ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่ 125 เธอเป็นเจ้าตัวยุ่งของฉัน
ตอนที่ 125 เธอเป็นเจ้าตัวยุ่งของฉัน
เมื่อครู่หลัวหยิงไม่เห็นว่ามู่น่อนน่อนใช้ขวดเบียร์นั้นฟาดไปที่หัวของผู้ชายคนนั้น จึงมองหน้ามู่น่อนน่อนด้วยความไม่เกรงกลัว: “เข้ามาสิ แทงหน้าฉันเลยสิ!”
มู่น่อนน่อนเผยอปากขึ้น ยื่นมือที่ถือขวดเบียร์ออกไป กำลังจะแทงไปที่หน้าของหลัวหยิง หล่อนตกตะลึงจนเบิกตากว้าง ยกมือขึ้นมาป้องหน้าของตัวเองไว้ ปากก็ยังกรีดร้องไม่หยุด
“ว๊าย!!”
เสียงกรีดร้องของหล่อนดังก้องไปทั่วทั้งห้อง แต่ขวดเบียร์ที่มู่น่อนน่อนถือไว้ก็ไม่ได้แทงโดนหล่อน
มู่น่อนน่อนยิ้มเย้ย พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย: “ก็แค่นั้นเอง!”
หลัวหยิงรู้สึกขายหน้ามาก สีหน้าแย่ลงทันที หล่อนไม่ได้ลุกขึ้นยืน แต่กลับส่งสายตาจิกกัดใส่ด้านหลังมู่น่อนน่อน
เมื่อมู่น่อนน่อนได้สติขึ้นมา หล่อนก็ถูกคนเข้ามาล้อมจากด้านหลังไว้ก่อน
ผ่านเรื่องเลวร้ายมามากขนาดนี้แล้ว เสิ่นเหลียงก็ได้สติขึ้นมาเยอะพอสมควรแล้ว
หล่อนลุกขึ้นมาจากนั้นก็จิกผมของหลัวหยิงเต็มแรง: “ให้ตายเถอะ! เรื่องระหว่างเธอกับฉันก็มาจัดการที่ฉันสิ ไปหาเรื่องเพื่อนฉันทำไม! เมื่อก่อนเธอชอบใส่ร้ายฉัน ฉันยังถือว่าโดนหมากัดไม่สนใจอะไร แต่วันนี้เธอมาหาเรื่องฉันเอง ถ้าฉันไม่ลงมือจัดการให้เด็ดขาดก็อย่ามาเรียกฉันเสิ่นเหลียง…”
พวกคนที่หลัวหยิงพามาด้วย จับตัวมู่น่อนน่อนไว้ และยังมีบางคนไปช่วยหลัวหยิง
แต่พวกเขาไม่สามารถดึงตัวเสิ่นเหลียงมาได้
มู่น่อนน่อนไม่ได้ใส่ซื่อ แน่นอนว่าหากโดนโจมตีต้องสู้คืนแน่นอน
ทันใดนั้นภายในห้องประชุมก็วุ่นวายขึ้นมาทันที มีบางคนที่ไม่อยากยุ่งอะไร จึงไปหลบอยู่ที่มุมหนึ่ง แต่กลับหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอไว้
คนที่สามารถเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงได้ ต้องชอบใจแน่นอน
แม้ว่าหลัวหยิงจะมีข่าวทางลบเยอะ แต่หล่อนก็ถือว่าสิ่งนี้สามารถสร้างชื่อเสียงให้หล่อนได้ ชื่อเสียงของเสิ่นเหลียงมีมากกว่าหลัวหยิงนิดหน่อย และเป็นไปในทางที่ดีอีกด้วย เมื่อทั้งสองทะเลาะตบตีกัน เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ต้องตกเป็นข่าวใหญ่แน่นอน
ทันใดนั้นมีเสียงดัง “ปั้ง” ประตูห้องวีไอพีถูกคนเปิดออกจากด้านนอก
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
เสียงของคนที่พูดเป็นเสียงของผู้ชาย
มู่น่อนน่อนเงยหน้ามองเขา หล่อนรู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้ เหมือนว่าจะเป็นผู้จัดการของผับแห่งนี้
เสียงตะโกนของผู้จัดการดังขึ้น คนในห้องจึงเงียบสงบลงทันที
เสิ่นเหลียงกำลังจิกหัวตบตีอยู่กับหลัวหยิงพอดี และเห็นได้ชัดว่าหลัวหยิงรู้จักผู้จัดการเป็นอย่างดี จึงร้องตะโกนขึ้น: “นายรีบเข้ามาสิ เอาผู้หญิงคนนี้ออกไป”
ผู้จัดการไม่มีท่าทีขยับ แต่หันกลับไปดูคนที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นพูดอย่างเคารพนอบน้อม: “ไม่ทราบว่าคนที่ประธานกู้ต้องการพบคือท่านไหนครับ?”
