตส่าห์ให้เงินลงทุนคืนพร้อมส่วนแบ่งกำไร แต่เจ้านี่กลับนำมาใช้สุรุ่ยสุร่ายขนาดนี้เลยเหรอ จ้าวเฉียนทำอะไรหัดใช้สมองคิดหน่อย! แปดล้านเชียวนะแปดล้าน!”
ฟางนี่แทบจะร้องทั้งน้ำตา พลางส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
จางหยางและคนอื่นๆ ต่างรู้สึกสึขใจอย่างหาที่เปรียบไม่ ระเหาะร่าสุขใจ
จ้าวเฉียนเสียเงินทั้งหมดไปแล้ว พอไม่มีเงินแบบนี้ มาดูกันหน่อยว่าจะหาทางกลั่นแกล้งมันยังไงดีในอนาคต
เจียงเสี่ยวปิงรู้สึกเจ็บปวดราวกับโดนมีดกรีดแทงหัวใจ ไม่น่าเลย ไม่น่าเลยจริงๆ ถ้าปานนี้เธอยังคบกับจ้าวเฉียนอยู่ คนที่ถือเงินแปดล้านก้อนนี้ไว้ต้องเป็นเธออย่างแน่นอน น่าเสียสายเหลือเกิน เธอตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตผิดพลาด
หยางหมิงและบรรดาเพื่อนฝูงต่างตกตะลึงจนไม่มีใครกล้าปริปากกล่าวอีกต่อไป เงินแปดล้านไม่ใช่เล็กน้อยแล้ว แม้พวกเขาเองจะเป็นทายาทระดับเศษรฐีเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยจนถึงโยนเงินแปดล้านทิ้งขว้างได้เล่นๆ
จ้าวเฉียนเริ่มยั่วยุหยางหมิงต่อเนื่อง เขาขยิบตาให้และกล่าวชงขึ้นว่า
“อย่าเพิ่งออกไป ผมว่ารอให้รปภ.มาลากตัวพวกนายออกไปเองดีกว่า ทุกคนครับ! เตรียมถ่ายรูปไว้เลย! ทายาทเฟยอวี่ กรุ๊ปกำลังจะถูกรปภ.ถีบส่งออกจากโรงแรมแห่งนี้! นี่มันข่าวใหญ่ประจำวันเลย! ไม่สิ…ประจำเดือนเลย! อย่าลืมไปโพสต์ลงในWeido, Douyinและเว็บอื่นๆ กันนะครับ!”
ทันทีที่สิ้นเสียงจ้าวเฉียน ทุกคนต่างยกมือถือและชี้เข้าหาหยางหมิงอย่างรวดเร็ว
“พวกมึงจะถ่ายหาพระแสงอะไรกันวะ! เก็บมือถือลงเดี๋ยวนี้ กูบอกให้เก็บลงไง!”
หยางหมิงตะโกนเสียงดังโหลั่นราวกับคนบ้า แต่ดั่งคำกล่าวที่ว่า ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ทุกคนไม่ได้สนใจฟังแม้สักนิดและยังอัดคลิปถ่ายลงบนโลกอินเตอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง
หากอยู่ที่นี่ต่อไปก็รั้นแต่อาบอัยเสียชื่อเสียง หยางหมิงทำได้เพียงสะกิดเรียกเพื่อนคนอื่นๆ และออกจากโรงแรมเดี๋ยวนี้
ก่อนจากกันหยางหมิงหันมาขู่ทิ้งมวนไปว่า
“เดี๋ยวมึงเจอกู! ครั้งนี้มึงเจอกูแน่!”
หยางหมิงกล่าวซ้ำถึงสองรอบ จ้าวเฉียนที่ได้ยินแบบนั้นก็สังหรณ์ใจได้ทันทีว่า อีกฝ่ายยังไม่เลิกตามราวีง่ายๆ ไปแน่ และต้องกลับไปวางแผนหาทางแก้แค้นเขา
หวานเจียงตีมือจ้าวเฉียนเบาๆ ไปที เอ่ยถามเสียงต่ำกระซิบว่า
“พวกมันไปหมดแล้ว ยังไม่ปล่อยฉันอีก! หรือยังไง? กอดฉันแบบนี้ไปจนเช้าเลยไหม?”
