ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่130 เราเพื่อนกัน
ตอนที่130 เราเพื่อนกัน
เซียนเชียงควรค่าแก่การเป็นผู้เจนจัดด้านวิการธุรกิจและบันเทิงอย่างแท้จริง หนนึ่งโอกาสแล่นผ่านย่อมฉกฉวย สร้างราคาเล่นจิตวิทยากับหยางเฉิง
แต่อย่างไร เมื่อเทียบกับได้สิทธิ์การควบคุมฮวาหยิน กรุ๊ปในอนาคตมาในมือ แค่สิบล้านกลับไม่นับเป็นอะไรเลย หยางเฉิงกัดฟันแน่นพยักหน้าเห็นด้วยทันควัน
“ไม่มีปัญหาเลยครับ สิบล้านก็สิบล้านครับ แต่ลุงห้าก็ลงดาบมันให้เด็ดขาด แล้วเก็บหลักฐานให้สะอาด อย่าให้พวกสื่อสืบได้ว่าเป็นฝีมือของพวกเรา”
เซียนเชียงระเบิดหัวเราะขึ้นในทันใด เขาตอบไปว่า
“คุณคิดว่าฉายาลุงห้าแห่งวงการบันเทิงของผมมันได้มาง่ายๆเหรอ? ในแวดวงพวกนี้ ด้วยอิทธิพลของผม ถ้าบอกไม่อนุญาตให้เผยเพร่ คิดหรือว่าพวกสื่อจะกล้าหือกับผม? และแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจริงๆ แต่ยังไงผมก็หาคนมารับแทนได้อยู่แล้ว”
ราคาสิบล้านเพื่อซื้อชีวิตของจ้าวเฉียน นับว่าคุ้มค่าแล้ว แต่อย่างไร หยางเฉิงเองก็เป็นจิ้งจอกเฒ่าตัวหนึ่งในวงการธุรกิจ เขาย่อมไม่สามารถเชื่อใจคนพวกนี้ได้เต็มอก หากเกิดอะไรขึ้นมา ไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ว่า อีกฝ่ายจะไม่โยนภาระความรับผิดชอบทั้งหมดลงแก่เขา
แต่อย่างไร เซียงเชียงค่อนข้างมีเครดิตที่สูงมาก เขาเป็นผู้มีอิทธิพลเจ้าเก่าที่อยู่ในวงการนี้มานาน และที่สำคัญเขายังมีชื่อเสียงในด้านความกตัญญู เคยมีเรื่องเล่าว่า ครั้นหนึ่งมหาเศรษฐีรายใหญ่แห่งจีนอย่างจ้าวฝู่ เคยช่วยเซียนเชียงให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ และจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็กตัญญูกับจ้าวฝู่ตลอดมาจวบจนวันนี้ กล่าวได้ว่า เขาไม่มีวันทำร้ายผู้มีพระคุณโดยเด็ดขาด
หยางเฉินเซ็นเช็คราคาสิบล้านให้เซียงเชียนอย่างรวดเร็ว โดยกล่าวต่อว่า
“นี่ครับ เช็คจำนวนสิบล้าน ทำให้ไอ้เด็กนั่นพิการไปตลอดชีวิต!”
เซียนเขียงยิ้มตอบกลับไปว่า
“ไม่ต้องห่วง ไปรอผมที่งานเถอะ หลังจากนี้เตรียมรอฟังข่าวดีได้เลย”
“ฮ่าฮ่า…ขอบคุณมากครับลุงห้า ผมเตรียมรอฟังข่าวดีเลย!”
หยางเฉินเดินจากไปอย่างมีความสุข
ไม่กี่อึดใจต่อมา จ้าวเฉียนก็เดินออกมาจากหลังห้อง พร้อมกับคนอีกจำนวนหนึ่ง
เซียนเชียงรีบโค้งศีรษะคำนับจ้าวเฉียนทันทีด้วยความเคารพยิ่ง และกล่าวทักทายอย่างสุภาพขึ้นว่า
“คุณชายจ้าว ผมทำตามคำแนะนำของคุณแล้ว ไถ่อีกฝ่ายได้มาสิบล้านครับ ผมคิดว่าราคานี้ค่อนข้างสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว”
จ้าวเฉียนไม่ได้เหลือบมองเช็คใบนั้นด้วยซ้ำ เขากล่าวตอบไปว่า
“คุณเก็บเช็คใบนี้ไปเถอะ รู้ใช่ไหมว่าหลังจากนี้ต้องพูดยังไงต่อ?”