มู่น่อนน่อนหันหลังไปมอง บังเอิญเห็นกู้จือหยั่นเดินเข้ามาจากหน้าประตูพอดี
และในตอนนั้นเองมือของมู่น่อนน่อนยังถือขวดไวน์ที่ยังไม่เปิดไว้อีกด้วย ผมของหล่อนถูกชายคนหนึ่งจิกไว้ มืออีกข้างหนึ่งของหล่อนจับเสื้อของผู้หญิงอีกคนหนึ่งไว้…
พูดได้ว่าน่าอายมากๆ
ดูเหมือนว่ากู้จือหยั่นตกตะลึงไปทันที จากนั้นพูดตะโกนขึ้น: “ปล่อยเดี๋ยวนี้!”
เขาเพียงแค่รู้ว่ามู่น่อนน่อนทำอาหารอร่อย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหล่อนจะมีความสามารถจัดการเรื่องได้มากขนาดนี้
แน่นอนว่าคนพวกนั้นรู้จักกู้จือหยั่น จึงต่างพากันปล่อยมู่น่อนน่อนออก
มู่น่อนน่อนหันหลังไปถีบผู้ชายที่จิกผมเธอไว้อย่างเต็มแรง: “ไม่รู้หรือไงว่าห้ามจับผมผู้หญิงเล่นแบบนี้?”
ผู้ชายคนนั้นเจ็บจนกระโดดไปมา แต่กล้าทำได้เพียงจ้องหน้ามู่น่อนน่อน ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
ทันใดนั้น หลัวหยิงที่กำลังทะเลาะตบตีอยู่กับเสิ่นเหลียงร้องขึ้นด้วยความออดอ้อน: “ประธานกู้…”
เพราะมู่น่อนน่อนยืนอยู่ เมื่อกู้จือหยั่นเดินเข้ามาจึงเห็นมู่น่อนน่อนก่อน
จากเสียงของหลัวหยิงที่พูดว่า “ประธานกู้…” เขาจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าเสิ่นเหลียงขึ้นคร่อมอยู่บนตัวของหลัวหยิง…
เขาขมวดคิ้วเข้าหากันเพิ่มมากขึ้น เดินเข้าไปดึงเสิ่นเหลียงขึ้นมา
เมื่อเสิ่นเหลียงยืนขึ้นก็สะบัดมือเขาออกอย่างเต็มแรง
หลัวหยิงเป็นนักแสดงที่เซ็นสัญญาในสังกัดของเสิ้งติ่ง หล่อนรู้ดีว่าบริษัทนายหน้าของเสิ่นเหลียงกับเสิ้งติ่งเป็นคู่แข่งที่มีข้อบาดหมางกันมาก หล่อนจึงรู้สึกว่ากู้จือหยั่นต้องมาช่วยตัวเองแน่นอน
หล่อนลุกขึ้นนั่งเอามือปิดหน้าและร้องไห้ด้วยความทุกข์ใจ: “ประธานกู้ ฉันเพียงแค่อยากมาดื่มกับครูเสิ่นเหลียงเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าครูเสิ่นเหลียงจะดื่มหนักมากจนลงไม้ลงมือแบบนี้…”
หล่อนร้องไห้ด้วยท่าทีจริงใจมาก พูดเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องจริง
กู้จือหยั่นเหลือบมองดูเสิ่นเหลียง สภาพของเสิ่นเหลียงก็ไม่ดีเท่าไหร่ ผมกระเซิง เครื่องสำอางบนใบหน้าก็จางหายไปหมด บนคอและใบหน้ายังมีรอยแดงจากการโดนเล็บข่วนอย่างชัดเจน
สีหน้าของเขานิ่งไปทันที
ตั้งแต่มู่น่อนน่อนรู้จักกับกู้จือหยั่นมา เคยเห็นเขาใส่แว่นตาทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่น่าไว้ใจ เคยเห็นเขาทำตัวเป็นสุนัขรับใช้ต่อหน้าเฉินถิงเซียว นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เห็นเขาทำสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนเฉินถิงเซียว
เขาก้มลงมองหลัวหยิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “หลัวหยิง เธอรู้ไหมว่าเสิ่นเหลียงเป็นใคร?”
