ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่211 ขยายการรับสมัคร
ตอนที่211 ขยายการรับสมัคร
หวังเฉียงระเบิดหัวเราะทันทีอย่างมีความสุข เอ่ยตอบไปว่า
“ไม่คิดเลยว่า ตาเฒ่าฟู่เทียนจะใจเหี้ยมขนาดนี้ แต่ก็ดี ขอให้จ้าวเฉียนมันได้ตายสมใจ!”
เจียงเสี่ยวปิงหัวเราะเยาะเย้ย เอ่ยตอบไปว่า
“จ้าวเฉียนมันไปจ้างคนกระทืบลูกชายเขาซะขนาดนั้น ไม่แปลกหรอกที่ต้องจ้างฆ่า”
ทัศนคติของหวังเฉียงที่มีต่อเจียงเสี่ยวปิงดีขึ้นเล็กน้อย เขาเอ่ยถามขึ้นว่า
“แล้วเธอเป็นยังไงบ้าง? เขาดูแลเธอดีไหม?”
เจียงเสี่ยวปิงยิ้มแหยะๆ พลางตอบไปว่า
“ก็มีเงินใช้ไม่ขาดมือ แถมยังหาตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในบริษัทให้ฉันอีก ก็ถือเป็นเรื่องดีนะ”
“แต่อย่างที่บอกแหละ นี่แค่แผ่นระยะสั้นเท่านั้น เพราะเธอเองก็ยังเด็กมากนะ ถ้าตาเฒ่านี่ยังไม่เป็นอะไรไป ฉันคิดว่าพอเธอได้เงินทองสักก้อนหนึ่งก็ควรถอยห่างได้แล้ว เธอยังมีเวลาชีวิตอีกมาก ไม่ควรติดอยู่กับตาแก่ใกล้ลงโลงแค่คนเดียว”
เจียงเสี่ยวปิงหัวเราะเยาะคิกคัก เอ่ยถามขึ้นว่า
“นี่นายหมายความว่าอะไร? ก่อนหน้านี้เพิ่งดูถูกฉันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? พอมาตอนนี้ทำเป็นหวังดีไปแล้ว? หรือเริ่มกลับมาสนใจฉันแล้วรึไง? นายนี่มันร้ายจริงๆนะ”
หวังเฉียนระเบิดหัวเราะลั่นยิ้มตอบไปว่า
“อย่าเข้าใจผิดสิ ฉันแค่อยากจะเตือนเธอเฉยๆ เพราะเห็นแก่แฟนเก่า ถ้าไม่ฟังก็ไม่เป็นไร คิดซะว่าฉันไม่ได้พูดอะไรไปก็แล้วกัน”
เจียงเสี่ยวปิงพยักหน้าเล็กน้อย ขณะจะเดินผลักประตูออกไปเธอหันมายิ้มว่า
“งั้นก็ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงนะ มีทั้งอสังหาตระกูลหวังทั้งเหล่ยอู่คอยร่วมมือกัน ถ้าจ้าวเฉียนมันไม่ตายก็ค่อยคิดแผนใหม่!”
หวังเฉียงพยักหน้าตอบ
“ไม่มีปัญหา ต้องมาดูแล้วว่านักฆ่าที่ฟู่เทียนจ้างมาจะร้ายกาจสักแค่ไหน”
ในเวลาเดียวกัน จ้าวเฉียนก็ขับรถกลับถึงบ้านแล้ว
สำหรีบเขา ทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุม และไม่จำเป็นต้องร้อนใจรีบเคลื่อนไหว ให้หวังเฉียงกับคนอื่นๆกระโดดโลดเต้นไปก่อนสักพัก เมื่อใดที่ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เขาค่อยรวบทุกบริษัทเข้ากระเป๋าทีเดียว
ในไม่ช้าก็ถึงเวลายามค่ำคืน จ้าวเฉียนขับรถไปที่โรงแรมตงไห่ เพื่อนัดพบเหลียวเซียวหยุนที่มารออยู่ก่อนแล้วในห้องอาหาร
จ้าวเฉียนเดินเข้าไปโอบกอดเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถามขึ้นว่า
“มาถึงนานแล้วเหรอ?”
