ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่247 แต่งตั้งหัวหน้าฝ่ายบุคคล
ตอนที่247 แต่งตั้งหัวหน้าฝ่ายบุคคล
ทัศนคติของจ้าวเฉียนแน่วแน่และชัดเจนอย่างมากว่า เขาจะต้องถอนรากถอนโค่นอำนาจอิทธิพลของจางต้าเฉินที่หลงเหลืออยู่ในบริษัทให้หมดสิ้น มิฉะนั้นในอนาคต คนพวกนี้จะต้องกลับมาสร้างปัญหาไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่นอน
บรรดาหัวหน้าแต่ละแผนกต่างคิดว่า สถานะของพวกเขาล้วนเป็นระดับผู้นำในบริษัท จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก และไม่ว่ายังไงจ้าวเฉียนก็ไม่กล้าไล่พวกเขาออกจริงๆ แน่นอน
แต่หารู้ไม่ว่า พวกเขาคิดผิดอย่างมหันต์ ในมุมมองขงอจ้าวเฉียน เขาที่เป็นผู้กำหนดทิศทางของบริษัทในอนาคตและออกนโยบายต่างๆ เพื่อมุ่งไปสู่ความสำเร็จ ย่อมเห็นอะไรที่กว้างกว่านั้น และพวกพนักงานชั้นรากหญ้านี่แหละคือทรัพยากรสำคัญที่มีหน้าที่รับผิดชอบกับผลผลิตของบริษัทในแต่ละวันโดยตรง
ส่วนระดับหัวหน้าหรือรองหัวหน้าก็แค่ตัวเชื่อมโยงระหว่างตัวพนักงานและแผนก คอยดูแลไม่ให้เกิดปัญหาร้ายแรงขึ้นเท่านั้น ดังนั้นในระยะสั้นพวกเขาไม่ได้มีความจำเป็นอะไรขนาดนั้น
ตราบใดที่บริษัทไม่เกิดปัญหาขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ จ้าวเฉียนย่อมมีเวลาคัดสรรหัวหน้าคนใหม่ที่มีคุณภาพจากภายนอกได้เรื่อยๆ
เมื่อไม่เห็นว่าจ้าวเฉียนเอาจริงและไม่สนใจพวกเขาเลย เวลานี้แต่ละคนเริ่มตื่นตระหนกหนัก ระดับหัวหน้างานในบริษัทนวัตกรรมชั้นแนวหน้าของภูมิภาค ถือเป็นงานที่ดีอย่างยิ่ง โดยธรรมชาติไม่มีใครอยากเสียมันไปแน่นอน
“ประธานจ้าว พวกเราผิดไปแล้ว ได้โปรดให้โอกาสเราอีกครั้งเถอะครับ!”
“ใช่แล้วครับ! หากพวกเราไม่สามารถทำตามที่ประธานจ้าวคาดหวังได้ในอนาคต ถึงเวลานั้นพวกเราขอลาออกเองก็ยังได้ครับ! ขอเพียงประธานจ้าวาให้โอกาสเราสักครั้ง!”
“ประธานจ้าว ได้โปรดเถอะครับ พวกเราตอนนี้ก็แก่แล้ว จะไปหางานใหม่มันยากกว่าพวกหนุ่มสาวเยอะเลยนะครับ อีกอย่าง พวกเรายังมีภาระทั้งค่าผ่อนบ้านทั้งค่าผ่อนรถ พวกเราจะตกงานตอนนี้ไม่ได้นะครับ!”
…………
เผชิญหน้าต่อปัญหาชีวิตของพวกหัวหน้าที่เฝ้าพรรณนาแต่ละคน จ้าวเฉียนไม่ได้รู้สึกใจอ่อนเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อก่อนหน้า ตอนที่ยังมีโอกาส พวกเขาก็ยังเลือกที่จะสนับสนุนจางต้าเฉิน ดังนั้นก็สมควรแบกรับผลที่ตามมาเช่นกัน ถ้าหากจะโทษใครสักคนก็ควรโทษตัวเองซะเถอะ
“รปภ. ลากคนพวกนี้ออกไปซะ นับแต่นี้เป็นต้นไป พวกเขาไม่ใช่คนของบริษัทเราอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นไม่มีสิทธิ์มายืนเสนอหน้าอยู่ตรงนี้!”
