ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่219 คุณเริ่มก่อน
ตอนที่219 คุณเริ่มก่อน
จ้าวเฉียนพาหวานเจียงไปที่ห้างและบอกเธอไปว่าช็อปปิ้งได้ตามสบาย
ต่อให้สาวๆรวยแค่ไหน แต่สุขใดย่อมไม่เท่าช็อปปิ้งฟรีไม่มีจำกัดวงเงิน
หวังเจียงไม่เคยมีปัญหาเรื่องขาดแคลนชุดเสื้อผ้าแบรนด์เนม เครื่องสำอาง หรือกระเป๋า แต่เธอก็ยังช็อปปิ้งไม่หยุดมือราวกับกระหายมาเป็นเวลานาน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พอจ้าวเฉียนเห็นว่าเวลานี้มันเริ่มดึกแล้ว เขาก็พาหวานเจียงไปดินเนอร์กันที่ร้านอาหารแนวตะวันตก
ขณะที่ทั้งคู่เพิ่งตรงผ่านประตูร้านเข้ามา ก็ดันไปเจอกับหยางหมิง, หวานฮันซู, จางหยาง, , หวังเฉียง ,หวังซินซิน และชาวต่างชาติอีกสองคน
หยางหมิงมองทั้งสองที่คุยเล่นคิกคักกันมาด้วยความอิจฉา ตรงเข้าไปเย้ยเยาะขึ้นทันทีว่า
“นี่แกยังกล้าออกมาเที่ยวเล่นอีกเหรอ? ไม่กลัวเดินๆอยู่ก็ตายคาถนนรึไง?”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะตอบกลับไปว่า
“ก็ตอนนี้ยังไม่ตายก็แล้วกัน ไม่อย่างงั้นคงไม่โผล่มาให้เห็นหน้าแบบนี้หรอกจริงไหม?”
จางหยางตรงเข้ามาหัวเราะเยาะซ้ำเติมและเอ่ยถามขึ้นว่า
“แล้วนี่พาใครมาด้วย? คงตามปอกหลอกสาวที่ไหนอีกใช่ไหม?”
จ้าวเฉียนยักไหล่ตอบกลับไปว่า
“แน่นอนครับ ผมต้องพยายามตามจีบให้สาวๆที่รวยๆมารักมาหลง ผมไม่ได้เหมือนผู้จัดการจางนะครับ ที่ไปเรียนโง่ๆที่อเมริกาปีสองปี พอกลับมาก็เกาะแข้งเกาะขาประธานบริษัทสาว ขึ้นมามาเป็นผู้จัดการบริษัทได้แบบง่ายๆ แถมตอนนี้เธอด็กำลังตั้งครรภ์อยู่ด้วย อีกไม่นานคงมีครอบครัวที่สุขสันน่าดู สามารถไต่ขึ้นมาขนาดนี้ได้ด้วยเวลาอันสั้น ผมสงสัยจริงๆว่า ที่อเมริกาสอนหลักสูตรอะไรให้หรอครับ? วิธีเป็นแมงดาเกาะผู้หญิง101?”
จางหยางที่ได้ยินแบบนั้นก็เดือดจัดคำรามลั่นร้านว่า
“นี่แกกำลังพล่ามอะไรอยู่! ฉันเป็นนักศึกษาป.โทจบที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และฉันมีคุณสมบัติมากพอสำหรับตำแหน่งผู้จัดการบริษัทแห่งนี้!”
จ้าวเฉียนแบะปากพยักหน้าตอบเล็กน้อย
“สุดยอดจริงๆแหะ ไม่ยักรู้ด้วยว่า มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดจะมีหลักสูตรสอนเป็นแมงดาเกาะผู้หญิงเจริญด้วย วิชานี้อยู่ในคณะไหนเหรอครับ? ผมว่าจะไปเรียนต่อสักหน่อย?”
จางหยางกำหมัดแน่นก้าวออกไปข้างหน้าราวกับจะไปชกจ้าวเฉียนทันที
แต่หวังเฉียงรีบหยุดเขาเอาไว้และกล่าวปลอบโยนขึ้นว่า
“ทำไมผู้จัดการจางถึงเอาตัวเองไปเกลือกกลั้วกับพวกชั้นต่ำแบบนั้นด้วย? คนกำลังจะตายแทนที่จะโกรธสู่อโหสิแทนไม่ดีกว่าเหรอครับ?”
“ฮ่าฮ่า….”
