ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่179 ถ้าไม่เรียกว่าโง่แล้วจะให้เรียกว่าอะไร
ตอนที่179 ถ้าไม่เรียกว่าโง่แล้วจะให้เรียกว่าอะไร
เท่าที่คุยกันดูสรุปได้ว่า จ้าวเฉียนแนะนำให้ไปซื้อบ้านเลยดีกว่า ทั้งสองจึงเดินทางไปยังหมู่บ้านจัดสรรที่เพิ่งเปิดใหม่ ชื่อว่า Pearl of the Sea พื้นที่ต่อบ้านหนึ่งหลังอยู่ที่70ตารางเมตร ซึ่งที่ดินในบริเวณนี้ถือเป็นผื่นทองคำก็ว่าได้ ถึงจะไม่ใช่พื้นที่ย่านธุรกิจ แต่ก็ราคาไม่ใช่น้อยๆ แน่นอน
ทั้งสองตรงมาที่แผนกขายของ Pearl of the Sea มีผู้คนที่เข้ามาดูตัวอย่างบ้านมากมาย แต่กลับไม่มีพนักงานคนไหนเข้ามาทักทายพวกเขาเลย
สิบนาทีต่อมา หลังจากที่พวกเขาทั้งคู่เดินเข้าไปสำรวจบ้านตัวอย่างคร่าวๆ จากนั้นก็เดินหาพนักงานเพื่อเรียกถาม
เนื่องจากอู่ซินต้องปกปิดตัวตนของเธอ เธอจึงจงใจใส่เสื้อผ้าธรรมดาทั่วไป สวมทั้งหมวกและหน้ากาก ถ้ามองจากภายนอกเธอดูเหมือนคนประหลาดไม่ใช่น้อย
จ้าวเฉียนเริ่มชินกับการต้อนรับของพนักงานเหล่านี้แล้ว เพราะดูแค่แวบแรกจากการแต่งกาย เขาดูไม่เหมือนคนมีเงินที่สามารถซื้อบ้านขนาด70ตารางเมตรได้เลย
และวันนี้มีคนมาดูบ้านเยอะเป็นพิเศษ จึงทำให้พนักงานมีไม่ค่อยจะพออีกต่างหาก
“พวกคุณลองถามเพื่อนร่วมงานของดิฉันที่อยู่ตรงโน้นก่อนนะคะ ตอนนี้ฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลามาดูแลพวกคุณ”
พนักงานกล่าวกับทั้งคู่ด้วยน้ำเสียงหวนๆ และเดินผ่านหน้าทั้งคู่ไปทักทายลูกค้าอีกคนที่เพิ่งมาพร้อมท่าทีสุภาพ
จ้าวเฉียนไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้มากนัก โดยปกติเขามักจะถูกปฏิบัติแบบนี้เป็นอาจินจนรู้สึกชินไปแล้ว แต่นี่ไม้สำหรับอู่ซิน เธอมาที่นี่เพื่อใช้เงิน แต่ทำไมพนักงานขายกลับไม่แยแสเธอขนาดนี้?
“นี่หัวหน้าคุณสั่งสอนมายังไง เรามาที่นี่เพื่อซื้อบ้าน ไม่ใช่มาขออยู่ฟรีสักหน่อย!”
จ้าวเฉียนรึบดึงอู่ซินเข้ามาทันทีก่อนเรื่องบานปลายไปมากกว่านี้ และกล่าวเตือนน้ำเสียงต่ำไปว่า
“ใจเย็นก่อน ถ้ามีเรื่องขึ้นที่นี่แล้วดันมีมือดีแอบถ่ายลงอินเตอร์เน็ตขึ้นมา เธอจะทำยังไง?”
“โอเค โอเค…ฉันกำลังใจเย็นอยู่…”
อู่ซินสูดหายใจเข้าลึกๆ ทันทีและรีบหุบปากโดยไว
ในขณะนั้นเองก็มีพนักงานขายชายคนหนึ่งตรงเข้ามา
“พวกคุณทั้งคู่สนใจบ้านแบบไหนเป็นพิเศษไหมครับ? เนื่องจากวันนี้มีลูกค้าเข้ามาดูมากเป็นพิเศษ จึงทำให้ไม่สามารถบริการได้ทั่วถึง ยังไงต้องขออภัยจริงๆ นะครับ”
จ้าวเฉียนต้องการให้อู่ซินรีบซื้อบ้านจะได้รีบเสร็จเร็วๆ ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามกับพนักงานโดยตรงว่า
“สนใจบ้านที่ตึกห้า เลขที่302 ราคาเท่าไหร่ครับ?”