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มบางพลางปล่อยมือออกจากอ้อมกอด และกระซิบตอบว่า
“ฉันคิดว่าครั้งนี้หยางหมิงยังไม่ปล่อยพวกเราไปง่ายๆ แน่ ทางที่ดีเธออยู่ในโรงแรมจะปลอดภัยกว่านะ ไม่หาอะไรทำในโรงแรมก็ไปนอนเล่นที่ห้องฉันรอ อยากกินอะไรหรือเปล่าเดี๋ยวซื้อกลับมาให้?”
“อะไรกัน? เป็นห่วงฉันรึไง? เอ๋…หรือจะว่าแอบชอบฉันเข้าจริงๆ แล้ว?”
“ฉันว่าเธอเลอะเลือนไปใหญ่แล้ววนะ ตัวเองเป็นถึงคุณหนูคนโตแห่งฮราหยิน กรุ๊ป หัดดูแลตัวเองหน่อย!”
หลังจากที่กล่าวจบ จ้าวเฉียนก็จงใจเดินเหยียบเท้าของหวานเจียงไปหมับหนึ่ง เธอไม่คิดยอมอีกฝ่ายจึงกระชับหมัดเสยท้องน้อยไปดอกหนึ่งสวน จากนั้นพลันปรายตามองค้อนใส่และวิ่งหนีขึ้นลิฟต์โรมแรมทันที
ผู้จัดการร้านเดินยิ้มเข้ามาถามอาการว่าเจ็บตรงไหนรึเปล่า เขาหยิบเช็คใบนั้นขึ้นมาและกล่าวขอบคุณจ้าวเฉียนว่า
“คุณจ้าว ผมขอรับเช็คใบนี้ไปก่อนนะครับ ทางเราขอตอบแทนด้วยสิทธิ์เข้าพักที่แห่งนี้ฟรีเป็นเวลาสามปี”
“โอเค! แต่ต้องจัดเตรียมห้องVIPให้พร้อมทุกสถานการณ์นะ เพราะผมขี้เกียจโทรไปจองก่อนล่วงหน้า”
“ไม่มีปัญหาครับ! ตราบใดที่ทราบข่าวว่าคุณจ้าวจะเดินทางมา ทางเราจะจัดเตรียมห้องVIPให้ทันทีเลยครับ”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและเดินตรงไปหาบรรดาเพื่อนร่วมงานที่รออยู่
“ฉันขอโทษจริงๆ ที่ทำให้เสียเวลากันนะ อืมม…รู้สึกว่าจะเป็นเลเซอร์เกมส์ [1] กันใช่ไหมที่ลงมติกัน?”
