ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่ 93 คนน่าสงสาร
ตอนที่ 93 คนน่าสงสาร
มู่หวั่นขีโดนมู่น่อนน่อนจ้องเสียขนลุก จนตัวแข็งทื่อ
เธออยากให้ตัวเองนิ่งลงอีกสักหน่อย จึงเผยอยิ้ม แต่ว่าความน่ากลัวในแววตาของเธอ มันเห็นเด่นชัด มาแบบนี้ สีหน้าของเธอจึงดูประหลาดมาก เหมือนกับคนที่เป็นบ้า
ทุกคนในลิฟต์ล้วนเห็นความผิดปกติของมู่หวั่นขี แต่ไม่มีใครกล้าส่งเสียง
มู่น่อนน่อนค่อยๆเดินไปหยุดตรงหน้ามู่หวั่นขี มือประคองเธอเอาไว้ อีกมือหนึ่งลูบคลำเนื้อผ้าบนเสื้อโค้ท พูดอย่างอิจฉา“พี่คะ นี่เสื้อชุดใหม่ใช่ไหมคะ สวยจริงๆเลย ดูแล้วน่าจะราคาแพงนะคะ”
ถ้าเป็นยามปกติ มู่หวั่นขีคงไม่พลาดที่จะอวดเสื้อผ้าชุดใหม่ของเธอ แต่ว่าคนที่อยู่ตรง
หน้าคือมู่น่อนน่อนที่เธอคิดว่าตายไปแล้ว เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ที่จะไปอวดด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้น เสื้อผ้าบนตัวเธอชุดนี้ ยังใช้บัตรดำของมู่น่อนน่อนรูดซื้อเสียด้วย
“ไม่……ไม่ได้แพงนักหรอก”มู่น่อนน่อนค่อยๆคล้องแขนเข้าไปในแขนของเธอ ทำให้เธอรู้สึกราวกับมีงูพิษเข้าไปเลื้อยพัน หากเธอขยับ ก็จะโดนกัดตาย
“มันอาจจะไม่ได้แพงสำหรับพี่นะคะ เมื่อวานฉันเห็นชุดรุ่นเดียวกันนี้ที่ห้าง ราคาตั้งเก้าแสนกว่าแหน่ะ แถมยังต้องจองอีกด้วย คนทั่วไปอยากซื้อยังซื้อไม่ได้เลย……”
มู่หวั่นขีสั่งซื้อเสื้อผ้าชุดนี้ล่วงหน้า ซึ่งก็หมายความว่าพวกเขาวางแผนจะเอาบัตรดำนั่น
มาจากมือของมู่น่อนน่อนนานแล้ว
ในมุมมองของผู้อื่น มู่น่อนน่อนจงใจแหย่ให้มู่หวั่นขีอิจฉา มีแต่มู่หวั่นขีเท่านั้นที่รู้ เธอ
โดนมู่น่อนน่อนทำให้ตกใจจนแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว
มู่น่อนน่อนพอใจกับปฏิกิริยาของมู่หวั่นขี นี่แหละเป็นปฏิกิริยาของคนที่ทำอะไรผิดมา
ติ๊ง——
ลิฟต์มาถึงชั้น แล้วเปิดออกเองโดยอัตโนมัติ
มู่หวั่นขีอยากออกไปแต่ไม่กล้าขยับ เพราะมู่น่อนน่อนยังไม่ได้ปล่อยมือจากเธอ
ทุกคนในลิฟต์เห็นมู่หวั่นขีไม่ขยับ ต่างก็ไม่กล้าเดินขึ้นหน้า
มู่น่อนน่อนแกล้งทำเป็นส่งเสียงตกอกตกใจ“พี่คะ คิดอะไรอยู่ ทำไมยังไม่ออกไปอีก ทุกคนรอพี่อยู่นะคะ”
เธอพูดพลางดันมู่หวั่นขีออกไป
ในตอนที่ออกไป เธอยังไม่ลืมหันกลับมามองคนในลิฟต์แล้วพูดขึ้นว่า“แล้วเจอกัน”
จนกระทั่งมาถึงห้องทำงานของมู่หวั่นขี หลังจากที่มู่น่อนน่อนลงกลอนประตูแล้ว จึงคลายมู่หวั่นขีออก
“พี่ดูเหมือนจะกลัวฉันมากเลยนะคะ แบบนี้ฉันลำบากใจนะคะ คนอื่นจะคิดว่าฉันรังแกพี่ได้”มู่น่อนน่อนพูดขึ้นมาคำหนึ่ง มู่หวั่นขีจึงก้าวถอยหลัง
มู่น่อนน่อนยิ้มเย็นชา มือคว้าคอเสื้อมู่หวั่นขีเอาไว้ น้ำเสียงพกความร้ายกาจ“ไม่ต้องกลัวนะคะ ฉันเชื่อฟังพี่มาโดยตลอด จะไปกล้ารังแกพี่ได้ไงกัน”
มู่หวั่นขีเห็นมู่น่อนน่อนพูดอยู่เป็นนาน ก็ไม่เห็นพูดถึงเรื่องเมื่อวาน เลยคิดว่ามู่น่อนน่อน ไม่รู้เรื่องราวเมื่อวานของเธอเสียอีก
พอคิดได้แบบนี้ เธอจึงรวบรวมความกล้าขึ้น
มู่หวั่นขีสะบัดมือมู่น่อนน่อน แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้“มู่น่อนน่อน เธอกินยาผิดมาหรือเปล่า มาพูดเรื่องแปลกๆกับฉันแต่เช้า!”