จ้าวเฉียนเอ่ยถาม
“พวกคุณทั้งคู่สายตาเฉียบคมมากเลยครับ นี่เป็นบ้านในส่วนไฮไลท์ของเราก็ว่าได้ มีแสงตกกระทบทอดลงมาตรงหน้าบ้านในตอนบ่าย วิวสวยอย่าบอกใครเลยครับ…”
จ้าวเฉียนขี้เกียจต้องมายืนฟังเรื่องไร้สาระพวกนี้ เขาจึงกล่าวขัดจังหวะขึ้นทันทีว่า
“โอเค! โอเค! ผมถามว่าเท่าไหร่?”
“83ล้านเท่านั้นครับ!”
พนักงานกล่าวตอบไปตามตรง
“อืม แล้วมีส่วนลดอะไรบ้าง?”
จ้าวเฉียนกล่าวถาม
“นี่เป็นเรื่องต่ำสุดแล้วครับ ไม่สามารถลดได้มากกว่านี้แล้ว ที่ถามเพราะไม่มีเงินสินะครับ? เสียเวลาจริงๆ!”
พนักงานชายคนนั้นกลอกตาใส่และเดินจากออกไปทันที
จ้าวเฉียนพลันรู้สึกสับสนเล็กน้อย นี่พวกเขามาซื้อบ้านไม่ใช่เหรอ? แค่ถามเรื่องส่วนลดถึงกับต้องโกรธ?
อู่ซินรู้สึกผิดหวังอย่างมากกับโครงการบ้านแห่งนี้ และไม่อยากซื้อบ้านที่นี่อีกต่อไป เธอจึงกระซิบกับจ้าวเฉียนขึ้นว่า
“ช่างมันเถอะ เปลี่ยนไปดูที่อื่นดีกว่า คนพวกนี้ทำยังกะเรามาขออยู่ฟรี ฉันไม่อยากอยู่แล้ว!”
จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบทันควัน เขาเองก็ไม่อยากมีเรื่องขัดแย้งกับพนักงานที่นี่เช่นกัน จึงพาอู่ซินเดินออกไป
ในเวลานั้นเอง พนักงานขายผู้หญิงคนก่อนหน้าบังเอิญเห็นภาพฉากที่ทั้งคู่กำลังเดินออกไปพอดี เธอจึงหันมานินทากับลูกค้าคนอื่นว่า
“ดิฉันโชคดีจริงๆ นะคะที่ได้ลูกค้าแบบพวกคุณ ถ้าได้ลูกค้าจนๆ แบบสองคนนั้นคงเสียเวลาแย่”
เธอแค่กล่าวหยอกล้อกับลูกค้าเพื่อตีสนิทเฉยๆ เสียงของเธอก็เบามากก็จริง แต่บังเอิญเสียเหลือเกินที่ดันไปเข้าหูของจ้าวเฉีบยกับอู่ซินพอดี
“ทำไมผู้หญิงคนนี้ปากหมาจัง ฉัน…”
“ช่างมันเถอะ! ไปกันได้แล้ว!”
จ้าวเฉียนรับห้ามปรามอู่ซินโดยไว และฉุดเธอออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่พนักงานขายคนนั้นไม่พอใจอย่างยิ่ง เธอตะโกนไล่หลังขึ้นลั่นว่า
“อย่าเพิ่งไป! ไม่ซื้อบ้านที่นี่ยังจะด่ากันอีกเหรอ! น่าสมเพช!”
พนักงานสาวสติหลุดไปชั่วขณะจึงตะโกนลั่นจนทุกคนทั่วบริเวณได้ยินชัดแจ้ง
จ้าวเฉียนกังวลอย่างยิ่งว่าตัวตนของอู่ซินจะถูกเปิดเผย ดังนั้นเขาจึงรีบพาเธอเข้าไปในรถทันที
“เธอห้ามออกมาจากในรถเด็ดขาด ที่เหลือปล่อยให้ฉันจัดการเอง!”
จ้าวเฉียนกำชับเสียงดุ
อู่ซินพยักหน้าอย่างจำใจและกล่าวว่า
“อืม…เข้าใจแล้ว ระวังตัวด้วยล่ะ”
“ไม่ต้องห่วง พนักงานพวกนี้มันทำอะไรฉันไม่ได้อยู่แล้ว พวกมันชั้นต่ำเกินไป”
จ้าวเฉียนปิดประตูรถและหันหลังเดินกลับไปทันที
พนักงานขายคนนั้นไล่ตามเขามาพร้อมกับเพื่อนร่วมงานอีกกลุ่มหนึ่ง ทั้งหมดล้อมจ้าวเฉียนไว้ไม่ให้หนีไปไหน
“ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน? ปล่อยเธอออกมา ฉันแค่อยากถามว่าทำไมเธอต้องด่าฉัน!”
