ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่ 38 กลายเป็นข่าวใหญ่อีกแล้วหรือ
ตอนที่ 38 กลายเป็นข่าวใหญ่อีกแล้วหรือ
สำหรับคำที่เสิ่นเหลียงพรรณนา“เฉินเจียฉิน”นั้น มู่น่อนน่อนไม่ค่อยเห็นด้วย “หน้าตา แค่เป็นรูปร่างส่วนหนึ่ง”
เสิ่นเหลียงพยักหัว “ฉันไม่เชื่อว่าเธอไม่หลงกับหน้าตานั้นแม้แต่นิดเดียว……”
หลงโดยหน้าตาของเขาหรือ
เดินอยู่บนท้องถนนเมื่อเห็นคนหล่อๆก็จะแอบไปมอง และผู้ชายคนหล่อแสนหล่ออย่าง“เฉินเจียฉิน”แบบนี้ก็ไม่ต้องว่าอะไรแล้ว
“จริงๆแล้ว ถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่ได้เห็นหน้าของเฉินถิงเซียวถ้าเขาไม่โดนทำเสียโฉมก็จะเป็นคนหน้าตาดีแน่นอน”
มู่น่อนน่อนรู้สึกเกิดความสงสารกับสามีของเขาที่ยังไม่ได้เจอหน้าจากใจจริงๆ
“ยังไม่ได้เจอหน้า นี่ พวกคุณแต่งงานไปสามเดือนแล้วนะ เป็นผัวเมียกันจริงๆหรือเปล่าเนี่ย” เสิ่นเหลียงดื่มน้ำแล้วพูดต่อว่า “ฉันว่าท่าทีของเฉินเจียฉิน ต่อเธอไม่เหมือนคนอื่นนะ เขานุ่มนวลกับกว่าคนอื่น”
เฉินเจียฉินนุ่มนวลกับเธอนั่นหรือ
มู่น่อนน่อนพยักหัว “เธอถ่ายละครจนสมองไม่ดีแล้วหรือ”
เสิ่นเหลียงกำลังอยากจะแสดงความไม่พอใจ แต่เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นในเวลานี้
เป็นโทรศัพท์จากเอเย่นต์ของเธอ
พอวางสายลง เธอก็พูดอย่างไม่ดีใจว่า “มีประชุมด่วนอีกแล้ว กินข้าวกับเธอดีๆก็ไม่ได้”
มู่น่อนน่อนปลอบเธอว่า “เธอไปก่อนเถอะ เผื่อวันหลังฉันเลี้ยง”
……
หลังแยกกันกับเสิ่นเหลียง มู่น่อนน่อนก็กลับบ้านพักแล้ว
พอเดินเข้าห้องโถงเธอก็เห็น“เฉินเจียฉิน”
เขาใส่เสื้อกางเกงนอนและคอมพิวเตอร์วางอยู่ข้างหน้า ยังมีแก้วน้ำหนึ่งแก้วที่วางอยู่ด้วย
มู่น่อนน่อนคิดอยู่ในใจว่า “ผู้ชายคนนี้เก่งจริงๆนะ”
ครั้งหน้าให้เธอช่วยเอาลูกปืนออก มีอาการทั้งเป็นไว้และเป็นลม แต่เมื่อฉีดยาไปก็ตื่นมาทำงานต่อ
สังเกตถึงว่ามีคนกำลังมองตนเองอยู่ เขาจึงเงยหน้าขึ้นมาและสบตากับมู่น่อนน่อนพอดี
“กลับมาแล้วหรือ”
มู่น่อนน่อนมองคอมพิวเตอร์ที่อยู่ต่อหน้าเขา ถามเขาด้วยมีระยะทางประมาณสองสามเมตรว่า “คุณกำลังทำงานหรือ คุณหายดีแล้วหรือ”
ดูเขาแล้วนอกจากหน้าซีดไปหน่อยแล้ว ก็ไม่มีที่อื่นที่เหมือนผู้ป่วยคนหนึ่ง
“ไม่เป็นไร”เขากำลังพิมพ์อะไรอยู่และเงยหน้ามากะทันหัน “แต่ว่าหิวข้าวแล้ว”
พอนึกถึงสายเมื่อกี๊ที่เขาโทรไป มู่น่อนน่อนก็พูดว่า “คุณให้…..” ให้ผู้คุ้มปลอดภัยทำ
“เฉินเจียฉิน”เหมือนรู้ว่าเธออยากพูดอะไร ตัดบทของเธอก็พูดว่า “ไม่อร่อย” ออกมา
สือเย่เอายามาให้และได้ยินคำว่า “ไม่อร่อย” พอดี
เขาไม่รู้ว่าจะใช้คำอะไรมาแสดงอารมณ์ของตนตอนนั้น
ไม่เคยได้ยินคุณชายว่าฝีมือของพวกเขามาก่อน แต่หลังแต่งงานไปคุณชายก็เปลี่ยนไปแล้ว
พูดความจริง นอกจากหน้าตาขี้เหร่แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าคุณหญิงของพวกเขายังมีอะไรที่พิเศษบ้าง
แต่คุณชายไม่เพียงแต่ไม่รังเกียจคุณหญิงยังชอบอยู่กับเธอด้วย ในฐานะที่เป็นลูกน้องพวกเขาก็ต้องให้เกียรติแก่คุณหญิง
