ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่269 ครอบครัวของนายก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร
ตอนที่269 ครอบครัวของนายก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร
ในไม่ช้าหู่เปาซานก็พาจ้าวเฉียนมาถึงโถงกว้างในตัวคฤหาสน์วิลล่าหรู
“น้องชายรอที่นี่ก่อนสักครู่ ฉันจะเข้าไปรายงานกับทางลูกค้าว่าคุณต้องการเจรจาด้วย”
หู่เปาซานกล่าวน้ำเสียงสุภาพ
“ไปเถอะ ฉันรออยู่ที่นี่แหละ”
จ้าวเฉียนกล่าวตอบด้วยความมั่นใจ
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเด็กสาวคนหนึ่งแต่งตัวมีคลาสดูใจกล้าเดินเข้ามา พอเห็นว่าจ้าวเฉียนนั่งอยู่คนเดียวเพียงลำพัง เธอก็เดินเข้าไปหาทันที
“นี่นายเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่?”
เด็กสาวเอ่ยถาม
จ้าวเฉียนเงยหน้าขึ้นชำเลืองมองเธอเล็กน้อย เด็กสาวคนนี้เธอดูสวยมากจริงๆ ทว่าแตกต่างจากอู่ซินที่ดูนอบน้อมอ่อนโยนโดยสิ้นเชิง เธอดูคล้ายกับหวานเจียงที่ดูเย็นชาและหยิ่งผยองสูงส่ง มองแวบแรกก็รู้ทันทีว่า เด็กสาวคนนี้เติบโตในต่างประเทศที่เป็นสังคมแบบเปิด
พอเห็นว่าจ้าวเฉียนเอาแต่จ้องมองเธอ แต่กลับไม่ตอบคำถาม สาวน้อยก็ขมวดคิ้วแน่นด้วยความโกรธจัด
“มองอะไรของแก! ไม่เคยเห็นสาวสวยมาก่อนเลยรึไง! ฉันถามว่าแกเป็นใคร แล้วมาทำอะไรที่นี่! หรือหูหนวกถึงไม่ได้ยินเสียงฉัน!”
เป็นสาวน้อยอีกคนหนึ่งที่ไร้ซึ่งสัมมาคาราวะ ซึ่งคนประเภทนี้เป็นอะไรที่จ้าวเฉียนรังเกียจอย่างที่สุด ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินและยังคงนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือต่อไป
สิ่งนี้ยิ่งทำให้หญิงสาวโกรธจัดเข้าไปใหญ่ เธอพุ่งตัวไปคว้าโทรศัพท์ในมือจ้าวเฉียนโดยตรง แต่โชคยังดีที่เชาหลบทัน
“เสียมารยาท! กล้าหลบฉันงั้นเหรอ! แกตาย!”
สาวน้อยโกรธจัด ยกเท้าแตะใส่จ้าวเฉียนอย่างแรง
แต่จ้าวเฉียนเองก็ไร้ซึ่งความเมตตาใดๆ ฉวยโอกาสยกเท้าขึ้นถีบอกเธอก่อนจนล้มขมำทั้งแบบนั้น
“โอ๊ย!”
ในเวลานั้นเอง หู่เปาซานก็รีบวิ่งเข้ามาช่วย พร้อมกับบรรดาคนใช้
“คุณหนูหัวใจเย็นๆก่อนนะครับ ใจเย็นก่อน เขาเป็นแขกคนสำคัญของคุณหัวนะครับ”
หู่เปาซานรีบกล่าวปลอบอย่างช่วยไม่ได้
แต่เธอกลับไม่ได้สนใจอะไรเลย สาวน้อยคนนี้รู้เพียงว่าจ้าวเฉียนกล้าถีบเธอ และบัญชีแค้นครั้งนี้จำต้องชดใช้
“ไปเรียกพวกบอดี้การ์ดมา! แล้วลากไอ้เวรนี่ออกไป! เดี๋ยวฉันจะซ้อมมันสักหน่อย!”
บรรดาคนรับใช้รีบไปเรียกบอดี้การ์ดมาทันที กลุ่มบอดี้การ์ดนับสิบวิ่งเข้ามาตีกรอบล้อมจ้าวเฉียนอย่างหนาแน่น
หู่เปาซานรู้ว่านี่ไม่ดีแน่ ดังนั้นเขาจึงรีบไปเชิญคุณหัวออกมาแก้สถานการณ์เป็นการด่วน
“เกิดอะไรขึ้น?”
ชายชราหัวเอ่ยถาม
ทุกคนพลันเงียบสนิท มีเพียงหัวเซียงซิ่วลูกสาวของเขาที่กล้ายืนหยัดเถียงปู่ของเธอสวนกลับไปว่า
“คุณปู่! มีไอ้สวะไม่รู้หัวนอนปลายเท้าจากที่ไหนไม่รู้กล้าทำตัวเมินหนู แถมยังทำร้ายร่างกายหนูอีก! ครั้งนี้หนูถูกรังแก! คุณปู่ต้องสั่งสอนมันให้หนัก!”
