ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่ 72 เเอบมีชู้ลับหลังเฉินถิงเซียว
ตอนที่ 72 เเอบมีชู้ลับหลังเฉินถิงเซียว
เสิ่นชูหานหลังขับรถออกไปแล้ว มู่น่อนน่อนก็ไม่เห็นนักข่าวเหล่านั้นอีกเลย พลางพูดขึ้น “รบกวนเธอจอดรถหน่อยค่ะ ฉันจะลงรถ เรื่องวันนี้ของคุณเธอมาก”
เสิ่นชูหานจอดรถลงข้างทางอย่างเงียบๆ มู่น่อนน่อนยื่นมือไปเปิดประตู ลองเปิดไปสองครั้งก็เปิดไม่ออก
เธอหันไปมองเสิ่นชูหาน “ประตูรถถูกล็อคไว้แล้ว”
เสิ่นชูหานก็มองไปหาเธอด้วย สายตาดูแปลกๆ เหมือนกัน “น่อนน่อน เธอเลือกน้องชายเฉินถิงเซียว เลือกผมไม่ปลอดภัยดีเหรอ”
“??? ” นี่เธอเข้าใจความหมายเขาผิดเหรอ?
เห็นมู่น่อนน่อนไม่ได้พูดแทรกเขา น้ำเสียงเสิ่นชูหานยิ่งมั่นใจมากขึ้น “เราต่างรักใจยอม อยู่ด้วยกันมีความสุขมากแน่นอน ที่สำคัญคือผมจะไม่ให้ใครรู้เรื่องของเราด้วย”
“ฉันกับเธอ อยู่ด้วยกัน? ” มู่น่อนน่อนชี้เขาแล้วชี้ตัวเอง
เสิ่นชูหานพยักหน้า แสดงรอยยิ้มอันมีความมั่นใจของเขา ยื่นมือแล้วลูบหัวมู่น่อนน่อน “เธอเอาแต่เฝ้าเฉินถิงเซียวพิการนั่นเหนื่อยเกินไปแล้ว ผมเข้าใจเรื่องเธอกับน้องชายเขา ผมไม่โทษเธอ”
เหนื่อยเกินแล้ว?
พูดอย่างดูดีนัก ความหมายของเขาก็คือเธอเฝ้าเฉินถิงเซียวที่ทำอะไรไม่เป็นคนหนึ่ง เลยอดความเหงาไม่ไหวที่ไปหาน้องชายเฉินถิงเซียว!
คนที่เลวมักจะเอาความคิดนั้นไปคิดว่าคนอื่นก็เลวขนาดนั้นเลยเหรอ!
มู่น่อนน่อนสะบัดมือเขาที่ยื่นมาจับหัวเธอไว้ แล้วทำหน้ารังเกียจนัก “ความหมายของเธอคือ ให้ฉันลับหลังเฉินถิงเซียวมาชู้กับเธอเหรอ? ”
หัวข่าวในโซเชียลเสิ่นชูหานก็เห็นแล้ว เขารู้สึกว่ามู่น่อนน่อนทนความเหงาไม่อยู่ เลยได้ไปยุ่งเกี่ยวกับน้องชายเฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนเดิมทีก็ชอบเขาอยู่แล้ว ถ้าเขามาหามู่น่อนน่อนก่อน มู่น่อนน่อนต้องทิ้งน้องชายเฉินถิงเซียวไปอย่างไม่ลังเล แล้วมาคบกับเขาแน่นอน
เสิ่นชูหานก็ไม่ได้ถือสาที่มู่น่อนน่อนหันหน้าหลบ แต่กลับพูดแรงมากขึ้น “เฉินถิงเซียวเดิมทีก็ไม่คู่ควรกับเธอ เราถึงจะรักกันจริง”
“ใครรักกันจริงกับเธอ คนที่รักกันจริงกับเธอคือมู่หวั่นขี เธอจะเปิดประตูไหม ไม่เปิดฉันแจ้งตำรวจแล้วนะ? ” มู่น่อนน่อนแนบติดประตูไว้แน่นๆ ทั้งหน้ามองเสิ่นชูหานอย่างระวัง
ทำไมก่อนหน้านี้เธอถึงสังเกตความวาดระแวงที่มีของเสิ่นชูหานเลย?
มู่น่อนน่อนที่มีกิริยาหลบหนีเขาแบบนี้ ทำให้เขารีบร้อนขึ้นบ้าง เขายื่นไปใกล้มู่น่อนน่อนอย่างเร่งเร็ว “มู่หวั่นขีจะเทียบเท่าเธอได้ยังไง!”
