ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่327 พลิกกลับมากำไร
ตอนที่327 พลิกกลับมากำไร
หลิวเสี่ยวเฟยคิดมาเสมอว่า จ้าวเฉียนเป็นสุภาพบุรุษใจดีมีมารยาทเรียบร้อยดั่งคุณชาย แต่เธอกลับคิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะมีด้านมืดแบบนี้ด้วย
“ใจเย็นก่อนนะคะ…ฉันว่ามันไม่คุ้มกันหรอก ฉันยังสนุกกับคุณไม่พอเลย แค่คืนเดียวเองยังมันส์ไม่ถึงใจ ฉันว่าไปโรงพยาบาลตกลงกับหมอนั่นก่อนดีไหม? ไหนว่ายังสนุกกับร่างกายฉันไม่พอไง? แล้วไหงถึงด่วนจากลากันแบบนี้?”
หลิวเสี่ยวเฟยโห่ร้องขึ้นทันทีด้วยความไม่พอใจ
จ้าวเฉียนหัวเราะเสียงดังลั่น ผู้หญิงคนนี้เป็นคนตลกเหลือเชื่อ เขากล่าวตอบกลับไปว่า
“ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นที่ถึงขนาดเอาชีวิตเข้าแลกกับไอ้งั่งคนหนึ่ง ฉันต้องการฆ่าเขา แต่ใช่ว่าจะทำเองซะหน่อย ผมว่า…มีคนที่อยากฆ่าเขามากกว่าผมอีกนะ”
“ใครงั้นเหรอ?”
“หกคนเมื่อคืนไง”
“โอ้! จริงด้วย! จะยืมมือคงพวกนั้นฆ่าแทน?”
“ถูกต้อง เอาล่ะไม่ต้องถามอะไรแล้ว ตอนนี้คุณไม่ควรมีประวัติเสียใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นเน็ตไอดอล เข้าใจที่ผมพูดไหม?”
“อืม เข้าใจแล้ว”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและขับรถพาหลิวเสี่ยวเฟยกลับบ้านของเธอ จากนั้นเขาค่อยกลับเข้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลจ้าวและเดินตรงไปหาหัวหน้าพ่อบ้านหวังเจ๋อทันที
หวังเจ๋อรีบโค้งศีรษะทักทายและเอ่ยถามขึ้นว่า
“คุณชายจ้าวมีอะไรให้รับใช้ครับ? อันที่จริงโทรเรียกผมก็ได้นะครับ ไม่เห็นต้องลำบากมาหาเองแบบนี้เลย”
“ฉันเพิ่งกลับมาที่นี่พอดีไม่ได้ลำบากอะไรซะหน่อย วานพ่อบ้านหวังช่วยตรวจสอบข้อมูลของชายทั้งหกคนในที่เกิดเหตุเมื่อวานให้ละเอียดอีกที พวกเขาดูท่าจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจางเห่อกว่าที่คิด หนึ่งในนั้นมีรอยสักรูปหัวเสือบนไหล่ซ้าย”
“คุณชายจะฆ่าพวกเขารึเปล่าครับ? ทางผมจะได้สั่งคนไปเก็บให้เลย”
“ไม่ใช่ จางเห่อทรยศคนพวกนั้น ดันไปเป็นชู้กับเมียของคนในนั้น นี่จึงทำให้เกิดเหตุแทงกันเมื่อคืน จากนั้นทั้งหกก็รีบหลบหนีออกไป ตอนนี้ตำรวจกำลังตามจับอยู่ พ่อบ้านหวังช่วยหาที่ซ่อนให้พวกเขาสักพักไปก่อน และให้โอกาสให้พวกเขาลอบไปฆ่าจางเห่อ”
“ถ้าจางเห่อสร้างปัญหาให้คุณชาย แล้วทำไมถึงไม่ส่งคนไปเก็บโดยตรงเลยล่ะครับ? ไม่เห็นต้องทำให้ลำบากเลย”
“อย่าใช้คนของเราเด็ดขาด ปล่อยให้หกคนนั้นลงมือแทนเราเถอะ เพราะหลังจากที่จางเห่อตาย ตำรวจจะเล็งเป้าไปที่ทั้งหกคนนั้นแทนที่จะเป็นเรา พ่อหมอนี่เป็นถึงเทศมนตรี ทางที่ดีไม่ควรเข้าไปยุ่ง”
“เข้าใจแล้วครับ”
“เอาล่ะ เรื่องที่จะขอให้ช่วยมีเท่านี้แหละ ฝากด้วยแล้วกันครับ”
“จะรีบจัดการโดยเร็วที่สุดครับคุณชาย”
จ้าวเฉียนเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเชิดหน้าตรงกลับไปห้องของเขา
สองวันต่อมา โจวเหว่ยซูเดินทางกลับมาจากเมืองตงไห่ และโทรสายหาจ้าวเฉียนเป็นอันดับแรก
“ฮาโหลบอส ฉันกลับมาหยานจิ้งแล้วนะ มีอีเว้นท์ที่ต่อตอนเย็น กะจะชวนมากินข้าวหน่อยน่ะ”
“ได้เลย คุณโจวพักโรงแรมไหนล่ะ?”
