ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่ 42 ถ้าไม่บอกก็จะกรีดหน้าเธอให้เละ
ตอนที่ 42 ถ้าไม่บอกก็จะกรีดหน้าเธอให้เละ
กู้จือหยั่นตามมาจากด้านหลัง เจอเฉินถิงเซียวยืนนิ่งไม่เดินต่อไป ก็มองไปที่ด้านหน้าตามสายตาของเขา ตกใจจนแว่นตาจะร่วงลงมาอยู่แล้ว: “นี่นี่นี่……นี่คือมู่……อย่างนั้นหรือ?”
รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความหม่นหมองที่ส่งออกมาของเฉินถิงเซียวที่อยู่ข้างกายตน กู้จือหยั่นเงียบลง แล้วจึงพูดขึ้น: “ไม่เหมือนสักนิดเลย ฉันช่วยนายดูให้ นี่ไม่ใช่ภรรยาของนายอย่างเด็ดขาด!”
ใบหน้าราบเรียบไม่พูดอะไรของเฉินถิงเซียว กู้จือหยั่นก็รู้แล้วว่าเขาตกลง
จริงๆเขาก็ประหม่าอยู่นิดหน่อย เขาเองก็เคยเจอมู่น่อนน่อนเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ก็ยังมองออกเลยว่าด้านหลังของรูปร่างนี้กับมู่น่อนน่อนเหมือนกันเหลือเกิน ยิ่งไปกว่านั้นเฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อนที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ก็คงมองออกอย่างแน่นอนอยู่แล้ว
กู้จือหยั่นกระวนกระวายเล็กน้อย หากใช้ความสนิทสนมของเขากับเฉินถิงเซียวมาตัดสิน จริงๆเฉินถิงเซียวเอาใจใส่มู่น่อนน่อนมากทีเดียว
แม้ว่าหน้าตาของมู่น่อนน่อนจะไม่สวย อาจจะเป็นเฉินถิงเซียวคนที่ไม่เข้าใกล้ผู้หญิงอย่างเขาเห็นถึงความงดงามภายในของเธออย่างนั้นหรือ?
กู้จือหยั่นเดินเข้าไป ค่อยๆเอี้ยวตัว ยื่นมือไปหันหน้าผู้หญิงคนนั้นออกมา เขาเหมือนกับไม่กลั้นใจดูอย่างนั้น แล้วก็รีบเคลื่อนสายตาออกมา
เหมือนจะไม่ใช่มู่น่อนน่อนอย่างนั้นหรือ?
เขามองอีกครั้ง จากนั้นก็พูดกับเฉินถิงเซียวอย่างตื่นเต้นดีอกดีใจ: “ไม่ใช่เธอ!”
เฉินถิงเซียวได้ยินแล้ว สายตาก็เปล่งประกายออกมา ก้าวยาวๆเข้าไป ดูผู้หญิงคนนั้นชัดๆ แล้วก็ยิ้มอย่างอึมครึม บีบคอของเธอทันที : “มู่น่อนน่อนล่ะ?”
มู่หวั่นขีไม่คิดว่าจะได้เจอเฉินถิงเซียวน้องเขยของเธออย่างคาดไม่ถึงที่นี่ เธออยากจะดึงมือของเขาออก แต่กำลังของผู้ชายคนนี้มากเกินไป เธอดึงไม่ออกแต่แรกอยู่แล้ว
ผู้ชายที่กอดกับมู่หวั่นขีอยู่ เรื่องดีๆอย่างนี้โดนขัดจังหวะ ก็เบิกตาโพลงด้วยความต้องการจะด่า แต่เฉินถิงเซียวแค่กวาดสายตาไปมองเขาเท่านั้น จิตใต้สำนึกเขาก็ไม่กล้าส่งเสียงออกมาแล้ว เงยหน้ามองกู้จือหยั่นที่ยืนอยู่ข้างหลังเฉินถิงเซียว ผู้ชายคนนั้นก็ยิ่งรีบทิ้งมู่หวั่นขีไปในทันที
ก่อนจะไปยังพูดทิ้งท้ายไว้ว่า: “ประธานกู้ครับ พวกคุณมีเรื่องกันก็ค่อยๆพูด ผมขอตัวก่อนครับ”
สำนักงานสื่อของบริษัทเสิ้งติ่งคือหัวหน้าใหญ่ของวงการบันเทิง ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลกู้ก็เป็นทั้งความดีความเลวที่ไว้หน้าคนอื่นสักเล็กน้อย ด้วยความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงและซับซ้อน น้อยคนนักที่กล้าหาเรื่องกู้จือหยั่น
มู่หวั่นขีกำลังจะลุกขึ้น เมื่อครู่นี้ที่โดนผู้ชายสะบัดออก ตอนนี้ทั้งร่างกายอ่อนปวกเปียกไปหมด ดวงตาที่สวยงามราวกับผ้าไหมมองไปที่เฉินถิงเซียวคอของเธอยังคงโดนบีบอยู่ เสียงขาดๆหายๆ: “ฉันสวย……กว่ามู่น่อนน่อน……คุณหาเธอ……ไม่ดีเท่าหาฉันหรอก……”
เฉินถิงเซียวรังเกียจที่เธอสกปรก จึงปล่อยมือสะบัดเธอออก หยิบแก้วเหล้าที่อยู่ด้านข้างขึ้นมากระแทกให้แตก เอาปากแก้วที่แหลมคมแนบไปที่ใบหน้าของเธอ: “ไม่พูดฉันก็จะกรีดหน้าของเธอให้เละ”
มู่หวั่นขีรู้สึกได้ถึงแรงกดที่แน่นๆของของแหลมคมบนใบหน้าของตน ราวกับว่าสามารถกรีดใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของเธอให้พังได้ทุกเวลา เธอกลัวแล้ว แต่ในใจกลับรู้สึกสบายอกสบายใจอย่างหยุดไม่ได้
มู่หวั่นขียิ้มขึ้นมา น้ำเสียงแปลกประหลาด: “ถ้าบอกแล้วคุณจะทำอย่างไร? ตอนนี้เธอกำลังโดนผู้ชายกลุ่มหนึ่งปรนนิบัติอย่างเบิกบานใจ! คุณอยากไปนั่งชม หรือจะไปเข้าร่วมกับพวกเขาล่ะ? พวกคุณเคยทำมาก่อนไหมล่ะ?”
