ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่78 ต้องกลัวใคร
ตอนที่78 ต้องกลัวใคร
จ้าวเฉียนเดินกลับมาที่รถและเอ่ยถามอีกครั้งว่า
“หงซิ่ว คุณแน่ใจใช่ไหมว่า พวกมันไม่ได้ทำอะไรเธอ เดี๋ยวฉันพาไปโรงพยาบาลหน่อยดีไหม?”
หงซิ่วส่ายหัวตอบทันทีว่า
“ดิฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นไปโรงพยาบาลเลย แต่…บ้านของดิฉันถูกทำลายเสียหายขนาดนี้ คงต้องไปหาห้องเช่าก่อนชั่วคราว…”
คฤหาสน์ติดวิวแม่น้ำของจ้าวเฉียนมีขนาดใหญ่มาก การพาเธอมานอนค้างแรมสักคืนสองคืนมันไม่ใช่ปัญหาเลย
“ถ้าคุณเต็มใจพอ มานอนค้างที่บ้านของผมก่อนสักคืนดีไหม? เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะตามช่างมาซ่อมแซมบ้านของคุณ พอเสร็จแล้วค่อยกลับเข้าไปอยู่”
หงซิ่วลดศีรษะลงมาเล็กน้อยพร้อมใบหน้าที่เห่อร้อน สีแดงระเรื่อเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าตอบตกลงเสียงแผ่วเบา
จ้าวเฉียนขับรถกลับคฤหาสน์ทันที และจัดห้องนอนให้เธอ เขาชี้นิ้วไปที่ตู้เสื้อผ้าข้างเตียงพร้อมกล่าวว่า
“ผ้าห่มกับผ้าปูเตียงอยู่ในตู้ คุณเลือกมาปูได้เลยตามสะดวก”
หงซิ่วพยักหน้าขอบคุณและกล่าวตอบไปว่า
“เดี๋ยวฉันจัดการเองค่ะ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว คุณจ้าวไปพักผ่อนเถอะค่ะ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เดี๋ยวดิฉันจัดการเองดีกว่า”
จ้าวเฉียนยิ้มกล่าวว่า
“คุณสุภาพกับผมเกินไปแล้ว อย่าลืมว่าคุณคือคนของผม และผมมีหน้าที่ต้องปกป้องคุณจากอันตราย ไม่ต้องกังวลครับ ผมไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่นอน”
“ดิฉันเชื่อใจคุณค่ะ แต่อย่าทำเรื่องผิดกฏหมายก็พอ…ฉันว่าได้ไม่คุ้นเสียนะคะ”
“ฮ่าฮ่า…ไม่ต้องกังวลครับ ผมนี่แหละพลเมืองดีคนหนึ่ง จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายแน่นอน งั้นผมขอตัวอาบน้ำนอนแล้วนะครับ คุณเองก็รีบพักผ่อนได้แล้ว”
หงซิ่วยิ้มหวานเป็นคำตอบ ก่อนที่จ้าวเฉียนจะออกไป เมื่อเห็นแผ่นหลังของเขาค่อยๆ ละสายตาไป ความรู้สึกอันแสนอบอุ่นก็ผุกขึ้นมากลางใจของเธอ เธอเป็นหญิงสาวที่รักความอิสระมาตั้งแต่เด็ก แต่ทันทีทันใดเธอก็ถูกชายหนุ่มคนหนึ่งออกมาปกป้องโดยไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ เธอจึงใจเต้นแรกเป็นอย่างมาก มันเป็นความรู้สึกที่…แม้แต่เธอเองก็บรรยายไม่ถูกเช่นกัน
จ้าวเฉียนกลับเข้าห้องและส่งข้อความไปหาหยางหู่ผ่านWeChat
“เสี่ยวหู่ นายเตรียมตัวไว้ หากหลิวเปาไม่ยอมทำตามที่สั่ง ก็จัดการได้เลย! ขอแค่อย่าให้การปะทะครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่โตมากกนัก จะทำอะไรก็ทำ ขอแค่นายอย่าตายก็เป็นพอ!”