“เชอราตัน พอดีต้องบินกลับมาหยานจิ้งเพราะต้องเข้าร่วมอีเว้นท์เปิดตัวน่ะ งานจบช่วงสามทุ่ม กลับถึงโรงแรมน่าจะห้าทุ่ม”
“โอ้? แล้วงานจัดที่ไหนล่ะ? เดี๋ยวจะไปให้กำลังใจสักหน่อย”
“หุหุ…เป็นบอสที่ดีมากค่ะ จัดที่ฝั่งฟู่จิ้ง เวทีไหนไม่บอกหรอก หาเอาเอง งานเริ่มหกโมงเย็นนะ แล้วจะรอนะคะบอส”
“ได้เลย งั้นผมต้องรีบไปเตรียมของขวัญให้แล้วล่ะ! แค่นี้ก่อนนะ”
จ้าวเฉียนรีบไปร้านดอกไม้ทันทีเพื่อสั่งช่อดอกไม้ หวังจะใช้เซอร์ไพรส์โจวเหว่ยซู ตราบใดที่เธอมีความสุข โจวเจียงเฉินพ่อของเธอย่อมจะต้องมีความสุขตามไปด้วย และนั้นจะง่ายต่อตัวจ้าวเฉียนสำหรับใช้อีกฝ่ายเป็นสะพานเชื่อมทำความรู้จักกับประธานใหญ่ของบริษัทรัฐวิสาหกิจรายอื่นๆ ซึ่งอุตสาหกรรมต่อไปที่เขากำลังเล็งอยู่ก็คือ อุตสาหกรรมโลหะ
ถ้าได้ท่าเรือหัวมาครอบครองภายในมือแล้ว นั้นเท่ากับว่าพื้นที่ทั้งหมดของท่าเรือเฉียนตงของเขาจะกินทั่วทั้งแถบน่านน้ำหวานจิ้ง และพื้นที่ดังกล่าวก็มีมากพอสำหรับการรองรับออกเดอร์ใหญ่ๆ มากมายจากบริษัทรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ในอนาคต แต่เมื่อขอบเขตธุรกิจขยายตัวขึ้นแบบนี้ ลำพังแค่หวางอวี่จุนไม่สามารถบริหารได้ไหวแน่นอน และในอนาคตจ้าวเฉียนจะต้องทำงานให้หนักยิ่งขึ้นเพื่อช่วยเหลืออีกแรง
เวลาหกโมงเย็น จ้าวเฉียนเดินทางมาถึงฝั่งฟู่จิ้งแล้ว ลองค้นหาข้อมูลอีเว้นท์ดังกล่าวบนโลกอินเตอร์เน็ตก่อนจะพบพิกัดที่จัดเวที
ไม่นานเขาก็พบกับเวทีกลางแจ้งพร้อมกับรูปภาพโปสเตอร์ของโจวเหว่ยซูแขวนอยู่บนเวที
นี่เป็นกิจกรรมเชิงพาณิชย์งานแรกของโจวเหว่ยซู หยวนมี่ขอเบิกงบตั้งแต่รอบนี้แค่ไม่กี่หมื่นหยวนเท่านั้น แม้จะเป็นจำนวนเงินที่ไม่มาก แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับโจวเหว่ยซู สำหรับการเปิดตัวดาวรุ่งหน้าใหม่
