ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่185 ไม่เคยดูละครน้ำเน่าเหรอ
ตอนที่185 ไม่เคยดูละครน้ำเน่าเหรอ
หวังซินซินมีความสุขอย่างมาก ในทางตรงกันข้ามเธอพยายามฉุดรั้งร่างของจ้าวเฉียนให้กดตัวเองอยู่แบบนั้น พลางคลี่ยิ้มอย่างมีชัยว่า
“ตอนนี้จะยอมเชื่อฟังฉันแล้วรึยัง? ถ้าไม่ฉันจะวิ่งหนีนายออกไปทั้งแบบนี้ และขอให้ใครซักคนมาทวงความยุติธรรมให้แก่ฉัน! นายเตรียมเข้าคุกได้เลย!”
จ้าวเฉียนหัวเราะเยาะเป็นคำตอบและกล่าวขึ้นว่า
“ผมควรเลือกแบบไหนดีนะ? ถ้าคุณเป็นผม คุณจะเลือกเชื่อฟังหรือไม่เชื่อฟังดีล่ะ?”
หวังซินซินทิ้งทวนรอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้า สักครู่หนึ่งเธอเอ่ยขึ้นว่า
“ฉันว่ามันจะเป็นการดีกว่าสำหรับนายนะ เลือกเชื่อฟังฉันแต่โดยดี แล้วมาคุยกันอย่างสันติกันดีกว่า”
หวังซินซินรู้ดีว่าจ้าวเฉียนคนนี้ไม่ง่ายเลยที่จะยั่วยุ และเธอไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลยในเวลานี้ หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมาหมู่บ้านโครงการเธออาจขายไม่ออก และนี่จะส่งผลกระทบต่อบริษัทอย่างมาก
แต่อย่างไร จ้าวเฉียนสั่งการหยางหู่ให้ลงมือเคลื่อนไหวกับบริษัทอสังหาหวังไปแล้ว ดังนั้นเขาหรือยังจะหวนกลับไปเลือกสันติวิธี?
“หุหุ…แต่ผมไม่อยากเชื่อฟังคุณเท่าไหร่ แล้วคุณจะทำยังไงต่อไป?”
จ้าวเฉียนกล่าวตอบพร้อมสีหน้ายิ้มแย้ม
หวังซินซินระเบิดหัวเราะคำโต กล่าวตอบไปว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าโกรธฉันแล้วกัน กรี๊ดดด… ช่วยด้วยค่ะ!…ช่วยด้วย…!!”
หวังซินซินรีบผลักร่างจ้าวเฉียนและวิ่งออกจากห้องพร้อมแหกปากตะโกนลั่น ระหว่างนั้นเองเธอก็พยายามขยี้ผมให้กระเซอะกระเซิง พร้อมใช้เล็บขูดร่างกายตัวเองให้เกิดรอยแดงทั่วร่าง
จ้าวเฉียนนอนเล่นอยู่บนเตียงคนไข้อย่างไร้ความกังวล เขานอนดูการแสดงตีบทแตกของหวังซินซินที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เพื่อดูสักหน่อยว่าเธอสามารถทำอะไรกับเขาได้บ้าง
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของหวังซินซิน พวกพยาบาลก็รีบวิ่งกันเข้ามาทันที
“เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ?! เกิดอะไรขึ้น?”
พยายามเอ่ยถามสีหน้าตื่รตระหนก
หวังซินซินบีบน้ำตาร้องไห้ออกมาทันที มือข้างหนึ่งกรัดกุมหน้าอกราวกับกว่าเพิ่งถูกย่ำยีมา เธอขอความช่วยเหลือจากพยาบาลทันทีว่า
“ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย! ไอ้โรคจิตนั่นพยายามจะข่มขืนหนู! ช่วยโทรแจ้งตำรวจที หนูทนไม่ไหวแล้ว ฮือ…ฮืออ..”
พวกพยาบาลหันมามองหน้ากันด้วยความมึนงงเล็กน้อย และรีบตรงเข้าไปให้ห้องคนไข้ทันที
“คุณข่มขืนเธอจริงๆเหรอ?”
