ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่ 76 นิ้วชี้เดียวก็แข็งแรงกว่าเขา
ตอนที่ 76 นิ้วชี้เดียวก็แข็งแรงกว่าเขา
เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไรอีก
มู่น่อนน่อนเหลือบมองเซียวชู่เหอด้วยสีหน้าเยาะเย้ย ก่อนจะหันหลังเดินออกไป
เซียวชู่เหอยังไม่เข้าใจว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไรกันแน่ สือเย่จึงเดินเข้าไปตรงหน้าเธอ “คุณนายมู่ เชิญครับ…”
สือเย่พยักหน้าเล็กน้อย และผายมือทำท่า “เชิญ” ให้ ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่ากำลังไล่เซียวชู่เหอออกไปข้างนอก
เซียวชู่เหอเป็นคนขี้ขลาดมาโดยตลอด รู้ดีว่าบันทึกเสียงที่อยู่ในมือนั้นเป็นของปลอม ทันใดนั้นก็รู้สึกใบหน้าหมองคล้ำ และเดินคอตกออกไปข้างนอก
เมื่อมาถึงหน้าประตู เธอก็เห็นมู่น่อนน่อนที่กำลังกอดอก ยืนพิงประตูและจ้องมาทางเธอเขม็ง
เซียวชู่เหอเดินไปข้างหน้าอย่างละล้าละลัง “น่อนน่อน เธอ…”
“รังเกียจที่จะนั่งไปด้วยกันกับฉันไหม” สีหน้าของมู่น่อนน่อนนั้นเป็นความเย็นชาที่ผลักไสให้ผู้คนถอยห่างออกไปหลายพันไมล์
มู่น่อนน่อนที่เป็นแบบนี้ สำหรับเซียวชู่เหอแล้ว เป็นอะไรที่ไม่คุ้นชินอย่างมาก แต่เธอก็ยังเลือกที่จะพยักหน้า
…..
ในรถ มู่น่อนน่อนและเซียวชู่เหอนั่งที่นั่งด้านหลังรถ
มู่น่อนน่อนเอ่ยขึ้นมาก่อนด้วยสีหน้าเย็นชา “มู่หวั่นขีสั่งให้แม่มาใช่ไหม”
น้ำเสียงที่เย็นชาของมู่น่อนน่อน แผ่ความรู้สึกบีบคั้นออกมา จนคำว่า “ไม่” ที่ติดอยู่ตรงปากของเซียวชู่เหอต้องหายไป “เป็นเธอ”
“ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนเธอเคยพูดไว้ว่าอะไรนะ เธอบอกว่าใครเชื่อฟังเหมือนหมากันนะ” มู่น่อนน่อนแสยะยิ้ม หัวเราะราวกับปีศาจ
เซียวชู่เหอหน้าซีด แต่ปากก็ยังคงแก้ตัวแทนมู่หวั่นขี “เธอเองก็มีช่วงเวลาที่สับสน ปกติเธอนั้นดีกับฉันมาก น่อนน่อน ฉันเห็นว่าเฉินถิงเซียวค่อนข้างเชื่อใจลูกทีเดียว พวกลูกต้องสนิทกันในขั้นที่ไม่เลวทีเดียวสินะ ลูกอย่าได้ทะเลาะกับพี่สาวของลูกจนทำให้เธอไม่มีความสุขเลย ลูกก็ยอมให้เธอหน่อย ช่วงนี้เธอโกรธเรื่องของลูกจนทานข้าวน้อยลงไปมากแล้ว…”
มู่น่อนน่อนประสานสองมือเข้ากันแน่น และตวาดใส่เธอเสียงดัง “พอแล้ว”
เซียวชู่เหอที่ไม่เคยถูกมู่น่อนน่อนตวาดใส่แบบนี้มาก่อน ถึงกับชะงักค้างไป
สองตาของมู่น่อนน่อนแดงก่ำ แต่กลับไม่มีน้ำตาไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว
ตั้งแต่ที่มีชีวิตมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอตีโพยตีพายต่อหน้าเซียวชู่เหอแบบนี้
“ต่อให้แม่จะไม่เคยมองฉันในฐานะลูกสาวแท้ๆ มาก่อน แต่อย่างน้อยแม่ก็ควรจะมองฉันในฐานะมนุษย์บ้าง ฉันเองก็มีหัวใจ ฉันไม่ใช่ของที่แม่จะใช้ประโยชน์ได้ตามใจชอบโดยที่ไม่เจ็บปวดอะไร ฉันเป็นคน ฉันมีความรู้สึก ฉันเจ็บปวดและเสียใจเป็น”