พนักงานพวกนี้กำลังถามหา ‘ความยุติธรรม’ อยู่งั้นเหรอ? หน้าด้านเกินไปไหม?
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะเยาะดังลั่นและเอ่ยถามกลับไปแทนว่า
“มีอะไรมาคุยกับผมนี่แหละ ไม่จำเป็นต้องถึงมือเธอ โง่ถึงขนาดไม่รู้เลยเหรอครับว่าทำไมเธอถึงด่าคุณ?”
“นี่แกรู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา?”
“หรือแกถูกพวกอสังหาริมทรัพย์เจ้าอื่นจ้างมาก่อปัญหาที่นี่?”
“รับขอโทษเธอซะ ไม่อย่างงั้นแกจบไม่สวยแน่!”
พนักงานชายทุกคนต่างยืนกรานขึ้นทันทีเพื่อถามหาความยุติธรรมให้แก่พนักงานสาวคนนี้
พนักงานสาวคนนั้นบี้น้ำตาแสร้งทำเป็นว่า เธอไม่ได้รับความยุติธรรมทันทีเพื่อเรียกความเห็นใจจากพนักงานชายคนอื่นๆ
พนักงานชายคนหนึ่งถึงกับเดินเข้ามาประจันหน้าและกล่าวข่มขู่ว่า
“กูจะเตือนมึงไว้อย่าง รีบขอโทษเธอเดี๋ยวนี้ก่อนที่จะโดนกูกระทืบ!”
ยิ่งได้ยินแบบนั้นเข้า จ้าวเฉียนก็อดหัวเราะไม่ได้เข้าไปใหญ่ ไอ้หมอนี่มันเป็นใครถึงกล้าขู่เขา? พนักงานประสาอะไรข่มขู่ลูกค้า? เขากล่าวตอบไปว่า
“สันดานแบบคุณยังมีหน้ามาเป็นพนักงานขายอยู่อีกเหรอ? อ่อ…แล้วเธอคนนั้น ดูท่าจะมีพรสวรรค์ด้านการแสดงนะ สนใจเล่นหนังไหม? ผมพอมีเส้นสายกับบริษัทภาพยนตร์อยู่บ้าง สำออยขนาดนี้ไม่ต้องท่องบทก็เข้าฉากได้เลย!”
พนักงานสาวคนนั้นขมวดคิ้วแน่นเหลือบมองไปที่รถของจ้าวเฉียนราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่
พนักงานชายพวกนั้นกล่าวเย้ยหยันขึ้นทันทีว่า
“ฮ่าฮ่า…พวกเราดูไอ้หมอนี่สิ! มันบอกมีเส้นสายในวงการภาพยนตร์ด้วยเว้ย! ขี้โม้ชิบหาย!”
“แต่งตัวซอมซ่อแบบนี้ สงสัยเหลือเกินว่ารุ้จักไปยันดาราฮอลีวู๊ดเลยรึเปล่า? ถ้างั้นกูก็พูดได้เหมือนกันว่ารู้จักเฉินหลง!”
“พวกแกพอได้แล้ว ฉันว่ามันถูกกลุ่มอสังหารายอื่นจ้างให้มาก่อกวนนั่นแหละ โทรแจ้งตำรวจเลยดีกว่า!”
หลังจากที่พูดจบ พนักงานชายคนหนึ่งก็หยิบมือถือโทรแจ้งตำรวจโดยตรง
ในเวลานี้เอง กลับมีพนักงานสาวอีกคนตรงเข้ามาหยุดบรรดาพนักงานชาย และเอ่ยถามจ้าวเฉียนอย่างไร้เดียงสาไปว่า
“คุณมีเส้นสายในแวดวงจริงๆ เหรอ? พอแนะนำให้ฉันรู้จักได้ไหม?”
การกระทำนี้ของเธอต่างทำเอาเพื่อนร่วมงานทุกคนเผยสีหน้าบูดบึ้งออกมาทันที
“ซูลี่ นี่เธอเชื่อเรื่องไร้สาระของมันด้วยเหรอ? ถึงแม้มันจะรู้จักคนในแวดวงจริงๆ เธอก็เป็นดาราไม่ได้อยู่ดี!”
“ยังไม่เลิกฝันกลางวันอีกเหรอ? เป็นพนักงานขายก็ดีแค่ไหนแล้ว อย่าฝันอะไรเพ้อเจ้อ!”