จ้าวเฉียนยิ้มและตอบกลับไปว่า
“แล้วคุณพยาบาลคิดว่า สภาพผมในตอนนี้จะช่มขืนเธอได้จริงๆเหรอ? เธอพยายามแบล็กเมล์ผมอยู่ ทั้งหมดก็แค่การแสดงเท่านั้น ทางที่ดีพวกคุณควรโทรเรียกตำรวจให้มาจัดการดีกว่านะ”
พยาบาลไม่รู้เลยว่าฝ่ายใดพูดความจริงกันแน่ และการโทรเรียกตำรวจลงเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดแล้วในขณะนี้
สิบนาทีต่อมา ตำรวจได้เข้ามาถึง คล้อยหลังไถ่ถามสถานการณ์จนกระจ่างแจ้งดี พวกเขาจึงถามแพทย์เจ้าของเคสจ้าวเฉียนว่า เขาสามารถปล่อยตัวจ้าวเฉียนไปโรงพักได้ไหม?
หยางหู่ได้โทรมาทาบทามกับทางโรงพยาบาลไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน และหมอเองก็รู้หน้าที่ตัวเองดีว่า ตนต้องดูแลจ้าวเฉียนให้ถึงที่สุด ดังนั้นคุณหมอจึงตอบกลับพวกตำรวจไปว่า
“ผมยังไม่แนะนำให้ออกจากโรงพยาบาลตอนนี้ครับ เขายังต้องนอนดูอาการอีก2-3วัน ถ้าคุณใช้อภิสิทธิ์ตำรวจในการควบคุมตัวเขา ทางผมเองคงต้องเคลื่อนไหวเช่นกัน เรื่องนี้จะถูกส่งไปถึงผอ.โรงพยาบาล และเป็นพวกคุณที่ต้องแบกรับผลที่จะตามมาเอง”
ตามที่คุณหมอพูดไว้ทุกประการ พวกตำรวจไม่กล้ากุมตัวจ้าวเฉียนออกไปไหนทั้งสิ้น และนั่งไต่สวนในห้องคนไข้แทน
“งั้นคุณช่วยอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังได้ไหมครับ?”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและกล่าวตอบไปว่า
“เธอวิ่งเข้ามาหวังจะขอให้ผมกลับไปคืนดีกับเธอ และถ้าผมไม่ตอบตกลง เธอจะฉีกเสื้อผ้าตัวเองทิ้งซะ และวิ่งร้องขอความช่วยเหลือ เพื่อใส่ร้ายผมในข้อหาพยายามข่มขืนเธอ”
“มันพูดไร้สาระ! อย่าไปฟังนะคะคุณตำรวจ! ฉันมาที่นี่เพื่อขอคืนดีกับหมอนี่จริง แต่เขาฉวยโอกาสตอนที่ฉันทีเผลอ ข่มขืนฉัน! พอฉันพยายามขัดขืน มันก็ตบตีหนู โชคยังดีที่ดิ้นหลุดออกมาได้ และตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างที่พวกพยาบาลเห็นค่ะ”
หวังซินซินปั้นน้ำเป็นตัว สร้างเรื่องไร้สาระทันที
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะล่ะนและตอบกลับไปว่า
“คุณนี่มันโง่จริงๆนะ ไม่เคยดูละครทีวีรึไง? ตราบใดที่ส่งหลักฐานทั้งหมดให้ทางนิติเวชตรวจสอบโดยละเอียด จะสามารถระบุตัวตนได้ทันทีว่าใครกันแน่ที่เป็นยคนฉีกเสื้อผ้านั้น อย่างน้อยก็ต้องมีDNAติดบ้าง คุณตำรวจ ทางผมมีเงินอยู่บ้าง เรื่องค่าใช้จ่ายในการส่งตรวจ ผมจะรับผิดชอบเอง”
หวังซินซินถึงกับสะดุ้งเฮือก ราวกับว่าเธอไม่เคยดูละครทีวีจริงๆ และเพิ่งจะคิดได้ว่า ปัจจุบันมันมีการตรวจสอบทางนิติเวชจริงๆ และเจ้าสิ่งนี้จะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจ้าวเฉียนได้อย่างแน่นอน
พอตำรวจเห็นหวังซินซินผิดสังเกต เขาจึงเอ่ยถามน้ำเสียงเข้มทันทีว่า
“นี่มันหมายความว่ายังไงกันครับ? คุณต้องพูดความจริงออกมา!”
หวังซินซินตื่นตกใจอย่างมาก ม่านตาดำพลันขยายออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว เอ่ยตอบน้ำเสียงอย่างอ่อนแรงขึ้นว่า
“อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของเขานะคะ…เขาจะข่มขืนหนูจริงๆ…”
ตำรวจยังคงถามต่อว่า
“แล้วคุณกล้าเดินทางไปตรวจสอบกับทางนิติเวชกับเราไหม?”
“เอ่อ…หนู…หนู…”
พอหวังซินซินไม่สามารถให้คำตอบกับทางตำรวจได้ รวมไปถึงปฏิกิริยาในตอนนี้ ตำรวจเองก็ทราบในทันทีว่าความจริงเป็นเช่นไร?