พอได้ยินแบบนั้นทุกคนระเบิดหัวเราะลั่นขึ้นมาทันที
จ้าวเฉียนทราบดีว่า พวกเขาคงกำลังหมายถึงเรื่องที่หู่เทียนจ้างนักฆ่ามาสังหารเขา ดังนั้นจึงแสร้งถามไปว่า
“เอ๋? เอาแต่แช่งผมให้ตายกัน มีหรือซุบซิบอะไรหรือเปล่าน๊า…”
หวานฮันซูยิ้มและตอบกลับไปว่า
“แม้ว่าเราจะมี แต่ทำไมต้องบอกแกด้วย? ไปกันเถอะ ไม่ต้องไปสนใจคนอย่างมัน รอหลังมันตาย แล้วเราค่อยส่งพวงลีดไปให้”
“ฮ่าฮ่า….”
ทุกคนระเบิดหัวเราะเยาะอีกครั้ง และเดินผ่านจ้าวเฉียนออกจากร้านไปอย่างไม่แยแส
หวานเจีงนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่งแล้ว พอเห็นว่าคนกลุ่มนั้นเดินจากออกไป เธอก็รีบสะกิดถามด้วยความเป็นห่วงว่า
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมพวกนั้นถึงเอาแต่บอกราวกับว่านายกำลังจะตาย?”
จ้าวเฉียนกล่าวตอบอย่างไม่แยแสไปว่า
“ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของพวกนั้นเลย เราเข้าไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
แต่หวานเจียงไม่เชื่อ หากจ้าวเฉียนในตอนนี้ไม่ตกอยู่ในอันตรายจรืงๆ พวกหยางหมิงคงไม่พูดแบบนั้นออกมาแน่นอน ดังนั้นเธอจึงกระชากแขนจ้าวเฉียนไม่ให้เดินเข้าไปในร้าน และเอ่ยถามน้ำเสียงจริงจังว่า
“จ้าวเฉียน ตอนนี้ฉันจริงจังอยู่นะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ไปมีปัญหากับใครอีก?”
จ้าวเฉียนอยากจะตอบเธอไปตามตรงเช่นกัน แต่พอเห็นสีหน้าจริงจังของเธอ เขาก็รู้สึกอยากแกล้งขึ้นมา
“ทำไม? แทนที่จะมานั่งเครียดใส่กัน ทำไมถึงไม่ใช้เวลาที่เหลืออยู่มีความสุขไปด้วยกันแทนล่ะ?”
พอได้ยินแบบนั้น หัวใจของหวานเจียงถึงกับตกลงตาตุ่ม บริเวณรอบดวงตาเริ่มเห่อร้อน เธอน้ำตาซึมออกมาทันใด นี่แตกต่างไปจากราชินีน้ำแข็งแห่งวงการธุรกิจอย่างที่ทุกคนเคยรู้จัก ทันใดนั้นก็เอ่ยถามขึ้นทันทีว่า
“เจ้าบ้า! นี่นายไปมีปัญหากับใครอีก? พวกมันจะฆ่านายเหรอ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่? บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะจ้าวเฉียน!”
จ้าวเฉียนแสร้งถอนหายใจเล็กน้อยและโอบไหล่พาหวานเจียงเดินเข้าร้านอาหารไป พลางกล่าวไปว่า
“หลังกินอาหารเสร็จ เดี๋ยวฉันบอกเธอเองไม่ต้องห่วง”
ทั้งสองนั่งรับประทานดินเนอร์กันที่ริมหน้าตา ชมบรรพากาศเมืองจากที่สูงในตอนกลางดึก สั่งสเต็กและพาสต้าเป็นเมนูจานหลัก โดยมีไวน์แดงเป็นเครื่องเคียง
จ้าวเฉียนแสร้งปั้นหน้าเศร้าเล็กน้อย แต่ภายในใจของเขามีความสุขอย่างมาก พลางรับประทานสเต็กพร้อมดื่มด่ำไปกับบรรยากาศยามราตรี
ในขณะที่หวานเจียงตอนนี้นั่งกินอาหารท่าทีเกๆกังๆราวกับหุ่นเชิด จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ในไม่ช้าจ้าวเฉียนก็รับประทานอาหารเสร็จสิ้น เขาหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดปากพลางเอ่ยถามอีกฝ่ายขึ้นว่า
“ฉันกินเสร็จแล้ว เธอจะสั่งอะไรมาเพิ่มไหม?”
หวานเจียงไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย เธอส่ายหัวและรีบหยิบเงินออกมาวางบนโต๊ะ จากนั้นก็ลากจ้าวเฉียนออกไปทันที
จ้าวเฉียนเอ่ยถามขึ้นว่า
“นี่เราจะไปไหนกันต่อ?”