หยางหู่รีบตอบจ้าวเฉียนกลับไปทันทีว่า
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะรีบระดมพลมาทันที คุณชายจ้าวไม่ต้องกังวล ผมจะบังคับให้มันยื่นนิ้วประเคนให้เอง!”
จ้าวยิ้มด้วยความพึงพอใจ เขาอาบน้ำและเข้านอนไป
ในเวลาเดียวกัน หลิวเปายิ่งร้อนใจนัก ขณะนี้กำลังซ้อมหลิวซีและลูกน้องทั้งสี่ที่ลักพาตัวหงซิ่วอยู่
หลิวซีถูกทุบตีกอย่างหนักจนจมูกฟกช้ำ ในหน้าบวมเป็นหัวหมู ร้องครวญครางร้องขอความเมตตา
หลิวเปาโกรธมากกับการกระทำครั้งนี้ของพวกเขา คำรามเสียงดังลั่นว่า
“เพราะพวกแกแท้ๆ จึงทำให้ฉันในตอนนี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก! ฉันจะตัดนิ้วลูกน้องแกออก หลิวซี อย่าไปยุ่งกับพวกนั้นอีกในอนาคต ไม่อย่างนั้นหยางหมิงคงสู้ตายกับฉันให้ตายไปข้างแน่นอน แล้ววันหลังก่อนจะรับงานใครมา กรุณาใช้สมองก่อนสักนิด! ดูว่าเป้าหมายมีภูมิหลังหรือใครคอยหนุนหลังอยู่ไหม! เธอคนนี้ไม่มีภูมิหลังห่าอะไรละ! ถ้าไม่มีหยางหู่จะโทรมาขู่ฉันขนาดนี้ได้ยังไง!!”
หลิวซีรีบอธิบายไปทันทีว่า
“พี่เปา ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเธอจะมีคนใหญ่คนโตอยู่เบื้องหลังแบบนี้ หยางหมิงเองก็ไม่ได้บอกเลยว่า เธอมีคนหนุนหลังอยู่ อธิบายมาแค่ เธอเป็นเจ้าของบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งที่กำลังโด่งดังก็เท่านั้น คราวหน้าผมจะระวังให้มากกว่านี้ครับ!”
หลิวเปาตระหนักถึงอำนาจอิทธิพลของหยางหู่ดี หากเขาตัดสินใจรับใช้ตระกูลหยางต่อไป คงต้องมีสักวันที่ทั้งสองขั้วอำนาจต้องปะทะกัน คงเป็นทางดีกว่า ที่จะเลี่ยงคำขอของหยางหมิงในอนาคต
แต่อย่างไร หลิวซีกลับเห็นต่างออกไป เขาพยายามวิเคราะห์ให้หลิวเปาฟังว่า
“พี่เปา ถึงแม้หยางหมิงจะไม่สามารถทำอะไรหยางหู่ได้ แต่ครอบครัวของเขาก็ร่ำรวยมาก ยัดเงินเพื่อเชื้อเชิญบุคคลที่มีอำนาจกว่าเขาก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หรือไม่ก็จ้างนักฆ่ามีฝีมือมาสักคนมาลอบฆ่า ไม่ว่าหยางหู่จะทรงอำนาจขนาดไหน เขาคงไม่ได้เหนือไปกว่าความตาย เพียงพวกเราต้องช่วยกันกดดันหยางหมิงให้ออกคำสั่งนี้ ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนทั้งหมด หลังจากนั้นเขาก็ไม่ต้องคอยมากังวลแล้ว แถมพี่เปาจะได้ยึดอำนาจในส่วนที่เหลือมาอีกด้วย”
หลังจากคำวิเคราะห์ของหลิวซี เขาก็รู้สึกได้ว่ามันค่อนข้างสมเหตุสมผล ต้นเรื่องคราวนี้คือหยางหมิง ดังนั้นอีกฝ่ายจะต้องรับผิดชอบ
“หลิวซี นายโทรไปหาหยางหมิงและเล่าสถานการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น และบอกให้มันต้องรับผิดชอบ!”
