ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่ 95 ล้อมรอบ
ตอนที่ 95 ล้อมรอบ
มู่น่อนน่อนอ่านคอมเมนต์นั้นต่อ
ได้ประโยชน์จากการสู้รบตบมือกับมู่หวั่นขีในไม่กี่เดือนนี้ เธอยิ่งรู้สึกว่าคอมเมนต์เหล่านั้นผู้คนจงใจให้มันออกมาเป็นจังหวะๆ และคอมเมนต์ด้านล่างๆดูเหมือนจะจ้างหน้าม้ามาด้วย
มู่น่อนน่อนคิดถึงเสิ่นเหลียง
เธอครอปคอมเมนต์เหล่านี้ส่งไปให้เสิ่นเหลียงดู แล้วถามว่า“เธอเป็นคนปล่อยคอมเมนต์พวกนี้ใช่ไหม แถมยังหาหน้าม้ามาอีก”
เสิ่นเหลียงตอบทันที“บ้าเอ๊ย!ดูออกด้วยเหรอเนี่ย บอกมานะเธอแอบติดกล้องอะไรไว้ในมือถือฉันเปล่าเนี่ย”
มู่น่อนน่อนหุบยิ้มทันที จึงตอบไปเบาๆสองคำ“รู้สึก”
เสิ่นเหลียง“เซนส์เธอนี่แรงจริงนะ!แต่ว่า เธอจะหาคนเปิดโปงบริษัทมู่ซื่อทำไมไม่เรียกฉันด้วยล่ะ!ฉันจะได้ช่วยหาหน้าม้าเยอะๆไง!”
นิสัยชอบก่อกวนของเสิ่นเหลียง ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
“เธออย่าเข้ามายุ่งเลยดีกว่า ฉันจัดการเองได้ เธอเป็นคนสาธารณะ ระวังจะโดนคนแบล็คเมล์เอาได้”มู่น่อนน่อนเป็นห่วงเสิ่นเหลียงเหลือเกิน ถ้ามีคนจงใจจะแกล้งเธอแล้วล่ะก็ แค่ขุดเรื่องพวกนี้ออกมาก็แบล็คเมล์เธอได้แล้ว
“ไม่มีอะไร ไม่โดนขุดหรอกน่า เรื่องเก็บความลับฉันเก่งอยู่แล้ว ไม่พูดละ ฉันจะไปเล่นในเว็บบอร์ดสักหน่อย เย็นนี้กินข้าวฉลองกันนะ”
ฉลอง……อะไร
มู่น่อนน่อนยิ้มอย่างอ่อนใจ แล้วออกจากห้องแชท
เพื่อนร่วมงานพูดขึ้นข้างๆมู่น่อนน่อนว่า“น่อนน่อน ประชุมแผนกจ๊ะ ทำไมยังอยู่ตรงนี้อีก”
“จะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
มู่น่อนน่อนเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ค่อยๆเดินตามกลุ่มคนไปเข้าประชุม
คนที่จัดการประชุมไม่ใช่มู่หวั่นขี แต่เป็นรองผู้จัดการ
รองผู้จัดการสีหน้าตึงเครียด“ทุกคนใช้มือถือติดต่อลูกค้าทุกคนในมือ ปลอบใจพวกเขาลูกค้าที่อยากจะถอนการร่วมมือ ให้ทุกคนพยายามผูกมิตรเอาไว้……”
มู่น่อนน่อนม้วนผมตัวเองเล่น โดยไม่ได้ตั้งใจฟัง
เรื่องฉาวโฉ่ของบริษัทมู่ซื่อถูกเปิดโปง ภาพลักษณ์ของธุรกิจถูกกระทบ เหมือนข่าวเรื่อง นมผงที่เป็นอันตรายต่อทารกที่ถูกเปิดโปงเมื่อหลายปีก่อน ทำให้ธุรกิจเกือบล้มละลาย เหมือนกับตกแป๊กลงมาจากก้อนเมฆ
บริษัทมู่ซื่อทำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของใช้ ไม่ใช่ของกิน ขอแค่ผ่านมาตรฐาน ก็ไม่น่าจะถึงขั้นล้มละลาย แต่ว่าได้รับผลกระทบหนักแน่นอน
ในยุคที่ทุกอย่างล้ำสมัย คนส่วนใหญ่ยังคงทำทุกอย่างเพื่อให้มาซึ่งได้ผลประโยชน์ ใจ คนยากที่จะหยั่งถึง คนที่ตั้งใจทำงานจริงๆมีน้อยมาก
