ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่ 61 การหยอกล้อแบบใหม่
ตอนที่ 61 การหยอกล้อแบบใหม่
ดวงตาของมู่น่อนน่อนเบิกกว้าง “ซือ…”
ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดต่อ ดวงตาของชายสวมผ้าปิดปากหรี่ลงเล็กน้อยและเอ่ยขัดจังหวะในการพูดของเธอ “ประโยคต้องเป็นผมที่ควรถามคุณไม่ใช่หรือ คุณไม่มีธุระแล้วมาทำอะไรที่นี่”
ในน้ำเสียงที่น่าฟังนั้นมีความดุดันเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความกังวล
มู่น่อนน่อนเกือบจะคิดไปแล้วว่าผู้ชายคนนี้คือ ลูกพี่ลูกน้อง ของตัวเองจริงๆ และกล่าวขึ้นมาด้วยความงุนงง “ฉันกำลังจะกลับ”
“ผมไปส่ง” ชายที่สวมผ้าปิดปากกล่าวจบ ก็ลากข้อมือของเธอเดินออกไป
แต่เห็นได้ชัดว่าเพื่อนร่วมงานชายที่มาพร้อมกับมู่น่อนน่อนคนนั้นจะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ เขาก้าวไปขวางทางข้างหน้าของมู่น่อนน่อน “พวกเราออกมาสำรวจการตลาด คุณกำลังจะโดดงานหรือ”
มู่น่อนน่อนมองเขายิ้มๆ “ลูกพี่ลูกน้องของฉันนานๆ จะกลับมาจากต่างประเทศสักครั้ง ฉันอยากจะสังสรรค์กับเขาสักหน่อย รบกวนคุณลาให้ฉันด้วยนะคะ”
ชายคนนั้นยังอยากจะขวางทางมู่น่อนน่อนต่อ ชายที่สวมผ้าปิดปากจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาช้าๆ “อยากให้ผมแจ้งความหรือ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ชายคนนั้นจึงรีบเปิดทางให้
มู่น่อนน่อนขึ้นรถไปกับชายที่สวมผ้าปิดปาก เธอลังเลแล้วลังเลอีก สุดท้ายก็เรียกความกล้าแล้วเอ่ยถามออกไป “คุณคือซือเฉิงหยู้ใช่ไหม”
ซือเฉิงหยู้ดึงผ้าปิดปากออก และมองเธอยิ้มๆ “มองออกได้ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ”
มู่น่อนน่อนส่ายหน้า รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “ไม่ใช่ เปล่าเลย… ฉันแค่…”
จะให้บอกว่าติดตามเขามาแปดปี ก็คงจะน่าอายเกินไปที่มู่น่อนน่อนจะพูดออกไป จนใบหน้าขึ้นสี
เธอดูละครของเขาทุกเรื่อง ดังนั้นเธอจึงคุ้นเคยกับแววตาของเขา
ซือเฉิงหยู้ที่เห็นใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ จึงพยักหน้า และเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ผมเข้าใจ”
เขาดึงสายตากลับไปตั้งใจขับรถ และเอ่ยถามเธอ “คุณจะไปที่ไหน”
“ข้างหน้าที่มีคนเยอะๆ ค่ะ ฉันเรียกรถกลับเองก็ได้แล้ว” มู่น่อนน่อนไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันได้เจอซือเฉิงหยู้ตัวเป็นๆ เธอจึงมีความสุขมากที่ได้เจอเขา ความชอบที่มีต่อเขานั้นยังจำกัดอยู่ที่ละครของเขาเท่านั้น ครั้งนี้เขาได้ช่วยเธอไว้ เธอก็ไม่ควรจะใช้ฐานะแฟนคลับมารบกวนเขา
เมื่อถึงที่ที่มีคนมาก ก่อนที่มู่น่อนน่อนก็ได้เอ่ยถามเขา “หลังจากที่คุณกลับประเทศมาจะรับละครเรื่องใหม่ไหมคะ”