“คุณให้การเท็จต่อเจ้าหน้าที่ เรื่องนี้ถือว่าเป็นความผิด!”
หวังซินซินรีบเอ่ยขอโทษตอบทันทีว่า
“หนูขอโทษ…หนูขอโทษ…แค่ตอนนี้หัวสมองของหนูมันขาวโพลนไปหมด ตอนนี้รู้สึกสับสนจนคิดอะไรไม่ออก อย่าจับหนูไปเลยนะคะ…”
“คดีแจ้งคาวมเท็จต่อเจ้าหน้าที่ มีโทรปรับ500หยวนพร้อมจำคุกเป็นเวลา5วันตามระเบียบ! สำหรับข้อหาทำให้บุคคลอื่นประสบความเสียหาย ถ้าผู้ตกเป็นเหยื่อไม่เอาความ ทางเราเองก็จะไม่เพิ่มคดีลงไป”
หวังซินซินได้ยินแบบนั้นก็รีบหันมาขอโทษจ้าวเฉียนทันทีอย่างตื่นกลัวว่า
“จ้าวเฉียน ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว นาย…นายก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอว่า สถานการณ์ครอบครัวฉันตอนนี้เป็นยังไง ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำแบบนี้แล้วจริงๆ”
ขณะที่เธอกำลังขอโทษ หวังจิ้งหลินก็เดินเข้ามาพร้อมกับตำรวจอีกกลุ่มหนึ่ง พอเห็นว่าสภาพของลูกสาวตนดูไม่สู้ดี เสื้อผ้าฉีกขาดจนให้ชั้นใน ทั้งยังผมที่กระเซาะกระเซ่อนั่นอีก เขาจึงพุ่งเข้าหาจ้าวเฉียนทันทีด้วยความโกรธจัดว่า
“นี่แกทำอะไรซินซิน!?”
ตำรวจทั้งสองกลุ่มรีบตรงเข้าไปห้ามปรามหวังจิ้งหลินอย่างรวดเร็ว พร้อมพยายามเกลียวกล่อมบอกให้ใจเย็น
“จะให้ใจเย็นได้ยังไง! ลูกสาวของฉันทั้งคนกำลังโดนข่มขืนนะ! ผมจะฆ่ามัน! แกไม่รู้สึกละอายใจเลยรึไง! ถ้าสักวันแกมัลูกสาว แกจะเข้าใจความเจ็บปวดของฉัน!”
หวังจิ้งหลินด่าทั้งตำรวจด่าทั้งจ้าวเฉียน สักพักต่อมาหวังจิ้งหลินเพิ่งจะตระหนักได้ว่า ตำรวจพวกนี้เป็นเพียง เจ้าหน้าที่ประจำสน.อำเภอ แล้วมีคุณสมบัติอะไรมาหยุดเขาได้?
“ถอยออกไปให้หมด! ฉัน หวังจิ้งหลิน รู้จักกับผู้กำกับหลี่แห่งกรมตำรวจของเมืองตงไห่! พวกแกทั้งหมดไม่มีสิทธิ์แตะต้องตัวฉันด้วยซ้ำไป!”
หวังจิ้งหลินคำรามเสียงดังลั่น
ทันใดนั้นก็มีตำรวจแก่คนหนึ่งกล่าวค้านขึ้นว่า
“คุณเป็นคนรู้จักกับผู้กำกับหลี่แล้วยังไง? ทำความผิดก็ไม่ต้องรับโทษรึไง? ถ้ายังกล้าขัดขืนอีก ผมจะแจ้งความจับคุณด้วย! ตอนนี้ผมต้องกุมตัวลูกสาวไปที่โรงพักเพื่อสอบสวนและทำสำนวนคดีต่อไป!”
“แกมันยศอะไรวะ!? ถึงกล้าหยุดฉันแบบนี้! ได้! ฉันจะโทรไปรายงานผู้กำกับหลี่เดี๋ยวนี้! พวกแกทั้งหมดเตรียมรับโทษได้เลย!!”
หลังจากหวังจิ้งหลินพูดจบ เขาก็ตรงเข้าไปผลักอกตำรวจแก่คนนั้นออกไปโดยตรง
ตำรวจแก่คนนี้ไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย เขาริเริ่มหยิบตราตำรวจขึ้นมาแลเอ่ยตอบไปว่า
“นี่เห็นตราตำรวจไหมครับ? ถ้าดูหมื่นเจ้าหน้าที่มีโทษทางกฎหมาย! พวกเราเป็นตำรวจปกป้องประชาชนด้วยกฎหมาย แล้วคุณเป็นใครมีสิทธิ์เหนือกว่ากฎหมายอีกเหรอครับ?”
