ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่250 กระตุ้น
ตอนที่250 กระตุ้น
จ้าวเฉียนเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการปกปิดตัวตนอย่างมาก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น ส่งผลให้ไม่ค่อยมีใครรู้จักเขา
ทุกคนต่างเอ่ยปากเป็นเสียงเดียวกันหลังจากที่เห็นรูปว่าไม่รู้จัก เว้นเสียแต่หลิวเปา ดวงตาคู่นั้นของเขาสว่างจ้าขึ้นทันใด
พอเห็นท่าทีตกตะลึงของหลิวเปา จางต้าเฉินก็รีบเอ่ยถามทันที
“พี่เปารู้จักไอ้หมอนี่ด้วยเหรอ?”
กล่าวกันตามตรงคือ เป็นมากกว่าคนรู้จักเสียด้วยซ้ำไป ไม่สิ! คุ้นเคยเป็นอย่างดี! ก็เป็นเพราะไอ้หมอนี่แหละที่ทำให้เขาเสียนิ้วไป
อย่างไรก็ตาม หลิวเปาไม่อยากพูดถึงอดีตอันน่าละอายใจนี้อีก และมีหนึ่งสิ่งที่เขามั่นใจอย่างที่สุดคือ ไม่ว่ายังไง เขาจะไม่มีทางเข้าไปพัวพันกับไอ้เด็กเวรนี่อีกแล้ว
ดังนั้นหลิวเปาจึงลุกขึ้นยืนกลางโต๊ะอาหารในทันใด กล่าวกับจางต้าเฉินและคนอื่นๆว่า
“ทุกคน ฉันต้องขอโทษจริงๆ พอดีเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระด่วนที่ต้องทำ ยังไงก็ขอตัวก่อนแล้วกัน”
จางต้าเฉินและคนอื่นๆถึงกับตะลึงอย่างมากเมื่อได้ยิน นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่? จางต้าเฉินรีบเอ่ยปากหยุดหลิวเปาทันที
“พี่เปา พี่เป็นอะไรกับหมอนี่กันแน่? ทำไมพี่เปาถึงดูตื่นกลัวขนาดนี้?”
หลิวเปาอับอายเกินกว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมด จึงอธิบายไปเพียงว่า
“ฉันไม่ได้กลัวมัน แต่ฉันไม่อยากมีปัญหากับหยางหู่อีกแล้ว เด็กนี่มันแข็งแกร่งเกินไป มีเส้นสายอยู่ทั่วเมืองเต็มไปหมด แถมฉันยังเกือบถูกหยางหู่ฆ่ามาแล้วรอบหนึ่ง แล้วคุณคิดว่าฉันยังจะกล้าไปยุ่งอีกไหม?”
จางต้าเฉินที่ได้ฟังแบบนั้นก็เข้าใจได้ในทันที ว่าทำไมตอนช่วงบ่ายที่เขาส่งคนไปเชิญหยางหู่มาถึงโดนปฏิเสธชนิดไม่มีไว้หน้า ที่แท้กลับกลายเป็นแบบนี้นี่เอง
พอเรื่องมันลงเอยเป็นแบบนี้ นี่มันงานยากแล้วจริงๆ หยางหู่แข็งแกร่งกว่าหลิวเปาระดับนึง ถ้าถึงขนาดที่ว่าอีกฝ่ายเกือบลงมือฆ่าหลิวเปา แสดงว่าหยางหู่คนนี้ต้องภักดีกับจ้าวเฉียนเป็นอย่างมาก กล่าวได้ทันทีว่า ทั่วเมืองตงไห่ไม่มีใครกล้ารับงานนี้แน่นอน
“ที่มันหยิ่งผยองถึงขั้นนี้ เป็นเพราะมีหยางหู่คอยหนุนหลังอยู่นี่เอง! บัดซบ! แล้วผมควรทำยังไงดี? จะปล่อยให้โดนเอาเปรียบทั้งแบบนี้น่ะเหรอ? ทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ?”