“ฉันรู้…” เซียวชู่เหอตื่นกลัวเพราะเสียงของมู่น่อนน่อน แต่ปากก็ยังพูดต่อไปว่า “หลายปีที่แม่อยู่ในตระกูลมู่มันไม่ง่ายเลย แม่เพียงอยากลูกช่วยแม่แค่เล็กน้อย…”
“แล้วหลายปีที่ผ่านมานี้มันง่ายสำหรับฉันหรือ ตั้งแต่ที่ฉันจำความได้ แม่ก็ไม่เคยซื้อเสื้อผ้าให้ฉันสักชุด ชุดที่ได้ก็เป็นชุดที่มู่หวั่นขีและคนใช้ในบ้านไม่เอาแล้ว ทุกครั้งที่แม่ทำคุกกี้และหั่นผลไม้ให้กับมู่หวั่นขี ฉันก็ได้แต่กินของเหลือจากเธอ แม้แต่ในตอนนี้ ฉันก็ถูกบังคับให้แต่งงานกับเฉินถิงเซียว พวกแม่ก็ยังไม่คิดจะปล่อยฉันไป…”
มู่น่อนน่อนหลับตา เงยหน้าขึ้น เมื่อให้น้ำตานั้นย้อนกลับเข้าไป และหันไปตะโกนกับคนขับรถเสียงดัง “หยุดรถ”
เซียวชู่เหอที่เห็นว่าเธอกำลังจะลงจากรถ ก็รีบดึงเธอไว้ “น่อนน่อน ลูกอย่าเพิ่งลงจากรถ ฟังฉันพูดก่อน…”
“ออกไปให้พ้น” มู่น่อนน่อนสะบัดมือของเธอออกอย่างแรง “อย่าไม่แตะฉัน”
เธอกลัวว่าหากตัวเองมองเซียวชู่เหออีกเพียงนิดเดียว จะทำเรื่องที่เกินเลยเกินไป
สายตาเกลียดและรังเกียจของมู่น่อนน่อน กดดันอย่างรุนแรงจนเซียวชู่เหอต้องปล่อยมือ และไม่พูดอะไรให้มากความอีก
…..
สถานที่ที่มู่น่อนน่อนลงรถมานั้น อยู่ไม่ไกลจากบริษัทมู่ซื่อแล้ว
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปในบริษัทมู่ซื่อ
ถึงแม้เมืองหู้หยางจะอยู่ภาคใต้ แต่ก็มีสี่ฤดูที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ในตอนนี้อุณหภูมิข้างนอกห้องก็เพียงสี่ถึงห้าองศาเท่านั้น ลมก็พัดบาดหน้าจนเจ็บไปหมด
แต่ความเจ็บปวดนี้ ยังไม่เท่าเศษหนึ่งส่วนสิบของใจเธอด้วยซ้ำ
เธอเดินอย่างรวดเร็ว ลมพัดมาอย่างแรง จนเธอหายใจได้อย่างลำบาก จนเธอรู้สึกหายใจไม่ออก
เมื่อมาถึงบริษัทมู่ซื่อ เธอก็ตรงไปที่ออฟฟิศของมู่หวั่นขี
ใบหน้าของมู่หวั่นขีเริ่มหายบวมไปบ้างแล้ว เมื่อโปะด้วยแป้งหนาๆ อีกหนึ่งชั้น ก็ทำให้มองไม่เห็นความผิดปกติ
มู่หวั่นขีเงยหน้า เมื่อเห็นเป็นมู่น่อนน่อน สายตาก็เผยแววเกลียดชังออกมา “เธอมาทำอะไร”
แต่โดยเร็ว เธอก็พบว่าสีหน้าของมู่น่อนน่อนนั้นไม่ปกติ
รอจนกระทั่งเธอดึงสติกลับมาได้ มู่น่อนน่อนก็ได้ยื่นมือข้ามโต๊ะมาคว้าคอเสื้อของเธอ และกระชากเธอขึ้นมาจากเก้าอี้
“ใช้แม่ฉันมาจัดการกับฉัน เธอคงใช้งานสบายๆ เลยสินะ ผู้หญิงที่ใช้ชีวิตไปกับการวางแผนทุกๆ วันแบบเธอน่าสมเพชจริงๆ เธอคิดจริงๆหรือว่าเฉินถิงเซียวจะหลอกได้ง่ายเหมือนเสิ่นชูหาน ผู้ชายของฉันมู่น่อนน่อน นิ้วชี้เดียวยังแข็งแรงกว่าเขาเสียอีก มีเรื่องอะไรมาพุ่งตรงมาที่ฉันนี่ ลองไปรบกวนเฉินถิงเซียวอีกครั้งดู แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”
เธอขอบคุณที่เฉินถิงเซียวเชื่อใจเธอ
เพราะแบบนั้น เธอจึงยิ่งกล่าวโทษตัวเองขึ้นมาอีกเล็กน้อย
แต่เดิมเฉินถิงเซียวเป็นคนเก็บตัว ไม่ชอบพบปะผู้คน แต่มู่หวั่นขีกลับวางแผนไปแตะต้องเขา และให้เซียวชู่เหอไปรบกวนเขา
มู่น่อนน่อนกล่าวจบ ก็ปล่อยมือออกอย่างแรง จนมู่หวั่นขีล้มกลับไปนั่งที่เก้าอี้อีกครั้ง
