ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่ 28 ความสามารถในการดึงดูดผู้ชาย
ตอนที่ 28 ความสามารถในการดึงดูดผู้ชาย
เฉินถิงเซียวที่ได้ยินแล้ว ถึงกลับหันข้างไปมองหล่อน สีหน้าที่แสดงออกมานั้นช่างดูผ่อนคลาย “มารับคุณไง”
มู่น่อนน่อน เม้มปาก พร้อมทั้งพูดกระซิบกระซาบทำตัวอย่างกับขโมย “คุณอย่ามาหาเรื่องนะ”
“เอาตามที่คุณสบายใจ” เฉินถิงเซียวกระตุกยิ้มมุมปาก ดูท่าทางไม่สนใจไยดีว่าหล่อนจะคิดยังไงเลย
เขาที่มาไม่ใช่ว่ามารับมู่น่อนน่อนจริงๆนั่นแหละ
เขาก็แค่อยากมาพบเจอกับคนในตระกูลมู่เท่านั้นแหละ เรื่องในอินเทอร์เน็ตนั้นมันดูเป็นเรื่องใหญ่โต สำหรับเขาแล้วมันไม่มีผลกระทบอะไรกับเขาเลย แต่มันยุ่งยากมาก
ถึงแม้ว่ามู่น่อนน่อนจะเป็นภรรยาที่เรื่องไม่เยอะ แต่หากว่าคนในตระกูลมู่ยังวุ่นวายไม่หยุด เขาไม่สนใจที่จะลงมือจัดการเองกับมือ
มู่น่อนน่อนยังพูดอะไรขึ้นมาอีก ยิ่งเห็นเซียวชู่เหอเดินลงจากตึกมาพร้อมกับมู่ลี่เหยียน แล้วด้วย จากนั้นก็เป็นมู่หวั่นขีลงมา
ไม่รู้ว่าทั้งคู่ต่างคุยอะไรกัน ยิ่งเห็นสายตามู่น่อนน่อนที่ไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่
“หวั่นขีมาคุยเป็นเพื่อนคุณชายหน่อย” มู่ลี่เหยียนพูดจบ ก็มองไปทางมู่น่อนน่อน “น่อนน่อน พ่อมีเรื่องอยากจะคุยด้วย เธอตามมาทางนี้กับฉันหน่อย”
มู่น่อนน่อนมองมู่หวั่นขีแวบหนึ่ง ก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามไปอย่างเชื่อฟัง
มู่หวั่นขี เดินไปข้างๆของเฉินถิงเซียว ซึ่งเป็นที่นั่งที่ มู่น่อนน่อนนั่งก่อนหน้านี้ ไม่ต้องคิดเลย อยู่ดีๆเฉินถิงเซียวก็เสียงแข็งขึ้นมา “อยู่ไกลๆฉัน”
มู่หวั่นขีสีหน้านิ่ง หล่อนคิดถึงคราวที่แล้วที่หล่อนเจอกับผู้ชายคนนี้ ที่ตนเองเป็นคนเชื้อเชิญเขาให้เข้ามานั่งเล่นในวิลล่า ทว่าผู้ชายคนนี้กลับไม่มีใจให้หล่อนเลยสักนิด
ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ไม่เข้าใกล้ความรู้สึกใครทั้งสิ้น!
และก็ไม่รู้ว่าคนบ้านนอกอย่างมู่น่อนน่อน มีข้อดีตรงไหนเขาถึงได้ยินยอมที่จะมารับหล่อนได้นะ
……
มู่น่อนน่อนเดินตามมู่ลี่เหยียนมายังห้องหนังสือ
มู่ลี่เหยียนใช้สีหน้าเคร่งขรึมถามเขา “เธอกับเฉินเจียฉินคนนั้นมีความสัมพันธ์อะไรกัน?”