พวกเพื่อนร่วมงานยังคงยืนอึ้งกับการประชันเงินกันไม่หาย และรีบถามทันทีว่า จ้าวเฉียนกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? นั้นเงินตั้งแปดล้านเชียวนะ
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะกล่าวตอบไปว่า
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเคยจนมาก่อน เลยรู้สึกไม่ชินน่ะเวลามีเงินเยอะๆ ต้องระบายออกไปบ้าง”
แต่ละคนถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูกกันเลยทีเดียว อย่างไรเสีย จางหยางและพวกหวังเฉียงต่างรู้สึกสุขอกสุขใจอย่างมาก ทั้งยังกล้าชื่นชมจ้าวเฉียนอีกว่ากล้ามาก
ฟางนี่ปรบมือส่งสัญญาณเรียกทุกคนให้มารวมตัวกัน และออกเดินทางไปยังสนามเลเซอร์เกมส์
ไม่นานทุกคนก็มาถึงที่หมาย นี่เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้วและเจ้าหน้าที่สนามอนุญาตให้พวกเขาเล่นได้แค่ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ที่แห่งนี้จะต้องปิดเวลาเที่ยงคืนอย่างช้าที่สุด
ฟางนี่รีบพาทุกคนไปในสนามสวมอุปกรณ์และเครื่องป้องกันต่างๆ และเริ่มต่อสู้กัน จุดประสงค์การเล่นแบบเป็นทีมคือ การปลูกฝังความสามัคคีและความร่วมมือ ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มเล่น ฟางนี่จึงอาสาขอเป็นคนแบ่งทีมให้เอง โดยให้จ้าวเฉียน, เจียงเสี่ยวปิง, หลิวเหม่ย, หวังเฉียงและเจวียงหยวนอยู่ด้วยกัน
จ้าวเฉียนไม่ได้ให้ความสนใจอะไรเลยกับการแบ่งทีมแบบนี้ เขาเล่นกับใครก็ได้ แต่หวังเฉียงและที่เหลือกลับส่ายหน้าปฏิเสธทันที และให้เหตุผลไปว่า พวกเขารู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่ทีมเดียวกับจ้าวเฉียน และไม่รู้สึกสนุกเลยสักนิด
หวังเฉียงร้องขอให้ฟางนี่จัดทีมใหม่อีกครั้ง จะให้อยู่กับใครก็ได้ขอไม่ใช่จ้าวเฉียนเป็นพอ ทว่าฟางนี่ส่ายหัวตอบปฏิเสธเช่นกันว่า
“ไม่ ฉันจงใจจับพวกนายมาอยู่ด้วยกัน เพื่อปลูกฝังความสามัคคี ไม่อย่างนั้นจะทำงานร่วมกันได้ยังไงในอนาคต?”
“ประธานฟาง พูดยังกับไม่รู้ว่าผมกับมันไม่ถูกกันขนาดไหน แถมยังมีเจียงเสี่ยวปิงอยู่ด้วยอีก หลิวเหม่ยไม่อึดอัดตายเลยเหรอครับ?”
“นี่นายไม่เข้าใจที่ฉันพูดไปเลยใช่ไหม นี่ถือเป็นโอกาสที่จะให้พวกนายปรับความเข้าใจกันบ้าง ไปๆ ลงสนามได้แล้ว เวลายิ่งน้อยๆ อยู่ด้วย!”
หวังเฉียงพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนจะรีบพาเจวียงหยวนและคนอื่นๆ ลงสนามไป
จ้าวเฉียนยังคงออกกำลังกายวอร์มอัพร่างกาย และยืดกล้ามเนื้อให้พร้อม
อีกด้านหนึ่งในสนาม มือถือของหวังเฉียงก็ดังขึ้น เมื่อเขาหยิบออกมาดูก็รีบเดินไปยังมุมหนึ่งที่ไม่มีใครอยู่เพื่อรับสาย
“นายน้อยหยาง มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ตอนนี้พวกแกอยู่ไหน?”
“ในสนามเลเซอร์เกมส์ครับ”
“จ้าวเฉียนอยู่ด้วยรึเปล่า?”
“อยู่ครับ”
“ดีมาก แกคอยแจ้งตำแหน่งของมันไว้แบบตามติดเลยนะ ฉันจะส่งคนไปมัดตัวมา! หนี้แค้นวันนี้ฉันจะชำระทั้งต้นทั้งดอก!”
“ไม่มีปัญหาครับ!”
หวังเฉียงวางสายไปอย่างมีความสุข ในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึงเสียที!
“ฮ่าฮ่าๆๆ … จ้าวเฉียน หน๋อ…จ้าวเฉียน วันนี้ฉันจะคอยดูว่าแกจะรอดไปได้ยังไง!”
หวังเฉียงพึมพำร่างเริงบันเทิงใจยิ่ง เก็บมือถือใส่กระเป๋าและรอจ้าวเฉียนเข้าสนาม ก่อนจะเริ่มแบทเทิล
[1] กีฬาจำลองการรบด้วยปีนยิงแสงเลเซอร์