คุณหัวเหลือบมองไปที่จ้าวเฉียนแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยถามหู่เปาซานขึ้นว่า
“นี่คือชายหนุ่มที่นายพามาใช่ไหม?”
หู่เปาซานพยักหน้าตอบไปว่า
“ใช่ครับ เขาเป็นเจ้าของทำเลทอง เขามาเจรจาในฐานะครอบครัวของเขาเอง”
คุณหัวหันไปพูดกับหลานสาวตัวเองว่า
“เซียงซิ่ว อย่าสร้างปัญหาตรงนี้ ปู่มีธุระที่ต้องคุยกับเขา”
หัวเซียงซิ่วพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก
“ได้ค่ะ แต่ทันทีที่ธุระเสร็จเมื่อไหร่ คุณปู่ต้องจัดการมันให้หนูนะ ไม่ว่าจะร่วมมือเรื่องอะไรก็ตาม แต่ห้ามยกโทษให้มันเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นหนูจะไม่รักคุณปู่แล้ว!”
คุณหัวยิ้มพลางพยักหน้าตอบ และเรียกจ้าวเฉียนให้เข้ามาในห้องรับรองส่วนตัวเพื่อเจรจา
จ้าวเฉียนเดินติดตามคุณหัวไป ในขณะนั้นเองก็เดินผ่านหัวเซียงซิ่วต่อหน้าต่อหน้า
จังหวะที่กำลังเดินผ่านเธอ จ้าวดฉียนพลันแสยะยิ้มแปลกๆและกระซิบเสียงแผ่วกล่าวขึ้นว่า
“เธอดูเซ็กซี่มากเลย ถ้าวันไหนว่างมาขึ้นเตียงกับฉันหน่อยสิ”
สิ่งนี้ยิ่งทำให้หัวเซียงซิ่วโกรธมาก ไอ้สารเลวนี่ยังกล้าคิดเรื่องสกปรกกับเธอด้วยจริงๆ!
หัวเซียงซิ่งกระชับกำหมัดแน่นด้วยความโมโห กระทืบเท้าอย่างแรงอยู่หลายที กรนเสียงขู่กลับไปว่า
“แก…แกทำให้ฉันโกรธจริงๆแล้วรู้ไหม!? เตรียมรอได้เลย รอแกออกมา ฉันจะคอยดูว่าตอนนั้นแกจะคานเข่ามาขอโทษฉันยังไง!”
จ้าวเฉียนหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน จงใจเล่นหน้าเล่นตาปั่นประสาทหัวเซียงซิ่ว
ในไม่ช้า จ้าวเฉียนก็ติดตามคุณหัวและหู่เปาซานจนมาถึงห้องรับรองภายใน
คุณหัวคนนี้ค่อนข้างมีมารยาทอยู่บ้าง เขากล่าวแนะนำตัวกับจ้าวเฉียนอย่างสุภาพว่า
“ฉันชื่อหัวเซินซวน ตระกูลของเราทำธุรกิจข่นส่งสินค้าและอสังหาริมทรัพย์ แต่ตอนนี้สุภาพของพ่อฉันย่ำแย่ลงทุกวัน คงเหลือเวลาดูใจกันอีกไม่นานแล้ว ฉันก็เลยอยากเลือกสถานที่ที่จะให้เขาจากไปอย่างสงบ หู่เปาซานบอกว่า ที่ดินของครอบครัวน้องชายเป็นทำเลฮวงจุ้ยทอง ก็เลือกอยากซื้อต่อมาน่ะ ถือซะว่าเห็นใจชายชราคนหนึ่งที่อยากทำอะไรเพื่อพ่อตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม?”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น เขาตอบกลับไปว่า
“ที่แท้ก็คือหยวนต้า ชิบปิ้งแห่งตระกูหัวนี่เอง ค่อนข้างมีชื่อเสียงไม่น้อยในหยานจิ้ง ว่าแล้ววทำไมถึงมีปัญญาอาศัยอยู่ในวิลล่าหรูแบบนี้ได้”
หัวเซินซวนยิ้มและตอบกลับไปว่า
“น้องชายเองก็รู้จักพวกเราดีไม่น้อย ถ้าแบบนี้ก็คุยกันง่ายขึ้นจริงไหม?”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะอีกระรอกและกล่าวขึ้นว่า
“ฉันไม่ได้อยากรู้จักอะไรเลย แค่เคยได้ยินผ่านหูมาน่ะทั้งหยวนต้า ชิปปิ้งและบริษัท หัวเรียลอีสเตอร์”
หัวเซินซวนยังคงยิ้มแย้มไม่คลายอ่อน และถามขึ้นว่า
“ถ้ารู้ดีถึงขนาดนี้ แล้วสิ่งที่ทำอยู่มันหมายความว่ายังไง? คิดจะทรมานตัวเองเล่นงั้นเหรอ?”