มู่น่อนน่อนไม่อยากไร้สาระกับเขา เอามือถือขึ้นมาแจ้งตำรวจ
เสิ่นชูหานในที่สุดก็ยังกลัวเสียหน้า ถอยระยะออกห่างไป แล้วเปิดประตูให้เธอ
มู่น่อนน่อนเปิดประตูรถจากรถ แล้วหันมามองเขา พูดด้วยความเหินห่าง “เสิ่นชูหาน เมื่อก่อนฉันชอบเธอ เธออาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ฉันชอบเธอในเมื่อก่อนคืออะไร เเต่หลังจากนี้ไปฉันไม่ชอบเธออีกแล้ว และจะไม่ยอมเป็นอะไรกับเธอลับหลังเฉินถิงเซียวแน่”
สีหน้าเสิ่นชูหานแย่ลงเยอะ มู่น่อนน่อนหันแล้วเดินจากไป ไม่ได้มองเขาอีกเลย
เดินไปได้ไม่ไกลมาก พลางมีรถคันหนึ่งจอดลงข้างเธอ
เธอคิดว่าเป็นเสิ่นชูหานอีกแล้ว รีบเดินห้าวอย่างไว้ขึ้น จนกว่าในรถนั้นมีเสียงคุ้นเคยดังออกมา
“คุณผู้หญิง…”
มู่น่อนน่อนหันไปด้วยใบหน้าตกใจ “สือเย่? พวกเธอกลับมาแล้วเหรอ? ”
สือเย่ในฐานะเป็นผู้ช่วยพิเศษของเฉินถิงเซียว ในสถานการณ์ปกติเเล้วเฉินถิงเซียวไปไหน เขาก็ตามไปที่นั่น
เฉินถิงเซียวหลังจากที่ไปต่างประเทศ เธอก็ไม่เคยเห็นสือเย่ปรากฏในคฤหาสน์อีก เลยคาดเดาว่าสือเย่น่าจากกลับมาพร้อมเฉินถิงเซียว
สือเย่ลงจากรถ พูดอย่างให้เกียรติ “ครับ คุณผู้ชายมอบหมายให้ผมมารับคุณผู้หญิงกลับบ้านครับ”
มู่น่อนน่อนมีความคาดหวังที่จะได้เจอเฉินถิงเซียวเล็กน้อย เเต่เธอรู้ดีเฉินถิงเซียวอาจจะยังคงหันหลังให้เธออย่างเดียว
ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น มู่น่อนน่อนก็ขึ้นรถไปอย่างดีใจเช่นกัน
หลังจากขึ้นรถแล้ว ความดีใจนั้นผ่านไป เธอก็สงบใจลง พลางนั่งต่อไม่ไหวแล้ว
เฉินถิงเซียวกลับมาในช่วงเวลานี้ทำไม?
เขาพึ่งกลับมาหรือกลับมาตั้งแต่เข้าแล้ว? เขาเห็นข่าวของเธอกับ “เฉินเจียฉิน” หรือยัง?
ถ้าหาก…ถ้าหากเขาเห็นข่าวแล้ว เขาจะ….หรือเปล่า
ไม่ สมมุตินี้ไม่เป็นจริง ถึงแม้เขาไม่เห็น ก็ต้องมีคนบอกเขาอยู่แล้ว
เธอสามารถแน่ใจได้คนที่มากดทับข่าวนี้ต้องเป็นคนตระกูลเฉินแน่นอน
คนตระกูลเฉินยังรู้แล้ว เฉินถิงเซียวก็ต้องรู้แน่นอน
……
กุมความไม่สบายใจไว้ รถยนต์มาจอดลงที่คฤหาสน์
“คุณผู้หญิง เชิญลงรถครับ” สือเย่เดินเข้ามา น้ำเสียงให้เกียรติ เป็นประตูให้
มู่น่อนน่อนลงจากรถ แล้วมองไปทางชั้นสองห้องทำงานของเฉินถิงเซียวหนึ่งที ถามสือเย่ขึ้น “เฉินถิงเซียวอยู่ห้องทำงานไหม? ”
สือเย่ “ไม่ครับ คุณผู้ชายกำลังพักผ่อนอยู่”
