ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่81 ต้องให้พูด
ตอนที่81 ต้องให้พูด
ทันทีที่จ้าวเฉียนวางสายไป หวงหยิงเมิ่งก็เอ่ยถามขึ้นว่า
“คุณจ้าวกำลังยุ่งรึเปล่าค่ะ? ส่งฉันตรงนี้ก็ได้ค่ะ นั่งแท็กซี่ต่ออีกแปปเดียวก็ถึงสนามบินพอดี”
จ้าวเฉียนส่ายหัวและตอบไปว่าไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อยไม่ได้เร่งด่วนอะไร
หวงหยิงเมิ่งพยักหน้า เธอไม่ปริปากถามอะไรอีกเลย คล้ายจะรู้ว่ามีบางสิ่งอย่างไม่ผิดปกติไปสำหรับจ้าวเฉียน และเขาไม่อยากให้เธอรับรู้ดังนั้นเธอก็จะไม่คะยั้นคะยอเช่นกัน
ในไม่ช้าทั้งคู่ก็มาถึงสนามบิน จ้าวเฉียนโบกมือลาหวงหยิงเมิ่งและตีรถกลับไปหาหยางหู่ทันที
“ฮาโหล หยางหู่ ไม่ต้องรอถึงสามวัน ระดมพลเตรียมบุกคืนนี้เลย”
“คุณชายจ้าวคิดถูกต้องแล้ว”
“ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นหลัก ทำตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ให้ลุล่วงโดยเร็วที่สุด แล้วอย่าทิ้งหลักฐานให้พวกมันสืบสาวได้ เบื้องหลังฉันมีบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับประเทศคอยหนุนอยู่ ตราบใดที่ไม่ได้ทำอะไรที่ขัดต่อรัฐบาล ฉันสามารถปกป้องพวกนายได้ นายเข้าใจที่ฉันหมายถึงใช่ไหม?”
“เข้าใจแล้วครับคุณชายจ้าว เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล ผมจะนำพี่น้องอีกสองสามคนลงไปทำภารกิจลอบสังหารด้วยกัน ไม่มีปัญหาครับ”
“อืม ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอฟังข่าวดีจากนาย”
หยางหู่ส่งเสียงตอบ และรีบไปเลือกสรรกำลังพลที่จะออกไปทำภารกิจลอบสังหารหลิวเปาในคืนนี้
ช่วงสองทุ่ม หยางเฉิงเพิ่งรับประทานข้าวเย็นเสร็จและกำลังจะกลับบ้าน แต่จู่ๆยางรถก็ดันระเบิดเสียได้ ขณะที่คนขับลงมาเปลี่ยนยางรถใหม่ เพิ่งรู้ตัวอีกทีว่าเจ้านายของตนที่นั่งอยู่บนรถได้หายตัวไปแล้ว
คนขับตื่นตระหนกสุดขีด รีบโทรหาหยางหมิงเพื่อรายงานสถานการณ์ทั้งหมดโดยเร็ว
หยางหมิงโกรธจัดพอได้ฟัง ขณะกำลังจะอ้าปากด่าคนขับ จู่ๆหลิวซีก็โทรเข้ามาแทรก เขากดวางสายคนขับและรับของหลิวซีแทน
“ว่าไงนายน้อยหยาง คงหัวเสียหน้าดูเชียว?”
หยางหมิงยิ่งเดือดจัดเข้าไปใหญ่ จึงรีบถามสวนขึ้นว่า
“มึงลักพาตัวพ่อกูเหรอ?!”
หลิวซีระเบิดหัวเราะลั่น เอ่ยปัดไปว่า
“นายน้อยหยางพูดเรื่องอะไร? ผมก็แค่เดินทางมาทักทายคนใหญ่คนโตนิดหน่อย ทำไม? พ่อของนายน้อยหยางถูกลักพาตัวไปงั้นเหรอ? โอ้…ช่างน่าสงสารจริงๆ สงสัยคงถูกโยนทิ้งแม่น้ำไปแล้วมั้ง แก่ขนาดนั้นคงไม่มีแรงว่ายขึ้นฝั่งไหว ฮ่าฮ่า… ลองคิดให้ดีสินายน้อยหยาง บางทีต้นเหตุทั้งหมดที่พ่อของคุณถูกลักพาตัวอาจจะเป็นตัวนายน้อยหยางเอง ไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจรึเปล่า? รีบๆโทรหาคนนั้นแล้วขอโทษซะนะ ฮ่าฮ่าๆๆ….”
