ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่ 36 เหมือนกับรถประจำทาง ไม่มีใครอยากเอาหรอก
ตอนที่ 36 เหมือนกับรถประจำทาง ไม่มีใครอยากเอาหรอก
ในบ้านพักของตระกูลมู่
มู่หวั่นขีนอนอยู่ในโซฟาเปิดมือถือดู เธอจ้างคนหลายคนไปด่ามู่น่อนน่อนและตอนนี้ไม่เห็นมีเสียงเห็นด้วยกับมู่น่อนน่อนแล้ว
เธอรู้สึกว่าเมื่อก่อนเธอถูกนักข่าวแอบถ่ายรูปมีความเกี่ยวข้องกับมู่น่อนน่อน
และตอนนี้เธอรู้สึกดีใจมากที่มู่น่อนน่อนโดนด่า
ถูกนักข่าวแอบถ่ายรูปก็ไม่มีอะไรหรอกเพราะเนื้อหาในวิดีโอแค่การพูดคุยของเธอและไม่มีหลักฐานแท้ๆ แต่มู่น่อนน่อนยอมต่อหน้านักข่าวว่าตนเองหลอกลวงอย่างแท้จริง
ผู้หญิงขี้เหร่อย่างเธอนั้นสู้กับตนเองไม่ได้หรอก
มู่หวั่นขีเล่นมือถือไปแล้วเวลาหนึ่งก็ไปนอนด้วยความพอใจแล้ว
แต่พอเวลาดึกเข้าก็มีเรื่องราวกำลังเปลี่ยนแปลงขึ้น
เพื่อนสนิทโทรมา “หวั่นขีเกิดอะไรขึ้น มีคนแผ่รูปและวิดีโอของแกออกมา และตอนนี้ทุกคนก็พูดคุยเรื่องของแกอยู่ แกขัดใจกับใครหรือเปล่า”
พอได้ยิน “วิดีโอและรูปถ่าย” มู่หวั่นขีก็มีความไม่ดีเกิดจากใจ
เธอเกาผมตนด้วยความหงุดหงิดแล้วเปิดมือถือไปดู
มีคนหลานคนกำลังพูดคุยเธอ
รูปถ่ายของเธอที่ไม่น่าดูแพร่ไปหมด
ฐานะของบริษัทมู่ซื่อนับว่าไม่เลวในวงการ ปกติมู่หวั่นขีก็ชอบไปเที่ยวเล่น
ดูเป็นสุภาพสตรีแต่เรื่องอะไรที่ไม่งามก็แอบทำอยู่
มู่หวั่นขีกลัวจนมือสั่น เธอพูดว่า “ทำไมกลายเป็นแบบนี้แล้ว”
มีคนหลายคนด่าเธอ “คนเลว หน้าด้าน”
“ยังมีหน้าให้น้องสาวไปเป็นแกะรับโทษหรือ”
เธอโมโหมากจึงด่ากลับไปทั้งหมด
ทันใดนั้น เธอคิดถึงเสิ่นชูหาน
ตอนนี้เป็นตอนตึกอยู่ เสิ่นชูหานอาจยังไม่ทันได้ดูรูปถ่ายและวิดีโอเหล่านี้
หากให้เสิ่นชูหานรู้เข้า พวกเขาสองคนก็จะพังแน่นอน
เธอรีบใส่เสื้อไปหามู่ลี่เหยียน“คุณพ่อ ช่วยหน จัดการหน่อย”
และตอนนี้มู่น่อนน่อนกำลังเปิดกล้องคุยกันกับเสิ่นเหลียงอยู่
เสิ่นเหลียงกำลังอ่านความคิดเห็นด้วยความตื่นเต้นอยู่
“เราคิดว่ามู่หวั่นขีไม่ใช่ผู้หญิงดีอยู่ตั้งนานแล้ว ยังมีหลายคนไปช่วยเธอทำไมก็ไม่รู้”
“ดูหน้าตาดีแบบนี้ คิดไม่ถึงเลยว่านิสัยเลวขนาด”
“ให้เราเดาหน่อยว่า ครอบครัวมู่ให้น้องสาวแต่งเข้าไปตระกูลเฉินก็เพราะว่าพี่สาวมีนิสัยแบบนี้ ได้ยินว่าน้องสาวขี้เหร่แต่เขานิสัยดีอยู่นะ หน้าตาดีแต่เหมือนรถประจำทางไม่มีใครอยากเอาหรอก”
เสิ่นเหลียงก็เห็นด้วยกับข้อนี้ “น่อนน่อน เราว่าคนนี้พูดถูกนะ เธอว่าตระกูลเฉินรู้เรื่องของมู่หวั่นขีตลอด ใช่หรือเปล่า”
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้ว เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่ายังมีเหตุผลแบบนี้
เธอยิ้มพูดว่า “ไม่ว่าเป็นอย่างไรก็ตาม สถานการณ์แบบนี้ถูกใจกับมู่หวั่นขีพอดี ตอนนี้เธออยู่กับเสิ่นชูหานโดยไม่มีความกดดันอะไรได้แล้ว”
เสิ่นเหลียงกับเสิ่นชูหานไม่ใช่เป็นญาติกัน เธอพูดว่า “เสิ่นชูหานโง่ก็จริง แต่เขาคงจะไม่ชอบแต่งงานกับรถประจำทางมั้ย”