ไม่ต้องพูดถึงเฉินถิงเซียว กู้จือหยั่นก็ทนฟังไม่ได้แล้ว
เฉินถิงเซียวก็เลยเตะมู่หวั่นขีจนลอยไปกระแทกกับกำแพง เธอเจ็บจนร้องไม่ออก แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ผ่านไปตั้งนานแล้ว มู่น่อนน่อนคงโดนคนพวกนั้นทำลายเกียรติแล้วอย่างแน่นอน
พรุ่งนี้เช้า คนที่ลงพาดหัวข่าวก็จะเปลี่ยนเป็นมู่น่อนน่อน นึกถึงตรงนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็อดไม่ได้ที่จะลึกมากขึ้น
ใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งของเฉินถิงเซียวมองไปที่มู่หวั่นขี ตอนนี้เขาไม่มีเวลาไปทำลายมู่หวั่นขีอีกแล้ว เขาต้องตามหามู่น่อนน่อนให้เจอก่อน
เมื่อแน่ใจแล้วว่าในห้องงานเลี้ยงไม่มีมู่น่อนน่อนกับเสิ่นเหลียง เขากับกู้จือหยั่นก็เลยออกมาจากห้อง
สือเย่พาลูกน้องตามมาแล้ว
“คุณชายครับ เจอคุณผู้หญิงไหมครับ?” ก่อนที่เฉินถิงเซียวจะออกมา ก็บอกเขาให้รู้ไว้ก่อนแล้ว
ในสายตาของเฉินถิงเซียวปรากฏความโหดเหี้ยมออกมา: “ค้นหาทีละห้อง ทำให้เร็ว”
สีหน้าของสือเย่ก็เคร่งขรึมขึ้นมา
คลับจี่อจีนเป็นสถานที่อะไร เขาเองก็เข้าใจ ผ่านมานานขนาดนี้ คงจะเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเสียมากกว่าแล้ว
แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป พาลูกน้องไปดำเนินการตามคำสั่งของเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ แยกกับกู้จือหยั่นตามหา
คลับจี่อจีนไม่ถือว่าเล็ก หลังจากที่เฉินถิงเซียวหาตามห้องที่ชั้นหนึ่งเสร็จแล้ว ก็ยังไม่พบร่องรอยของมู่น่อนน่อน
ตอนที่กู้จือหยั่นตามหาอยู่นั้น ก็เห็นเขาเดินทวนกับเสาไฟอยู่ที่ทางเดินท้ายๆ ใบหน้าอีกด้านหนึ่งอำพรางได้ไม่ถึงเงามืดด้านใน
เฉินถิงเซียวเป็นอย่างนี้ แต่ก่อนเขาก็เคยเจอมาก่อนแล้ว
สีหน้าเคร่งขรึมของเขาเดินเข้าไป ตบที่ไหล่ของเฉินถิงเซียว พูดขึ้น: “เจอคนพวกนั้นแล้ว”
เฉินถิงเซียวเหลือบตามองขึ้น ดวงตาที่กลัดกลุ้มเปล่งประกายออกมา
……
กู้จือหยั่นพาเขาไปที่ห้องนั้น
ลูกน้องที่สือเย่พามาล้อมห้องเอาไว้อย่างแน่นหนามาก ด้านในมีผู้ชายที่ร่างเปลือยเปล่าไม่กี่คนนั่งยองๆอยู่ที่พื้น บนเตียงระเกะระกะไปหมด ภายในห้องยังมีกลิ่นกามารมณ์ที่ยังไม่ได้สลายออกไป
ใบหน้าของเฉินถิงเซียวยิ่งเยือกเย็นมากขึ้น ค่อยๆก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ราวกับมีพลังที่สยบคนได้ คนพวกนั้นที่ก่อนหน้านี้ยังอาละวาดโวยวาย ต่างก็ไม่กล้าส่งเสียงออกมาอีก