คล้อยหลังหลิวซีพูดจบก็กดตัดสายทิ้งไปทันที หยางหมิงเริ่มวิตกหนักข้อเข้าไปใหญ่รีบโทรกลับโดยไว
“มึง! หลิวซี มึงจับตัวพ่อกูไปงั้นเหรอ?! มึงเสียสติไปแล้วรึไง กูจะโทรเรียกตำรวจมาจับมึง!”
“โอ๋โอว..นายน้อยหยางอย่าขู่กันแบบนี้สิ ผมยิ่งเป็นพวกตกใจง่ายอยู่ด้วย! ถ้าหลังจากนี้คุณกล้าโทรหาตำรวจ…อาจจะมีใครบางคนพลั้งมือปาดคอพ่อของคุณทิ้งเอาน่า…”
“มึง…มึงต้องการอะไรกันแน่? บอกมาว่าต้องการเท่าไหร่ กูจะจ่ายให้มึงตามต้องการ!”
“เอ…ผมไม่เข้าใจนะว่านายน้อยหยางหมายถึงอะไร ตอนนี้ผมกำลังไปที่ไนท์คลับเย่หมิงจือ ไม่ว่างคุยน่ะ แค่นี้นะครับ”
หลิวซีกดตัดสายไปอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาจงใจทิ้งเบาะแสให้หยางหมิงรู้ว่า ตนกำลังจะไปที่ไหน ด้วยนิสัยหุนหันพลันแล่นของหยางหมิง แน่นอนว่าเขาต้องรีบไปที่นี่โดยทันที
หลิวซีเดินเข้าไนต์คลับไป โดยมีหยางหมิงเดินตามหลังไปติดๆ
หลิวซีและพรรคพวกกำลังหาที่นั่งดื่มกัน แต่จู่ๆหยางหมิงก็ดึงเขาเข้าไปในห้องส่วนตัวลับตาคน
“มึงต้องการอะไร? ถ้าอยากได้เงินนักฉันจะให้ตามที่มึงขอ อย่าทำร้ายพ่อกูเด็ดขาด เขามีสุภาพไม่ค่อยจะสู้ดี ทนพวกมึงทรมานไม่ไหว!”
“นายน้องหยาง คุณนี่ช่างเป็นลูกที่กตัญญูจริงๆ ผมรู้สึกประทับใจจากภายในเลย ผมเองก็ไม่อยากทำร้ายคนแก่เท่าไหร่ แต่คุณดันไม่มีความรับผิดชอบตั้งแต่แรก เลยเป็นเรื่องช่วยไม่ได้น่ะ”
ในเมื่อหลิวซียอมรับตามตรงแล้วว่า เป็นคนลักพาตัวหยางเฉิงไป หยางหมิงจึงเอ่ยถามสวนไปตรงๆว่า
“แล้วมึงจะปล่อยพ่อของกูกลับไปตอนไหน?”
หลิวซีไม่พูดไม่จา ใช้นิ้วจุ่มถังน้ำแข็งที่ละลายแล้ว เขียนเลขบนโต๊ะทันทีอย่างเงียบงัน
หยางหมิงที่ได้เห็นจำนวนเลขดังกล่าว ก็ถึงกับอุทานขึ้นว่า
“มึงบ้าไปแล้วรึไง! 100ล้าน! ทำไมไม่ปล้นกันเลยวะ!”