จ้าวเฉียนไม่ได้ตอบคำถามของหัวเซินซวน แต่ถามกลับไปแทนว่า
“ผมเองก็คิดว่าฐานะของตระกูลหัวก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร งั้นเอาแบบนี้ดีกว่าครับ ร้อยล้านปิดดิลทันที”
หัวเซินซวนหรี่ตาแคบลงเล็กน้อย จ้องใบหน้าอันแสนขี้เล่นของจ้าวเฉียนเขม็ง เขาสัมผัสได้เลยว่า ชายหนุ่มคนนี้ต้องไม่ใช่ธรรมดาแน่นอน ถึงได้นิ่งสงบยิ่งทั้งๆที่อยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้
หัวเซินซวนคงรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ไว้และเอ่ยถามขึ้นว่า
“งั้นขอถามอะไรหน่อยนะพ่อหนุ่ม ที่บ้านทำธุรกิจอะไรงั้นเหรอ? ถึงสามารถหาสถานที่ฝังศพได้ดีขนาดนี้ได้ คงไม่ใช่ธรรมดาเหมือนกัน?”
จนถึงตอนนี้จ้าวเฉียนก็ยังไม่ตอบคำถามของหัวเซินซวนเลยสักข้อ
“คุณหัว คุณไม่มีความจริงใจกับผมเลย อย่างที่ผมพูดไปก่อนหน้า ร้อยล้านพร้อมปิดดิล อย่ามาเล่นลิ้นถามอะไรนอกเรื่องดีกว่าครับ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหัวเซินซวนจางหายไปทันที เด็กคนนี้กำลังท้าชนกับเขาอยู่อย่างชัดเจน
หู่เปาซวนปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทันใดนั้นรีบหันไปกล่าวกับจ้าวเฉียนว่า
“น้องชายนี่ขี้เล่นจริงๆ ตระกูลหัวสามารถอยู่ในคฤหาสน์หรูหร่าขนาดนี้ได้ ฉะนั้นอย่าดูถูกเรื่องเงินเลย พวกเขาจ่ายไหวอยู่แล้ว!”
จ้าวเฉียนยิ้มและกล่าวตอบว่า
“จริงเหรอ? ถ้าอย่างนั้นคุณหัวทำราคามาเลย ตราบใดที่ผมคิดว่ามันคุ้มค่า ผมไม่มีต่อรองแน่นอน”
หู่เปาซานคลี่ยิ้มดูเหนียมอายเกินจะเผชิญหน้า เด็กหนุ่มคนนี้ไม่รู้จักฟ้าต่ำแผ่นดินสูงเลย ตรงหน้าของเขาเป็นถึงตระกูลหัว ไฉนยังกล้าไปยั่วยุอยู่อีก?
หัวเซินซวนถอนหายใจเย็นยะเยือกออกมา และกล่าวว่า
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่า เด็กสมัยนี้ยังมีสัมมาราคาระวะมากน้อยแค่ไหร แต่ถ้ายังเลือกที่จะทำตัวหยาบคายอยู่แบบนี้ ก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน!”
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มอย่างดูแคลน ตอบไปว่า
“ถ้าพูดเรื่องความหยาบคาย ผมคงเทียบกับคุณหัวไม่ได้หรอกครับ! ถ้าจู่ๆมีคนมาขอให้คุณย้ายหลุมศพของตระกูลไปตั้งที่อื่น คุณจะยอมหรือเปล่า? ดังนั้นอย่าถามอะไรโง่ๆ!”
“อวดดีเกินไปแล้ว!!”
หัวเซินซวนตบโต๊ะดังปัง ลุกขึ้นพรวดในชั่วอึดใจ
แข้งขาของหู่เปาซานสั่นพับจนเกือบล้มทั้งยืน
เมื่อได้ยินเสียงคำรามของคุณหัว บรรดาบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่ด้านนอกก็วิ่งเข้ามาปิดล้อมจ้าวเฉียนอีกครั้ง
แต่จ้าวเฉียนหาได้เกรงกลัวและยืนหยัดอย่างกล้าหาญ เขาคลี่ยิ้มให้หัวเซินซวนว่า
“ถ้าอยากให้ผมมีสัมมาคาราวะนัก ก็หัดมีสัมมาคาราวะกับผมก่อน คุณก็แค่พวกหยาบคาย ไม่มีคุณสมบัติอะไรให้น่าเคารพเลย!”
ทันทีที่เขาพูดออกมาแบบนี้ บรรยากาศภายในห้องพลันเย็นยะเยือกลงฉันพลัน
แผ่นหลังของหู่เปาซวนเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ไอ้หนุ่มคนนี้มันใจกล้าเกินไปแล้ว ถึงกล้ายั่วยุล้ำเส้นหัวเซินซวนถึงขนาดนี้
เพื่อความปลอดภัยของตัวหู่เปาซวนเอง เขาจำต้องแสดงจุดยืนของตัวเองโดยเร็ว จึงหันไปตำหนิจ้าวเฉียนทันที