จ้าวเฉียนออกคำสั่งพวกรปภ.ที่อยู่ข้างเวทีพร้อมออกปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว
“หัวหน้าหวาง ได้โปรดให้ความร่วมมือด้วยครับ เชิญ!”
“หัวหน้าจ้าน พวกเราเคยเป็นเพื่อนร่วมบริษัท อย่าทำให้พวกเราต้องลำบากใจดีกว่าครับ”
“หัวหน้าหลี่ เชิญออกจากที่นี่ด้วยครับ!”
………..
รปภ.ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับคนพวกนี้อีกต่อไป ในสายตาของพวกเขา บรรดาหัวหน้าพวกนี้ก็แค่คนนอก และไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรอีก
จ้าวเฉียนกล่าวต่อว่า
“พวกเขาไม่ใช่คนขอบบริษัทเราอีกต่อไปแล้ว ผมไม่ต้อนรับ รปภ.ตักเตือนแค่สามครั้งพอ ถ้ายังไม่ยอมออกไปอีก ผมอนุญาตให้ใช้กำลัง! ผมจะรับผิดชอบกับผลที่ตามมาเอง อยากจะเห็นเหมือนกันว่า คนพวกนี้จะมีความสามารถแค่ไหนกัน!”
พอรู้ว่าไม่มีโอกาสให้แก้ตัวแล้วจริงๆ สีหน้าการแสดงออกของพวกหัวหน้าก็เปลี่ยนไปทันที สบถด่าข่มขู่จ้าวเฉียนขึ้นว่า
“อย่าได้ใจไปหน่อยเลย ไอ้หนุ่มสกุลจ้าว! ทั้งลูกค้าและซัพพลายเออร์ของบริษัทล้วนอยู่ในมือพวกเราทั้งสิ้น แค่โทรครั้งเดียวก็สามารถสั่งให้พวกเขาถอนตัวออกจากบริษัทนี้ได้หมดแล้ว! อยากจะเห็นเหมือนกันว่า หลังจากนี้แกจะทำยังไงต่อไป!”
“บริษัทกำลังมีปัญหาด้านการเงินครั้งใหญ่ เตรียมรอให้ภาครัฐเข้ามาตรวจสอบได้เลย ไอ้โง่! ฮ่าฮ่า…”
“ทันทีที่แกเข้ามารับตำหน่ง บริษัทจะต้องปิดตัวลงแน่นอน ถึงตอนนั้นฉันจะรอฟังคำอธิบายจากแก!”
“ฮ่าฮ่า…ปลาตายอวนขาด บริษัทเตรียมเน่าเฟะได้เลยถ้าไม่มีพวกเรา! เลือกไล่คนมีความสามารถออกไปเอง ปัญญาอ่อน!”
……..
ในเมื่อพวกเขาไม่ให้หน้ากันถึงขนาดนี้ จ้าวเฉียนเองก็ไม่จำเป็นต้องมีมารยาทกับพวกเขาแล้วเช่นกัน
“รปภ.ลงมือ!”
เจ้านายใหม่เอ่ยปากสั่งการขนาดนี้ พวกรปภ.ย่อมไม่กล้าละเลย ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังถูกพวกหัวหน้าเหล่านี้รังแกกดขี่อยู่นานแล้ว ในที่สุดยามนี้ก็มีโอกาสแก้แค้นสักที
“ไปกันเถอะพวกเรา! ในเมื่อเตือนแล้วไม่ฟัง ก็คงต้องใช้กำลังเท่านั้น!”