“ผมทราบดีครับ ไม่ต้องกังวลครับคุณชายจ้าว”
เซียนเชียงรีบตอบกลับทันที
“หวังฉี คุณช่วยให้ความร่วมมือกับลุงห้าด้วยนะครับ ผมไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนตอนนี้”
ทันทีทันใด จ้าวเฉียนก็หันไปพูดชายคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังเขา
“เข้าใจแล้วครับ! ไม่ต้องห่วงนายน้อย ผมจะให้การร่วมมือกับลุงห้าเป็นอย่างดี”
หวังฉีเอ่ยปากตอบด้วยความเคารพ
“อืม…อีกสักพักหยางหู่คงมาถึงที่นี่แล้ว”
หวังฉีและเซียนเชียง ทั้งคู่รีบพยักหน้าให้ด้วยความเคารพ และเชิญให้จ้าวเฉียนนั่งลงบนโซฟาเพื่อพักผ่อน ในขณะที่พวกเขาทั้งสองยืนขนาบข้างอยู่
ตอนนี้เซียนเชียงยังคงรู้สึกผิดไม่หาย ที่เมื่อครู่นี้เขาทำให้จ้าวเฉียนต้องอับอายต่อหน้าสาธารณะชน
“เอ่อ…คุณชายจ้าว… ก่อนหน้านี้เป็นเพราะผมไม่รู้ว่าคุณคือใคร ก็เลยทำตัวเสียมารยาทต่อหน้าคุณเป็นอย่างมาก โปรดยกโทษให้ผมด้วยนะครับ หลังจากนี้ผมจะพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อกู้หน้าคุณชายจ้าวกลับมา ผมต้องขอโทษจริงๆครับ…”
เซียนเชียงกล่าวเสียงแผ่วด้วยความรู้สึกผิดจากใจจริง
จ้าวเฉียนตระหนักทราบดี เซียนเชียงเป็นคนที่จงรักภักดีต่อตระกูลจ้าวยิ่งกว่าอะไร และที่อีกฝ่ายกล่าวเย้ยเยาะเขาไปก่อนหน้าในงานเลี้ยง เป็นเพราะยังไม่ทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา ดังนั้นความผิดเหล่านี้ย่อมเพิกเฉย ลืมเลือนกันไปได้โดยธรรมชาติ
“เพราะก่อนหน้านี้ลุงห้ายังไม่รู้ว่าผมเป็นใคร เรื่องนี้ผมไม่ถือสา”
“ไม่ต้องกังวลนะครับคุณชายจ้าว หลังจากนี้ผมจะกู้ศักดิ์ศรีของคุณชายจ้าวกลับมาเอง ใครก็ตามที่กล้าให้ร้ายหรือดูถูกคุณ ผมจะไม่สุภาพกับคนพวกนั้นแน่นอน!”
เซียงเชียนรีบให้สัญญากับจ้าวเฉียนทันที
“ผมเชื่อใจคุณครับ”
จ้าวเฉียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“เอ่อ…ดูเหมือนว่าหยางเฉิงกำลังคิดปางร้ายคุณชายจ้าวอยู่นะครับ เรื่องนี้ให้ผมจัดการให้เลยไหมครับ?”
เซียนเชียงเอ่ยถามขึ้นเจือน้ำเสียงไม่ค่อยแน่ใจ
จ้าวเฉียนส่ายหัวและตอบกลับไปว่า
“เรื่องนี้ผมขอจัดการเองครับ ผมจะให้หยางหู่ในเร็วๆนี้ ส่วนลุงห้าอย่าเพิ่งเคลื่อนไหวเกินจำเป็นจะดีกว่านะครับ มันอาจส่งผลทำให้ความแตกได้ในอนาคต เข้าใจความหมายรึเปล่าครับ?”
“เข้าใจแล้วครับ แต่ยังไงผมขออนุญาตใช้เส้นสายที่มีในวงการบันเทิงช่วยเคลียร์ทางให้คุณชายจ้าวในอนาคตนะครับ ยังไงผมก็อยากช่วยผลักดันบริษัทเปิดใหม่ของคุณชายจ้าวให้ประสบความสำเร็จให้ได้ครับ”
เซียนเชียงกล่าวตอบด้วยความเคารพ
จ้าวเฉียนพยักหน้าขอบคุณอีกฝ่าย ขณะเดียวกันสายของหวังซีก็วิ่งเข้ามารายงานว่า หยางหู่มาถึงที่นี่แล้ว
หวังฉีจึงสั่งให้ลูกน้องคนนั้นไปพาหยางหู่ผ่านประตูหลังตึกมา ไม่นานนักหยางหู่ก็มาพบกับจ้าวเฉียน
“เสี่ยวหู่มากแล้ว ถึงเวลาของพวกคุณทั้งสาม ไปได้แล้ว”
จ้าวเฉียนสั่งการทั้งสาม พวกเขาพยักหน้าตอบอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางเดินออกไปยังงานเลี้ยง เซียนเชียงกับหวังฉีก็เตี้ยมกับหยางหู่ไว้ก่อน ว่าหลังจากนี้ควรพูดอะไรออกไปบ้าง
ในเวลานั้นเอง หยางเฉินก็เดินถือแก้วไวน์ ตรงเข้ามาคุยกับหวานหลิน
“ประธานหวาน คุณคิดยังไงกับเรื่องเด็กสองคนนั่น?”
