ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่321 ก้าวต่อไปล้วนวางแผนไว้หมดแล้ว
ตอนที่321 ก้าวต่อไปล้วนวางแผนไว้หมดแล้ว
ทุกอย่าเรียบร้อยดีแล้วในขณะนี้ และจ้าวเฉียนไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการประชุมอีกต่อไป สำหรับเรื่องรายละเอียดสัญญาที่เหลือเขาจึงปล่อยให้หวางอวี่จุนเป็นคนจัดการต่อเอง
คล้อยหลังจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น หวางอวี่จุนก็รีบรายงานสถารการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้จ้าวฝู่ทันที โดนเน้นย้ำว่า จ้าวเฉียนลดราคาค่าขนส่งลงถึง20%
จ้าวฝู่ขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินแบบนั้น แม้ว่าตระกูลจ้าวจะไม่ได้ขาดแคลนด้านเงินทองก็จริง แต่ลูกชายของเขาลืมอะไรไปรึเปล่า? จุดประสงค์ของการทำธุรกิจคืออะไรถ้าไม่ใช่การทำกำไร? แล้วไอ้การขาดทุนขั้นต่ำปีละหลายร้อยล้านแบบนี้มันหมายความว่าอะไร?
ถ้าเป็นบริษัทอื่นคงเลือกที่จะยอมปิดตัวลงเสียดีกว่าต้องมารับภาระมหาศาลแบบนี้ทุกปีติดต่อกัน แต่จ้าวเฉียนกลับเลือกที่จะเดินหน้าต่อโดยไม่สนอะไรเลยแบบนี้ ลูกชายของเขาสมองกระทบกระเทือนรึเปล่า?
หลังจากนั้นไม่นานนัก จ้าวเฉียนก็เดินทางกลับมาถึงบ้าน
จ้าวฝู่ที่รออยู่แล้วก็เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มขึ้นทันที
“ว่าไงไอ้ตัวดี กลับมาแล้ว?”
“ฮ่าฮ่า…ตระกูลหัวเสร็จพวกเราแล้ว อีกไม่นานพวกมันก็เตรียมขายเรือใช้หนี้ได้เลย จากนี้ต่อไปอุตสากรรมท่าเรือจะไร้ชื่อตระกูลหัว”
จ้าวเฉียนกล่าวตอบอย่างมีความสุขยิ่ง
จ้าวฝู่แสยะยิ้มบางกล่าวตอบว่า
“ฉันได้ยินมาจากผู้จัดการหวางว่า แกให้ราคาพวกนั้นต่ำกว่ามาตรฐานถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ โดยประมาณเราจะขาดทุนรวมห้าร้อยล้านหยวนต่อปี นี่แกคิดยังไงกับเรื่องนี้?”
เห็นจ้าวฝู่จี้ถามแบบนี้ จ้าวเฉียนก็อยากแกล้งพ่อของเขาสักหน่อย
“ครอบครัวเราก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินอยู่ ใช้ทิ้งใช้คว้านิดๆหน่อยจะเป็นไรไป?”
จ้านฝู่ที่ได้ยินแบบนั้นก็คิดว่าลูกชายตัวเองพูดจริง มุ่งแต่จะทำลายตระกูลหัวโดยไม่สนผลลัพธ์ที่จะตามมาเลย คนแบบนี้จะสามารถเข้าสืบทอดอาณาจักรธุรกิจของตระกูลจ้าวได้อย่างไร?
“ไอ้ที่ฉันถีบหัวส่งแกไปห้าปีมันเปล่าประโยชน์รึไง? บอกเหตุผลมาซะว่าทำไมถึงทำเรื่องเหลวไหลขนาดนี้! พวกเราทำธุรกิจนะไม่ใช่การกุศล! ทุกปีเราก็มีภาระค่าใช้จ่ายกว่าพันล้านหยวนอยู่แล้ว ถึงจะไม่กระทบตอนนี้แต่ในอนาคตถ้ายังมัวบริหารโง่ๆแบบนี้อยู่จะลำบากตัวแกเองทั้งนั้น!”