“คนพวกนี้ยังมีสมองอยู่ไหมถึงกล้าท้าทายประธานจ้าว? แม้แต่จางต้าเฉินยังไม่ใช่คู่มือ แล้วนับประสาอะไรกับพวกเขา?”
………
พวกหัวหน้าไม่กล้าขัดขืนใดๆ รีบเดินจากออกไปแต่โดยดีทั้งแบบนั้น
หลังจากพวกหัวหน้าทั้งหมดถูกไล่ออกไป จ้าวเฉียนก็หันมาภามเหรินจานซวนว่า
“คุณอยากจะมาเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลไหม?”
เหรินจานซวนเอ่ยตอบเจือท่าทีว่างเปล่าว่า
“หะ? หัวหน้าฝ่ายบุคคล? นี่…นี่คงไม่ไหวหรอก ฉันไม่เคยเป็นหัวหน้าใครมาก่อน กลัวว่าจะทำได้ไม่ดีพอ…”
จ้าวเฉียนยิ้มและกล่าวปลอบไปว่า
“เอาน่า ไม่เห็นต้องคิดมากเลย หัวหน้าฝ่ายบุคคลจำเป็นต้องมีทักษะอะไรเท่าไหร่นัก แค่มีวิสัยทัศน์ในการเลือกคนเข้ามา คนนี้เป็นยังไง คนนั้นจะเข้ากับสังคมในองค์กรได้ไหม มันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น”
เฉินต้าซีกล่าวให้กำลังใจอีกแรง
“คุณหนูเหริน คุณหนูต้องเชื่อมั่นในความสามารถตัวเองนะครับ ตอนนี้บริษัทกำลังขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์ คุณหนูเข้ามาทำหน้าที่ในตำแหน่งนี้ถือว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว”
“ใช่แล้ว เฉิงต้าซีพูดถูก ไม่ต้องกังวลไป ทำตามสัญชาตญาณตัวเองก็พอ เรื่องการคัดเลือกคนต้องใช้ความรู้สึกเป็นหลักล่ะนะ เลือกแต่คนเก่งแต่ทำตัวน้ำเต็มแก้วมาทำงาน ผลที่ออกมาก็ใช่ว่าจะดี”
จ้าวเฉียนกล่าวเสริม
เหรินจานซวนเองก็ไม่คิดที่จะปล่อยบริษัทนี้โดยไม่สนสี่สนแปดเช่นกัน เธอต้องการช่วยเหลือบริษัทของพ่อด้วยกำลังตัวเองสักทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งตอนนี้การที่เธอได้เป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคล คือว่าเป็นด่านแรกในการสรรหาบุคคลที่มีศักยภาพเข้ามาทำงาน
จ้าวเฉียนป่าวประกาศเสียงดังฟังชัดให้แก่พนักงานทุกคนทันที
“หลังจากนี้คุณเหรินจะเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบุคคลของบริษัท ทุกคนปรบมือ”
พนักงานเหล่านั้นต่างปรบมือโหร้องด้วยความยินดี พวกเขายังคงจำเหรินจานซวนได้ เธอคือลูกสาวของประธานผู้ก่อตั้งบริษัท
จ้าวเฉียนหันไปเรียกเหรินจานซวนให้ก้าวออกมาพูดอะไรกับทุกคนสักหน่อย แต่เธอกลับเก้อเขินอย่างมากจึงโบกมือปฏิเสธไป
“โถ่ว มาเถอะน่า พวกเขารู้จักคุณกันหมดแล้ว ไม่มีอะไรต้องอาย มาพูดกับพวกเขาหน่อยเถอะ”
หลังจากพูดจบ จ้าวเฉียนก็เดินไปพาเหรินจาซวนออกไปหน้าเวที
เหรินจานซวนไม่มีทางเลือกอื่นรนอกจาก กล่าวเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ทุกคนสั้นๆ