ซือเฉิงหยู้ก็ตอบกลับไปโดยไม่ลังเล “หากมีบทละครดีๆ ผมจะเล่นแน่นอน จะเล่นจนถึงวันที่แก่ตัวจนเล่นต่อไม่ได้ครับ”
ดวงตาของมู่น่อนน่อนเป็นประกาย และพยักหน้าแรงๆ “อื้อ ตราบใดที่คุณยังแสดงได้ดีแบบนี้ ฉันเองก็จะดูไปตลอดเช่นกัน”
ซือเฉิงหยู้หัวเราะ ดูเหมือนว่าเธอนั้นจะชอบละครของเขามากจริงๆ นอกจากนี้ยังเป็นผู้ชมที่เถรตรงมากเสียด้วย
มู่น่อนน่อนกล่าวอีกว่า “เรื่องในวันนี้ต้องขอบคุณคุณมากจริงๆ ค่ะ”
ซือเฉิงหยู้นึกไปถึงเรื่องก่อนหน้านี้ เขายักคิ้วแล้วกล่าว “เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น แต่ผู้หญิงเวลาอยู่ข้างนอกก็ควรจะระวังตัวไว้ด้วย”
“อื้อ ฉันจะระวังค่ะ” มู่น่อนน่อนกล่าวจบก็ยิ้มให้เขา และหันหลังเดินออกไป
ซือเฉิงหยู้มองตามแผ่นหลังของเธอ ในตอนที่เหม่อลอยเล็กน้อย ก็เอ่ยถามเธอ “คุณชื่ออะไร”
มู่น่อนน่อนหันหน้ากลับไปด้วยความตกใจ “มู่น่อนน่อน”
“มู่น่อนน่อน…” ซือเฉิงหยู้ทวนชื่อของเธอขึ้นมาเบาๆ อีกครั้ง และคิ้วก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย
หากเขาจำไม่ผิด ภรรยาที่เพิ่งผ่านพิธีวิวาห์ของถิงเซียว ก็เหมือนจะชื่อนี้เหมือนกัน…
……
โรงแรมจีนติ่ง
เพียงเฉินถิงเซียวเดินเข้าไป ก็พบเจอกับสือเย่
สือเย่ที่เมื่อก่อนถูกเขาส่งไปต่างประเทศครั้งหนึ่ง และเพิ่งจะกลับมา
สือเย่เดินไปหาเขา และกล่าวด้วยความเคารพ “คุณชาย”
เฉินถิงเซียวยกมือขึ้นมาเพื่อดูเวลา “พี่ใหญ่มาถึงหรือยัง”
สือเย่ “เพิ่งมาถึงเมื่อสักครู่ครับ”
เฉินถิงเซียวเดินตรงไปยังห้องพิเศษ
ซือเฉิงหยู้ได้ยินเสียงเปิดประตู ก็เงยหน้าไปมองทางประตู ในตอนที่เห็นเฉินถิงเซียว เขาก็หลุดรอยยิ้มที่อบอุ่นขึ้นมา ตัวตนของเขาก็ยิ่งอ่อนโยนราวกับหยกยิ่งขึ้น
เขาเรียก “ถิงเซียว”
เฉินถิงเซียวเดินไปนั่งลงตรงข้ามกับเขา และผลักเมนูอาหารไปเบื้องหน้าของเขา “พี่ใหญ่ยังไม่ได้สั่งอาหารหรือ”
ซือเฉิงหยู้เป็นลูกชายผู้เป็นป้าของเฉินถิงเซียว และยังเป็นดาวรุ่งอันดับต้นๆ ของบริษัทเสิ้งติ่ง
“ไม่รีบ” ซือเฉิงหยู้ไม่ได้เปิดพลิกเมนูอาหาร กลับเอ่ยถามขึ้นอย่างสนใจ “กับภรรยาคนใหม่ของนายเป็นอย่างไรกันบ้าง”
เมื่อเอ่ยถึงมู่น่อนน่อน คิ้วของเฉินถิงเซียวก็ขมวดเล็กน้อย ไม่ยอมพูดอะไรมากมาย “ก็ไม่เป็นอย่างไร”
ซือเฉิงหยู้ยื่นมือออกไปจับแก้วน้ำที่อยู่ข้างหน้า และทำท่าทีถามไปเรื่อยเปื่อย “ทำไมล่ะ รับมือยากหรือ”
มู่น่อนน่อน ผู้หญิงคนนั้นรับมือได้ยากไหมไม่รู้ เพราะเธอไม่เคยรบกวนเขาเลย
ซือเฉิงหยู้เป็นคนค่อนข้างเฉื่อยชา แต่วันนี้เขากลับมีคำถามค่อนข้างมาก
เฉินถิงเซียวเอนพิงไปด้านหลัง และมองซือเฉิงหยู้อย่างละเอียด “ที่พี่กลับมาก็เพราะใส่ใจกับชีวิตแต่งงานของผมหรือ”