พอจ้าวเฉียนเห็นว่าพ่อตัวเองกำลังโมโหหนัก เขาจึงรีบอธิบายโดยเร็วเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด และยังให้เหตุผลด้วยว่าทำไมเขาถึงเลือกแบบนี้
เนื่องจากปัจจุบัน หลากหลายออเดอร์ของท่าเรือเฉียงตงมันทำกำไรได้ไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่ แต่พวกเขายังจำต้องจัดส่งตามกำหนดต่อไป มิฉะนั้นในอนาคตท่าเรือแห่งนี้จะไม่ได้รับออเดอร์จากบรรดาลูกค้าอีกเลย ซึ่งวิธีแก้ไขปัญหานี้ของจ้าวเฉียนคือการลดต้นทุนลงเพื่อเพิ่มส่วนต่างของกำไร แทนที่จะเพิ่มราคาขนส่งและโยนภาระไปให้ลูกค้า
และตอนนี้ออเดอร์ล็อตใหญ่จากบริษัทเมล็ดพืชและบริษัทไชน่าปิโตรเคมีก็ได้รับมาแล้ว นั้นหมายความว่าเรือแต่ละลำที่ออกจากท่าจะสามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่และคุ้มค่า ต้นทุนการเดินเรือในแต่ละครั้งก็จะลดลงไปโดยปริยาย และส่วนต่างที่ปรากฏออกมาคือกำไรเต็มๆ
เพราะทั้งค่าน้ำมันและค่าลูกเรือในการเดินเรือในแต่ละรอบยังคงเท่าเดิม แต่จำนวนสินค้าที่บรรทุกไปด้วยกลับเพิ่มขึ้น ถึงในช่วงแรกอาจยังไม่เห็นผลขนาดนั้น แต่การันตีได้เลยว่า ต้นทุนต่อรอบลดลงอย่างมากแน่นอน
และเนื่องจากการสูญเสียครั้งใหญ่ของท่าเรือหัว นี่จะทำให้พวกเขาจำเป็นต้องขายเรือลำใหญ่เกือบทั้งหมดในท่าทอดตลาด เพื่อหาเงินมาประคองธุรกิจไว้ไม่ให้ล้มและจ่ายค่าเสียหายให้บริษัทเมล็ดพืชการาจและไชน่าปิโตรเคมี ซึ่งนี่หมายความว่าอย่างไร? ก็หมายความได้ว่า ท่าเรือหัวจะไม่สามารถรับออเดอร์ส่งสินค้าล็อตใหญ่ได้อีกต่อไป และลูกค้าที่ต้องการขนส่งด้วยเรือขนาดใหญ่ที่ถูกลอยแพจะทำอย่างไรต่อ? ก็ต้องหาท่าเรือใหม่ที่สามารถรองรับความต้องการนี้ได้มาเป็นพันธมิตร
ลูกค้าชาวต่างชาติไม่สนหรอกว่าสินค้าจะถูกขนส่งมาโดยท่าเรือไหนและพวกเขาต้องการสินค้าตลอดเวลา บริษัทเหล่านี้เองก็จำเป็นต้องแข่งกับเวลาและหาพันธมิตรเดินเรื่อใหม่โดยเร็วที่สุดเพื่อขนส่งสินค้าไปหาผู้บริโภค แต่ปัจจุบันท่าเรือในน่านน้ำหวานจิ้งก็เหลือเพียง ท่าเรือเฉียนตงเท่านั้นแล้วที่สามารถรับออเดอร์ใหญ่ได้ นั้นเท่ากับว่าอำนาจการต่อรองราคาจะเอนเอี่ยงไปทางท่าเรือเฉียนตงทันที ลูกค้าเจ้าใหม่ๆเหล่านี้ที่คลานเข่ามาหาต้องแข่งกันเสนอราคาเพื่อซื้อใจท่าเรือเฉียนตงให้ได้ ซึ่งนี่แหละคือช่องทางทำกำไรที่จ้าวเฉียนเล็งเห็นตั้งแต่แรก