มู่น่อนน่อนพยักหน้า เดินเข้าไปก็เห็น “เฉินเจียฉิน” ที่นั่งจีบกาแฟในห้องโถงอย่างผ่อนคลาย
เธอยังมีความโมโหในใจ แต่เนื่องด้วยสือเย่ยังอยู่ เธอเลยปล่อยออกมาไม่ได้ เพียงแค่จ้องเขาอย่างแรงเย็นชาทีหนึ่ง แล้วเดินกลับไปห้องเลย
มู่น่อนน่อนไปเเล้วปุ๊บ สือเย่ก็เดินมาตรงหน้าเฉินถิงเซียว แล้วพูดอย่างให้เกียรติ “คุณผู้ชายครับ เสิ่นชูหานไปหาคุณผู้หญิงมา”
น้ำเสียงเฉินถิงเซียวนิ่งๆ “ออ? หาเขาทำไม? ”
สือเย่รับรู้ง่ายถึงน้ำเสียงนิ่งๆ จากเขาแต่จับความไม่ปกติที่แฝงอยู่
สือเย่นึกถึงตอนที่เขาเห็นเสิ่นชูหานและมู่น่อนน่อนใกล้ชิดมากบนรถ แลดูแล้วอย่างสนิทสนมหน่อย เขาเลยไม่กล้าพูดอยู่แล้ว
ฉะนั้น เขาจึงเลือกพูดอย่างด้วยวิธีที่เขาคิดว่าปลอดภัยที่สุด “สองคนนั่งอยู่รถสักพัก คุณผู้หญิงก็ลงรถแล้วครับ”
“สักพักคือนานเเค่ไหน? ” เฉินถิงเซียววางแก้วกาแฟในมือลงโต๊ะ นั่งถอยหลังไปเล็กน้อย ห้อยขาอันยาวไว้ ทั้งคนดูมีความไฮโซแบบขี้เกียจเล็กน้อย
สือเย่เลยคิดว่าแย่แล้ว “แค่แป๊บเดียวเองครับ ประมาณสิบนาดี…”
“ออ? เพียงแค่สิบนาทีเหรอ? เธอรับคนกลับมาเกือบชั่วโมงกว่า? ” เฉินถิงเซียวมีสายตาที่คมแหลมทันที
สือเย่ไม่กล้าพูดแล้ว
เฉินถิงเซียวหลับตาลงไม่ได้ถามต่อไปอีก เหมือนว่าไม่ได้หวังได้รับคำตอบที่พอใจจากสือเย่มาก
……
มู่น่อนน่อนตอนเดินลงมาจากชั้นสอง ในห้องโถงก็ไม่มีร่างของ “เฉินเจียฉินแล้ว”
เธอวิ่งไปถามบอดี้การ์ดที่ยืนหน้าประตู “น้องชายคุณชายพวกเธอไปไหนแล้ว? ”
บอดี้การ์ดตอบอย่างจริงจัง “เขาออกไปแล้วครับ”
“อ้อ” มู่น่อนน่อนพยักหน้า แล้วเดินไปทำอาหารที่ห้องครัว
“เฉินเจียฉิน” ไม่อยู่บ้าน เธอก็รู้สึกว่าบรรยากาศในบ้านสงบลงไม่น้อย
เฉินถิงเซียวพึ่งกลับมา ระหว่างทางเหนื่อยล้า เธอตัดสินใจทำของรสจางๆ ให้เขาหน่อย
เธอยังทำอาหารไม่เสร็จ สือเย่ก็เดินเข้ามาบอก “คุณหญิง ผมออกไปทำธุระหน่อยครับ รบกวนสักพักคุณส่งอาหารขึ้นไปให้คุณชายด้วยครับ”
มู่น่อนน่อนรู้สึกสงสัยในใจ นี่ก็จะดึกแล้ว ทำไมคนพวกเขานี่มีธุระมากมายมาจากไหนกันรึ?
“ค่ะ ฉันทำเสร็จจะส่งขึ้นไปให้เขา” มู่น่อนน่อนดีใจที่ได้ทำอะไรให้เฉินถิงเซียวหน่อย
ไม่นาน เธอทำอาหารเสร็จแล้วโยกขึ้นไป ตรงไปที่ห้องทำงานเฉินถิงเซียวเลย
เธอยืนหน้าประตูแล้วเคาะประตู ไม่มีคนตอบกลับจากข้างใน เธอเลยเปิดประตูเข้าไปแล้ว
เธอเตรียมจะวางของลงแล้วออกไป แต่ไม่คิดว่าหันกลับมาก็เจอ “เฉินเจียฉิน