เหลียวเซียวหยุนส่ายหัวตอบไปว่า
“มาถึงก่อนไม่นานนี้เอง สั่งอาหารกันเลยเถอะ ฉันเริ่มหิวแล้ว”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและเรียกพนักงานมาสั่งอาหารทันที
หลังจากทั้งสองรับประทานอาหารเสร็จสิ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะ เหลียวเซียวหยุนก็เอ่ยถามขึ้นทันทีด้วยความเขินอายว่า
“เราไปไหนกันต่อดี? ดูหนังกันไหม?”
จ้าวเฉียนลุกขึ้นจากเก้าอี้ ไปนั่งข้างเหลียวเซียวหยุนพร้อมสวมกอดในอ้อมแขนของเขา
“เราก็โตกันแล้วนะ ควรจะทำสิ่งที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน ดูหนังมันก็น่าสนใจแหละ แต่นั้นเป็นกิจกรรมที่พวกเด็กๆเขาทำกัน”
เหลียวเซียวหยุนทุบหน้าอกจ้าวเฉียนไปเต็มแรงด้วยความเขินอาย เอ่ยถามควบคู่สีหน้าอย่างรู้เท่าทัน
“แล้วผู้ใหญ่เขาทำกิจกรรมอะไรกันห่ะ?”
จ้าวเฉียนยืนขึ้นพร้อมด้วยเหลียวเซียวหยุนในอ้อมแขน เขากระซิบข้างหูว่า
“ฉันยังไม่บอกเธอหรอก แต่เดี๋ยวจะพาไปเอง แต่เธอต้องให้ความร่วมมือหน่อยนะ”
จากนั้นจ้าวเฉียนก็พาเหลียวเซียวหยุนจากโรงแรมตงไห่ออกไปทันที และเดินทางไปยังโรงแรมโฟร์ซีซันต่อ เพื่อเปิดห้องและทำในสิ่งที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน
หลังจากผ่านไปนานกว่าครึ่งเดือน อู่เลอสามารถลุกจากเตียงได้แล้ว แต่อย่างไรหากเขาต้องการหวนกลับสู่สนามรถแข่งอีกครั้ง เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปีในการฟื้นฟูและเคาะสนิม
ในขณะนี้ งานแข่งระดับเอเชียได้เริ่มขึ้นแล้ว ซึ่งอู่เลอก็รับชมการถ่ายทอดสดผ่านทางออนไลน์อยู่
จ้าวเฉียนกังวลว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้ไปแข่ง จึงรีบเดินทางมายังโรงพยาบาลทันทีเพื่อเยี่ยม
อู่เลอที่นอนดูการรับชมอยู่บนเตียง พอเห็นว่าจ้าวเฉียนเมาเยี่ยม เขาก็รีบวางมือถือและพยายามลุกเพื่อเดินไปทักทายจ้าวเฉียน
พอเห็นแบบนั้น จ้าวเฉียนรีบเดินมาหยุดเขาทันทีและกล่าวว่า
“อย่าเพิ่งลุกไปไหน ไม่เห็นต้องสุภาพกับฉันขนาดนั้นเลย”
อู่เลอยิ้มตอบว่า
“ไม่เป็นอะไรแล้วครับ แค่นี้สบายมาก แต่น่าเสียดายที่…”
จ้าวเฉียนทราบดีว่าอีกฝ่ายต้องการจพูดอะไร ยิ้มปลอบพลางลูบหลังเบาๆว่า
“เอาน่า ครั้งนี้พลาดไป ใช่ว่าจะไม่มีครั้งหน้า เรายังมีเวลาอีกเยอะ ตราบใดที่นายไม่ยอมแพ้ ฉันก็พร้อมสนับสนุนเสมอ”
อู่เลอพยักหน้าตอบ จู่ๆเขาก็แนะนำขึ้นว่า
“บอส ตอนนี้นักแข่งมีแค่ผมกับเจ้าซีเท่านั้นเอง คาดพวกเขาเกิดปัญหากันทั้งคู่ก็เท่ากับต้องตัดสิทธิ์ไปเลยจริงไหม? ถ้าอย่างนั้นผมว่าบอสควรรับสมัครนับขับมาเพิ่มนะครับ เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันแบบนี้ขึ้นอีก จะได้มีตัวสำรอง”
จ้าวเฉียนเอ่ยตอบกลับไปทันทีว่า