อย่างไรก็ตาม เรื่องเส้นทางการเดินเรือก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบถึงต้นทุนโดยตรง บริษัทจำพวกเมล็ดพืชยังไม่เท่าไหร่ เพราะจุดหมายส่วนใหญ่อยู่ที่ทวีปเอเชียเป็นหลัก แต่สินค้าจำนวนน้ำมันนี่สิ ปลายทางมักจะอยู่ที่แทบอเมริกา แคนนาดาเป็นหลัก
หลังจากนี้จ้าวเฉียนต้องลองดูก่อนว่า ต้นทุนการเดินเรือไปแถบนั้นมันคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน ดีไม่ดีเขาอาจต้องเปิดเส้นทางการเดินเรือเฉพาะโดยมีจุดหมายไปที่อเมริการและตะวันออกกลางโดยตรงเพื่อลดต้นทุน
และอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่จ้าวเฉียนยอมลดราคา20%เพื่อดิลกับทั้งสองบริษัทคือ เพราะทั้งสองบริษัทนี้เป็นรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ การที่จ้าวเฉียนมีสัมพันธ์ที่ดีกับสองประธานใหญ่แห่งบริษัทรัฐวิสาหกิจแบบนี้ เวลาเขาจะวางแผนทำอะไรต่อในอนาคตเกี่ยวกับภาครัฐย่อมง่ายขึ้นมาก
ดั่งที่เขาว่า คอนเนคชั่นสำคัญที่สุด
และแน่นอน แผนการต่อไปของจ้าวเฉียนคือ การดิลกับบริษัทรัฐวิสหกิจอื่นๆอย่างเช่น ไชน่าอลูมิเนียมและไชน่าเมทัลชีท โดยผ่านเส้นทางในมือตอนนี้ ถ้าหากจ้าวเฉียนสามารถดิลได้สำเร็จ นั้นเท่ากับว่าท่าเรือเฉียนตงของเขาจะมีอีกสองบริษัทรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่เข้ามาเสริมทัพ ทำให้รากฐานยิ่งมั่นคงขึ้นไปอีก
ปัจจุบันจ้าวเฉียนยอมกดราคาให้ต่ำเตี้ยขนาดนี้เพื่อซื้อใจบริษัทเมล็ดพืชการาจและไชน่าปิโตรเคมี ดังนั้นลูกค้ารายอื่นๆหลังจากนี้จ้าวเฉียนจะปรับราคาค่าขนส่งให้สูงขึ้นทันที10% เพื่อชดเชยความสูญเสียดังกล่าว
ตราบใดที่เขาสามารถปองดองเป็นหนึ่งกับบรรดาบริษัทรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ทั้งหลายได้ ตำแหน่งของท่าเรือเฉียงหัวในอุตสาหกรรมเดินเรือจะอยู่ยกระดับขึ้นจนพิเศษกว่ารายอื่นๆ และในอนาคตจ้าวเฉียนยังนำเส้นสายที่มีต่อยอดไปในธุรกิจขนส่งอื่นๆทั้งทางบก ทางอากาศ รถไฟและอื่นๆ ดังนั้นแล้ว เขายังจำเป็นต้องกลัวขาดทุนอีกหรือไม่?
