ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่ 30 เธอคิดจะให้เราสองพี่น้องผิดใจกันหรือไง?
ตอนที่ 30 เธอคิดจะให้เราสองพี่น้องผิดใจกันหรือไง?
เธอวิ่งไปที่ห้องน้ำ มองใบหน้าที่อัปลักษณ์ของตัวเองในกระจก ยังไงเธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไม “เฉินเจียฉิน” ถึงชอบหาเรื่องเธอตั้งหลายครั้งหลายคราว
ใช่ว่าเธอจะไม่เคยได้ยินว่า ในแวดวงของสังคมชั้นสูง มีบางคนที่มีความชอบส่วนตัวแปลก ๆ
หรือเป็นเพราะว่าเธอมีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ของเขา พอทำแบบนี้ถึงจะทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น?
ทันทีที่มีความคิดนี้ผุดขึ้นในหัว เธอก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันใด
ครั้งแรกที่เธอพบกับ “เฉินเจียฉิน” เธอคิดว่า เฉินเจียฉิน เป็นแค่คุณชายเสเพลคนหนึ่งเท่านั้น
แต่เมื่อครั้งที่เธอได้รับบาดแผลจากกระสุนปืน เธอก็เปลี่ยนความคิดต่อเขาไปอย่างสิ้นเชิง
เขาเป็นคนที่หน้าตาดี ฐานะของครอบครัวก็ดี มีความเพียรมุมานะเกินกว่าคนธรรมดาทั่วไป เพียงเท่านี้ เธอแน่ใจได้เลยว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆ
และผู้ชายที่ไม่ธรรมดาคนนี้ กลับชอบที่จะ…หาเรื่องเธอ?
ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้กันนะ?
…
หรือเพราะเขามีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ มู่น่อนน่อนทำกับข้าวอย่างใจลอย
หลังจากที่ทำเนื้อเสียไปสองชิ้น เธอถึงดึงสติกลับมาได้
เธอคิดว่าจะเชื่อ “เฉินเจียฉิน”สักครั้ง ทำกับข้าวตามที่เขาบอก
หลังจากที่เธอปรุงอาหารเสร็จ ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถอยู่ที่ประตูบ้าน
เฉินถิงเซียวกลับมาแล้วเหรอ?
ถ้าเธอออกไปตอนนี้ จะเจอเขาไหมนะ?
เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว ในใจก็ประหม่าเล็กน้อย
เมื่อเธอถอดผ้ากันเปื้อนออก และเดินออกไป ก็เจอแค่ สือเย่เพียงคนเดียว
เขาเดินถือกล่องกระดาษใบหนึ่งเข้าไปในห้องรับแขก เมื่อเขามองเห็นมู่น่อนน่อนเขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วก็ก้มหัวลงคำนับเล็กน้อย แล้วพูดอย่างสุภาพ: “คุณนายน้อย”
มู่น่อนน่อนพยักหน้ารับ แล้วถามเขาว่า: “เฉินถิงเซียวกลับมาแล้วเหรอ?”
“คุณชายขึ้นไปชั้นบนแล้วครับ” หลายวันผ่านไป สือเย่ก็เรียนรู้ที่จะช่วยเฉินถิงเซียวโกหกหน้าตาย
มู่น่อนน่อนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก: “เขาน่าจะยังไม่ได้กินข้าว ฉันเพิ่งทำอาหารเสร็จ”
สือเย่เป็นคนฉลาด พอฟังปุ๊บก็เข้าใจความหมายของมู่น่อนน่อน
“ผมเอาเอกสารไปให้คุณชายก่อน แล้วผมจะถามเขาให้ว่าจะลงมาทานอาหารชั้นล่าง หรือจะให้ยกอาหารขึ้นไปทานชั้นบนนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
…
สือเย่ถือกล่องเอกสารไปที่ห้องหนังสือของเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียว กำลังโทรศัพท์อยู่
เมื่อได้ยินเสียงผลักประตูดังขึ้นจากด้านหลัง เขารู้โดยไม่ต้องหันไปมองว่านั้นคือสือเย่
เมื่อเฉินถิงเซียวโทรศัพท์เสร็จ สือเย่ก็หยิบเอกสารทั้งหมดในกล่องออกมา จัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยบนโต๊ะทำงาน
เมื่อเห็นว่าสือเย่ยังไม่ออกไปจากห้อง เขาจึงถามไปว่า “ยังมีอะไรอีก?”