“ฉันเองก็คิดแบบนายเหมือนกัน ถ้ารอบชิงระดับเอเชียจบลงแล้ว ฉันว่าจะลองเดินทางไปสนามหน่อย เผื่อว่าใครสนใจจะย้ายทีม ฉันจะได้คว้าตัวเข้ามาเลย หลังจากนั้นก็พาพวกนายมาฝึกด้วยกัน มุ่งมั่นเพื่อพัฒนาทีมเรา”
อู่เลอกล่าวรับประกันทันที
“ไม่ต้องห่วงครับบอส ผมจะไม่ทำให้บอสผิดหวังแน่นอน”
“ฉันเชื่อใจนาย โอเค พักผ่อนต่อเถอะ ถ้าอยากได้อะไรก็โทรหาได้ตลอด เดี๋ยวฉันบอกให้ทางพยาบาลจัดส่งให้ทันที แล้วไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายล่ะ แค่ตั้งทำรักษาฟื้นฟูตัวเองก็พอ”
จ้าวเฉียนลุกขึ้นพร้อมจากไปทันทีหลังกล่าวจบ
รอบชิงชนะเลิศจะเริ่มต้นในช่วงบ่าย จ้าวเฉียนเดินทางไปสนามแข่งก่อนเวลาเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวัน
เวลาบ่ายสามโมง รอบชิงชนะเลิศระดับเอเชียเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
จ้าวเฉียนไม่ค่อยคุ้นเคยกับวงการนักแข่งรถเท่าไหร่นัก และเขาเองก็แทบไม่รู้จักนักแข่งดาวรุ่งในจีนเลย เขาทำได้เพียงรอฟังผลเพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจ
หลังการแข่งจบลง ผลการแข่งขันก็ถูกรายงานออกมา
นักแข่งหมายเลข6 หยางจานคุน จากคุนต้าทีม คว้าแชมป์อันดับหนึ่งไปครออง รองชนะเลิศคือเฉินซิง เพื่อนร่วมทีมของหยางตานคุน และรองชนะเลิศอันดับสามคือ หลิวกวน นักแข่งอีกคนจากทีม สตีมเมอร์คัลเลอร์
จ้าวเฉียนรีบหยิบมือถือหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตทันทีเกี่ยวกับนักแข่งทั้งสามและทีมทั้งสอง
คุนต้ากับสตีมเมอร์คัลเลอร์ ก่อตั้งเมื่อปี2015และทั้งสองทีมก็แข่งขันกันเรื่อยมานานถึง10ปี ซีซันก่อนหน้านี้เป็นทีมสตีมเมอร์คัลเลอร์ที่คว้าชัยชนะไปได้ และนี่เนชัยชนะครั้งแรกของทีมคุนต้า
หยางจานคุนและหลิวกวนเคยเป็สมาชิกทีมเชสเซอร์วินคลับมาก่อน ดังนั้นพวกเขาสองคนค่อนข้างสนิทกันมาก จึงตัดสินใจออกจากทีมเก่าคู่เพราะความขัดแย้งกับทางหัวหน้าทีม และย้ายมาอยู่คุนต้าพร้อมกัน
แต่ทีมนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างวิกฤตพอสมควร พวกเขาทั้งคู่แทบจะไม่มีเงินค่าเบี้ยเลี้ยงอยู่ต่อไหวแล้วเช่นกัน แต่โชคยังดีที่ครั้งนี้คว้าแชมป์ไปได้ หลังจากนี้จะต้องมีสตอนเซอร์แห่กันเข้ามาสนับสนุนแน่นอน ดังนั้นเรียกได้ว่า สามารถแก้วิกฤตได้อย่างทันท้วงที
แต่สถานการณ์ของทีมสตีมเมอร์คัลเลอร์แย่กว่ามาก ครั้งนี้เขาไม่สามารถคว้าอันดับหนึ่งไปครองได้ อาจทำให้ทางต้นสังกัดประกาศเลิกจ้างนักแข่งบางส่วน หรืออย่างเลวร้ายที่สุดคือประกาศยุบทีม
จ้าวเฉียนจึงสนใจไปทางสตีมเมอร์คัลเลอร์มากกว่าทีมคุนต้า
หลังจากนักกีฬาขึ้นแท่นรับรางวัลกันเสร็จ จ้าวเฉียนก็เดินเข้าไปทักทายหลิวกวนทันที
“สวัสดีครับผมชื่อจ้าวเฉียน ผมเพิ่งดูการแข่งของคุณเมื่อสักครู่ไป แล้วสนใจในฝีมือคุณอย่างมาก พอจะมีเวลาคุยด้วยไหมครับ?”