ซือเฉิงหยู้ก็รับรู้แล้วว่าตัวเองนั้นถามมากเกินไปแล้ว เขาหัวเราะ และเปลี่ยนหัวข้อไปเรื่องอื่นอย่างเป็นธรรมชาติ “แม่ฉันบอกว่า หากฉันยังไม่ยอมหาแฟน ท่านจะจับฉันไปรายการหาคู่”
ใบหน้าของเฉินถิงเซียวเผยท่าทีสนุกสนานที่หาดูได้ยากออกมา “บริษัทไม่อนุญาตให้พี่ไปรายการหาคู่หรอก ในฐานะเจ้าของบริษัท ผมสามารถให้คนหาคู่เดตในพี่ได้นะ”
ซือเฉิงหยู้กระแอมไอขึ้นมาก่อนจะบอกว่า “หากฉันออกเดตแฟนคลับฉันหายแน่”
เฉินถิงเซียวเหลือบมองเขา “คิดว่าตัวเองเป็นไอดอลหรือ”
ซือเฉิงหยู้ “…..” ได้เป็นราชาวงการภาพยนตร์ตั้งแต่อายุยี่สิบแปดนั่นคือความผิดของเขาหรือ
……
ตกเย็น เฉินถิงเซียวเลิกงานกลับบ้าน ก็พบว่ามู่น่อนน่อนไม่เพียงแต่จะอยู่ที่บ้าน ทั้งยังเตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว
ยามปกติ ในตอนที่เขาเลิกงานกลับบ้าน มู่น่อนน่อนเองก็เพิ่งจะกลับมาเช่นกัน ทำไมวันนี้ถึงได้กลับเร็วขนาดนี้
ในตอนที่เขาเดินไปถึงหน้าห้องครัว ก็พบเห็นมู่น่อนน่อนที่สวมถุงมือกันร้อนกำลังถือน้ำซุปถ้วยใหญ่ออกมา
มู่น่อนน่อนที่เห็นเฉินถิงเซียว คิ้วก็ขมวดมุ่น “เฉินเจียฉิน หลีกทางเร็วๆ”
เฉินถิงเซียวไม่หลีก ทั้งยังเอาเสื้อสูทตัวนอกที่พาดอยู่ที่แขนไปพาดไว้ที่แขนของมู่น่อนน่อน และยื่นมือไปรับถ้วนน้ำซุปในมือของเธอ
มู่น่อนน่อนมองมือของเขาที่เข้ามารับน้ำซุป ก็อดไม่ได้ที่จะเตือนเขา “เฮ้ นี่มันร้อนมากนะ”
เฉินถิงเซียววางถ้วยน้ำซุปลงบนโต๊ะด้วยสีหน้าเรียบเฉย
มู่น่อนน่อน “…..” ผู้ชายคนนี้เป็นเหล็กไหลอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ในยามที่ทั้งสองคนนั่งลงทานข้าวด้วยกัน เฉินถิงเซียวก็ทำท่าทีถามไปเรื่อยเปื่อย “ทำไมวันนี้ถึงกลับมาเร็วล่ะ”
มู่น่อนน่อนตักน้ำซุปให้กับตัวเอง เอียงหน้ามองเขา “ฉันต้องรายงานคุณด้วยหรือ”
เฉินถิงเซียวขุ่นเคืองจนหัวเราะออกมา “ปากคอเราะราย”
อย่างไรก็ตามด้วยสถานะของเขา “เฉินเจียฉิน” ในตอนนี้ก็ไม่สามารถรักษาเธอได้
“ขอบคุณสำหรับคำชม” มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าจากข้อสรุปที่ได้มาจากประสบการณ์เธอนั้นไม่ผิดทีเดียว เพียงเธอไม่แสดงด้านที่อ่อนแอออกมา “เฉินเจียฉิน” ก็จะไม่สามารถทำอะไรเธอได้
ดวงตาของเฉินถิงเซียวหรี่ลงเล็กน้อย และจ้องมู่น่อนน่อนเขม็ง
ทั้งร่างเขาดูเย่อหยิ่งและเผด็จการ แม้แต่เวลาที่มองมา ออร่าในแววตาที่แผ่ออกมานั้นก็แตกต่างจากคนปกติทั่วไป
มู่น่อนน่อนเริ่มไม่สบายใจที่ถูกเขามอง ในยามที่กำลังจะพูด ก็ได้ยินเฉินถิงเซียวพูดออกมาช้าๆ ว่า “มู่น่อนน่อน ผมคือเฉินถิงเซียว”
มู่น่อนน่อน “????”
ภายในห้องอาหารตกอยู่ในความเงียบ ระหว่างทั้งสองคนนั้นมีเพียงโต๊ะหนึ่งตัวกั้นอยู่ สีหน้าของทั้งสองดูเคร่งเครียด
มือที่จับตะเกียบของมู่น่อนน่อนจับแน่นขึ้น น้ำเสียงแหบ พร่าเล็กน้อยยามที่พูดออกไป “นี่คือการหยอกล้อแบบใหม่ของคุณหรือ