สือเย่ตอบสนอง รีบก้าวเข้าไปหา อยู่ที่ด้านข้างหลังของเขา พูดเบาๆอย่างนอบน้อม: “คุณชายครับ ตอนที่พวกเราเข้ามาก็ไม่พบคุณผู้หญิงแล้ว พวกเขาบอกว่าก่อนหน้านี้คุณผู้หญิงกระโดดลงจากระเบียงไป ผมส่งคนไปตามหาแล้วครับ”
เฉินถิงเซียวเคลื่อนสายตาไปที่ผู้ชายพวกนั้นที่นั่งยองๆอยู่ที่พื้น สายตาของเขาอึมครึมราวกับการลงโทษประหารชีวิตในสมัยโบราณ ชายคนหนึ่งฝ่าวงล้อมที่ป้องกันไว้เดินเข้าไปหาเป้าหมายอย่างรวดเร็วแล้ว คุกเข่าลงคลานเข่าเข้าไปใกล้ๆเฉินถิงเซียว: “พวกฉันไม่ได้แตะต้องผู้หญิงคนนั้นเลย เธอเป็นคนกระโดดลงไปเอง ไม่เกี่ยวกับพวกฉันจริงๆ คุณปล่อยพวกฉันไปเถอะนะ”
พวกเขาไม่ได้แตะต้องมู่น่อนน่อน ดังนั้นกลิ่นภายในห้องนี้ เป็นพวกเขาที่กำลังเล่นซึ่งกันและกันกับอีกฝ่ายหรือ……?
กู้จือหยั่นมองไปที่ร่องรอยเลือดบนเตียงนอน ก็รู้สึกเจ็บทวารหนักขึ้นมาหน่อยๆ
ในตอนนี้ ลูกน้องที่โดนส่งไปตามหามู่น่อนน่อนกลับมาแล้ว: “ไม่เจอคุณผู้หญิงเลยครับ”
ท่าทางของพวกเขาไม่เหมือนคนที่กำลังโกหก เวลาที่สำคัญอย่างนี้ คงจะไม่มีใครกล้าโกหก แต่ก็ยังไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่จะโกหกออกไป
ดังนั้น แม้ว่าตอนนี้ผู้ชายคนนั้นจะร้องขอความเมตตาแล้ว เฉินถิงเซียวก็ยังไม่ให้สือเย่ปล่อยพวกเขาไป
เขาเดินไปใกล้ๆหน้าต่าง มองลงไปข้างล่าง
ที่นี่คือชั้นเจ็ด กระโดดลงไปถ้าไม่ตายก็คงจะเป็นอัมพาต
เฉินถิงเซียวก้มลงมองดู เห็นระเบียงของห้องข้างล่างยื่นออกมาตามลำดับ ค่อยๆส่งเสียงออกมา: “ไปที่ชั้นล่างห้องที่ตรงกันกับห้องนี้หาต่อไป!”
คนในตระกูลมู่ต่างก็ไม่ชอบมู่น่อนน่อน เธอเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ญาติสนิทเย็นชาใส่ แต่กลับยังใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ใช้ชีวิตอย่างจริงจัง
ความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดของเธอต้องเด็ดเดี่ยวแน่นอน เธอจะต้องไม่เกิดเรื่องอะไรแน่ๆ!
กู้จือหยั่นพาคนไปตามเริ่มจากชั้นหนึ่ง สือเย่พาคนไปหาจากชั้นหนึ่ง
แต่เฉินถิงเซียวกลับไปที่ชั้นสาม
ลูกน้องเตะประตูเปิดออก เขาเดินเข้าไป ตรงเข้าไปที่ระเบียงห้อง
คนในห้องที่กำลังเล่นกันอยู่ในห้องน้ำ ได้ยินเสียงจึงออกมาดูก็พบคนมากมาย ชี้พวกเขาแล้วถามขึ้น: “ พวกคุณเป็นใคร ทำอะไรกัน!”
ลูกน้องของเฉินถิงเซียวจึงปิดประตูดันให้คนๆนั้นเข้าไปในห้องน้ำทันที
ที่ระเบียงว่างเปล่า ไม่มีอะไรสักอย่างเลย แต่ด้านหลังของผ้าม่านที่อยู่ด้านข้างกลับมีการเคลื่อนไหวแปลกๆ
เฉินถิงเซียวเดินเข้าไปดู มือที่ยกขึ้นอยู่กลางอากาศหยุดลงครู่หนึ่ง แล้วจึงเปิดผ้าม่านออก
ในมุมของหลังผ้าม่าน ผู้หญิงที่รูปร่างผอมบางขดตัวเป็นก้อนกลม ตกอยู่ในสภาพกึ่งๆไม่ได้สติ