หลิวซพยักหน้าตอบและรีบควักมือถืออกมา กดโทรหาหยางหมิงในทันที
หยางหมิงที่กำลังนั่งรอข่าวดีจากหลิวซี ทันทีที่เสียงเรียกเข้าดังขึ้น เขาก็กดรับสายโดยไวอย่างสุขอกสุขใจ
“ฮ่าฮ่า! เป็นยังไงบ้าง? คงนอนฟินคาเตียงแล้วใช่ไหม?”
“นายน้อยหยางแย่แล้ว! ไหนคุณบอกว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่มีภูมิหลังอะไรไง? ทำไมหยางหู่ถึงพยายามเข้ามาปกป้องเธอขนาดนี้ ตอนนี้เดือดร้อนไปถึงพี่เปาแล้ว เรื่องมันเป็นถึงขนาดนี้คุณจะรับผิดชอบยังไง?”
หยางหมิงตกตะลึงหนักพอได้ยิน เขารีบเอ่ยถามขึ้นทันทีว่า
“นี่แกความหมายว่าไง? ฉันจ่ายเงินพวกแกไปขนาดนั้น กลับทำงานล้มเหลวยังไม่พอ ตอนนี้ยังขอความรับผิดชอบจากฉันอีก?”
คราวนี้หลิวซีปริปากตอบออกไปอย่างไม่ไว้หน้าแล้วเช่นกัน
“ผมไม่สนว่าคุณจะเป็นใครใหญ่มาจากไหน แต่การที่คุณปิดบังข้อมูลของเป้าหมาย จงใจไม่ให้พวกเราทราบก่อนถือว่าเป็นความผิดของคุณ! ดังนั้นเรื่องนี้คุณจะต้องรับผิดชอบ!”
หยางหมิงระเบิดหัวเราะเยาะลั่น สวนตอบกลับไปพร้อมน้ำเสียงครึมว่า
“พี่ซี ฉันไม่ใช่พวกใสซื่อ อย่ามาโยนความผิดให้กันดื้อๆ แบบนี้!”
หลิวซีที่คราแรกยังรู้สึกสองจิตสองใจอยู่บ้าง แต่เขาเดือดขึ้นทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายปัดความรับผิดชอบกลับมาแบบมักง่ายปานนี้
“หยางหมิง นายคิดให้ดีว่าใครกันแน่ที่ต้องรับผิดชอบ!”
“เหอะเหอะ…หลิวซี อย่าทำมาขู่ฉันหน่อยเลย หยางหมิงผู้นี้มีเงินมากพอที่จะทำอะไรก็ตาม ตราบใดเท่าที่พอใจฉันสามารถใช้เงินตบหน้าใครบางคนเพื่อให้ไปฆ่าแกได้ทุกเมื่อ! แกไม่คิดเหรอว่า คนที่มีอำนาจที่สุดบนโลกคือคนที่มีเงิน แกกำลังเล่นผิดคนแล้วหลิวซี! จัดการกับพวกแกก็ง่ายไม่ต่างจากกินเค้นชิ้นหนึ่ง อย่ามาแหยมกับกูจำไว้!”
หลิวซีตกใจเกินจะพูดใดๆ ออกไป และเริ่มคิดตามอีกฝ่ายไปแล้วว่า ถ้าหยางหมิงมีเงินและอำนาจขนาดนั้นจริง แม้แต่พี่ชายของเขาอย่างหลิวเปาเองอาจลำบากไปด้วยแน่นอน
แต่ถ้าเขาไม่สามารถดึงหยางหมิงให้เข้ามาร่วมรับผิดชอบได้ พวกเราและหลิวเปาเองก็ต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดเพียงลำพีง ดังนั้นหลิวซีจึงทำได้แค่รีบสงบสติอารมณ์ เขาพยายามพูดไกล่เกลี่ยกับหยางหมิงต่อว่า
“นายน้อยหยาง ตอนนี้พวกเราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ทำไมต้องทำตัวให้แตกแยกกันอีก? นายน้อยหยางควรเจียดเงินมาสักก้อนเพื่อจ้างนักฆ่ามีฝีมือจากที่อื่นมาจัดการกับผู้หญิงคนนั้นซะ ไม่ก็หยางหู่ไปเลย เท่านี้ก็ไม่มีใครสามารถสืบสาวมาถึงตัวเราได้แล้ว”
หยางหมิงตพคอกสวนกลับไปว่า
“การจะจ้างนักฆ่ามีฝีมือจากที่อื่นมันเป็นเรื่องง่ายขนาดนั้นเชียว? อย่ามายุ่งกับเงินเก็บของฉัน เรื่องนี้นายต้องหาทางแก้ไขกันเอง ไม่อย่างนั้นเตรียมรับผลที่ตามมาได้เลย!”