“ไม่มีความสัมพันธ์กันนี่” มู่น่อนน่อนส่ายศีรษะ พร้อมทั้งสีหน้าใสซื่อ
“คราวที่แล้วที่เธอกลับมาบ้านมู่ สิ่งที่พวกเธอทำในรถนั้น แม่ของเธอและหวั่นขี ทั้งคู่ ต่างก็เห็นเต็มสองตา!” มู่ลี่เหยียนโมโหจนตบโต๊ะดังๆ
“ป๊าบ” เสียงดังสนั่น มู่น่อนน่อนตกใจจนหัวหด
“แกแต่งกับเฉินถิงเซียว ก็ไปเป็นคุณนายน้อยอย่างสบายใจ แกมายั่วน้องชายลูกพี่ลูกน้องเขาแถมอยู่ด้วยกันอีกเนี่ยมันหมายความว่าไง?”
ในใจมู่น่อนน่อนถึงกลับยิ้มยะเยือก ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นว่ามู่ลี่เหยียนจะสนใจเธอมาก่อนเลย
ยามเงยศีรษะขึ้นมานั้น ใบหน้าของหล่อนก็ยังคงทำหน้าตาไม่รู้เรื่องอยู่ดี “ฉันไม่ได้ทำ”
มู่ลี่เหยียนกำลังวิเคราะห์มู่น่อนน่อนอยู่ สายตาของเขามองอยู่ที่ใบหน้าของหล่อน ในสายตาของเขานั้นแสดงความรังเกียจ ขึ้นมา
เขาและเซียวชู่เหอต่างหน้าดี จะมีอยู่กับผู้หญิงหน้าตาอัปลักษณ์อย่างมู่น่อนน่อนเนี่ยนะ?
หากไม่มีการตรวจ DNAในเวลานั้น เขาก็ต้องสงสัยว่ามู่น่อนน่อนไม่ใช่ลูกเขา
หล่อนหน้าตาแบบนี้เนี่ยนะ มันช่างไม่มีทางดึงดูดผู้ชายได้ตรงไหน
ในใจของเขานั้นวิธีคิดแบบนี้ไม่สามารถแสดงออกมาให้เห็นได้ สำหรับเขามู่น่อนน่อน ยังมีประโยชน์อยู่
“ไม่มีก็ดี มีเวลาก็พาพี่สาวของแกไปเดินเที่ยวที่บ้านตระกูลเฉินบ้าง ให้หล่อนได้รู้จักเพื่อนให้เยอะขึ้น” พอพูดจบเขาก็พูดต่อตามใจเขาเลย “น้องชายของเฉินถิงเซียวก็ ถือว่าไม่เลว”
คำพูดนี้ของ มู่ลี่เหยียนเคยพูดมาแล้ว มู่น่อนน่อนถามเขากลับด้วยสีหน้าเหมือนไม่เข้าใจ “พี่เขาก็เพื่อนเยอะอยู่แล้วไม่ใช่หรอ? แถมหล่อนยังมีเสิ่นชูหานอยู่นี่”
“แกจะเข้าใจอะไร!” มู่ลี่เหยียนกวาดตามองหล่อนอย่างเย็นชา “ลงไป”
“อ้อ”
มู่น่อนน่อนหดคอ ทำท่าทางหวาดกลัว พร้อมทั้งหันตัวเดินลงด้านล่าง
……
บนโต๊ะอาหาร มู่ลี่เหยียนกำลังสอบถามเฉินถิงเซียว ที่นั่งอยู่ข้างๆว่าทำงานตำแหน่งอะไรในบริษัท พ่อแม่เป็นอะไรกับคนในตระกูลเฉิน
“ก่อนหน้านี้ทำไมตอนอยู่ในเมืองหู้หยางนั้นถึงไม่เคยเห็นคุณชายเฉินมาก่อนเลย เพิ่งกลับจากต่างประเทศหรอ?”
