ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่ 29 ตั้งใจหาเรื่อง
ตอนที่ 29 ตั้งใจหาเรื่อง
มู่น่อนน่อนแสร้งทำตัวทำโง่ ขี้เหร่แฝงอยู่ในตระกูลมู่เป็นเวลานานหลายปี จนคนในตระกูลมู่เชื่ออย่างสนิทใจในความเซ่อซ่าที่เธอแสดงออกมาจนชินชา
แต่ตระกูลเก่าแก่กว่าร้อยปีอย่างตระกูลมู่คนรับใช้แต่ละคน ก็มีแต่พวกฉลาดๆทั้งนั้น ไม่ต้องพูดถึงลูกพี่ลูกน้องอย่างเฉินถิงเซียวและเฉินเจียฉิน
และแน่นอนการที่เธอแกล้งโง่ ทำตัวเซ่อซ่าอาจหลอกทั้งสองคนไม่ได้ เธอจึงไม่ได้ตั้งใจแสดงละครมากนัก
ดังนั้น ทันทีที่เธอเดินออกจากประตูบ้านของตระกูลมู่เธอทำตัวปกติ
เฉินถิงเซียวหันหน้าไป แน่นอนว่าสีหน้าโล่งใจของเธอไม่สามารถหลบสายตาอันเฉียบแหลมของเขาได้
ดูเหมือนเธอไม่ค่อยอยากจะเข้าไปผัวพันกับ “เฉินเจียฉิน”สักเท่าไร
แม้ว่าเธอจะรู้ว่า สิ่งที่เกลียดคือลูกพี่ลูกน้องที่”เฉินเจียฉิน” ปั้นขึ้นมา แต่ในใจก็ยังรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอยู่ดี
อี๊ดดดดดด–
เสียงรถเบรกกะทันหัน ล้อรถถูไปกับพื้นถนน เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
มู่น่อนน่อนเหมือนถูกกระชากไปด้านหน้า วินาทีต่อมาก็เด้งกลับไปที่พนักพิงด้านหลังอย่างแรง
เธอระงับโทสะ หันหน้าไปมองที่ “เฉินเจียฉินอย่างอ่อนล้า”: “คุณทำอะไรของคุณ?”
เฉินถิงเซียวพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน: “มือลื่น”
“คุณ … ” คำอธิบายที่ดูไม่จริงใจของเขา ทำให้มู่น่อนน่อนพูดไม่ออก
ในเมื่ออยู่กับคุณชายที่เธอไม่สามารถยั่วโมโหเขาได้ นอกจากอดทน จะพูดอะไรได้อีก?
เฉินถิงเซียวแหล่มองเห็นแววตาที่คับแค้นใจแต่ทำอะไรไม่ได้ของเธอ ในสายตาคู่นั้นก็สะท้อนความกระหยิ่มยิ้มย่องใจ
มู่น่อนน่อน รู้สึกว่าเธอและ “เฉินเจียฉิน” จะต้องชะตาไม่ต้องกันแน่ ๆ เจอเขาทีไร ไม่เคยเกิดเรื่องดี ๆเลยสักครั้ง ทำให้เธอแน่ใจมากยิ่งขึ้นว่า เธอควรจะอยู่ห่างๆเขาจะดีกว่า
…
รถหยุดตรงทางเข้าวิลล่าของ เฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนพูด “ขอบคุณ” แบบขอไปที จากนั้นก็เปิดประตูลงจากรถเดินไปที่วิลล่า
เธอถามบอดี้การ์ดที่ยืนประจำการอยู่ที่ประตู: “คุณชายของพวกคุณอยู่ไหม?”
เธอกล้าที่จะกลับมาเหยียบที่บ้านของตระกูลมู่ เพราะเธอมั่นใจว่าสามารถออกไปได้อย่างปลอดภัย แต่ เฉินถิงเซียวตั้งใจให้ “เฉินเจียฉิน” ไปรับเธอ เธอก็ยังนึกขอบคุณเขาอยู่ในใจ
บอดี้การ์ดมองไปที่เฉินถิงเซียวที่เดินถือกุญแจรถตามหลังมา พูดโดยสีหน้าไม่จริงจังว่า: “คุณชายออกไปทำธุระข้างนอก ยังไม่กลับมา”
“อย่างนี้นี่เอง … ” มู่น่อนน่อนชะงักไปครู่หนึ่งและพูดว่า “ถ้าเขากลับมาแล้ว รบกวนช่วยบอกฉันด้วยนะคะ”
เธออยากจะขอบคุณเฉินถิงเซียวด้วยตนเอง
บอดี้การ์ดกล่าวอย่างสุภาพ: “ครับ”
เฉินถิงเซียวเดินเข้ามา จ้องไปที่หลังของมู่น่อนน่อน แต่กลับพูดกับบอดี้การ์ดว่า: “เธอพูดว่าอะไรนะ?”