พอเห็นสือเย่ก็อยู่ มู่น่อนน่อนจึงถามว่า “เฉินถิงเซียวอยู่บ้านหรือ”
“ครับ” คนที่ตอบเธอคือ“เฉินเจียฉิน”
มู่น่อนน่อนรู้สึกแปลกใจ “แล้วเขากินข้าวหรือยัง”
เฉินถิงเซียวเอาแก้วมาดื่มน้ำและมองสือเย่
“คุณชายก็ยังไม่ได้กินครับ” สือเย่ชมความฉลาดของตนจากใจจริงๆ
มู่น่อนน่อนพูดด้วยความยินดีว่า “งั้นเดี๋ยวฉันไปทำให้”
พูดจบก็เข้าไปห้องครัว
ครั้งหน้าตั้งใจทำอาหารให้เฉินถิงเซียวแต่ถูก“เฉินเจียฉิน”กินแล้ว
เฉินถิงเซียวเห็นท่าทีของเธอแล้วก็เกิดความอิจฉาต่อ“เฉินถิงเซียว”
สือเย่เอายาให้เฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวไม่แต่รับกลับถามสือเย่ว่า “แกว่าเธอโง่ไหม คนหล่อคนดีอย่างผมที่อยู่ต่อหน้าเธอ เธอไม่สนใจ กลับไปเอาใจคนพิการ หรือว่าเธอแกล้งทำ”
สือเย่คิดในใจว่า เมื่อก่อนคุณชายเป็นคนชอบเงียบๆไม่พูดคุยอะไรมาก แต่พอแต่งงานไปเขาก็ชอบทำเรื่องต่างๆไปดึงดูดสายตาของคุณหญิงและคุณหญิงก็ไม่ใช่คนสวย สายตาของคุณชายมีปัญหาอะไรแล้วหรือ
แต่ความจริงเขาก็ไม่กล้าพูดข้อสงสัยตนออกมา เขาพูดว่า “คุณชายใส่ใจเรื่องของคุณหญิงจริงๆ”
“อึม”
เฉินถิงเซียวเข้าใจความหมายของสือเย่ทันที
สือเย่พูดต่อว่า “คนหญิงอาจไม่ใช่คนโง่ ดูวิธีที่คุณหญิงจัดการมู่หวั่นขีก็รู้ว่าคุณหญิงเป็นคนละเอียดลออ”
“ละเอียดลออ……”
ถ้าไม่ใช่เขาช่วยไปจัดการเรื่องที่ไม่ดีต่อเธอโดยลอบๆ ในฐานะที่เป็นนางหยิงของตระกูลเฉินคนในตระกูลเฉินที่สนใจเรื่องหน้าแบบนั้น คงจะมาหาเรื่องแก่เธอแล้ว
……
มู่น่อนน่อนไม่ค่อยเชื่อที่“เฉินเจียฉิน”บอกว่าเฉินถิงเซียวชอบกินเผ็ด เธอทำโจ๊กผักที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพให้
ไม่ว่าเฉินถิงเซียวชอบรสอะไร ทำอาหารดีต่อสุขภาพก็จะไม่มีผิดแน่นอน
เธอทำอาหารเสร็จแล้วใส่จานวางอยู่บนโต๊ะอาหาร
สือเย่ยิ้มว่า “คุณหญิงเอาส่วนของคุณชายให้ผมเถอะ”
มู่น่อนน่อนเอาอาหารให้สือเย่แล้วถามว่า “ตอนบ่ายเขาจะออกไปไหม”
“ไม่รู้ครับ” สือเย่คิดอยู่ในใจว่าชีวิตที่ต้องพูดคำโกหกแบบนี้จะจบเมื่อไรสักที
หลังสือเย่ออกไป “เฉินเจียฉิน”ก็เดินเข้ามาห้องกินอาหาร
เขานั่งลงแล้วมองอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารขมวดคิ้วถามว่า “ทำไมทั้งหมดก็เป็นอาหารรสจืด”
มู่น่อนน่อนเอาน้ำให้เขาแล้วพูดว่า “คนป่วยยังอยากกินรสเผ็ดหรือ ถ้าเกิดปัญหาอะไรแล้วจะมาว่าฉันหรือ”
“เฉินเจียฉิน”ก็ไม่พูดอะไรต่อ เขาเอาตะเกียบขึ้นมากินข้าว
มู่น่อนน่อนดูเขาแล้วคิดว่า กินเร็วอย่างนี้ไม่เหมือนผู้ป่วยสักนิดเลย
แต่สำหรับ“เฉินเจียฉิน”อาจมีแต่ความเป็นความตายที่เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องป่วยนั้นเขาไม่เคยไปสนใจเท่าไร
พอเขากินข้าวเสร็จ มู่น่อนน่อนกลับห้องแล้วเปิดคอมพิวเตอร์ดูพบว่า ข่าวที่เกี่ยวกับมู่หวั่นขีนั้นกลายเป็นข่าวฮอตอันดับหนึ่งแล้วอีก
เธอคิดอย่างดีๆแล้วสรุปว่านี่เป็นฝีมือของเสิ่นเหลียงแน่นอน