หมากตัวนี้ของมู่น่อนน่อนเดินแรงไปหน่อย แต่ถ้าตระกูลมู่ไม่มีปัญหาจริงๆ ปาปารัสซี่จะไป
ถ่ายอะไรได้ล่ะ
หลังจากที่การประชุมจบลงอย่างรวบรัด ก็เลยเวลาเลิกงานไปนานแล้ว ทุกคนต่างอยู่ทำงานล่วงเวลา
มู่น่อนน่อนไม่ได้คิดจะอยู่ทำงานล่วงเวลา เธอคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกไป ในตอนที่เดิน ใกล้จะถึงลิฟต์ เธอกลับเดินไปทางห้องทำงานของมู่ลี่เหยียน
บังเอิญที่ประตูเปิดแง้มไว้
เสียงโกรธขึ้งของมู่หวั่นขีจึงเล็ดลอดออกมา
“เรายัดเงินให้พวกนักข่าวทุกปี พวกเขาทำแบบนี้เหรอ พ่อคะ ทำไงดี บริษัทจะล้มละ
ลายมั้ยคะ”
พอได้ยินคำว่าล้มละลาย มู่ลี่เหยียนจึงตะคอกใส่เธอ“หุบปาก!พ่อบอกแกตั้งนานแล้วว่าให้อยู่เฉยๆ ออกไปเที่ยวก็ให้โลว์โปรไฟล์หน่อย ตอนนี้โดนคนจับได้ แล้วเอาเรื่องแกมาเป็นสาเหตุ พวกมันตั้งใจให้ตระกูลมู่อยู่ไม่ได้!”
“หนูจะไปรู้ได้ไงคะว่าจะโดนถ่ายรูปกับถ่ายคลิป ตอนนั้นก็แค่อยากเที่ยว ตอนนั้นพ่อก็ไม่ได้มาสนใจเรื่องพวกนี้นี่ พ่อเองก็เที่ยวผู้หญิง คราวก่อนหนูเห็นพ่อโอบเอวเด็กที่ดูอ่อนกว่าหนูเข้าโรงแรมด้วยซ้ำ……”
มู่หวั่นขีร้อนใจ บวกกับโดนมู่ลี่เหยียนด่าอย่างไม่สบอารมณ์ ก็เริ่มพูดไม่หยุดปาก
เสียงฟาด“ผัวะ”ดังก้องขึ้น พร้อมกับเสียงมู่หวั่นขีที่หยุดลงทันควัน
มู่น่อนน่อนค่อยๆแง้มประตูออก เห็นมู่หวั่นขีเอามือกุมหน้า พร้อมกับร้องเสียงแหลม“คุณพ่อตบหนูเหรอ”
มู่ลี่เหยียนดูเหมือนจะเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป น้ำเสียงจึงอ่อนลงอย่างมาก“หวั่นขี……”
มู่หวั่นขีเดินก้าวถอยหลัง“ไม่ต้องมาเรียกหนู!”
พูดจบ เธอก็หมุนตัววิ่งออกไป
มู่น่อนน่อนเห็นเหตุการณ์ จึงรีบจากไป
ในตอนที่ใกล้ถึงประตู เธอนึกถึงเหตุการณ์ที่นักข่าวไปดักรอคนบริษัทมู่ซื่อเมื่อคราวที่ แล้ว จึงหยิบหน้ากากในกระเป๋าออกมาใส่
เธอเคยชินที่จะพกหน้ากากในช่วงฤดูหนาว คิดไม่ถึงว่าจะเอามาใช้ได้ในเวลานี้
พอมู่น่อนน่อนออกไป ก็โดนนักข่าวล้อมตัวไว้
“คุณเป็นพนักงานบริษัทมู่ซื่อหรือเปล่าครับ อยู่ตำแหน่งอะไร เรื่องความมือบอดของโรงงาน พวกพนักงานอย่างคุณรู้ไหมครับ”
“ขออภัยนะคะ ไม่สามารถตอบได้ค่ะ”พอมู่น่อนน่อนพูดจบ เธอหันกลับไปมองอย่างไม่ตั้งใจ เห็นมู่หวั่นขีเดินออกมาจากด้านใน
มู่น่อนน่อนหันหน้ากลับไป พูดออกมา“คำถามของทุกท่าน ให้ผู้จัดการแผนกเป็นคนตอบนะคะ”
นักข่าวต่างหันตามมู่น่อนน่อน ก็เห็นมู่หวั่นขี