“คุณนายน้อยถามว่าคุณชายอยู่ที่บ้านหรือเปล่าครับ ถ้าคุณชายกลับมาบ้านแล้ว ให้บอกเธอด้วย” บอดี้การ์ดบอกเขาอย่างซื่อ ๆ
…
มู่น่อนน่อนกลับมาที่ห้อง แล้วตรวจจดหมายขาเข้าจากอีเมลว่ามีใครส่งจดหมายนัดสัมภาษณ์งานมาบ้างหรือไม่
มีบริษัทเล็ก ๆ อยู่สองสามที่ ที่ส่งจดหมายนัดสัมภาษณ์งานมาให้เธอ
หลังจากที่เธอเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอก็ไม่เคยแบมือขอเงินจากตระกูลมู่เธอเพิ่งจะเรียนจบในปีนี้เงินเดือนที่ได้ก็น้อยนิด พอที่จะเลี้ยงตัวเองรอดเท่านั้น
การที่เธอแต่งงานเข้าตระกูลเฉินทางตระกูลเฉินคงให้ผลประโยชน์กับตระกูลมู่ไม่น้อย แต่เงินสักแดงเดียวเธอก็ไม่เคยเห็น แต่เพราะการแต่งงานในครั้งนี้ ทำให้เธอต้องออกจากงาน ตอนนี้เงินขาดมือมาก ต้องรีบหางานทำโดยด่วน
อ่านข้อความคร่าวๆของบริษัทที่นัดสัมภาษณ์ เป็นบริษัทที่ไม่ใหญ่มาก แต่สำหรับนักศึกษาจบใหม่อย่างเธอแล้วก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลย เธอจึงตัดสินใจไปสัมภาษณ์งานทุกบริษัท
เมื่อปิดคอมพิวเตอร์เสร็จ เธอเดินออกจากห้อง แล้วหยุดที่ทางลงบันได มองไปที่ห้องรับแขกแวบหนึ่ง ก็ยังไม่เห็นใคร
เธอก็ไม่ได้ยินเสียงรถเฉินถิงเซียวน่าจะยังไม่กลับมา
เธอจึงเดินกลับไปรอที่ห้องเหมือนเดิม
รอไปรอมา รอจนมืดค่ำ ก็ไม่เห็นเฉินถิงเซียวกลับมาสักที
มู่น่อนน่อนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เดินไปที่ห้องครัว
เฉินถิงเซียวน่าจะกลับมากินข้าวเย็นที่บ้านล่ะมั้ง? ถ้าอย่างนั้นเธอทำอาหารขอบคุณเขาดีกว่า
ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาอยู่ที่นี่ ในวิลล่าแห่งนี้ก็มีแต่พวกบอดี้การ์ด เธอกลับมากินข้าวที่บ้านไม่บ่อยมากนัก ส่วนกับข้าวที่เฉินถิงเซียวกิน บอดี้การ์ดเป็นคนทำให้เหรอ?
เฉินถิงเซียว เป็นคนที่ประหลาดจริง ๆ แม้แต่คนรับใช้ก็ไม่ยอมจ้าง
ตามที่คาดการณ์ไว้ พอเธอเดินเข้ามาในครัว ก็มีบอดี้การ์ดคนหนึ่งเดินตามเข้ามา: “คุณผู้หญิงหิวแล้วหรือครับ? อยากทานอะไรบอกผม เดี๋ยวผมจัดการให้”
“ฉันอยากทำอาหารให้คุณชายของพวกคุณกิน ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันลงมือทำเอง” มู่น่อนน่อนพูดพลางเปิดตู้เย็น
เมื่อบอดี้การ์ดได้ยินเช่นนั้น ก็ไม่ได้บังคับ: “หากคุณต้องการอะไร ก็บอกผมได้นะครับ”
มู่น่อนน่อนยิ้มให้เขา แล้วตอบว่า: “ได้ค่ะ”
ในตู้เย็นมีวัตถุดิบเพียบ อยากได้อะไรมีหมด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อแดง หรือขาว ผักประเภทใบเขียวและประเภทแตงต่าง
เธอไม่แน่ใจว่า เฉินถิงเซียว ชอบกินอะไร กะว่าจะออกไปถามบอดี้การ์ดสักหน่อย ก็มีเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังขึ้นจากด้านหลังของเธอ: “สตูว์เนื้อ ผัดผักสามสหาย…ใส่พริกเยอะๆหน่อย ใส่น้ำมันน้อย ๆ”
ทันทีที่มู่น่อนน่อนหันหน้าไปหาที่มาของเสียงนั้น ก็มองเห็น “เฉินเจียฉิน”ไม่รู้ว่าเขามายืนอยู่ด้านหลังของเธอเมื่อไร
เขาเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านสีเข้มดูสบายๆ มือทั้งสองล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ รูปร่างสูงโปร่งยืนอยู่ตรงนั้น ถึงแม้ว่าเขาไม่พูดอะไร แค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ไม่มีใครกล้ามองผ่านเขาไปได้
เขาก้มมองไปที่มู่น่อนน่อนและพูดเพิ่มว่า: “อ๋อ เพิ่มไข่ตุ๋นให้อีกอย่างหนึ่งด้วย อันนี่ไม่ต้องใส่พริก”
มู่น่อนน่อน: “… ”
ตอนนี้เริ่มสั่งอาหาร คิดว่าเธอเป็นพนักงานในร้านอาหารหรือไง?