หวานหลินยิ้มตอบไปว่า
“ผมไม่มีความคิดเห็นใดๆทั้งสิ้นครับ ตราบเท่าที่ลูกสาวของผมมีความสุข ไม่ว่าอะไรผมก็เห็นด้วยครับ”
“ประธานหวาน ที่ผมถามแบบนี้ไม่ใช่จะจู้จี้หรอกนะครับ แต่เราในฐานะผู้ใหญ่ บางครั้งก็ต้องตัดสินใจแทนพวกเขาไปเลย อย่าปล่อยให้อารมณ์ของพวกเขามาครอบงำ ไม่อย่างนั้นอาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่เลวร้ายเกินจินตนาการได้ ถูกต้องไหมครับ?”
บรรดาปะธานบริษัทคนอื่นๆที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับหยางเฉิง ก็รีบเอ่ยปากช่วย หวังจะจำกัดโคลนเน่าออกไปให้พ้นตัวลูกสาวของหวานหลิน
“ประธานหวาน ผมคิดว่าคุณหยางพูดถูกต้องนะครับ เด็กสองคนนั้นควรแต่งงานกันได้แล้วตั้งแต่ตอนนี้ ในอนาคต ตำแหนางของคุณในแวดวงบันเทิงจะเป็นจุดสนใจของทุกคน ดังนั้นควรคำนึงถึงหน้าตาเป็นสำคัญนะครับ”
“ประธานหยางไม่ต้องห่วง ผมเพิ่งมอบเงินจำนวนสิบล้านให้ลุงห้าช่วยสั่งสอนเจ้าหมอนั่นให้หนัก หลังจากนี้มันคงไม่กล้าตอแยกับลูกสาวคุณแล้วแน่นอน”
“นอกจากนี้ ไอ้เด็กนั่นยังทำให้ลุงห้าต้องขุ่นเคืองอย่างมาก ต้องขอบคุณหยางด้วยซ้ำที่ยอมจัดการมันขั้นเด็ดขาด ฮวาหยิน กรุ๊ปของประธานหวานรอดพ้นจากวิกฤตแล้ว”
หวานหลินรู้สึกไม่พอใจอย่างมากพอได้ยินแบบนั้น จึงตอบกลับไปว่า
“ผมเข้าใจความหวังดีของพวกคุณ แต่ผมไม่สามารถบังคับเสี่ยวเจียงให้รักใครชอบใครได้ นี่มันเรื่องของเด็กๆ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเรา”
“แน่นอน ตราบใดที่ประธานหวานไม่คัดค้านความคิดของเด็กๆ จับให้อยู่ด้วยกันสักพักเดี๋ยวก็ชอบกันเองนั้นแหละ เดี๋ยวผมช่วย….”
ทว่ายังไม่ทันที่หยางเฉิงจะกล่าวจบ จ้าวเฉียนก็ก้าวเข้ามาในงานพร้อมท่าทีแสนหยิ่งผยอง
ทุกคนในงานต่างปิดปากเงียบฉับพลัน จับจ้องไปทางจ้าวเฉียนจนเป็นตาเดียวด้วยความตกตะลึงยิ่ง
ทันใดนั้นเอง เบื้องหลังที่เดินติดสอยตามมาคือ เซียนเชียง, หวังฉี, หยางหู่และคนอื่นๆตามลำดับ ทุกคนภายในงานต่างจับกลุ่มสนทนากันทันที ภายในงานแทบระเบิดความโกลาหนออกมา ต่างคนต่างถามกันเองว่า เด็กหนุ่มคนนี้กลับเข้ามาโดยปราศจากรอยขีดข่วนได้ยังไงกัน? เขาทำได้ยังไง?