แม้มู่น่อนน่อนจะรูปร่างบอบบาง ภายนอกสวยสดงดงาม แต่ว่าแต่งตัวธรรมดามาก ไม่มีมาดผู้บริหารเลยแม้แต่น้อย
ส่วนมู่หวั่นขีนั้นสวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนม ที่เคยปรากฏอยู่บนนิตยสารแฟชั่น อีกทั้งพวกดาราในวงการบันเทิงเขาใส่กัน คนที่จะใส่เสื้อผ้าราคาแพงขนาดนี้ได้ น่าจะเป็นคนที่มี
ตำแหน่งอยู่ในบริษัท
พวกนักข่าวทุกคนต่างอยู่เป็น ต่างก็เบียดเสียดกันเข้าไปสัมภาษณ์มู่หวั่นขี
มู่น่อนน่อนเองก็ไม่ได้ไปไหนไกล ถอยหลบไปอยู่ในที่ๆไม่สะดุดตา มองดูมู่หวั่นขีถูกรุม
ล้อม
“คุณอยู่ตำแหน่งอะไรครับ คุณมีอะไรจะพูดเกี่ยวกับการที่บริษัทมู่ซื่อถูกเปิดโปงในครั้งนี้มั้ยครับ พวกคุณจะสามารถให้คำตอบสื่อได้เมื่อไหร่ครับ”
คำถามแรกเริ่ม ทุกคนต่างมะรุมมะตุ้มอยู่กับปัญหาของบริษัทมู่ซื่อ
จู่ๆก็มีใครไม่รู้จำคลิปฉาวของมู่หวั่นขีได้ จึงหลุดปากถามคำถามนี้ออกมา
“คุณเป็นหญิงสาวที่อยู่ในคลิปฉาวโฉ่นั่นใช่ไหมครับ”
“ชีวิตส่วนตัวเละเทะขนาดนี้ ยังมาบริหารบริษัทมู่ซื่อได้อีกหรือครับ”เห็นได้ชัดว่าคนถามไม่รู้ว่ามู่หวั่นขีเป็นลูกสาวของมู่ลี่เหยียน
อย่างไรเสียนักข่าวพวกนี้ไม่ใช่นักข่าววงการบันเทิง รู้แค่นั้น แต่ไม่ได้สังเกต
แต่ก็มีนักข่าวที่มีไหวพริบ ที่เสริชหาคลิปในเน็ต
จากนั้นก็เริ่มเปิดประเด็นทำข่าวบริษัทมู่ซื่อ
“สวัสดีค่ะ ท่านผู้ชม ฉันเป็นนักข่าวสำนัก……ตอนนี้ดิฉันอยู่หน้าประตูบริษัทมู่ซื่อ แล้วสุภาพสตรีที่โดนนักข่าวรุมล้อมอยู่นะคะ ก็เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมู่ซื่อค่ะ ตามข่าว ก่อนหน้าสุภาพสตรีผู้นี้ได้มีคลิปฉาวปรากฏออกมาต่อสาธารณะนะคะ สำหรับประเด็นนี้……”
นักข่าวยังรายงานข่าวไม่ทันจบ มู่หวั่นขีก็กระโจนเข้ามา แย่งไม่โครโฟนในมือมา
ตอนนี้ภาพลักษณ์ของมู่หวั่นขีได้เสียหายยับเยิน พูดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์“พวกแกซี้ซั้วพูดอะไรกัน นักข่าวอย่างพวกแกจะรายงานข่าวที่เป็นความจริงหน่อยไม่ได้หรือไง ข่าวยกเมฆพวกเนี่ยรายงานออกมาได้ไง”
นักข่าวอื่นๆต่างก็กระหน่ำถ่ายภาพการอาละวาดของมู่หวั่นขี
แสงแฟลชระยิบระยับ มู่หวั่นขีเอามือบังหน้า น้ำเสียงแหบพร่า“หยุดถ่ายได้แล้ว บอกให้หยุดถ่ายไง ยามล่ะ!ยามอยู่ที่ไหน!ไล่พวกมันออกไป!”
นักข่าวที่โดนปัดไมค์ทิ้ง เริ่มหยิบไมค์ขึ้นมาอีกครั้ง เห็นว่าไมค์ยังใช้ได้ จึงรีบรายงานข่าวต่ออย่างตื่นเต้น“คนที่ปัดไมค์ดิฉันเมื่อกี้นะคะก็คือผู้บริหารสาวของบริษัทมู่ซื่อคนเมื่อกี้เองค่ะ เพิ่งทราบนะคะว่าเธอเป็นลูกสาวของประธานบริษัท ชื่อมู่หวั่นขี