ตำรวจอีกคนเร่งเกลี้ยกล่อมให้ตำรวจแก่นายนี้สงบสติอารมณ์ก่อน เดือนหน้าเขาก็จะเกษียณอยู่แล้ว อย่าเพิ่งหาเรื่องใหโดนไล่ออกจะดีกว่า
“เหอะ! ก็เพราะฉันจะเกษียณแล้วนี่ไง ถึงไม่กลัวพวกคนรวย! ฉันจะช่วยเหลืแประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อจนถึงวินาทีสุดท้าย!”
ตำรวจแก่คนนั้นยังคงกล่าวปฏิเสธอย่างดื้อรั้น
หวังซินซินรู้สึกหวาดกลัวถึงขั้นวิตกแล้ว เธอรีบกอดแขนขอร้องพ่อทันทีว่า
“พ่อ! หนูไม่อยากติดคุก! ช่วยหนูด้วยนะ!!”
หวังจิ้งหลินเหลือบมองตำรวจแก่คนนั้นปลายตามองท่าทีดุร้าย พลางกล่าวปลอบลูกสาวไปว่า
“อย่ากลัวไปเลยซินซิน ไม่มีใครสามารถขังลูกสาวของหวังจิ้งหลินคนนี้ได้! ใครมันกล้าคนนั้นจบไม่สวยแน่นอน!”
นี่เป็นที่ชัดเจน หวังจิ้งหลินคนนี้กำลังกล่าวคุกคามตำรวจแก่นายนั้น
“นี่คุณพูดว่าอะไรนะ? กล้าข่มขู่เจ้าหน้าที่ตำรวจงั้นเหรอ? ช่วยเอาบัตรประชาชนออกมาด้วยครับ แล้วเชิญขึ้นโรงพักทั้งพ่อทั้งลูก!”
หวังจิ้งหลินโกรธจัดจนใบหน้าบิดเบี้ยวน่าเกียจ
“นี่แกกล้าเอาเรื่องฉันจริงๆงั้นเหรอ? ได้! ชะตาแกขาดแล้วไอ้แก่!”
หวังจิ้งหลินหยิบบัตรประชาชนของตัวเองออกมา หลังจากตำรวจแก่คนนั้นตรวจสอบอยู่พักหนี่งจึงค่อยส่งคืนไป
“คุณต้องปฏิบัติต่อตำรวจด้วยความเคารพ พวกนายก็จำไว้ซะนะ ไม่ว่าจะรวยแค่ไหนพวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์เหนือไปกว่าประชาชนคนอื่น อย่าให้พวกนี้ทำตัวเหนือกว่ากฎหมายได้เด็ดขาด”
ตำรวจแก่นายนี้หันไปสอนตำรวจหนุ่มอีกสองสามคนที่อยู่ข้างกาย จากนั้นก็สั่งกุมตัวหวังซินซินเตรียมกลับโรงพักทันที
หวังจิ้งหลินรู้สึกว่า ไอ้ตำรวจแก่คนนี้มันหยามหน้าเขามากเกินไปแล้ว ศักดิ์ศรีของเขาถูกเหยียบย่ำไม่มีชิ้นดี
คิดได้ดังนั้นเขาหยิบมือถือโทรหาผู้กำกับหลี่ทันที และอธิบายสถานการณ์โดยรวมให้ฟัง หวังให้ผู้กำกับหลี่ยื่นมือมาช่วย
“เอ่ออ..ประธานหวัง ผมคงพูดได้แค่ว่า เสียใจด้วยที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ ครั้งนี้คุณกระทำความผิดชัดเจน ทั้งเรื่องคดีความของคุณเอง มีพยานมากมายเข้ามายืนยันความผิดฐานทุบตีคนอื่น หากปล่อยให้คุณหลุดรอดออกไปโดยไม่ต้องรับโทษ เกรงว่าจะเกิดข้อกังขาต่อสังคมได้ แค่นี้ก่อนนะครับ ผมติดประชุม”
ผู้กำกับหลี่ตัดสายทิ้งโดยตรงและไม่แม้แต่ให้โอกาสหวังจิ้งหลินพูดสักคำ
หวังจิ้งหลินตกตะลึงแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง สถานการณ์ตอนนี้มันเลวร้ายถึงขั้นไหนแล้วกันแน่ ถึงขั้นที่ผู้กำกับหลี่ไม่ยอมยื่นมือมาช่วย?