ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่ 74 เธอไม่ใช่คนแบบนั้น
ตอนที่ 74 เธอไม่ใช่คนแบบนั้น
ณ บริษัทเสิ้งติ่ง ห้องทำงานท่านประธาน
กู้จือหยั่นเปิดประตูเข้ามา เห็นเฉินถิงเซียวที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ดันแว่นตาไปทีหนึ่ง แล้ววางเอกสารในมือลงไปบนโต๊ะเขาอย่างทางการ ล้อเรียบน้ำเสียงของเลขาไว้ “คุณเฉิน ตรงนี้ให้คุณเซ็นชื่อครับ”
เรื่องการส่งเอกสารแบบนี้ ส่วนมากคนทำเป็นเลขา
และเป้าหมายที่กู้จือหยั่นมาส่งเอกสารเองนั้นชัดเจนโดยไม่ต้องพูด
เป็นเพราะแบบนี้ เขาพึ่งวางเอกสารลง เฉินถิงเซียวก็ไล่เขาออกไปแบบเลือดเย็น “ออกไป”
กู้จือหยั่นตอนอยู่ตรงหน้าเฉินถิงเซียวก็ไม่เคยเอาหน้าอยู่เเล้ว
เขาเอาแว่นลง ปรายตามุดขึ้น แสดงความแกร่งที่ไม่ยอมแพ้แบบเพลย์บอยรวย
เขาส่ายหัว ทำหน้าอย่างน่าสงสาร “ถิงเซียว ผมช่างเห็นใจคุณ ไม่ง่ายกว่าจะแต่งงานได้ แต่ภรรยากับ “น้องชาย” ก็หักหลังคุณไปเลย ขอสัมภาษณ์หน่อย ตอนนี้คุณรู้สึกเป็นยังไง? ”
เฉินถิงเซียวเงยตามองเขา ดวงตามืดครึ้มเหมือนยิงเข้าไขกระดูกแบบเยือกเย็น “เธออยากไปพัฒนากิจการที่แอฟริกาใต้หรือ? ”
สีหน้ากู้จือหยั่นเปลี่ยนทันที รีบส่ายหัว “ไม่…ไม่อยากไปครับ!”
เขาไม่อยากไปแอฟริกาใต้หรอก!
“ยังไม่ไปให้พ้นอีก? ” เฉินถิงเซียวทำหน้าบึ้งไว้ ไม่อยากฟังเขาพูดเรื่องเลยสักนิด
แต่กู้จือหยั่นเป็นคนที่ชอบเสือกเรื่องแต่ไม่กลัวจะเกิดเรื่อง เขายังถามอย่างเสียดสีต่อ “ถ้ามู่น่อนน่อนหลงรัก “เฉินเจียฉิน” แล้วอดจะอะไรนั่นกับคุณไม่ได้ พอถึงตอนนั้น เกิดเขารู้ว่าคุณเป็น “เฉินถิงเซียว” …”
เฉินถิงเซียวไม่แม้แต่คิด แทรกคำพูดเขาขาดขึ้นมา “เป็นไปไม่ได้”
“เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าคุณเป็นเฉินถิงเซียว? คุณคิดว่าตัวเองจะปิดบังเรื่องนี้ได้อย่างผ่านไปทั้งชีวิตเหรอ? ” ในใจกู้จือหยั่น เฉินถิงเซียวเป็นคนที่เก่งเยี่ยมยอด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาจะเก่งถึงขั้นนั้นได้
“เขาไม่ใช่คนแบบนั้น”
เฉินถิงเซียวพูดออกมาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า แต่กลับทำให้กู้จือหยั่นเข้าใจความหมายของคำพูด
เขายื่นมือขึ้นมาปัดตรงหน้าจมูกอย่างโอเวอร์ แล้วพูดแบบว่ารู้ดี “คุณแค่บอกเขาไปนานแค่ไหนเอง ก็บอกว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น ผมเหมือนได้กลิ่นเหม็นเน่าเปรี้ยวๆ อะไรบางอย่าง…”
ฟู้ถิงซีเดินเข้ามาจากข้างนอก กำลังได้ยินครึ่งหลังของคำพูดกู้จือหยั่นพอดี เลยสงสัยถามขึ้น “อาไร่เหม็นครับ? ”
กู้จือหยั่นพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนลึกลับ “ยังไงก็ไม่ใช่กลิ่นเปรี้ยวเหม็นในตัวพวกเรา เราเป็นคนโสด กลิ่นสดชื่นเบาๆ ”
ฟู้ถิงซีในฐานะเป็นชายซื่อตรงนัก ใบหน้ามึนงงไม่เข้าใจความหมายกู้จือหยั่น
กู้จือหยั่นเหลือกตาอย่างไม่ดั่งใจ “กลิ่นเหม็นเปรี้ยวของความรักไง นี่ยังไม่รู้เหรอ สมควรแล้วที่โดดเดี่ยว!”