หวานเจียงดีใจอย่างมากพอเห็นแบบนั้น และระเบิดหัวเราะอย่างสุขอกสุขใจ
“ตาบ้านี่มันจริงๆเลย! ชอบทำอะไรให้คนอื่นกังวลอยู่เรื่อย! แต่อยากรู้จริงๆว่าเขารอดออกมาได้ยังไง? แถมยังไม่เป็นอะไรเลยด้วย?”
ยิ่งหวานเจียงคิดกับตัวเธอเองเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งสนใจในตัวจ้าวเฉียนมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
สีหน้าของหยางเฉิงและลูกชายของเขาดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก หลังจากจ่ายเงินไปมากถึงสิบล้าน แต่ทำไมจ้าวเฉียนยังเดินคล่องป๋อ? นี่ไม่ต่างอะไรกับเอาเงินสิบล้านไปโยนทิ้งถังขยะเล่นเลยงั้นเหรอ?
เซียนเชียงรู้ดีว่าทุกคนกำลังรอให้เขาอธิบายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นอยู่ ดังนั้นเขาจึงยิ้มและป่าวประกาศเสียงดังฟังชัดว่า
“ทุกคน ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อยครับ น้องชายคนนี้เป็นเพื่องของคุณหวัง เลขาประธานบริษัทหยานจิงโอเชี่ยนเวลท์กรุ๊ป ดังนั้นตึกไข่มุขแห่งนี้ก็ถือเป็นสถานที่ของเขาเช่นกัน ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง ที่ไม่ทันได้ไถ่ถามถึงภูมิหลังของน้องชายคนนี้ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วไป ทางผมได้ขอโทษกับน้องชายคนนี้เรียบร้อยแล้ว”
หวังฉียังกล่าวเสริมอีกว่า
“น้องชายคนนี้เป็นเพื่อนของผมเอง เพิ่งเจอกันได้ไม่นาน รู้จักผ่านคุณหยางหู่อีกทีหนึ่ง ดังนั้นผมู้สึกขำแทบตายพอได้ยินเรื่องขัดแย้งกันในทีแรก เอาล่ะ เพื่อแสดงความขอโทษต่อเหตุเข้าใจผิดนี้ ผมและน้องชายของผมขอเป็นเจ้ามือจ่ายค่าไวน์และอาหารในงานนี้เอง! อย่าได้เกรงใจครับ!”
ทันใดนั้น ทั่วทั้งบริเวณระเบิดความโกลาหลแทบจะในทันที เมื่อได้ทราบถึงภูมิหลังของชายหนุ่มคนนี้ ปรากฏว่าเส้นสายของเขายอดเยี่ยมไร้ที่ติโดยแท้!
หลายต่อหลายคนต่างส่งเสียงเชียร์พร้อมปรบมือ กล่าวยกย่องจ้าวเฉียนและชนแก้วให้
“ไม่คิดเลยว่าพ่อหนุ่มหล่อคนนี้จะมีความสามารถตั้งแต่ยังเด็ก! แถมลุงห้ายังเรียกเขาว่าน้องชาย! เขาไม่ธรรมดาจริงๆ!”
“ใครมันบอกก่อนหน้าหว่า ว่าให้สั่งสอนพ่อหนุ่มคนนี้?”
“ตีปาก! ฉันตีปากตัวเองครบสามครั้งแล้ว! ถือว่าก่อนหน้าฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น!”
“อย่างไรก็ตามเถอะ เขายังเป็นเพื่อนกับคุณหนูคนโตแห่งฮวาหยิน กรุ๊ปอีกด้วย จะต้องเป็นทายาทเศรษฐีจากที่ไหนสักแห่งแน่นอน! ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเส้นสายใหญ่โตขนาดนี้หรอก!”
……..
เดิมทีทุกคนต่างคิดว่า จ้าวเฉียนเตรียมตัวกลายไปเป็นชายหนุ่มไร้อนาคตได้เลย แต่ใครจะไปคิดว่า ในตอนจบ ขายหนุ่มคนดังกล่าวกลับเจิดจรัสที่สุดภายในงานราตรีครั้งนี้!
หยางเฉิง, หยางหมิง,หวานฮันซูและกลุ่มชายชรา ทุกคนล้วนเผยใบหน้าที่สุดแสนจะขมขื่นเกินบรรยาย
หวานฮันซูว่าหนักแล้ว หยางเฉิงยังรู้สึกเลวร้ายยิ่งกว่า เพราะไม่เพียงแค่เขาจะผิดหวังเท่านั้น แต่ยังสูญเสียเงินจำนวนสิบล้านไปฟรีๆ!