หลิวซีลุกขึ้นพรวดด้วยความโกรธ กล่าวตอกไปว่า
“นี่แก! แกยังหน้าด้านโยนความผิดให้คนอื่นไม่เลิกใช่ไหม!? พอพลาดก็ปล่อยให้พวกเรารับภาระ แกคิดว่าจ้างเราด้วยเงินไม่เท่าไหร่ก็จะทำอะไรก็ได้รึไง?”
“ฮ่าฮ่า…แกเข้าใจถูกแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะจ้างพวกแกมาทำส้นอะไรวะ?”
หลิวเปาที่นั่งอยู่เคียงข้าง ไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไปแล้ว เขาคว้ามือถือในมือของหลิวซีมาโดยตรงและเค้นเสียงเย็นเอ่ยขึ้นว่า
“หยางหมิง นี่แกจงใจปิดบังข้อมูลของเป้าหมาย ตอนนี้ยังจะโยนความผิดมาให้อีกเหรอ?”
“พี่เปา คุณทำอาชีพนี้มาก็นาน คิดว่าผมจะจ้างให้ไปจัดการคนธรรมดาทั่วไปรึไง? ก่อนจะลงมือไม่ใช่ว่าเป็นฝั่งพี่เปาเองหรอกเหรอที่ต้องสืบเสาะหาภูมิหลังของเป้าหมายก่อน? ถ้ามันจัดการง่ายปานนั้น ผมคงไม่ต้องควักเงินครึ่งล้านเพื่อสั่งงานพวกคุณหรอกจริงไหม?”
หลิวเปาพยายามข่มกลั้นความโกรธลงกระเพาะ และเอ่ยถามไปว่า
“ถ้าอย่างนั้น นายไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลย?”
“ถูกต้อง ฉันไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไร ยังไงก็ดีพวกนายได้เงินไปแล้ว ก็อย่าลืมทำงานให้เสร็จ แค่นี้แหละ”
หยางหมิงกดตัดสายไปทันทีที่พูดจบ ปล่อยให้หลิวเปาเดือดจัดจนขว้างมือถืออัดพื้นไปโดยตรง
“ไอ้เด็กเหลือขอ! มันกล้าพูดแบบนี้กับกูได้ไงวะ! มันคิดว่าจะทำอะไรกับกูก็ได้จริงๆ! อาลี แกไปเรียกลูกมือที่คล่องแคล่วที่สุดมาสักสองสามคน แล้วไปจับตัวหยางเฉิงมา อย่าลงมือทำร้ายเขา ฉันจะสอนหยางหมิงสักบทเรียนนึง!”
อาลีเป็นนักฆ่าที่มีมือที่สุดแล้วในบรรดาพวกของหลิวเปา เขาเป็นศิษย์วัดเส้าหลิน ฝึกปรือวฝีมือมาตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นทั้งทีกษะการต่อสู้และการเคลื่อนไหว เขาค่อนข้างเชี่ยวชาญอย่างยิ่ง
อาลีก้าวออกมาเอ่ยตอบหลิวเปาด้วยความเคารพ
“เข้าใจแล้วครับพี่เปา ผมจะลงมือเดี๋ยวนี้”
พออาลีจากออกไป หลิวเปาก็ได้รับข้อความจากหยางหู่ผ่านWeChatว่า
“หลิวเปา ก่อนสิบโมงเช้าพรุ่งนี้ ไม่ว่าจะนิ้วของไอ้สี่คนนั้นหรือนิ้วแก ฉันจะมารับด้วยตัวเอง”