แม้ท้ายของท้ายที่สุดสิ่งเหล่านี้จะไม่สามารถทำเงินได้มากตามที่คาดการณ์ แต่ก็ยังมีทางออกอันสวยหรูรอเขาอยู่ดี เนื่องด้วยลูกค้ารายใหญ่จำนวนมากมาย และบริษัทรัฐวิสาหกิจที่เป็นพันธมิตรมากมาย นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะช่วยปันมูลค่าแท้จริงสุทธิของตัวธุรกิจท่าเรือเฉียนตงให้พุ่งทะยานเกินหมื่นล้านหยวน ดังนั้นถ้าจ้าวเฉียนถึงทางตันแล้วจริงๆก็แค่ขายท่าเรือแลกเงินหมื่นล้านกลับเข้ากระเป๋าตัวเอง
แม้ว่าชื่อเจ้าของท่าเรือที่จดทะเบียนจะเป็นหวางอวี่จุน แต่แท้จริงแล้วหวางอวี่จุนแทบไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับตรงนี้มากนัก และเป็นจ้าวฝู่ที่คอยควบคุมอยู่เบื้องหลังภายใต้เครือบริษัทเครือย่อยมากมายที่ซื้อหุ้นสะสมบังหน้าไว้ ถ้าโอนหุ้นทั้งหมดเข้ากระเป๋าของจ้าวฝู่ในคราเดียว อัตราส่วนโดยประมาณจะมีมากถึง80% สัดส่วนหุ้นที่มากขนาดนี้ก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเจ้าของท่าเรือที่แท้จริงคือจ้าวฝู่ แค่เขาไม่อยากเปิดเผยตัวตนเท่านั้นก็เลยทำแบบนี้
เมื่อได้ฟังคำอธิบายโดยละเอียดยิบของลูกชายตัวเอง จ้าวฝู่ก็รู้สึกใจชื้นขึ้นเยอะ ไม่ว่าสิ่งที่จ้าวเฉียนวิเคราะห์ไปจะถูกหรือผิด แต่ที่แน่ๆคือลูกชายของเขาไม่ได้เคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า ทว่าล้วนแล้วแต่คิดคำนวณและวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้วทั้งสิ้น ลูกชายคนนี้พิจารณาถึงผลลัพธ์ที่จะตามมากว่าหลายสิบแบบ แถมยังคิดมาตรการรับมือไว้เรียบร้อยแล้วทุกรูปแบบอีกด้วย
พูดกันตามตรงคือ ตอนนี้จ้าวฝู่ไม่จำเป็นต้องกังวลในตัวของจ้าวเฉียนอีกต่อไปแล้ว เห็นได้ชัดว่า ลูกชายของเขามีความสามารถในการคิดอ่านและวางแผนพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด บางทีตัวลูกชายของเขาในตอนนี้อาจมีวิสัยทัศน์กว้างไกลกว่าตัวเขาหรือแม้แต่คุณปู่ของเขาแล้วด้วยซ้ำ ช่างเป็นอะไรที่น่าภาคภูมิใจเหลือเกิน
“นี่แก…เติบโตขึ้นเยอะเลยนะ แต่ฉันจะสอนอะไรให้แกอีกอย่างหนึ่ง อย่าคิดแต่ด้านบวก ยังมีอีกปัจจัยหนึ่งในโลกของธุรกิจที่พวกเขาไม่สามารถควบคุมได้นั้นคือคน ไม่ว่าฉันหรือแกจะเก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถอ่านใจคนอื่นได้ แล้วแกจะทำยังไงถ้าหากคู่ค้าของเราทรยศ?”
“ถ้าพูดถึงเรื่องคน ผมขอแบ่งออกเป็นสองส่วนนะ ถ้าถามถึงด้านทรัพยากรบุคคล เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถในการบริหารของหวางอวี่จุนแล้ว ส่วนเรื่องคู่ค้าจะทรยศหรือไม่ เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงเลยครับ เพราะตอนนี้อนาคตของลูกชายและลูกสาวของสองหัวเรือใหญ่แห่งบริษัทรัฐวิสาหกิจอยู่ในกำมือของผมเรียบร้อย ลองทรยศดูสิครับ ผมจะบกขยี้อนาคตของลูกๆพวกเขาไม่ให้เหลือดี!”