ต้องยอมรับเลยว่า หยวนมี่เป็นบุคคลที่มีความสามารถอย่างยิ่งในด้านการโปรโมทและครีเอทีฟ โจวเหว่ยซูเพิ่งเซ็นสัญญากับบริษัทเฉียนเก๋อได้ไม่นาน แต่ในอินสตราแกรมของโจวเหว่ยซูตอนนี้มียอดติดตามทะลุ2ล้านคนแล้วจากแค่2แสนในตอนแรก และตามที่คาดการณ์ไว้อีกไม่นาน ยอดติดตามของเธอจะต้องทะลุ10ล้านได้ไม่ยาก
แน่นอน นอกเหนือจากความสามารถส่วนตัวของหยวนมี่แล้ว ยังมีทรัพยากรด้านเงินทุนอันไร้จำจัดของจ้าวเฉียนเข้ามาเสริมความแกร่ง งบในการโฆษณาคลิปเปิดตัวโจวเหว่ยซูในแง่มุมสุดน่ารักบนโลกโซเซียล จ้าวเฉียนทุ่มจ่ายไม่อั้น จึงไม่แปลกเลยที่มีผู้คนบนโลกโซเซียลติดตามเธอเยอะขนาดนี้
ในไม่ช้า โจวเหว่ยซูก็ปรากฏตัวออกมา เธอต้องร้องเพลงเปิดก่อนเป็นพิธีค่อยถึงตาที่เธอได้พบปะกับผู้ชม
พอเหตุการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ จู่ๆ จ้าวเฉียนก็หยิบมือถือออกมาและโทรหาใครบางคนทันที
ประมาณสิบวินาทีต่อมา จู่ๆ ก็มีรถเฟอร์รารี่ตีคู่มากับแลมโบกินีแล่นเข้ามาบริเวณจัดงาน
การปรากฏตัวมาของสองสุดยอดรถหรูด้วยความเร็วสูงขนาดนี้ เล่นซะข้าวของบริเวณแถวนั้นปลิวว่อนเพราะลมตี ซึ่งนี่ดึงดูดความสนใจของทุกคนเป็นอย่างมากเจ้าของรถแต่ละขันรีบลงมาจากรถ ทุกคนถือช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ รีบวิ่งมาตรงหน้าเวที พร้อมคุกเข่าให้โจวเหว่ยซูโดยตรง
บรรดาผู้ชมเหล่านั้นรีบหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป อัดคลิปดันอย่างจ้าละหวั่น ทันใดนั้นชายอ้วนคนหนึ่งก็หยิบแหวนเพรชน้ำงามขึ้นมายื่นให้ตรงหน้าโจวเหว่ยซู พร้อมกล่าวว่า
“คุณโจว แต่งงานกับผมเถอะ!”
ชายอ้วนตะโกนเสียงดังฟังชัดโดยไม่มีเก้อเขินใดๆ
เจ้าของงานอีเว้นท์รีบวิ่งออกมาเพื่อลากชายอ้วนคนนนี้ออกไปทันที และบรรดารปภ.ทั้งหลายที่อยู่ข้างเวทีก็รีบเข้ามาล็อกตัวชายอ้วนดังกล่าวออกไป
“คุณโจว แต่งงานกับผมนะครับ ผมรักคุณ!”