หลิวกวนพยักหน้าและชี้ไปมุมหนึ่งที่ไม่มีคนอยู่และตอบไปว่า
“ไปคุยกับตรงนั้นดีกว่าครับ”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและเดินไปยังจุดนั้นเพื่อสนทนากับหลิวกวน
หลิวกวนเอ่ยถามประเดิมขึ้นทันที
“มีอะไรครับ?”
จ้าวเฉียนเข้าเรื่องทันที
“ผมเองก็มีทีมเช่นกัน นักแข่งของทีมผมเพิ่งคว้าชัยในการแข่งขันระดับภูมิภาคในเมืองตงไห่ได้ในครั้งที่ผ่านมา แต่น่าเสียดายที่โดนคนจากทีมอื่นลอบท้าย ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมงานแข่งนี้ได้ ตอนนี้มีเพียงแค่เขากับเพื่อนเขาอีกคนเท่านั้น นักแข่งในทีมยังน้อยเกินไปครับ ผมเลยต้องการพาคุณเข้ามาเสริมทัพ”
หลิวกวนโค้งศีรษะให้อย่างสุภาพและกล่าวตอบจ้าวเฉียนไปว่า
“ผมรู้สึกดีใจนะครับที่คุณยังเห็นค่าผม แต่ผมคงไม่ย้ายทีมไปไหนแล้ว ขอโทษจริงๆนะครับ”
จ้าวเฉียนยิ้มพลางตอบกลับไปว่า
“ไม่เป็นไรครับ นี่เป็นสิทธิ์ของคุณ ถ้าไม่สนใจ เดี๋ยวผมลองไปคุยกับแชมป์เปี้ยนปีนี้ดู ผมค่อนข้างจริงใจที่จะหานักแข่งเข้าทีมเพิ่มน่ะครับ ยังไงก็ขอโทษที่รบกวนเวลาครับ”
หลิวกวนเผยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยออกมา เอ่ยถามขึ้นว่า
“คุณพอจะรู้เรื่องในอดีตระหว่างผมกับหมอนั้นไหมครับ?”
“อืม…พอจะรู้อยู่บ้างครับ แต่ก่อนพวกคุณทั้งสามเคยอยู่ทีมเดียวกัน แต่สองคนนั้นมีเรื่องขัดแย้งกับคุณเลยย้ายไปอยู่กับคุนต้า อันที่จริงครั้งนี้ผมเองก็ลงทุนไม่ใช่น้อย ก็เลยอยากได้คนมีความสามารถพอมาสู้กับอีกฝ่ายไม่ก็ซื้อตัวพวกเขามาเลย ปีนี้ผมอัดฉีดทุนเพิ่มในทีมอีก10ล้าน น่าจะซื้อพวกเขาเข้าทีมได้อยู่”
พอหลิวกวนได้ยินคำว่า10ล้านถึงกับตะลึง ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะทุนหนากว่าที่เขาคิดไว้มาก
หากหยางจานคุนได้เข้าร่วมทีมเดียวกับชายคนนี้ อนาคตของเขาจะต้องพุ่งทะยานถึงขีดสุด และเขาจะไม่มีวันแซงหน้าอีกฝ่ายได้อีกต่อไป
หลิวกวนตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที จะย้ายทีมกลางคันก็ดูจะไม่ดี แต่จะปล่อยให้หยางจานคุนแข็งแกร่งขึ้นต่อไปเรื่อยๆก็รับไม่ได้เช่นกัน ตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าตนเองควรทำอย่างไรดี