“คุณนายน้อย บอกว่าทำอาหารให้คุณชายทานครับ”
เฉินถิงเซียวได้ยินดังนั้น เขายังไม่ตอบในทันที เขาหักนิ้วมือเล่นไปมาอย่างไม่มีใครอธิบายสาเหตุได้ จากนั้นก็พูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า “อ๋อ ฉันรู้แล้ว”
สือเย่รู้สึกว่าตั้งแต่คุณนายน้อยแต่งเข้ามา คุณชายก็ทำตัวแปลกขึ้นทุกวัน
…
มู่น่อนน่อนรอไปรอมา ไม่เห็นสือเย่ลงมาสักที
เธอกำลังจะขึ้นไปชั้นบน แต่กลับเห็น “เฉินเจียฉิน” เดินลงมาอย่างช้า ๆ
มู่น่อนน่อนมองดูเขาด้วยความระแวง สีหน้าระแวดระวังก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว แต่ก็อดไม่ได้เลยถามไปว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าตอนเย็นมีนัดกินข้าวนอกบ้านไม่ใช่เหรอ?”
“อืม” เฉินถิงเซียวตอบคำหนึ่ง จากนั้นก็เดินผ่านหน้าเธอ ตรงไปที่ห้องอาหาร
บนโต๊ะอาหารมีอาหารหน้าตาดีอยู่หลายอย่าง นอกจากอาหารที่เขาบอกไปสามอย่างนั้นแล้วมู่น่อนน่อนยังทำไก่ผัดเผ็ดอีกอย่างหนึ่ง
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้วและเดินตามหลังเขาไป: “ทำไมคุณถึงยังไม่ออกไปข้างนอกล่ะ?”
“ฉันบอกว่า จะไปเหรอ?” เฉินถิงเซียวนั่งลงที่โต๊ะอาหาร แววตาราบเรียบมองไปที่มู่น่อนน่อนแวบหนึ่ง
ยังไงก็ตามมู่น่อนน่อนรู้สึกว่าเขากำลังได้ใจ!
ตอนที่เฉินถิงเซียวอยู่ที่บ้านตระกูลมู่เขาแทบไม่ได้กินอะไรเลย ก็เลยรู้สึกหิวอยู่แล้ว เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาและทำท่าเหมือนว่าจะเริ่มลงมือกิน
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปใกล้ กะว่าจะไปคว้าตะเกียบในมือของเขา: “ฉันไม่ได้ทำให้คุณกินสักหน่อย … ”
เฉินถิงเซียว พอจะเดาออกว่าเธอจะเดินมาคว้าตะเกียบที่ตนถืออยู่ เขาเลยยกแขนยาวๆของเขาขึ้น ทำให้เธอคว้าอากาศแทนตะเกียบ เธอเสียหลักโน้มตัวไปทางด้านหน้า
เธอเอามือป้องหน้ากับหัวไว้โดยสัญชาตญาณ เมื่อเธอล้มลงไปกระทบกับหน้าอกที่แข็งแกร่งนั้น เสียงของ “เฉินเจียฉิน” ดังมาจากด้านบน: “ตอนนี้พี่ชายของฉันอยู่ที่บ้าน เธอก็ยังเอาตัวเข้ามาให้ฉันกอด นี่เธอคิดจะให้เราสองพี่น้องผิดใจกันหรือไง?
มู่น่อนน่อน คลายมือที่ป้องหน้ากับศีรษะไว้ พอลืมตาขึ้นมา ก็เห็นใบหน้าที่ดูเหมือนหัวเราะแต่ไม่หัวเราะของ เฉินเจียฉิน
“เฉินเจียฉิน” ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร ขณะที่มู่น่อนน่อนนั่งอยู่บนตักของเขา ทั้งตัวของเธออยู่ในอ้อมแขนของเขา!
ท่าทางของทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันมาก หากมีใครเกิดมาเห็นเข้า…
มู่น่อนน่อนตกใจจนสีหน้าเปลี่ยน ดิ้นรนเพื่อจะลุกขึ้น และในเวลานั้นเองสือเย่เดินเข้ามาในห้องอาหารพอดี
“คุณชายบอกว่า … “เมื่อสือเย่มองเห็นภาพตรงหน้า สีหน้าที่จริงจังของเขาเปลี่ยนเป็นแปลกใจแวบหนึ่ง
ด้วยความสามารถในการปรับตัวได้ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมของเขา ทำให้เขาสามารถกลับสู่สีหน้าปกติได้อย่างรวดเร็ว: “คุณชายบอกว่า เขาไม่หิวครับ”
จากนั้น เขาก็หันหลัง และเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เขาเห็นอะไร?