จางต้าเฉินถอนหายใจเฮือกใหญ่ แม้แต่หลิวเปายังออกปากไม่ยุ่งด้วย แล้วคนอื่นๆจะไปกล้ารับงานนี้ที่ไหน? ความมั่นใจของทุกคนก่อนหน้าหายวับไปกันตา
แต่หลิวเปาก็ใช่ว่าจะไม่ช่วยเลย เขาจึงกล่าวแนะนำจางต้าเฉินไปว่า
“ไม่ว่าจะไม่มีทางสักทีเดียว คุณจางก็ลองจ้างนักฆ่าจากที่อื่นมาก็ได้ ผมได้ยินมาว่ามีชายคนหนึ่งนามว่า ฟู่เทียนเคยเชิญนักฆ่าจากซิงเจียงมาจัดการเขาประมาณเดือนก่อน แต่สุดท้ายหยางหู่ก็เข้ามาช่วยเข้าทันเวลา นั้นหมายความว่าคุณจางเองก็สามารถจ้างคนจากซิงเจียงมาได้เหมือนกัน”
แต่พอจางต้าเฉินได้ฟังดังนั้นกลับรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก แม้แต่นักฆ่าจากซิงเจียงก็ยังทำอะไรจ้าวเฉียนไม่ได้ นี่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไอ้เด็กเวรนี่เลยหนิ?
พวกหัวหน้าแก๊งยิบย่อยคนอื่นๆที่ได้ฟังดังนั้นถึงกับผงะ คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กหนุ่มที่ชื่อจ้าวเฉียนจะทรงอำนาจขนาดนี้ แม้แต่นักฆ่าจากซิงเจียงที่ได้ชื่อว่าแหล่งรวมมือสังหารมากฝีมือยังชวดล้มเหลว แทบจะในทันที แต่ละคนเร่งหาข้อแก้ตัวในทันทีว่า มีธุระด่วนที่ต้องทำและรีบเผ่นโดยเร็ว
ตอนนี้เหลือเพียงหลิวเปาแค่คนเดียว
จางต้าเฉินนั่งสงบนิ่งด้วยความสิ้นหวัง พยายามคิดหาวิธีอื่นๆเพื่อกำจัดจ้าวเฉียน
ซึ่งทางฝ่ายหลิวเปาเองก็อยากหาโอกาสฆ่าหยางหู่เหมือนกัน และเขารู้สึกว่า หยางหู่มันไม่มีทางโชคดีไปซะทุกครั้ง
คราล่าสุด หยางหู่เพิ่งถูกยิงไปและโชคดีไม่ตาย มันอาจใช้ดวงทั้งชีวิตไปจนหมดแล้ว และถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกสักครั้ง มันต้องตายแน่นอน
ตราบใดที่หยางหู่ตายลงไป หลิวเปาจะขึ้นเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกใต้ดินของเมืองตงไห่
หลิวเปากลับมานั่งที่เดิมและตบไหล่จางต้าเฉินเบาๆ เขาพูดปล่อบโยนขึ้นว่า
“ทำไมคุณจางต้องเศร้าด้วย? ขนาดฟู่เทียนที่เป็นเจ้าของบริษัทเล็กๆยังหาคนมาได้ แล้วทำไมคุณจะทำไม่ได้?”