เฉินถิงเซียวเบิกตาขึ้น แล้วกวาดตาไปมองมู่ลี่เหยียนแวบหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆพูดออกมา “เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ทำงานอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่งตำแหน่งก็ถูๆไถๆอยู่ได้ไปวันๆ”
ดวงตา มู่ลี่เหยียนเปล่งประกายขึ้นมา พร้อมทั้งหัวเราะอย่างอ่อนโยน “งั้นพ่อแม่ของคุณล่ะ? ยังอยู่ที่ต่างประเทศหรอ?”
เฉินถิงเซียวขี้เกียจจะสนใจเขา พร้อมทั้งเอาถ้วยยื่นให้มู่น่อนน่อน “ซ้อ ตักซุปให้ผมหน่อย”
มู่น่อนน่อนเงยศีรษะขึ้นมาก็เห็นว่าเขายื่นถ้วยมาวางไว้ตรงหน้าซะแล้ว
นิ้วมือของเขาทั้งเรียวยาวทั้งสะอาดสะอ้าน นิ้วที่แนบมาถ้วยกระเบื้องสีขาวนั้นมันช่างน่ามองอย่างเห็นได้ชัด
มู่น่อนน่อนถึงกลับสติเลื่อนลอย หล่อนตระหนักว่า “เฉินเจียฉิน” ทำตัวเป็นคุณชายตั้งแต่หัวจรดเท้าซะจริงๆ
หล่อนรับถ้วยมา พลางเงยหน้ามองนัยน์ตาดำดั่งหมึกของเขาที่ดูเร่งรีบปรากฏออกมา
หล่อนไม่ได้พูดอะไรต่อ ลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งตักข้าวเพิ่มแล้ววางอยู่ตรงหน้าเขา
“ขอบคุณ” มุมปากของเขาไม่ได้ยิ้มตาม เหมือนจะยิ้ม แต่กลับไม่เห็นมีรอยยิ้มปรากฏออกมา
มู่น่อนน่อน ถึงกลับอึ้งพร้อมทั้งจ้องมองเขา “ไม่เป็นไร”
คุณชายคนนี้แสดงได้เก่งกาจจริงหรอ?
คำพูดของมู่ลี่เหยียนนั้น ไม่ได้กระแทกตาเฉินถิงเซียวเลยสักนิด สีหน้าของเขาไม่ค่อยดีสักนิด
เขาประเมินออกว่า“เฉินเจียฉิน”นั้นค่อนข้างใกล้ชิดสนิทสนมกับมู่น่อนน่อน หากเป็นเช่นนี้ ความรู้สึกของเขาที่ให้มู่น่อนน่อนแนะนำมู่หวั่นขีให้ “เฉินเจียฉิน”ได้สานสายสัมพันธ์กันนั้นถือว่าเป็นวิธีที่ดี
ส่วนเพื่อนชายคนสนิทเสิ่นชูหานของมู่หวั่นขี ในตอนนี้นั้น เขาก็แค่คิดว่าเป็นแค่ตัวสำรองเท่านั้นเอง
ในใจมู่ลี่เหยียนนั้นคิดเช่นนี้ เลยเปิดปากพูดออกไป
เฉินถิงเซียวเหลือบตามอง มู่ลี่เหยียน อยู่แวบหนึ่งโดยสีหน้ายังคงเดิม เลยแย่งพูดก่อนที่เขาจะพูดกับมู่น่อนน่อน “ฉันกินอิ่มแล้ว กลับเถอะ”
พอพูดจบ ก็ลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งพูดว่า “ขอบคุณที่เลี้ยงรับรอง”
ถึงแม้ว่าปากที่พูดจะหมายถึงขอบคุณก็ตาม แต่การแสดงออกของเขานั้นเหมือนกำลังออกคำสั่งอยู่
บรรยากาศที่ตามมานั้น มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิด
แต่สำหรับเขาคนที่ไม่เคยสนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น มันคือความเย่อหยิ่ง
ทว่า มันช่างน่าหลงใหล
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าตนเองบางทีอาจจะเป็นเพราะถูกมู่หวั่นขีตบจนเอ๋อ ไม่งั้นหล่อนคงไม่รู้สึกว่าที่คุณดื้อด้าน“เฉินเจียฉิน” คนนี้ทำนั้น มันช่างน่าหลงใหลมากเลยแหละ?