เธอพูดพลางหันตัวกลับเข้าไปในห้องทำงานแล้วนั่งลง วางท่าทางผู้จัดการ“เอาล่ะ นี่เป็นเวลาทำงาน เธอกลับไปทำงานก่อนเถอะนะ มีอะไรค่อยมาหาพี่หลังเลิกงาน”
มู่น่อนน่อนไม่แปลกใจเลยที่มู่หวั่นขีแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“เอาสิ เลิกงานแล้วฉันมาหา”มู่น่อนน่อนฉายรอยยิ้มออกไป แล้วหมุนตัวกลับ
เธอออกไป มู่หวั่นขีจึงโยนเอกสารลงบนพื้นอย่างแรง!
มู่น่อนน่อนกลับมาปรากฏตัวอย่างไม่เป็นอะไรเลย!
เรื่องลักพาตัวเมื่อวันเสาร์ เป็นแผนการของเธอกับมู่ลี่เหยียนเอง เพียงเพื่อต้องการจะ หลอกเอาบัตรดำมาจากมู่น่อนน่อน
แผนการที่เธอกับมู่ลี่เหยียนวางเอาไว้คือ เอาบัตรดำมา แล้วให้โจรลักพาตัวออกไปจากเมืองหู้หยาง ตอนนั้นต่อให้มู่น่อนน่อนรู้เรื่องแล้วก็ไม่มีหลักฐานผูกมัดอะไรพวกเขา
แต่ความเกลียดชังเข้ากระดูกที่มู่หวั่นขีมีต่อมู่น่อนน่อน ทำให้เธอไม่ปล่อยมู่น่อนน่อนไป ง่ายๆ
เธอแอบยัดเงินเพิ่มให้กับโจรลักพาตัวสองคนนั้น!
โจรสองคนนั้นมีคดีติดตัว ทั้งคู่เป็นคนที่ทำชั่วโดยไม่คำนึงถึงชีวิต ใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต พอจบงานมู่หวั่นขีก็ไม่ได้ติดต่อถามผล เพราะกลัวว่าจะทิ้งรอย เดิมทีเธอคิดว่ามู่น่อนน่อนคงตายแน่นอน คิดไม่ ถึงว่าพวกมันจะทำพลาด!
มู่น่อนน่อนไม่เหมือนเดิม พอรู้ว่าเธอเป็นคนวางแผนลักพาตัว คงจะไม่ปล่อยเธอไปแน่
นอน!