หลิวซีเช็ดคราบน้ำบนโต๊ะออกอย่างใจเย็น กรนเสียงหัวเราะเยาะเอ่ยดัง
“ถ้านายน้อยหยางคิดว่า เงินแค่100ล้านมันไม่คุ้มที่จะแลกกับชีวิตของผู้เป็นพ่อ ก็ไม่ต้องให้ก็ได้ครับ แต่ผมก็กังวลอยู่นะ ถ้ายังชักช้าอยู่แบบนี้ คนที่จับตัวพ่อของคุณไปอาจจะดื่มหนักจนขาดสติ จับพ่อของคุณถ่วงไว้กับหินแล้วโยนลงแม่น้ำไป…พ่อของคุณคงตายทรมานน่าดู”
หลิวซีจะกล้าบีบให้หยางเฉิงตายได้อย่างไร แต่หยางเมิงก็ไม่ยอมให้เงินสักที จึงต้องมีขู่กันหน่อย
อย่างไรก็ตามหยางหมิงรู้สึกว่าเงินจำนวนร้อยล้านมันมากเกินไป จึงพยายามต่อรองว่า
“พี่ซีมันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ? ทรัพย์สินของครอบครัวฉันมีเกินร้อยล้านไม่รู้กี่สิบเท่าก็จริง แต่การถอนเงินร้อนล้านออกไปในคราวเดียว มันจะทำให้ธนาคารเกิดข้อสงสัย และอาจโยงไปถึงเรื่องฟอกเงินได้ ถ้าเกิดเรื่องนี้ถึงหูตำรวจคงไม่จบง่ายๆแน่นอน”
อันที่จริงแล้ว หลิวเปาไม่ได้วางแผนที่จะจับตัวหยางเฉิงมาเรียกค่าไถ่จริงๆ แต่เพียงแค่ต้องการสั่งสอนบทเรียนให้แก่หยางหมิงสักหน่อย แต่ดูจากตอนนี้ หยางหมิงดูว่านอนสอนง่ายขึ้นเยอะ ขอเงินสักร้อยล้านคงไม่เป็นปัญหาเช่นกัน
“นั้นไม่ใช่เรื่องที่ต้องห่วงเลย ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการแสดงของคุณ”
“เอาแบบนี้แล้วกันนะ ฉันจะใช้เงินจ้างนักฆ่ามาเพื่อสังหารหยางหู่เอง โอเคไหม?”
“ฮ่าฮ่า…นายน้อยหยางเป็นคนฉลาดหัวไวดี แต่มีเวลาแค่สองวันนะ ก่อนเที่ยงคืนขึ้นวันที่สาม ถ้าหยางหู่ยังไม่ตาย บางทีอาจต้องใช้ชีวิตของพ่อนายน้อยสังเวยแทน! นอกจากนี้ พวกเราขอค่าเสียขวัญอีกสิบล้าน!”
“สองวันมันน้อยเกินไป ฉันไม่รู้ว่าจะไปหานักฆ่าจากไหนด้วยซ้ำ แค่สองวันจะไปพออะไร?”
เที่ยงคืนขึ้นวันที่สาม ทั้งสองฝั่งจะต้องเปิดศึกกันแล้ว ถ้าไม่ลอบสังหารหยางหู่ให้ตายก่อน อาจเป็นฝ่ายหลิวเปาเองที่ต้องตายแทน
ดังนั้นหลิวซีจึงให้เวลาหยางเมิงแค่สองวันเท่านั้น
“ผมไม่สนว่านายน้อยจะหามาทันไหม แต่ถ้าครบกำหนดแล้วหยางหู่ยังไม่ตาย พ่อของนายน้อยก็เตรียมถูกโยนลงแม่น้ำได้เลย!”
“แต่ฉันไม่รู้จริงๆว่าจะไปหานักฆ่าจากไหน! อย่างน้อยก็ช่วยชี้ทางแนะนำอะไรหน่อยก็ยังดี!”
หลิวซีจุ่มนิ้วลงในถังน้ำแข็งอีกครั้ง และเขียนเบอร์ติดต่อลงบนโต๊ะ หยางเมิ่งรีบจดทันทีก่อนที่จะหลิวซีจะรีบลบหมายเลขดังกล่าวทิ้งไป
“เอาล่ะ ผมคงช่วยได้เท่านี้ ที่เหลือขึ้นอยู่กับนายน้อยหยางแล้ว เอาล่ะผมยังมีธุระต้องทำ ขอตัวก่อน”
ขณะที่หลิวซีกำลังเดินออกจากห้องส่วนตัว เพื่อลงไปเต้นบนฟอร์ด้านล่างเวที จู่ๆลูกน้องคนหนึ่งนามว่าหงลี่ก็รีบวิ่งเข้ามาเรียก
“พี่ซี! รีบกลับไปบ้านพี่เปาเร็วเข้า! พี่เปาแย่แล้ว!”