ชายอ้วนยังคงตะโกน พร้อมโชว์แหวนเพชรในมือขึ้นเหนือหัว
“คุณโจวแต่งงานกับผมเถอะครับ…”
ชายอีกคนเองก็หยิบแหวนเพชรสวยอีกวงมาขอเธอแต่งงาน แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่วายโดนพวกรปภ.ลากออกไปต่อจากชายอ้วน
จ้าวเฉียนเฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ห่างๆ พร้อมรอยยิ้มแสยะกว้างบนมุมปากอย่างพึงพอใจ
ชายสองคนนี้ที่มาป่วนงานอีเว้นท์ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจาก บอดี้การ์ดที่เขาพามาจากคฤหาสน์ตระกูลจ้าว เขาวานให้บอดี้การณ์ดสองคนนี้ช่วยเล่นบทเป็นหนุ่มมหาเศรษฐีมาขอโจวเหว่ยวูต่อหน้าสาธารณชน ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ชมโดยรอบถ่ายคลิปให้เป็นข่าวลงโซเซียล ถือเป็นการโฆษณาโจวเหว่ยซูไปในตัวและสร้างกระแสเพิ่มความนิยม
ในขณะเดียวกัน มีบางคนถึงกับไลฟ์สดภาพเหตุการณ์ในขณะนี้ ไม่นานจำนวนผู้ติดตามของโจวเหว่ยซูก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน หยวนมี่ก็โทรมาหาจ้าวเฉียนและกล่าวว่า
“คุณจ้าวแย่แล้ว! ในงานอีเว้นท์เปิดตัวแรกของโจวเหว่ยซูมีปัญหาแล้ว! จู่ๆ ก็มีใครไม่รู้มาสร้างความปั่นป่วนภายในงาน! ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ฉันเกรงว่าจะทำให้เธอเสื่อมเสียชื่อเสียง หรือชายสองคนนั้นเป็นอดีตแฟนหนุ่มของเธอกัน? ถ้ามีนักข่าวไปขุดคุ้ยเรื่องนี้แย่แน่!”
จ้าวเฉียนยิ้มและตอบกลับไปว่า
“ใจเย็นก่อนครับ ใจเย็นก่อน พวกเขาเป็นบอดี้การ์ดประจำบ้านผมเอง ทั้งหมดเป็นการจัดฉากโดยตัวผม ส่วนเรื่องประวัติเสียไม่ต้องห่วง พวกเขาไม่มีประวัติดำมืดอะไรให้นักข่าวขุดหาแน่นอน ผู้จัดการหยวนรีบใช้โอกาสนี้เพื่อโปรโมทเธอเพิ่มดีกว่าครับ”
“โอ้โห! ประธานจ้าวสุดยอดมากค่ะ! เดี๋ยวฉันจะสั่งให้ฝ่ายการตลาดดำเนินการโปรเมทเพิ่มเติมทันทีค่ะ”
“อ่อแล้วก็…ผมฝากเด็กปั้นให้คุณช่วยอีกสักคนนะ เธอเป็นเทรนเนอร์ฟิตเนส เดี๋ยวผมจะส่งรูปเธอไปให้ทีหลัง แล้วผมสัญญากับเธอด้วยว่า สำหรับแผนการปั้นเธอ ผมจะเข้ามาดูแลเธอเป็นพิเศษ ยังไงก็ฝากผู้จัดการหยวนแนะนำผมด้วยนะ”
“ไม่มีปัญหาค่ะ ส่งรูปมาให้ฉันได้เลย แต่ถ้าประธานจ้าวเข้ามาดูแลเองจะเหนื่อยเกินไปรึเปล่า? เอาแบบนี้ดีกว่าไหม เดี๋ยวฉันจะส่งแผนให้ทีหลัง แล้วประธานจ้าวก็เอาแผนดังกล่าวไปบอกต่อกับเธอเองเป็นการส่วนตัว?”
จ้าวเฉียนตอบตกลงทันทีและวางสายไป จากนั้นก็ส่งรูปหลิวเสี่ยวเฟยให้หยวนมี่
ในเวลานี้เอง โจวเหว่ยซูก็ร้องเพลงจบแล้ว พิธีกรเดินขึ้นมาบนเวทีและมาสัมภาษณ์ พร้อมเปิดโอกาสให้ตอบคำถามกับผู้ชม
พิธีกรยิ้มและเอ่ยถมามขึ้นว่า
“ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างครับ? เกิดอะไรขึ้นกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อกี้ครับ?”