……
มู่น่อนน่อนออกจากห้องทำงานของมู่หวั่นขี แล้วไปหามู่ลี่เหยียน
เรื่องลักพาตัวเมื่อวันเสาร์ จะต้องเป็นความร่วมมือของพวกเขาพ่อลูกแน่นอน มู่หวั่นขีคนเดียวทำไม่ได้หรอก
มู่น่อนน่อนเคาะประตู เสียงมู่ลี่เหยียนดังมาจากข้างใน“เข้ามา”
เธอผลักประตูเข้ามา มู่ลี่เหยียนเงยหน้าขึ้นมาพอดี
ตอนที่เธอเห็นมู่น่อนน่อน แววตามองแฉลบด้วยความตกใจ แต่ไม่ได้หวาดกลัว
หมายความว่า สิ่งที่โจรลักพาตัวสองคนนั้นจะทำกับเธอ มู่ลี่เหยียนอาจจะไม่รู้
มู่ลี่เหยียนลุกขึ้นยืน“น่อนน่อน ไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ แม่หนูสบายดีไหมคะ”มู่น่อนน่อนเดินไปอย่างไม่ให้สุ้มเสียง สีหน้าไม่ได้ดูแปลกอะไร
มู่ลี่เหยียนเห็นว่าเธอไม่ได้พูดถึงเรื่องที่โดนลักพาตัว คิดว่าเธอไม่รู้ จึงยิ้มออกมาอย่างอบอุ่นแล้วพูดขึ้น“เธอไม่มีอะไร ตอนเที่ยงจะเอาข้าวมาส่ง จะมากินด้วยกันไหมล่ะ”
มู่น่อนน่อนพยักหน้ารับ“เอาสิคะ”
ตอนเที่ยง เซียวชู่เหอมาส่งข้าวให้พวกมู่ลี่เหยียนที่บริษัทมู่ซื่อจริงๆด้วย
พอเธอเห็นว่ามู่น่อนน่อนก็อยู่ด้วย จึงเปลี่ยนสีหน้า“น่อนน่อนก็อยู่ด้วยเหรอเนี่ย……”
“ไม่ได้กินข้าวฝีมือแม่มานานแล้ว ได้ยินพ่อบอกว่าแม่จะมาส่งข้าว หนูเลยมาฝากท้องด้วย”ตอนที่มู่น่อนน่อนพูด จึงมองสบตาเซียวชู่เหอโดยตรง ดูเหมือนจะยิ้ม ทำให้เดาไม่ออกว่าเธอกำลังคิดอะไร
“กับข้าวแม่รสชาติธรรมดามากเลยลูก……”เซียวชู่เหอหยิบกล่องอาหารออกมา พร้อมกับหลบสายตามู่น่อนน่อน
เซียวชู่เหอหลบหลีกอย่างเห็นได้ชัด ทำให้มู่น่อนน่อนแน่ใจว่า เรื่องลักพาตัวเมื่อวันเสาร์ เซียวชู่เหอก็รู้ด้วย
ไม่อย่างนั้น เธอจะร้อนตัวด้วยเรื่องอะไร
พูดไม่ถูกว่าเสียใจแค่ไหน รู้สึกจิตใจตายด้านไปหมด
เธอจะต้องยอมรับว่า ยี่สิบสองปีที่ผ่านมานี้ มารดาบังเกิดเกล้าไม่เคยรักเธอเลย
ในใจของแม่บังเกิดเกล้าของเธอ ไม่มีเธออยู่เลย
เซียวชู่เหอทำทุกอย่างเพื่อมู่ลี่เหยียนได้เสมอ
มู่หวั่นขีพูดได้ไม่ผิดหรอก เธอเป็นคนน่าสงสารที่แม้แต่แม่แท้ๆก็ไม่รัก
มู่น่อนน่อนก้มหน้า หัวเราะออกมาเบาๆ“ไม่ค่อยได้กินอาหารฝีมือแม่ เลยจำไม่ได้ว่ารส
ชาติเป็นไง”
เซียวชู่เหอฟังแล้วตะลึง เธอหันไปมองมู่ลี่เหยียน
มู่ลี่เหยียนทอดสายตาสงบไป ส่ายหน้า
เซียวชู่เหอถึงได้วางใจ
ผ่านเรื่องวันเสาร์ไป เธอรู้สึกว่ามู่น่อนน่อนใส่ใจเธอเหลือเกิน บัตรดำมูลค่าสูงขนาดนั้น เธอสามารถยื่นออกได้โดยไม่แม้แต่กระพริบตา
เธอสำคัญสำหรับมู่น่อนน่อนมาก ต่อไปถ้ามู่ลี่เหยียนมีอะไรให้มู่น่อนน่อนไปทำอีก เธอ
จะได้ช่วยเขาได้
ที่ช่วยมู่ลี่เหยียนได้ เขาจะต้องดีใจมาก จะดีต่อเธอมากขึ้นด้วย
พอคิดแบบนี้ เซียวชู่เหอจึงมีรอยยิ้มบนใบหน้า ยื่นมือคีบกับข้าวให้มู่น่อนน่อน พร้อมกับพูดเอาใจ“งั้นลูกกินเยอะหน่อยนะ”