เอวของเธอกระแทกเข้าที่วางแขนของเก้าอี้ เธอเจ็บจนลืมออกเสียง มองร่างของมู่น่อนน่อนเบื้องหน้าที่แผ่บรรยากาศหนาวเหน็บออกมา ในเวลานั้นเธอไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงพูด
มู่น่อนน่อนมองท่าทางหวาดกลัวของมู่หวั่นขี แค่นเสียงหัวเราะเยาะเย้ย แล้วจึงเดินออกไป
จนกระทั่งประตูถูกปิด มู่หวั่นขีถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เมื่อนึกถึงคำที่มู่น่อนน่อนเพิ่งจะพูดเมื่อครู่ เธอก็รีบโทรหาเซียวชู่เหอทันที
เซียวชู่เหอรับสายของมู่น่อนน่อนอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ
“หวั่นขี…”
เซียวชู่เหอเพียงเอ่ยเรียกชื่อมู่หวั่นขีเท่านั้น ก็ถูกมู่หวั่นขีเอ่ยขัดอย่างหมดความอดทนทันที “สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง เฉินถิงเซียวโมโหไหม แล้วก็หน้าตาของเขาเป็นอย่างไรบ้าง”
เธอให้เซียวชู่เหอไปหาเฉินถิงเซียว ไม่เพียงแค่ทำบันทึกเสียงปลอมขึ้นมาเพื่อยั่วโมโหเฉินถิงเซียวเท่านั้น เธอยังอย่างจะยืนยันอีกเล็กน้อยว่าเฉินถิงเซียวนั้นขี้เหร่จริงหรือไม่
อย่างไรมันก็ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่มู่น่อนน่อนออกมาพูดแทนเฉินถิงเซียวต่อหน้าเธอ ในตอนนี้มู่น่อนน่อนเปลี่ยนไปสวยมาก รสนิยมก็น่าจะสูงขึ้นไปอีก ทำไมถึงได้ยินยอมใช้ชีวิตกับคนไร้ประโยชน์กัน
ดังนั้นเธอจึงเกิดความสงสัยขึ้นมา
“เขาหันหลังให้ฉัน ฉันไม่เห็นหน้าของเขา…” เซียวชู่เหอรู้ว่าตัวเองนั้นทำเสียเรื่องแล้ว น้ำเสียงจึงลดระดับลง “แล้วก็บันทึกเสียงอันนั้น เขาไม่เชื่อ ทั้งยังบอกว่าน่อนน่อนเป็นคนของตระกูลเฉิน ไม่จำเป็นต้องให้ฉันมาสนใจ…”
มู่หวั่นขีที่ได้ยินเธอพูดแบบนั้น ในใจก็นึกโกรธจนอยากจะกดหัวเธอให้จมน้ำตาย
“เป็นแค่คนไร้ค่าก็ยังกล้าพูดอวดดี รอดูเขาถูกถีบออกจากตำแหน่งผู้สืบทอดได้เลย ดูสิว่าเขาจะยังอวดดีได้อยู่ไหม”
เซียวชู่เหอรู้ว่ามู่หวั่นขีโมโหแล้ว จึงกล่าวโทษตัวเอง “หวั่นขี ขอโทษ…”
“พอแล้วๆ คุณก็เป็นแบบนี้ตลอดไม่ใช่หรือไร ไม่เคยทำเรื่องอะไรสำเร็จสักอย่าง”
ติ๊ด…
สายถูกตัดไปแล้ว
เซียวชู่เหอมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไป ทันใดนั้นในหัวก็นึกไปถึงสายตาของมู่น่อนน่อนที่เต็มไปด้วยความเกลียดและรังเกียจ
เหมือนว่าเธอจะทำอะไรไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง
แต่เธอต้องการเพียงแค่ได้อยู่ในตระกูลมู่โดยสวัสดิภาพเท่านั้น ที่เธอคอยประจบมู่ลี่เหยียนและมู่หวั่นขีนั้นเป็นเรื่องที่ผิดหรือ
น่อนน่อนเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเธอ จะไม่นึกชั่งใจถึงความลำบากของเธอบ้างเลยหรือ
…..
เวลาเลิกงาน สือเย่ขับรถมารอที่หน้าประตูบริษัทมู่ซื่ออยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งคนเดินออกจากบริษัทมู่ซื่อไปกันจนเกือบจะหมดแล้ว ก็ยังไม่เห็นมู่น่อนน่อนเดินออกมา