ฟู้ถิงซีที่โดนแม่โทรมาเร่งให้หาแฟนทุกแทบเดือนตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว เลยช่างเซนซิทีฟกับเรื่องนี้มาก
ฟู้ถิงซีขำ พูดอย่างคมเฉียบแรงกระตุ้น “คนที่เฝ้าตั้งแต่เด็กจนโต พอกำลังจะเอาเข้าปากก็วิ่งหนีแล้ว รู้สึกยังไง? ”
กู้จือหยั่นทำหน้าเข้มไว้ พุ่งเข้าไปตีฟู้ถิงซีหนักๆ แถมยังพูดโหดๆ “วันนี้ผมเข้ามาแล้ว ก็ไม่คิดจะรอดออกไปได้”
กู้จือหยั่นมีผู้หญิงที่โตด้วยกันตั้งแต่เด็ก ได้ยินว่ากินอยู่ในปากแล้ว ยังทำให้คนเขาหนีไปแล้วด้วย
เฉินถิงเซียวคิดๆ แล้วอาจจะเป็นดาราน้อยคนที่ชื่อเสิ่นเหลียงสินะ
ที่ความสัมพันธ์ดีกับมู่น่อนน่อนมาก เขาพึ่งจำชื่อนี้ได้ในช่วงนี้เอง
กู้จือหยั่นในเมื่อก่อนเป็นไม่เอาไหน เรื่องการตีกันไม่แพ้ใคร ตีกับฟู้ถิงซีไปพอนาน สุดท้ายใช้การเตือนโดยเขาตีจนฟู้ถิงซีล้มไปที่พื้นแล้วเป็น
เฉินถิงเซียวคุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้นานแล้ว เพียงแค่รอสองคนตีกันเสร็จก็เงยตาขึ้น “เก็บเรียบร้อยแล้วค่อยออกไป”
สองคนเลยต้องทำทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วออกไป
……
มู่น่อนน่อนได้ผ่านวันนี้ไปในภายใต้การนินทา
รอให้ผ่านไปช่วงหนึ่ง พวกเขาพูดเบื่อแล้ว ก็คงจะไม่พูดเรื่องนี้อีก
ถึงเวลาเลิกงาน สือเย่โทรมาหาเธอ บอกว่าอยู่ระหว่างแล้ว รถติดมาก อาจจะไปรับเธอสายหน่อย
มู่น่อนน่อนออกจากบริษัทมู่ซื่อ เตรียมตัวหาที่หนึ่งเพื่อรอสือเย่
“น่อนน่อน”
เธอหันกลับไป เห็นเซียวชู่เหอที่ไม่รู้ว่ายืนหลังตัวเองแต่เมื่อไหร่
มู่น่อนน่อนมีความแปลกนิดๆ ถามอย่างเย็นนิ่ง “มีธุระ? ”
“ฉันอยากถามนิดหนึ่ง เรื่องที่พูดถึงในข่าว เธอกับเรื่องของน้องเฉินถิงเซียวเป็น เรื่องจริงไหม? ” เซียวชู่เหอมีน้ำเสียงที่แตกต่างจากปกติแฝงความเป็นห่วง
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าเซียวชู่เหอผิดปกติ มองเขาไว้แบบสงสัย “เธอเป็นอะไรเหรอ? ”
ไม่ว่าเซียวชู่เหอจะไม่สนใจเธอมากแค่ไหน แต่เธอก็ทำไม่ได้ที่จะไม่สนใจเซียวชู่เหอหรอก
เซียวชู่เหอยิ้ม ใบหน้าที่ดูอ่อนโยนแบบนั้นง่ายต่อการให้คนไม่มีความขีดกั้น “ไม่มีอะไร แค่ในข่าวนั้น คนที่ด่าเธอแรงไปหน่อย เลยเป็นห่วงเธอ…”