โจวเหว่ยซูโค้งคำนับให้ผู้ชมก่อนอีกครั้งแล้วจึงตอบไปว่า
“ฉันรู้สึกขอบคุณทุกคนจริงๆ ค่ะมีเดินทางมาให้กำลังใจฉันแบบนี้ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ฉันตกใจมากจริงๆ ค่ะ แต่ถ้าชอบหรือต้องการติดตามฉันต่อไป ก็ควรสนับสนุนกันมากกว่าที่จะทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนี้นะคะ ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆ ค่ะ แต่อย่าใช้วิธีแบบนี้อีกเลยนะคะ ฉันเป็นห่วงจริงๆ”
นี่เป็นบทพูดที่จ้าวเฉียนเตี๊ยมล่วงหน้ากับเธอไว้แล้ว หน้าที่ของโจวเหว่ยซูคือการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน้าสาธารณชน ดังนั้นคำตอบที่ควรกล่าวออกไปตอนนี้ ไม่ใช่การโทษหรือตำหนิฝ่ายชายที่บุกเข้า ในทางตรงข้าม การเอ่ยขอบคุณและแสดงความเป็นห่วงออกไปเช่นนี้ จะช่วยทำให้ทุกคนเห็นว่าเธอเป็นคนใจกว้างและมองโลกในแง่บวกแค่ไหน จ้าวเฉียนหวังว่าเธอจะรักษาภาพลักษณ์ดังกล่าวได้ต่อไป ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของหยวนมี่แล้วในการวางแผนและจัดการเบื้องหลัง
ไม่นานหลังจากนั้นอีเว้นท์ดังกล่าวก็ได้สิ้นสุดลง โจวเหว่ยซูโบกมือลาผู้ชมทั้งหมดและลงจากเวทีไป
หลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อย เธอก็ได้ข้อความจากจ้าวเฉียนโดยระบุหมายเลขห้องอาหารส่วนตัวของโรงแรมไว้
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง จ้าวเฉียนและโจวเหว่ยซูก็ได้มาพบกันในห้องอาหารส่วนตัวของโรงแรมเชอราตัน หลังจากทักทายกันพอหอมปากหอมคอ โจวเหว่ยซูก็ยิ้มถามขึ้นว่า
“บอสไปเอาแหวนเพชรสวยขนาดนั้นมาจากไหน?”
“ในร้านทุกอย่างสองหยวนนั้นแหละ ถ้าต้องการเดี๋ยวผมไปซื้อมาให้ เปลี่ยนวันใส่ไม่ซ้ำวงใช้แล้วทิ้ง”
“หยุดเลย หยุดเลย แต่จะว่าไปสถานการณ์ด้านบอสกับท่าเรือหัวเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็มีปัญหานิดหน่อยนะ เพื่อที่จะเอาชนะท่าเรือหัว ผมเลยลดราคาให้บริษัทเมล็ดพืชการาจกับไชน่าปิโตรเคมีจนต่ำกว่าราคาตลาดไว้มาก ถ้ายังคงดำเนินธุรกิจด้วยอัตรานี้ต่อไป ผมจะต้องขาดทุนอย่างน้อยปีละห้าร้อยล้านหยวน เลยจำเป็นต้องรีบหาลูกค้ารายใหม่ เพื่อชดเชยส่วนนี้”
“อ่า…แล้วพ่อฉันพอจะช่วยอะไรบอสได้บ้างไหม?”
“ก็พูดยากนะ แต่…คุณพ่อของคุณพอจะรู้จักพวกหัวเรือใหญ่ของกลุ่มอุตสาหกรรมโลหะหรืออลูมิเนียมบ้างไหม? บริษัทประเภทนี้จำเป็นต้องนำเข้าแร่เหล็กจำนวนมหาศาลผ่านทางเรือทุกปี ถ้าผมได้พวกเขาเป็นลูกค้า บางทีอาจจะพลิกสถานการณ์ได้เลย”
โจวเหว่ยซูหัวเราะขึ้นทันทีและกล่าวว่า
“เรื่องนี้ฉันจัดการเองค่ะ เชื่อมือฉันได้เลยบอส”
จากคำยืนยันนี้ของเธอทำให้จ้าวเฉียนรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก ตราบเท่าที่เธอสามารถเกลี้ยกล่อมโจวเจียงเฉินให้ช่วยไปคุยได้ และแนะนำจ้าวเฉียนให้บรรดาหัวเรือใหญ่ของบริษัทอุตสาหกรรมโลหะและอื่นรู้จัก สถานการณ์ของท่าเรือเฉียนตงจะพลิกกลับจากขาดทุนเป็นกำไรได้ทันที