จางต้าเฉินถอนหายใจเฮือกใหญ่และตอบไปว่า
“ไม่ใช่ว่าผมทำไม่ได้นะ แต่เมื่อจ้างใครสักคนจากซิงเจียงมาแล้ว นั่นหมายความว่าผมจะไม่สามารถหันหลังกลับได้อีกแล้ว และถ้าไม่สำเร็จขึ้นมา หยางหู่จะต้องหมายหัวผมแน่นอน”
จางต้าเฉินในตอนนี้คิดแต่เรื่องแก้แค้น จนเขาไม่ได้สังเกตเลยว่า หลิวเปากำลังพยายามเดินหมากโดยใช้เขาเป็นเบี้ย เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางไว้อยู่
แน่นอน หลิวเปายังเกลี้ยกล่อมต่ออีกว่า
“คนที่ซิงเจียงล้วนแต่เป็นมืออาชีพ ตราบใดที่พวกเขาได้รับคำสั่งมา พวกเขาจะทำงานที่มอบหมายไว้ให้สำเร็จ ถ้าเป้าหมายยังไม่ถูกกำจัดหรือเกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆ ทางนักฆ่าจะยกเลิกคำสั่งและถอนตัวกลับทันที โดยที่ยังเก็บความลับเรื่องข้อมูลของผู้ว่าจ้างไว้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่า จะถูกสาวจนมาถึงตัว ก็แค่จ่ายเพิ่มอีกนิดหน่อย เท่านั้นก็เรียบร้อยแล้ว”
จางต้าเฉินรู้สึกเช่นกันว่า หลิวเปาพูดมีเหตุผล ถ้าหากนักฆ่าของซิงเจียงล้วนเป็นมืออาชีพอย่างที่ว่าจริงๆ การจะจัดการจ้าวเฉียนมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่ ส่วนเรื่องเงินจะให้จ่ายกี่ล้านก็ได้ ขอแค่ฆ่าจ้าวเฉียนได้จริงๆก็พอ
แต่อย่างไรมันก็ยังมีปัญหาอยู่อีกหนึ่งข้อ ที่เขายังหาทางออกไม่ได้คือ แล้วเขาจะติดต่อกับนักฆ่าของฝั่งซิงเจียงได้ยังไง?
“พี่เปาพอรู้จักคนในซิงเจียงไหมครับ? พอจะแนะนำให้ได้ไหม?”
จางต้าเฉินเอ่ยถามขึ้น
หลิวเปายิ้มตอบอย่างสุขอกสุขใจอย่างยิ่ง
“แน่นอน ไม่อย่างนั้นก็เสียชื่อผมหมดสิ ถ้าต้องการจานวานมาจริงๆ ผมจะติดต่อเพื่อนของผมให้ และปล่อยให้พวกเขาวางแผนลอบสังหารไป คุณจางว่ายังไงล่ะ?”
นี่มันเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าจางต้าเฉียนจะควบคุมเองได้แล้ว แต่จะอย่างไร ถ้าเขาไม่สามารถกำจัดจ้าวเฉียนออกไปจากชีวิตได้ ชีวิตหลังจากนี้คงกลายมาเป็นอะไรที่ไร้ค่าไปโดยสิ้นเชิง
“เอาล่ะ! ยังไงก็ต้องรบกวนพี่เปาช่วยติดต่อให้แล้ว! อย่างไงก็เถอะ ผมไม่อยากฆ่ามัน แต่ปล่อยให้มันพิการไม่ก็อัมพาตไปตลอดชีวิต!”
เป้าหมายที่แท้จริงของหลิวเปาคือหยางหู่ และเขาเองก็ไม่ได้สนใจว่าจ่าวเฉียนจะเป็นหรือตาย ตราบใดที่หยางหู่ถูกโค่นไปได้ พวกเขาก็สามารถเล่นกับจ้าวเฉียนได้ตามใจชอบหลังจากนั้น
เขายิ้มตอบทันที
“แน่นอน ขอแค่เงินถึง ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่คุณจางต้องการแน่นอน!”
จางต้าเฉินพยักหน้าด้วยความพอใจเป็นอย่างมาก พร้อมยกแก้วไวน์ขึ้นกล่าวว่า
“มาเถอะคุณเปา มาชนแก้วกันหน่อยครับ!”
ไอ้โง่จ้าวเฉียนตอนนี้คงกำลังเฉลิมฉลองกับความสำเร็จในวันนี้ โดยหารู้ไม่ว่าวันตายใกล้จะมาถึงแล้ว! ช่างน่าสงสารจริงๆ!