“นี่แกหมายความว่ายังไง? หรือแกจับลูกสาวของพวกเขามาปล้ำเหรอ? แต่…แต่ได้ข่าวว่าหนึ่งในหัวเรือใหญ่มีลูกชายนะ? ขนาดผู้ชายแกก็ยังไม่เว้นเลยเหรอ?”
“ไม่ใช่แบบนั้น! ผมแค่มีหน้าที่ผลักดันให้ลูกสาวของโจวเจียงเฉินและลูกสาวของจ้านชุนเล่อขึ้นเป็นดาราดัง และผมยังจะร่วมหุ้นกับลูกชายของจ้านชุนเล่อเปิดบริษัทอสังหาด้วยกัน นี่ก็เท่ากับว่าอนาคตของพวกเขาอยู่เพียงปลายนิ้วผม ผมถือไพ่เหนือกว่าพวกเขาสองคน และผมจะทำแบบนี้ต่อไปกับบริษัทรัฐวิสาหกิจอื่นๆโดยใช้กลยุทธ์เข้าทางลูกนี่แหละ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า….ทำไมเอ็งฉลาดแบบนี้วะ! ถ้าแบบนี้ขึ้นมารับตำแหน่งผู้นำตระกูลจ้าวแทนพ่อเลยไหมล่ะ? ฉันเริ่มขี้เกียจแล้ว!”
“พ่อแหละทำไปเลย! ผมยังอยากใช้ชีวิตสบายๆแบบนี้อยู่!”
จากนั้นสองพ่อลูกก็ระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น
หลังจากสนทนาอีกเล็กๆน้อยๆเสร็จสรรพ จ้าวเฉียนก็ขอตัวเข้าห้องเพื่ออาบน้ำและเข้านอน วันนี้ทั้งวันเขามัวแต่ยุ่งเรื่องท่าเรือหัวจนแทบไม่ได้กินไม่ได้นอน ดังนั้นพอเสร็จภารกิจทุกอย่าง เขาก็สามารถนอนหลับสนิทได้สักที
ในช่วงเย็น จ้าวเฉียนตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินทางไปฟิตเนส เขาสมัครแบบVIPรายปีไว้ถึงยังไงต้องใช้ให้คุ้มซะหน่อย
หลิวเสี่ยวเฟยคลี่ยิ้มและเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เจอว่า
“คุณจ้าว ทำไมถึงไม่มาออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ? ถ้าอยากเล่นกล้ามให้เห็นผลก็ไม่ค่อยทำตัวหย่อนยานนะคะ แต่ต้องใช้ความอดทนหน่อย”
ต้องบอกเลยว่า ทรวดทรงของหลินเสี่ยวเฟยดูเซ็กซี่เกินหักห้ามใจไหว ทั้งหน้าอกหน้าใจดั่งดินระเบิด เอวคอดทรงเสน่ห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปร่างของเธอภายใต้ชุดออกกำลังกายรัดรูป นี่ทำให้เธอสามารถแสดงสัดส่วนออกมาได้อย่างชัดเจน ยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์จริงๆ
จ้าวเฉียนยิ้มและกล่าวขึ้นว่า
“ช่วงนี้ผมยุ่งนิดหน่อยน่ะเลยไม่ค่อยมีเวลา โค้ชช่วยสอนผมใช้เครื่องออกกำลังกายพวกนี้ได้ไหม ผมจะลองจริงจังดูสักตั้ง”
หลิวเสี่ยวเฟยเป็นเทรนเนอร์มาก็หลายปีแล้ว เคยพบเคยเจอผู้ชายมาทุกรูปแบบ และเธอสามารถคาดเดาได้ทันทีว่า ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ มองลงไปในเบื้องลึกนัยน์ตาของจ้าวเฉียน เห็นได้ชัดว่าจุดประสงค์เดียวของเขาเพียงแค่อยากหลับนอนกับเธอเท่านั้น