“ห๊ะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“รีบมาด้วยกันก่อนครับ!”
“โอ-โอเค พวกเรากลับ!”
หลิวซีรีบพาพวกลูกน้องวิ่งออกไปขึ้นรถ และรีบเดินทางไปยังบ้านของหลิวเปาโดยเร็วที่สุด แต่ยังไม่ทันจะถึงห้องนอนของหลิวเปา หลิวซีก็ได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญอันแสนเจ็บปวดดังลั่นไม่หยุดหย่อน พอรีบเปิดประตูเข้าไป ปรากฏว่านิ้วหัวแม่มือขวาของหลิวเปาถูกสับขาดออกไปแล้ว
“พี่เปา! นี่มันเรื่องอะไรกัน… ใครมันกล้าแตะต้องพี่เปาของกูวะ!”
หลิวเปายกมือซ้ายออกไปบีบคอหลิวซีไว้แน่น พร้อมตะคอกด่าสวนไปว่า
“ทั้งหมดก็เพราะมึงนั้นแหละ! ถ้าไม่ใช่มึงที่ไปรับงานจากหยางหมิง กูคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้!”
หลิวเปาโมโหอย่างมากจนโยนร่างของหลิวซีกระเด็นออกไปด้วยมือเพียงข้าวเดียว ก่อนจะหันไปถามหงลี่ว่า ระหว่างทางที่มาพบใครน่าสงสัยสวนออกไปหรือไม่?
หงลี่ลดศีรษะลงเล็กน้อยและตอบพร้อมท่าทีเก้อเขินว่า
“ไม่…ไม่…ไม่เห็นเลยครับ พวกมันน่าจะมีประสบการณ์ไม่น้อย ไม่มีหลักฐานหลงเหลือทิ้งไว้ให้เราตามสืบได้เลย ดูจากพฤติกรรมการลงมือแล้ว น่าจะเป็นทหารไม่ก็นักฆ่าเก่าครับ อย่างน้อยที่สุดน่าจะเป็นคนที่เคยฝึกอยู่ในหน่วยรบพิเศษมาก่อน”
ดวงตาคู่นั้นของหลิวเปาพราวสว่างขึ้นในบัดดลเมื่อได้ยินคำว่า หน่วยรบพิเศษ
“ไอ้หยางหู่! มันต้องเป็นไอ้หยางหู่แน่นอน! มันเคยประจำการอยู่ในหน่วยรบพิเศษ!”
ทุกคนต่างเลือดร้อนขึ้นในทันทีที่ได้ยินว่า เป็นฝีมือของหยางหู่
“พี่เปา มันตลบหลังเรา!”
“พวกเรานัดเปิดศึกกันในอีกสามวันให้หลัง มาลอบทำร้ายกันก่อนแบบนี้โคตรไร้ศักดิ์ศรีเลย! พวกเราจะบุกมันเลยดีกว่า!”
“พี่เปา อย่าปล่อยเรื่องนี้ไปเฉยๆครับ ทางที่ดีพวกเราออกโรงกันเลยดีกว่า!”
หลิวเปากัดฟันแน่นไม่รู้จะทำยังไงต่อเช่นกัน นี่เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้นและยังไม่มีหลักฐานใดๆที่ผูกมัดอีกฝ่ายได้เลย ถ้าเขาเป็นยฝ่ายเปิดฉากโจมตีหยางหู่ก่อน ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เราจะถูกตีตราว่าเป็นพวกไม่มีศักดิ์ศรี ซึ่งนี่จะลดความน่าเชื่อถือของเขาเป็นอย่างมากในอนาคต แต่จะปล่อยให้ใครก็ไม่รู้ตัดนิ้วหัวแม่มือตนเองแบบนี้ไปงั้นเหรอ?