“พ่อ งั้นฉันขอตัว…กลับก่อนนะ” ถึงแม้ว่ามู่น่อนน่อนจะอยากจะกลับเร็วๆ แต่ว่าการละเล่นละครนั้นก็ต้องทำให้เต็มที่
มู่ลี่เหยียนอยากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ไม่ทัน เดิมก็อึดอัดอยู่นิดๆ มู่น่อนน่อน ก็เหมือนว่าจะกำลังยืนจ่ออยู่ที่ปากกระบอกปืน
เขาจ้องมู่น่อนน่อนตาถลน พร้อมใช้เสียงตะคอกตอบหล่อน “ยังไม่รีบออกไปอีก!”
มู่น่อนน่อนพยายามก้มหน้าอย่างอดทน พร้อมทั้งหยิบกระเป๋าเดินออกไปทางด้านนอก
มู่ลี่เหยียนและทั้งบ้านต่างเดินตามออกมาส่งพวกเขา
ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า อำนาจนั้นเป็นสิ่งที่ดีมาก โดยเฉพาะ“เฉินเจียฉิน” ที่เมื่อครู่นี้ไม่ไว้หน้ามู่ลี่เหยียนเลยด้วยซ้ำ แต่มู่ลี่เหยียนก็ยังยิ้มสู้
พวกเขาทั้งสามคนนั้นยืนอยู่หน้าประตูวิลล่า “คุณชายเฉิน ไว้เจอกันใหม่นะครับ”
เฉินถิงเซียวทำเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้มมองพวกเขากลับ จากนั้นก็หันไปมองมู่น่อนน่อนที่ยืนอยู่ที่ด้านหน้ารถ พร้อมใช้เสียงทุ้มต่ำ “ยังไม่ขึ้นรถอีกหรอ?”
พอมู่น่อนน่อนได้ยินแล้ว ก็เปิดประตูรถแล้วขึ้นรถทันที แต่กลับพบว่ามันเปิดไม่ออก
หล่อนมองหน้า“เฉินเจียฉิน”อย่างสงสัย
เฉินถิงเซียวขมวดคิ้ว นัยน์ตาดำขลับทอประกายความรู้สึกหมดความอดทน “ซ้อ คุณคิดว่าผมเป็นคนขับรถหรือยังไง?”
หล่อนแค่ไม่อยากนั่งข้างๆเขาเท่านั้นเองนี่คิดแบบใส่ซื่อนะ!
เขาพูดแบบนี้แล้ว หล่อนเลยดึงประตูรถด้านข้างคนขับรถพร้อมทั้งสอดตัวเข้าไปในรถ
รถยนต์เคลื่อนตัวออก ในตัวรถเงียบสนิท
มู่น่อนน่อนเริ่มรู้สึกว่า “เฉินเจียฉิน” ที่มาบ้านตระกูลมู่ในวันนี้ดูแปลกประหลาดพิกล
“เฉินถิงเซียวเป็นคนให้คุณมารับฉันจริงๆหรอ?” คิดไปคิดมาแล้ว หล่อนก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีว่าการที่เขามาที่บ้านตระกูลมู่นั้น มีจุดประสงค์อะไรกันแน่
ดวงตาของเฉินถิงเซียว ไม่ขวันเขวเอาแต่มองไปยังด้านหน้า น้ำเสียงของเขาดูเฉยเมย “ไม่งั้นล่ะ? คุณคิดว่าฉันอยากจะมาเองงั้นหรอ?”
“อ๋อ งั้นก็ดี”