“ขอบคุณมากนะคะที่ยังเชื่อมั่นในตัวดิฉัน หลังจากนี้ดิฉันจะตั้งใจทำงานให้หนักในอนาคตต่อไป ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ”
เหรินจานซวนโค้งศีรษะให้ทุกคนทีหนึ่งและถอยกลับไปยืนที่เดิม
จ้าวเฉียนหัวเราะคิกคักเล็กน้อยและประกาศจบการประชุม ขอให้ทุกคนแยกย้ายกลับไปทำงานตามปกติ
จากนั้นจ้าวเฉียนก็พาเฉิงต้าซีและเหรินจานซวนมายังห้องประชุม
จ้าวเฉียนเอ่ยถามขึ้นประเดิม
“ประธานเฉิน ผมขอข้อมูลทั้งหมดของบริษัทที่มีมาให้หน่อย ขอครอบคลุมจนถึงเรื่องลูกค้าและบริษัทพันธมิตรทั้งหมด รวมไปถึงโปรเจคความร่วมมือต่างๆ ในปัจจุบัน”
เฉิงต้าซีพยักหน้าและรีบออกไปรวบรวมข้อมูลมาทันที
เนื่องจากการหายตัวไปของเหรินไห่อันผู้ก่อตั้งบริษัท ทำให้โปรเจคความร่วมมือต่างๆ จำต้องถูกปิดตัวลง เนื่องจากเครดิตความน่าเชื่อถือของบริษัทลดลงจนบรรดาคู่ค้าขอฉีกสัญญา
ทั้งนี้งานวิจับเกือบทุกโครงการในบริษัทเองก็แทบจะหยุดหมดแล้ว ทุกวันนี้พวกพนักงานฝ่ายพัฒนาแทบจะไม่มีอะไรทำกันแล้ว เนื่องจากอยู่ไปก็กินเงินเดือน พวกผู้ถือหุ้นก่อนหน้าจึงลงมัติให้เลิกจ้างพนักงานฝ่ายพัฒนาออกไปส่วนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ส่งผลให้พนักงานฝ่ายพัฒนาขาดแคลนเป็นจำนวนมาก
จ้าวเฉียนไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร และยังคงตรวจดูเอกสารต่างๆ อย่างระมัดระวัง
ก่อนที่เหรินไห่อันจะหายตัวไป เซียนเหว่ยแห่งนี้กำลังศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเทคโนโลยีการสื่อสารG5และเทคโนโลยีAIอัจฉริยะ
จากข้อมูลในส่วนนี้ มันแสดงให้เห็นแล้วว่า เหรินไห่อันเป็นบุคคลผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลเป็นอย่างมาก สิ่งที่เขากำลังศึกษาในอดีต ปัจจุบันล้วนเป็นนวัตกรรมที่คนทั่วโลกกำลังจับจ้อง
จ้าวเฉียนหันไปพูดกับเฉินต้าซีและเหรินจานซวนทันทีว่า
“ผมตัดสินใจแล้ว เราจะปัดฝุ่นรื่อฟื้นโครงการวิจัย5GและAIอัจฉริยะขึ้นมาอีกครั้ง!”
เหรินจานซวนไม่มีปัญหาอะไรด้วยอยู่แล้ว แต่เฉิงต้าซีกลับขมวดคิ้วอย่างไม่แน่ใจ และตั้งคำถามขึ้นว่า บริษัทไม่มีเงินทุนเหลือแล้ว ถ้าอย่างนั้นจะเอาเงินทุนไหนมาทำการวิจัยต่อ? การจะประดิษฐ์นวัตกรรมใหม่ๆ สักชิ้นจำเป็นต้องใช้ทุนวิจัยจำนวนมหาศาลอย่างเลี่ยงไม่ได้เลย
จ้าวเฉียนแค่หัวเราะตอบกลับไปว่า
“ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเลย แค่คุณต้องทำให้แน่ใจว่า จะสามารถกู้คืนโครงการดังกล่าวกลับขึ้นมาได้โดยเร็วที่สุด”