คุณชายกับคุณนายน้อยอยู่ในห้องอาหาร ก็ …
ไม่ถูก ตอนนี้คุณชายอยู่ในฐานะน้องชายลูกพี่ลูกน้อง”เฉินเจียฉิน” เขาเป็นคนของคุณชาย การแสดงออกเมื่อครู่ดูจะนิ่งไปหรือเปล่า?
หรือจะกลับไปอีกรอบ…แต่ก็ช่างเถอะ เขาไม่อยากกลับไปรบกวนคุณชาย
แต่ว่าไปแล้ว รสนิยมของคุณชายแปลกดีเหมือนกันนะ…
…
ในห้องอาหาร
มู่น่อนน่อนมองดูสือเย่เข้ามาและจากไป ตัวเธอเองรู้สึกงงอึ้งไปพักหนึ่ง
เฉินถิงเซียวมองดูสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แววตาของเขามีความสะใจแวบเข้ามาครู่หนึ่ง จากนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว เขาพูดเปรยขึ้นมาอย่างช้า ๆ: “เธอลองเดาสิ ว่าสือเย่จะเอาเรื่องที่เห็นวันนี้ไปบอกพี่เขาหรือเปล่า?”
มู่น่อนน่อนปฏิเสธเขาทันควัน: “เราไม่ได้มีอะไรกันนี่!”
เธอพยายามจะลุกขึ้น แต่เฉินถิงเซียวไม่ยอมปล่อยมือ ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ออกแรงอะไรด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่าเธอจะดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุด
เธอทั้งโกรธทั้งกังวล หูของเธอแดงก่ำ: “เฉินเจียฉิน! มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”
เฉินถิงเซียวสังเกตเห็นว่าหูของเธอแดงก่ำ แต่สีหน้ากลับไม่เห็นมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ด้วยความแปลกใจเขาจึงก้มหัวลงเล็กน้อย จึงสังเกตเห็นว่าบนใบหน้าของเธอเหมือนจะมีอะไรฉาบอยู่ชั้นหนึ่ง
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นใช้นิ้วถูๆไปที่ใบหน้าของเธอ
จุดที่เขาถู เป็นตรงที่มีกระพอดี ตอนที่เขายกมือขึ้น เขาสังเกตว่าตรงที่เขาถู ไม่เพียงแต่กระ หายไป แต่กลับเผยสีผิวขาวใส
มันเกิดอะไรขึ้น?
มู่น่อนน่อนฉวยโอกาสตอนที่เขากำลังเผลอ ใช้แรงดิ้นหลุดออกจากอ้อมอกของเขา เธอปิดหน้ายืนอยู่อีกด้าน สีหน้าไม่สามารถปกปิดความหวาดกลัวไว้ได้
เมื่ออ้อมอกว่างเปล่า เฉินถิงเซียวถึงได้สติ
เขามองไปที่นิ้วมือของเขา มีผงอะไรสีเหลือง ๆติดอยู่ที่นิ้ว
ดวงตาสีเข้มราวกับหมึกของเขา บรรยากาศอึมครึมมากกว่าเดิม จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นแววตาที่เฉียบคมขึ้นมาทันใด เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปทิศทางที่มู่น่อนน่อนยืนอยู่
เขาเดินช้ามาก ๆ แต่ละย่างก้าวของเขาทำให้มู่น่อนน่อนอกสั่นขวัญหาย เขาก้าวเข้ามาก้าวหนึ่ง เธอก็เดินถอยหลังไปนิดหนึ่ง
จนกระทั่งเธอถอยไปชิดกับกำแพง ไม่มีทางให้ถอยอีกต่อไป ชายหนุ่มยื่นมือไปด้านหน้าของเธอ พูดเสียงทุ้มต่ำอย่างน่ากลัว: “นี่คืออะไร?”
ด้วยความกลัวว่าเขาจะจับพิรุธได้ มู่น่อนน่อนพูดเสียงสูงกลบเกลื่อน: “ก็เครื่องสำอางไง คุณไม่รู้จักหรือไง?”
แน่นอนว่าเฉินถิงเซียวไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ
สายตาอันแหลมคมของเขา ดูเหมือนจะเห็นความมีพิรุธในตัวเธอ เขาพูดพลางยิ้มอย่างเยือกเย็นว่า: “พวกผู้หญิงเขาชอบแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางสีเข้มๆแบบนี้เหรอ?