หวางเจียงชี้ไปที่โรงแรมหรูใกล้ห้างพร้อมกล่าวตอบไปว่า
“ที่นั่น”
จ้าวเฉียนอดยิ้มไม่ได้และพาเธอไปเปิดห้องทันที
เมื่อเข้ามาในห้องพักโรงแรมแล้ว หวานเจียงก็ระเบิดน้ำตาร้องไห้ออกมาอย่างเกินจะทานทนได้ไหว เธอเอ่ยถามจ้าวเฉียนขึ้นว่า
“ช่วยพูดอะไรสักอย่างเถอะ! ช่วยบอกให้ฉันรู้ทีได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น! ทำไมนายถึงถูกหมายหัวแบบนี้!?”
จ้าวเฉียนส่ายหัวและตอบกลับว่า
“ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ฉันจัดการเองได้”
ยิ่งได้ยินคำตอบแบบนี้ หวานเจียงยิ่งร้องไห้ห่มร้องไห้หนัก เธอตะคอกขึ้นว่า
“นายคนเดียวจะจัดการได้ยังไง? บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่ามันเป็นใคร! ทุกครั้งที่เกิดเรื่องนายก็เอาแต่พูดว่า ฉันจัดการได้ ฉันจัดการได้ตลอด นายเคยคิดถึง…”
ยังไม่ทันพูดจบ จ้าวเฉียนก็ตรงเข้าไปสวมกอดหวานเจียงในอ้อมแขนทันที ลูบแผ่นหลังของเธออย่างแผ่วเบาและกล่าวปลอบขึ้นว่า
“เชื่อใจฉันเถอะ ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ ตราบเท่าที่ฉันยังมีเวลาเหลืออยู่ ถ้าได้ใช้มันร่วมกับเธอ ถึงตายฉันก็ไม่เสียใจ”
“ฮึก…นายหยุดพูดแบบนี้เลยนะ…ฮึก…นายบอกมา…นายแค่บอกมาว่ามันเป็นใคร! รีบบอกฉันมาสิ…”
จ้าวเฉียนถอนร่างออกมาและประกบจูบกับเธอทันที หวานเจียงเงียบลงอย่างรวดเร็ว
ทุกอย่างเกิดขึ้นกระทันหันมาก จ้าวเฉียนผลักร่างของหวานเจียงขึ้นเตียงและเริ่มบรรเลงบทเพลงรักอย่างดุเดือด ไม่เพียงแค่หวานเจียงจะไม่ขัดขืนเท่านั้น แต่เธอยังให้ความร่วมมือตอบสนองจ้าวเฉียนอย่างดุเดือด
หลังจากพายุอันเร้าร้อนจบลง จ้าวเฉียนในตอนนี้กำลังนอนกอดหวานเจียงอยู่บนเตียงในสภาพเปลือยกายกันทั้งคู่
แต่หวานเจียงเธอยังนอนไม่หลับ ใช้สองมือประกบหน้าจ้วาเฉียนและเอ่ยถามอย่างจริงจังว่า
“สรุปนายจะบอกฉันได้รึยังว่าใครกัน? ถ้าไม่บอก ฉันก็ยังเป็นทุกข์อยู่แบบนี้ นายทนเห็นฉันในสภาพแบบนี้ได้เหรอ?”
จ้าวเฉียนกล่าวตอบไปว่า
“เธอจะไม่โกรธฉันแน่เหรอ?”
“ฉันรับรอง ไม่ว่าจะอีกฝ่ายจะมีอำนาจอิทธิพลแข็งแกร่งแค่ไหน ฉันก็ไม่โกรธ ตราบใดที่ยอมสารภาพตรงไปตรงมา ฉันจะยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยนาย”
“อีกฝ่ายคือ…ฟู่เทียน ประธารเหล่ยอู่”
“ห่ะ? ฟุ่อะไรนะ?”
“ประธานของบริษัทเหล่ยอู่ ฟู่เทียน”
หวานเจียงนอนงงอยู่พักหนึ่ง ทั้งชื่อและบริษัทดังกล้าวเธอไม่เคยได้ยินมาก่อน ในเวลานี้เธอก็พลันคิดไปว่าตัวเองถูกหลอก
“ไอ้บ้า! นี่กล้าหลอกฉันเหรอ!”