หลิวเปาคลี่ยิ้มกว้าง หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาชน หลังจากกระดกแก้วนั้นจบ ทั้งสองก็ดื่มฉลองกันต่ออย่างเมามัน
พอทั้งสองแยกย้ายกันกลับ หลิวเปาก็รับเดินทางกลับบ้านเพื่อติดต่อเพื่อของเขาที่อยู่ซิงเจียงโดยเร็ว นี่เป็นโอกาสดีที่จะกำจัดหยางหู่ให้พ้นทางสักที
ส่วนจางต้าเฉินก็ออกจากโรงแรม นั่งรถกลับโดยมีคนขับไปส่ง
ในฐานะที่เป็นถึงผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสองของบริษัทนวัตกรรม ทรัพย์สินสุทธิส่วนตัวรวมกว่าหลายร้อยล้าน บ้านของจางต้าเฉินเป็นคฤหาสน์ในโครงการหรู แต่ไม่ใช่คฤหาสน์ใจกลางเมืองหรูหร่าแบบจ้าวเฉียน แต่ของจางต้าเฉินเป็นโครงการที่ตั้งอยู่เขตชานเมือง
คนรวยอย่างเขามักจะใฝ่หาชีวิตเรียบง่าย อย่างการปรีวิเวกมาอาศัยที่ชานเมือง แต่หารู้ไม่ว่า อีกไม่นานต่อจากนี้ มันจะกลายมาเป็นเหตุการณ์ที่เขาต้องเสียใจไปชั่วชีวิต
ขณะที่กำลังขับรถกลับ เนื่องจากเป็นเขตชานเมืองไฟสองข้างทางจึงไม่ไม่ถี่มาก ทำให้บรรยากาศการถนนค่อนข้างมืด และทันใดนั้นรถของเขาก็ชนเข้ากับรถตู้อย่างแรง
คนขับตะโกนสบถด่าทันที
“บัดซบ! ขับรถยังไงวะ!”
คล้อยหลังบ่นจบ คนขับก็ปลดเข็มขัดนิรภัย เปิกประตูรถลงไปหาเรื่องทันที
จางต้าเฉินไม่ได้ถือสาอะไรเท่าไหร่นัก จึงเดินลงไปตามและตะโกนขึ้นว่า
“เสี่ยวจาง ช่างมันเถอะ ไม่ต้องไปทะเลาะกับพวกนั้น โทรแจ้งตำรวจก็พอ”
ทันทีที่พูดจบ ขณะที่เขากำลังเหลียวหลังเดินกลับไปขึ้นรถ จู่ๆก็รู้สึกว่ามีของแข็งหวดเข้าบริเวณท้ายทอย จากนั้นก็หมดสติไป
เจ้าของรถตู้ที่เป็นคู่กรณีไม่ใช่พวกหัวอ่อนเช่นกัน เขาชี้หน้าใส่คนขับนามว่าเสี่ยวจางและด่าขึ้นทันที
“ปากหมาจริงๆนะมึง นี่ก็แค่อุบัติเหตุไม่ใช่เหรอ? ก็แค่โทรแจ้งตำรวจเรียกประกันมาก็จบแล้ว! จะพล่ามอะไรนักหนา! เป็นแค่คนขับรถแท้ๆ อวดดีจริงๆ!”
เสี่ยวจางทนไม่ไหวอีกต่อไป ตะโกนด่าสวนตอบทันที
“เห้ย! มึงด่าใครวะ!”
ทั้งสองแหกปากทะเลาะกันอยู่พักใหญ่
เสียงดังสวนตอบกันไปมานานกว่าสองนาที จนในที่สุดคนขับก็ต้องหมุนตัวกลับขึ้นรถด้วยความโกรธ
“คุณจาง ผมต้องขอประทานโทษจริงๆนะครับ ที่ทำให้คุณต้องกลับบ้านล่าช้าแบบนี้ ผมจะรีบโทรแจ้งตำรวจ…”
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้นเอง เขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติ ปรากฏว่าเจ้านายของเขาไม่ได้อยู่ในรถแล้ว