……
เพาะคุยกันกับเสิ่นเหลียงจนถึงตึงมู่น่อนน่อนจึงตื่นนอนช้ากว่าปกติ
เปิดคอมพิวเตอร์มาดู พบว่าหัวข้อ รูปถ่ายและวิดีโอที่เกี่ยวกับมู่หวั่นขีหายไปทั้งหมด
เธอรู้ว่านี่เป็นฝีมือของมู่ลี่เหยียนแน่นอน
ตั้งแต่เด็กเธอก็ไม่ค่อยคุยกับมู่ลี่เหยียน แต่เขารักมู่หวั่นขีจริงๆ
แม้ว่าตอนนี้ข่าวนี้ไม่อยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ก็ถูกแพร่ไปเป็นไกลมาก มีหลายรอยคนที่รู้เรื่องนี้
เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จก็ได้รับสายของเสิ่นเหลียง
“ข่าวของรถประจำทางไม่อยู่แล้ว เราจะให้มันเกิดใหม่อีก”
ตอนนี้เสิ่นเหลียงเรียกมู่หวั่นขีว่าเป็นรถประจำทาง
มู่น่อนน่อนปลอบเธอว่า “ไม่เป็นไร เร็วๆนี้เธอก็จะมีหนังใหม่จะฉายแล้ว ถ้าให้คนอื่นรู้ว่าเธอเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มันจะไม่ดีต่อเธอนะ”
เสิ่นเหลียงตอบอย่างจำใจว่า “โอเค มากินข้าวกันเถอะ พรุ่งนี้เราจะไปถ่ายละคลแล้ว เรามารับเธอ”
“ได้ๆ”
……
พอผ่านไปห้องหนังสือของเฉินถิงเซียว มู่น่อนน่อนก็หยุดเป็นเวลาหนึ่ง
เมื่อวานเธอไม่ได้เจอหน้าเฉินถิงเซียวไม่รู้ว่า“เฉินเจียฉิน”พูดว่าเขาโกรธนั้นเป็นจริงหรือเปล่า
ทันใดนั้น ประตูของห้องหนังสือก็ถูกคนปิดจากด้านใน
มู่น่อนน่อนถอยก้าวโดยจิตใต้สำนึก พอเงยหน้าขึ้นก็ได้เจอหน้าของ“เฉินเจียฉิน”ที่โป๊กเกอร์
เธอตะลึงไปสักพักแล้วถามว่า “พี่ชายคุณ……เขาอยู่ไหม”
“เธอมีเรื่องจะหาเขาหรือ” เฉินถิงเซียวปิดประตูเอียงมองหน้ามู่น่อนน่อน
ในหน้าของเขาดูซีดไปหน่อย ดูเขาอ่อนเพลียมาก
มู่น่อนน่อนพยักหัว “ไม่มีอะไร”
พอพูดจบก็หันตัวลงไป
มีเสียงหนักๆที่สิ่งของอะไรล้มลงผ่านเข้ามาอย่างกะทันหัน
มู่น่อนน่อนหันตัวไปดู เห็นได้ว่า“เฉินเจียฉิน”คนที่ยืนอยู่ดีๆเมื่อกี๊ล้มลงพื้นแล้ว
มู่น่อนน่อนวิ่งเข้าไป เธออยากช่วย“เฉินเจียฉิน”ยืนขึ้นมา “ เฉินเจียฉินคุณเป็นอะไรไป”
แม้ว่าเธอรังเกียจเขา แต่เธอก็ไม่อยากให้เขามีเรื่องอะไร
ตอนนี้ เธอจึงสังเกตว่าใบหน้าของเขาซีดมาก
เธอเอามือไปสัมผัสหน้าผากของเขา ร้อนมากเลย
“เฉินเจียฉิน”สูงมาก ช่วยเขายืนขึ้นโดยเธอคนเดียวเป็นไปไม่ได้ เธอจึงไปเรียกคนมาช่วย “มีใครอยู่ไหมเฉินเจียฉินเป็นลมแล้ว ”
มีผู้คุ้มกันขึ้นมาทันทีช่วยพาเฉินถิงเซียวกลับไปห้อง
และมีหมอมาตรวจร่างกายให้ทันที
มู่น่อนน่อนยืนอยู่ตลอดก็ไม่เห็นเฉินถิงเซียวมา เธอรู้สึกว่าที่นี่ไม่มีอะไรที่ต้องให้เธอช่วยแล้วจึงอยากจากไป
สือเย่เห็นเธออยากไปจึงพูดว่า “คุณหญิงอยู่ช่วยดูแลคุณชายหน่อยไดไหม”
“แต่ว่าฉันยังมีธุระอยู่” มู่น่อนน่อนเอามือถือออกมาดูเวลา ตอนนี้เสิ่นเหลียงก็ถึงแล้ว
“คุณแม่ ไม่เอา……ผมขอร้อง” เฉินถิงเซียวที่นอนอยู่ในเตียงนั้นพูดอะไรบ้าๆบอๆก็ไม่รู้
มู่น่อนน่อนหันตัว เห็นสีหน้าของ เขามีที่ทั้งความตกใจและความกลัว ดูน่าสงสารจริงๆ
เธอจึงยอมอยู่เพื่อดูแลเขา
บ้านพักไม่มีแม่บ้าน และพวกผู้คุ้มความปลอดภัยก็ดูแลไม่เป็น