ซูลี่คนนี้เป็นหญิงสาวที่เปี่ยมไปด้วยความฝัน เธอไม่เห็นด้วยกับความคิดของเพื่อนร่วมงานอย่างยิ่ง จึงเถียงโต้ไปว่า
“ก็พวกนายไม่มีความฝันกันหนิจะไปเข้าใจอะไร! ยังมีดาราอีกหลายคนที่มีจุดเริ่มต้นแย่กว่าฉันเยอะ แล้วทำไมพวกเขายังโด่งดังได้? หลายคนไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์แบบ คนเหล่านั้นยังเปล่งประกายได้เลยไม่ใช่เหรอ? นี่เป็นความฝันของฉัน ผิดเหรอที่ฉันอยากลองเสี่ยงดูสักครั้ง?”
พวกเพื่อนร่วมงานของซูลี่ถึงกับพูดไม่ออก สาวคนนี้กำลังฝันกลางวันชนิดโงหัวไม่ขึ้น นี่มันเกินเยียวยาแล้วจริงๆ
จ้าวเฉียนอดหัวเราะไม่เช่นกันที่ได้ยินแบบนั้น ในเมื่อซูลี่คนนี้ตอบรับคำกล่าวของเขาด้วยความจริงจัง เขาเองก็อยากตอบรับความรู้สึกนั้นด้วยความจริงใจ คนที่ไม่ยอมแพ้ต่อความฝันแม้นจะมีอุปสรรคแค่ไหนก็ตาม ทั้งยังเป็นหญิงสาวที่มองโลกในแง่ดีเช่นนี้ ใช่ว่าเธอจะไม่สามารถเชิดฉายได้เลยสักทีเดียว
บางคนเกิดมาเพื่อเป็นนางเอก บ้างเกิดมาเพื่อเป็นนักแสดงสมทบ ทุกละครและซีรย์ล้วนต้องมีตัวละครชายและหญิง รวมไปถึงนักแสดงสมทบที่เป็นดั่งเครื่องเคียงเสริมรสชาติจานอาหารให้กลมกลอม และซูลี่คนนี้เหมาะสมอย่างมากที่จะมารับบทนักแสดงสมทบเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนนางเอกก็ดี เพื่อนนางร้ายก็ไม่เลว
จ้าวเฉียนกล่าวขึ้นว่า
“เธอคงรู้จักซีรีย์เรื่อง ล่ำฟ้าย้ำสวรรค์ใช่ไหม? ผมรู้จักหยวนมี่ ประธานบริษัท เฉียนเก๋อ ผมยังพอจะแนะนำให้เธอรู้จักได้ แต่ตอนนี้ผมอามรณ์ไม่ดี คงทำให้ไม่ได้”
ซูลี่รู้ทันทีว่านี่มันหมายความว่ายังไง เธอรีบโค้งคำนับขอโทษจ้าวเฉียนอย่างรวดเร็วว่า
“ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ ฉันขอโทษที่ฉันกับเพื่อนนินทาพวกคุณไปแบบนั้น แต่พวกเราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ได้โปรดยกโทษให้ด้วยนะคะ”
“ซูลี่ เธอกำลังทำบ้าอะไรของเธอ? ปัญหาอ่อนไปแล้วรึไง?”
“เชื่อเขาจริงๆ! อย่างที่คนอื่นๆ กล่าวกันเลยว่า สวยใสไร้สมอง! หน้าอกใหญ่ซะเปล่าแต่โง่ชิบหาย เชื่อจริงๆ เหรอว่าไอ้หมอนี่จะมีเส้นสายบ้าบอนั่นจริง?”
“มีดีแค่หน้าตากับนมใหญ่จริงๆ นะเธอ!”
ซูลี่สาดสายตาหันกลับมา พร้อมสบถด่าสวนกลับไปทันทีว่า
“ช่วยหุบปากกันไปได้ไหม! ตอนเด็กๆ พ่อแม่ไม่สั่งสอนกันเลยรึไง! นี่มันเรื่องของฉัน เกี่ยวข้องอะไรกับพวกนาย? มันหนักหัวมากรึไง!”
ท่าทางการแสดงออกของซูลี่ทำให้ทุกคนถึงกับตะลึงโดยสมบูรณ์ ไม่เว้นแม้แต่จ้าวเฉียนและลูกค้าบางส่วนในบริเวณนั้น
เพียงคำกล่าวไร้สาระของจ้าวเฉียน ถึงขั้นทำให้เธอพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือและเชื่ออย่างสนิทใจ ถ้าไม่เรียกว่าโง่แล้วจะให้เรียกว่าอะไร?