“เธอคือ…คือใครเหรอ…” ตอนนี้หลัวหยิงเริ่มรู้สึกผิดปกติ จึงเงยหน้ามองกู้จือหยั่น
มู่น่อนน่อนเพิ่งสังเกตเห็นว่าหน้าของหล่อนบวมขึ้นมา บนหน้ายังมีรอยจ้ำเลือดอีกไม่น้อย คงเป็นเพราะเกิดจากตอนที่เสิ่นเหลียงใช้เล็บจิก ซึ่งดูหนักกว่าเสิ่นเหลียงมาก
กู้จือหยั่นขยับปากขึ้น แต่กลับไม่มีรอยยิ้มปรากฏให้เห็น: “เธอเป็นเจ้าตัวยุ่งของฉัน”
น้ำเสียงแหบแห้งของเขาเบามาก แต่หลัวหยิงที่ได้ยิน กลับรู้สึกกึกก้องไปทั้งหู
เมื่อพูดจบ เขาเงยหน้ากวาดสายตามองผู้คนรอบห้อง จากนั้นสายตาหันไปหยุดอยู่ที่ผู้หญิงสองคนที่หลบอยู่ในมุมด้านข้าง
สีหน้าท่าทางของผู้หญิงทั้งสองดูเหมือนทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัว กู้จือหยั่นเลิกคิ้วขึ้น: “ส่งมือถือมา”
สีหน้าของผู้หญิงทั้งสองเปลี่ยนไปทันที เพราะรู้ว่ากู้จือหยั่นเป็นใคร จึงไม่กล้าพูดอะไรมาก และยอมส่งมือถือให้เขาทันที
“คนที่เหลือ ไปแจ้งตำรวจได้ พวกเราคนของเสิ้งติ่ง มีเรื่องที่ผับของพวกนาย พวกนายต้องชดใช้ให้ฉัน” กู้จือหยั่นหันไปมองผู้จัดการ
ผู้จัดการพยักหน้าลง: “ครับ ผมจะให้เถ้าแก่ของพวกเราชดใช้ให้ประธานกู้อย่างพึงพอใจที่สุด”
กู้จือหยั่นหันไปมองเสิ่นเหลียง น้ำเสียงอ่อนโยนขึ้น: “พวกเราไปกันเถอะ”
เสิ่นเหลียงกระแอมขึ้น จ้องหน้าเขา กำลังก้าวขาเดินออกไปด้านนอก
มู่น่อนน่อนก็รีบเดินตามมา
หล่อนกับเสิ่นเหลียงไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ จากนั้นจัดเสื้อให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
หลังจากที่เสิ่นเหลียงล้างหน้าเสร็จ ยังมีรอยแดงอยู่บนใบหน้าหลงเหลืออยู่เล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับเลือดออก ดูเหมือนคนไม่เป็นอะไร
แต่หน้าผากของมู่น่อนน่อนกลับบวมเป่งเป็นก้อนใหญ่ ดูแล้วน่ากลัวมาก
“เป็นอะไรรึเปล่า? ทำไมบวมเป็นก้อนใหญ่ขนาดนี้ล่ะ?” เสิ่นเหลียงใช้มือจับเบาๆ ไม่กล้าออกแรงมาก: “ใครหน้าไหนทำเธอแบบนี้ ฉันจะไปเอาคืนให้สาสม”
“พอแล้ว ใจเย็นหน่อย เธอเก่งกว่าคนอื่นอยู่แล้ว” มู่น่อนน่อนส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ
เสิ่นเหลียงลูบจมูกไปมา เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นเพราะหล่อนทั้งนั้น
ตอนที่ทั้งสองออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นกู้จือหยั่นรออยู่ด้านนอก
กู้จือหยั่นเดินเข้ามา กำลังจะจับไปที่ใบหน้าของเสิ่นเหลียง: “ขอฉันดูแผลบนหน้าเธอหน่อย”
“แผลอะไรกัน ไม่มี” เสิ่นเหลียงสะบัดมือเขาออกเต็มแรง สีหน้าไม่พอใจอย่างมาก
มู่น่อนน่อนยิ้มเยาะ กำลังจะก้าวขาเดินไปข้างหน้า ไม่รบกวนพื้นที่ส่วนตัวของพวกเขา
ทันใดนั้น ได้ยินเสียงของฝีเท้าที่ก้าวมาอย่างหนักแน่น
หล่อนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเงาร่างสูงใหญ่ของเฉินถิงเซียวปรากฏอยู่ที่ทางเลี้ยว
แต่ทว่า สีหน้าของเขา…ช่างน่ากลัวเหลือเกิน