ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่9 อยากแตะหล่อน
ตอนที่9 อยากแตะหล่อน
มู่น่อนน่อนที่ใส่ยาให้เขา ดูอ่อนโยนเป็นพิเศษ อ่อนโยนจนทำให้เฉินถิงเซียวประทับใจเล็กน้อย
แล้วก็ อยากจะแตะหล่อนหน่อย
หล่อนคือภรรยาของเขา จะทำอะไรก็ทำได้อยู่แล้ว
แต่สำหรับมู่น่อนน่อน เขาคือเฉินเจียฉิน คือลูกพี่ลูกน้องของเฉินถิงเซียว
เขาแต๊ะอั๋งหล่อนครั้งแล้วครั้งเล่า จูบหล่อน ไกลเกินกวินขอบเขตที่หล่อนจะรับได้
มู่น่อนน่อนผลักเขาออกอย่างแรง ถอยหลังรัวๆ ออกห่างเขาให้ไกล พูดด้วยสีหน้าเย็นชา”เฉินเจียฉิน ฉันคือพี่สะใภ้เธอ กรุณาให้เกียรติหน่อย!”
หลังจากผ่านเรื่องที่เอากระสุนออกเมื่อกี้ ทำให้เธอไม่ค่อยเกลียดเฉินเจียฉินแล้ว
แต่ไม่คิดว่าเขายังคงบังอาจขนาดนี้
เฉินถิงเซียวถูริมฝีปากตัวเองเหมือนอยากจะลิ้มลองอีกครั้ง น้ำเสียงน่าฟังมีความปั่นเล็กน้อย”พี่สะใภ้ เธออยู่กับลูกพี่สาวน้องก็แค่เป็นหม้ายไปตลอดชีวิตเท่านั้น ไม่ลองพิจารณาฉันบ้างเหรอ?”
มู่น่อนน่อนปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา”ไม่พิจารณา”
หน้าตาใสซื่อ บวกกับการแต่งกายเซอร์ๆ เหมือนกับยายแก่ ไม่มีอะไรที่ทำให้คนหวั่นไหวได้เลย
แต่เฉินถิงเซียวกลับรู้สึกว่าท่าทางแบบนี้ของมู่น่อนน่อนมีชีวิตชีวามาก
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าตัวเองจะทำเฉยอีกไม่ได้ แบบนี้ได้แต่จะทำให้เฉินเจียฉินยิ่งทำตามอำเภอใจ
“เธอโทรหาคนมารับเธอกลับไปเถอะ ไม่งั้นฉันจะโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล ถึงเวลานั้น คนอื่นก็จะรู้ว่าเธอถูกยิง”
น้ำเสียงของหล่อนอ่อนเล็กน้อย ถึงแม้จะเป็นการพูดขู่ แต่ไม่มีแรงข่มขวัญเลยสักนิด
เฉินถิงเซียวชำเลืองมองหล่อน ทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยิน หลับตาพักผ่อนเลย
มู่น่อนน่อน”…..”
หล่อนกัดปาก มองดูสีหน้าที่ขาวซีดเหมือนกระดาษของเขา จะปลุกเขาให้ตื่นไล่เขาไปก็ทำไม่ลง
ถือโอกาสช่องว่างตอนพักผ่อนของเฉินเจียฉิน มู่น่อนน่อนไปตลาด
ถึงแม้เธอจะมีนามเป็นคุณหนูสามของ ตระกูลมู่ แต่กลับไม่มีดวงของคุณหนูเลย เวลาส่วนใหญ่ป่วยแล้วไม่มีใครสน หิวแล้วไม่มีใครถาม เจ็บแล้วกัดฟันอดทนเอง
เพราะฉะนั้น ทักษะการเอาตัวรอดของหล่อนสูงมาก
ถึงจะเกลียดเฉินเจียฉินแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถฝ่าฝืนความเสี่ยงที่เขาอาจจะตายในที่ของเธอแล้วไม่สนใจเขา
เธอใช้ชีวิตอย่างตั้งใจมากและจริงจังมาก ไม่อยากเผชิญกับชีวิตคน และไม่อยากฝังไว้ข้างเขา
ดังนั้น หล่อนยังคงต้มแกงให้เขาอย่างฝืนใจ
……
ก่อนจะมืดลง มู่น่อนน่อนปลุกเฉินเจียฉิน
“เธอหิวไหม?ฉันต้มแกงไว้ เธอจะกินหน่อยไหม?”หล่อนยืนอยู่ที่ๆห่างเขาสองก้าว กลัวว่าเขาจะทำการกระทำที่บังอาจอีก พูดออกมาคำนึงอย่างกับว่าตัวอักษรมีค่าดั่งทอง”เอา”
เฉินถิงเซียวเงยหน้ามองหล่อน
มู่น่อนน่อนตักแกงมาให้ ตั้งไว้บนโต๊ะหน้าเตียงของเขา แล้วถอยออกไปไกลๆ
แต่ห้องเดี่ยวขนาดเล็กของเธอเล็กเกินไปจริงๆ
นอกจากห้องครัวเล็กกั้นกับห้องน้ำ เตียงกว้าง1เมตรครั้ง โต๊ะเล็กพับหนึ่งอัน โซฟาเล็กสำหรับหนึ่งคน ชั้นวางหนังสือครึ่งใหม่ไม่เก่า……ของธรรมดาไม่กี่อย่างก็ยึดพื้นที่ครึ่งใหญ่ของห้องแล้ว
ไม่ว่าหล่อนไปไกลแค่ไหน ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากขอบเขตสายตาของเฉินถิงเซียวได้
เฉินถิงเซียวมองหล่อน ค่อยๆยืดตัวตรง แล้วดึงผ้าห่มออกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เผยอกที่มีผ้าพันแผลเปื้อนเลือดไว้ เอ่ยปากอย่างไม่สนใจไยดี”บาดแผลเปิดออกแล้ว”
น้ำเสียงไม่แคร์นั้น พูดเหมือนกับว่าบาดแผลบนตัวนี้ไม่ใช่ความตายและชีวิตของเขา แต่กำลังพูดถึงเรื่องของคนอื่นอยู่
มู่น่อนน่อนไม่อยากยุ่งกับเขา แต่ก็ไม่น่าดู
ได้แต่เดินไปช้าๆ มือหนึ่งถือถ้วยแกงขึ้น อีกมือถือช้อนตักแกงยื่นไปข้างปากเขา
ครั้งนี้เฉินถิงเซียวไม่พูดอะไรอีก หลับตาลง กลืนแกงที่หล่อนป้อนเขาทีละคำ
ในห้องที่เล็กเงียบสงบมาก มีแค่เสียงช้อนแตะกับขอบถ้วยเบาๆ ความไม่ชัดเจนไร้คำพูดก็แพร่กระจายออกมาแบบนี้