หวานเจียงโกรธจัด ลุกขึ้นไปหยิบมือถือทุบใส่หัวจ้าวเฉียนชนิดไม่มีอ้อมแรง
จ้าวเฉียนเองก็ไม่คิดเลยว่า เธอจะโหดเหี้ยมปานี้ พอเห็นว่าหลบไม่ทันแน่นอน เขาก็รีบหยิบมือขึ้นมากำบังโดยไว
“โอ้! หยุดก่อน! ก็เธอยอมเองหนิ!”
จ้าวเฉียนพร้อมใช้หมอนปิดหน้าเอาไว้หนาแน่น
หวานเจียงตอนนี้เดือดจัดถึงขีดสุดแล้ว จ้าวเฉียนกล้าหลอกเธอไปนอนด้วยแบบนี้ได้ยังไง? เธอใช้มือหนึ่งคว้าหมอนที่เขาใช้ป้องกันโยนทิ้งไปข้างเตียง แต่กระหน่ำทุบหัวเขาด้วยโทรศัพท์ภายในมือ ไม่ทราบเลยว่าตอนนี้หน้าผากของจ้าวเฉียนบวมนูนขนาดไหนแล้ว แต่เธอก็ยังทุบตีไม่มีหยุด
“นายโกหกฉัน… นายโกหกฉัน…”
หวานเจียงทุนตีอย่างต่อเนื่อง ตะโกนร้องห่มร้องไห้ลั่นด้วยความเกลียดชัง
จ้าวเฉียนเองก็เริ่มโมโหขึ้นแล้วเช่นกัน รีบคว้ามือเธอเอาไว้และคำรามขึ้นลั่นว่า
“ถ้ายังไม่หยุด ฉันจะไม่สุภาพกับเธอแล้วนะ!”
“ไอ้สารเลว! ที่ทำกับฉันขนาดนี้ยังเรียกว่าสุภาพได้อีกงั้นเหรอ?!”
หวานเจียงไม่สนใจฟังเขาแม้แต่น้อย
“ที่ฉันพูดไปเป็นคาวมจริง! ก็เธอเอาแต่ร้องไห้ถามไม่หยุด นี่ก็ตอบให้แล้วไง! ยังต้องการอะไรอีก?”
จ้าวเฉียนขมวดคิ้วแน่นด้วยความไม่พอใจ
หวานเจียงลุกขึ้นตบตีเขาต่อทันใด
“หุบปาก! ทีแรกฉันก็คืดว่าอีกฝ่ายเป็นคนใหญ่คนโตที่ไหน ที่แท้ก็แค่ประธานบริษัทเล็กๆที่ฉันไม่แม้แต่เคยได้ยินชื่อด้วยซ้ำ! นายจงใจหลอกฉันให้เสียตัวชัดเจน! ฉันไม่น่าโง่เชื่อคนอย่างนายเลยจริงๆ!!”
“เหอะ จะโทษฉันงั้นเหรอ? ใครกันที่รีบกินข้าวรีบพาฉันไปโรงแรม? แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นประธานบริษัทเล็กๆแล้วไงล่ะ? แต่อีกฝ่ายก็จ้างคนมาฆ่าฉันได้นะ! สรุปนี่เธอไม่ห่วงความปลอดภัยของฉันเลยใช่ไหม?!”
จ้าวเฉียนเอ่ยถามสวนกลับไป
หวานเจียงพ่นลมหายใจใส่ด้วยความไม่พอใจอย่างมาก เธอกล่าวตอบไปว่า
“ไอ้ทีแรกฉันก็เป็นห่วง คิดว่านายไปมีเรื่องกับคนมีอำนาจเข้า ฉันก็อยากจะช่วยเท่าที่ช่วยได้ แล้วยังไงล่ะ? ก็แค่ประธานบริษัทเล็กๆคนหนึ่ง ลำพังแค่นายจัดการได้สบายอยู่แล้ว นี่จงใจปั้นหน้าเศร้าหลอกฉันจนใจอ่อน! พอใจแล้วรึยัง? ได้ร่างกายฉันไปแล้วหนิ!”
หวานเจียงยกผ้าห่มคลุมโปร่งใส่จ้าวเฉียน พร้อมออกหมัดเตะต่อยอีกชุดใหญ่จนกระทั่งเธอเหนื่อยและหยุดไปเอง จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอน หันตะแคงหน้าไปอีกฝั่งราวกับไม่อยากเห็นหน้าจ้าวเฉียนอีกต่อไปแล้ว
ในเวลานี้ จ้าวเฉียนโกรธมาก เขาพลิกผ้าห่มโยนทิ้งออกไปทันที พร้อมขึ้นค่อมบนร่างของเธอ หวังจะสั่งสอนให้เธอรู้ว่าเวลาผู้ชายโกรธมันเป็นยังไง!