เธอพูดถึงนี่แล้ว หยุดไปพัก แล้วถอนหายใจเบาๆ “ตอนนี้ฉันไม่ดีเอง ถ้าฉันไม่ให้เธอแต่งงานไปตระกูลเฉิน ก็จะไม่เกิดเรื่องวันนี้ขึ้น เธอก็จะไม่เป็นแบบตอนนี้…”
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าคำพูดเซียวชู่เหอไม่สมเหตุเกินไป ความสงสัยก็หนักมากขึ้น “เธอมีอะไรก็พูดมาตรงๆ ได้ไหม? ”
เธอไม่ต่อยเชื่อว่าเซียวชู่เหอจะกลับตัวได้จริง
“เธอบอกความจริงกับแม่นะ เธอกับน้องชายเฉินถิงเซียว คบกันแล้วจริงหรือเปล่า ครั้งก่อนฉันเห็นพวกเธออยู่ในรถ…”
“ทำไมจุจุเธอถึงเป็นหัวเรื่องฉันขึ้นมา? เธอมีเป้าหมายอะไร? ” มู่น่อนน่อนเห็นเซียวชู่เหอพูดเรื่องนี้ไว้ไม่ยอมปล่อย เลยรู้สึกระวังขึ้นมา
“น่อนน่อน ถึงแม้เมื่อก่อนฉันจะห่วงใยเธอไม่พอ แต่ฉันเป็นห่วงเธอจากใจ…”
มือถือมู่น่อนน่อนดังขึ้นมา เป็นสือเย่ที่โทรมา
มู่น่อนน่อนรับสาย “ฉันอยู่หน้าประตู เธอขับมาได้ไหม”
เธอยังไม่ทันเก็บมือถือ เซียวชู่เหอก็ดึงแขนเธอไว้ น้ำเสียงเร่งรีบ “ใครมารับเธอ? ”
“คนที่เฉินถิงเซียวสั่งให้มารับฉันเลิกงาน” มู่น่อนน่อนรู้สึกการกระทำของเซียวชูยิ่งแปลกมากเรื่อยๆ
คำที่เธอพึ่งพูดกับเซียวชู่เหอในเมื่อกี๊มีอารมณ์ร้อนอยู่ ตอนนี้สงบลงแล้ว มองใบหน้าเซียวชู่เหอแล้วเพียงรู้สึกเหนื่อยชา
“ฉันไม่รู้ว่ามู่หวั่นขีพวกเขาหลอกใช้เธอมาทำอะไรฉันอีก แต่ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ช่วยคิดถึงตัวเองให้มากหน่อย อย่ายอมตามใจพ่อเกิน”
ในอนาคตมู่หวั่นขีไม่กตัญญูต่อเซียวชู่เหอเเน่นอน เพียงแค่เอาเซียวชู่เหอเป็นคนใช้อุ่นเตียงของพ่อเธอแค่นั้น แต่ตอนนี้เซียวชู่เหอยังไม่รู้สิ่งนี้
เซียวชู่เหอฟังจบ พลางอึ้งไปครู่
มู่น่อนน่อนนั่งเข้าไปในรถ มองเซียวชู่เหอผ่านกระจกใส
เซียวชู่เหอยังยืนที่ที่คุยกับมู่น่อนน่อนเมื่อกี๊ เนื่องด้วยก้มหน้าไว้ เลยดูอารมณ์ออกอยากแต่มู่น่อนน่อนรับรู้ถึงการลังเลของ
ลังเลอะไรหล่ะ?
ลังเลจะช่วยมู่หวั่นขีจัดการเธอไหม?
เมื่อกี๊เซียวชู่เหอกำลังหลอกให้มู่น่อนน่อนพูดอย่างเห็นได้ชัด หลายปีนี้ใช้ชีวิตแบบสงบสุข แต่การมองสังเกตยังสู่มู่น่อนน่อนไม่ได้ ฉะนั้นแล้วเธอไม่รู้ว่าตัวเองถูกเผยออกมาแล้ว
มู่น่อนน่อนรับรู้ถึงเป้าหมายของเธอ และหลีกเลี่ยงคำถามที่เธอถามเกี่ยวกับ เฉินเจียฉินได้
ไม่ว่าพวกเขายังจะมีแผนการอะไร มีฝีมือแบบไหน ก็เอาออกมาทั้งหมดได้เลย