เมื่อเขาพูดจบ กำลังจะหันหลังเดินออกไป มู่น่อนน่อนก็คว้าแขนเขาไว้อย่างรวดเร็ว แล้วถามว่า “แล้วพี่ของคุณชอบกินอะไร?”
เฉินถิงเซียวหยุดชะงัก แล้วหันกลับมามองที่เธอ: “ที่ฉันพูดมา เขาชอบทุกอย่าง”
“จริงเหรอ?” ทำไมเธอรู้สึกว่า อาหารพวกนี้น่าจะเป็น “เฉินเจียฉิน” ชอบซะมากกว่า
เฉินถิงเซียวหรี่ตาลงเล็กน้อย มือของเขาจับไปที่หัวของเธอแล้วลูบไปที่ท้ายทอย จากนั้นก็จ้องไปที่ดวงตาของเธอ
เขาโน้มตัวให้สูงพอๆกับเธอ จากนั้นใบหน้าอันหล่อเหลาที่มองไม่ออกถึงความรู้สึกใด ๆ พูดขึ้นว่า: “เธอคิดว่าฉันต้องโกหกหลอกกินอาหารที่เธอทำ อย่างนั้นหรือ?”
ใบหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก ตอนที่เขาพูด ความร้อนจากลมหายใจของเขาลนมาที่ใบหน้าของเธอ จนทำให้เธอหน้าแดง
เธอมองเห็นได้ชัดเจน ในแววตาดำสนิทราวกับหมึกคู่นั้น สะท้อนให้เห็นใบหน้าของเธอ
เมื่อก่อนเธอไม่เคยรู้สึกอะไรกับใบหน้าของตัวเอง แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามันช่างน่าเกลียดและดูโง่เง่าเสียจริง ๆ
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่า “เฉินเจียฉิน” สามารถรับได้ทุกอย่างจริง คุณชายตระกูลร่ำรวยที่เจอสาวงามมาสารพัด กล้าที่จะประทับจูบลงบนใบหน้าของเธอ!
เฉินถิงเซียวเห็นเธอยืนงง ก็ยิ้มขึ้นมานิดๆ มือของเขาลูบคลำไปที่คอที่เนียนละเอียดของเธอทีละนิด ทีละนิด: “มองฉันแบบนี้ เธอคิดจะทิ้งคนไร้ประโยชน์คนนั้น แล้วมาอยู่กับฉันใช่หรือเปล่า? ”
นิ้วของเขาเย็นเฉียบ แต่เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปมา ทำให้เธอเหมือนโดนไฟช็อตอยู่เนือง ๆ
มู่น่อนน่อนตื่นขึ้นมาจากภวังค์ จากนั้นก็ผลัก”เฉินเจียฉิน”ออกไปเต็มแรง: “คุณพูดเหลวไหลอะไร!”
เฉินถิงเซียวไม่ได้ตั้งรับ แรงผลักทำให้เขาเซไปด้านหลังสองสามก้าวถึงทรงตัวอยู่ แต่ไม่เห็นเขาจะมีทีท่าอะไร ทำเป็นไม่รู้สึกรู้สา: “เชื่อฉันเถอะ ว่าอาหารพวกนั้นเป็นของชอบของเฉินถิงเซียว อีกอย่างวันนี้ฉันมีนัดกินข้าวข้างนอก”
ทิ้งเพียงสายตาเจ้าเล่ห์มีความนัย แล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องครัวอย่างช้า ๆ
ทันทีที่ร่างของเขาหายลับตาไป มู่น่อนน่อนใจสั่นรัวหายใจแรง จนต้องยื่นมือไปจับประตูตู้เย็น เพื่อประคองตัวเองไว้
เธอค่อยๆยื่นมือไปจับที่ท้ายถอยตัวเอง สัมผัสเพียงนิดเดียว เหมือนกับมีไฟช็อต จนเธอต้องรีบชัดมือกลับ
หลังจากที่สงบจิตสงบใจได้แล้วมู่น่อนน่อนก็มั่นใจว่า “เฉินเจียฉิน” ตั้งใจหาเรื่องเธอแน่ ๆ