ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 165 ไม่ใช่คุณที่เหมือนหล่อน แต่เป็นหล่อนที่เหมือนคุณ
- Home
- ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
- บทที่ 165 ไม่ใช่คุณที่เหมือนหล่อน แต่เป็นหล่อนที่เหมือนคุณ
บทที่ 165 ไม่ใช่คุณที่เหมือนหล่อน แต่เป็นหล่อนที่เหมือนคุณ
ใจของมู่น่อนน่อน อ่อนลงทันที
เฉินถิงเซียวเมาแล้วจริงๆ
ถ้าหากเขาแกล้งเมา ก็คงไม่มีทางเรียกเธอว่า“แม่”แน่
ในก้นบึ้งหัวใจ แม่คือบทบาทที่สำคัญและหนักหน่วงที่ของฉัน เขาไม่มีทางเอามาล้อเล่นแบบนี้
เขาดื่มเหล้าจนเมาไม่ยอมให้ใครถูกเนื้อต้องตัว ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่เพราะเขาเชื่อใจเธอ เชื่อใจแค่เพียงเธอ
ดังนั้นเขาจึงเป็นแบบนี้
จู่ๆมู่น่อนน่อนก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
แน่นอนว่าเฉินถิงเซียวเป็นผู้ชายที่มีความคิดที่ลึกล้ำจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง แต่หากมองจากอีกด้านหนึ่ง เขาก็เป็นคนที่แสดงออกทางความรู้สึกได้ตรงไปตรงมามากที่สุดแบบนั้น
ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอถามซักไซ้เขา ว่าเพราะเธอหน้าตาเหมอนกับชิงหนิง เขาจึงดีกับเธอ เขาไม่แม้แต่จะโกหก นิ่งเงียบไปอย่างนั้นทันที
เกลียดก็คือเกลียด ชอบก็คือชอบ เขาจะไม่พูดคำหวานสวยหรูเพื่อหลอกลวงใคร และก็ไม่โกหกด้วยความดูหมิ่นเหยียดหยามคนอื่น
มู่น่อนน่อนถอนหายใจ หาชุดนอนมาเปลี่ยนให้เฉินถิงเซียว
เวลานี้เฉินถิงเซียวนอนหลับสะลึมสะลือแล้ว แต่ก็ยังให้ความร่วมมือกับมู่น่อนน่อนเปลี่ยนชุดให้เขา
รอจนถึงตอนที่มู่น่อนน่อนเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว เขาก็หลับสนิทเลย ใบหน้าของเขานิ่งเงียบและสูงส่ง ความเศร้าหมองระหว่างคิ้วของเขาก็หายไป เหมือนกับกับเด็กหนุ่มที่บ้านร่ำรวยทั่วๆไป
ทันใดนั้น เขาก็ยื่นมือมาคลำ รู้สึกว่าในมือมีแต่ผ้าห่ม แม้จะไม่ได้ลืมตา แต่คิ้วกลับขมวดขึ้นมา
เป็นครั้งที่มู่น่อนน่อนขมวดคิ้วเพราะมองชายหนุ่มคนหนึ่ง รู้สึกเศร้าหมองที่ก้นบึ้งหัวใจ
เธอเอามือตัวเองวางไว้ในมือของเขา เขาจับเอาไว้แน่นในทันที คิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่นก็ค่อยๆคลายออกมา หลับไปอย่างสบายใจ
……
เช้าวันต่อมา
เฉินถิงเซียวลืมตาตื่น หลังจากตั้งสติกลับมาได้ ก้รู้สึกว่ามีคนอยู่ในอ้อมกอด อุ่นๆนุ่มๆแนบชิดอยู่กับแผ่นอกเขา ทั้งสองอยู่ในท่าทางที่ใกล้ชิด
การเมาทำให้เขาสติเลอะเลือนไปชั่วขณะ
สีหน้าเขาเคร่งเครียดลงไปทันที แต่ไม่นาน เขาก็ได้กลิ่นลมหายใจที่เป็นของมู่น่อนน่อน พบว่าเขานอนอยู่ในห้องนอนภายในบ้าน
คิ้วเขาคลายออก ก้มหน้ามองไปยังหญิงสาวในอ้อมอก
เมื่อคืนมู่น่อนน่อนดูแลเฉินถิงเซียว นอนดึกมาก ดังนั้นตอนนี้ยังไม่ตื่น ยังคงหลับลึก
ผมยาวของเธอปล่อยสยายออกมา ดำขลับเป็นเงาคลุมอยู่บนหมอน บนร่างสวมชุดนอนผ้าฝ้ายสีขาว แก้มถูกความร้อนจากในผ้าห่ม ไม่เห็นความสวยงามหลังจากการแต่งหน้าในวันปกติ แต่กลับมีความน่ารักที่ใสซื่อเพิ่มเข้ามา
เฉินถิงเซียวยื่นนิ้วมือออกไป สัมผัสเบาๆที่ปลายจมูกของเธอ รอยยิ้มที่มุมปาก พึมพำเบาๆว่า “แม่สาวน้อย”
สาวน้อยที่เด็กว่าเขาสี่ปี
เขาก็จ้องมองมู่น่อนน่อนอย่างนั้นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะก้มหน้าไปจูบเธอ
จากดวงตาจูบลงมาถึงปลายจมูก จากนั้นก็จากปลายจมูกไปที่ใต้ ตอนที่ตามองอยู่นั้นก็เกิดไฟลุกโชน เฉินถิงเซียวลุกจากเตียงได้ทันเวลา เข้าไปในห้องน้ำ
อาบน้ำเสร็จออกมา เฉินถิงเซียวกระปรี้กระเปร่าสดชื่น เห็นมู่น่อนน่อนยังนอนหลับอยู่ เขาอดไม่ได้เดินไปมองอีกครั้ง ดึงชายผ้าห่มให้เธอ แล้วจึงหมุนตัวไปเปลี่ยนชุดที่ห้องเสื้อผ้า
……
มู่น่อนน่อนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยความหิว
เธอลูบท้องพลางลุกขึ้นจากเตียง พลันคิดถึงเรื่องเมื่อคืน หันหน้าไปดูข้างๆ ก็พบกับความว่างเปล่า กลับถอนหายใจอย่างโล่งอกอย่างไม่มีเหตุผล
ในเวลาเดียวกันก็ใจหายเล็กน้อย
มองดูเวลา ก็พบว่าสิบโมงแล้ว
เฉินถิงเซียวไม่มีนิสัยนอนตื่นสาย ตื่นเช้ามาตลอด
เธอล้างหน้าแปรงฟันออกมา ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
คนที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ ที่สามารถมาเคาะประตูได้ก็มีแค่พวกบอดี้การ์ดพวกนั้น มู่น่อนน่อนถาม “มีเรื่องอะไร”
คนที่พูดไม่ใช่ไม่ใช่ผู้ชาย เป็นเสียงผู้หญิง “คุณหญิงน้อย คุณจะลงไปทานอาหารเช้าตอนนี้ หรือว่าจะให้ฉันยกขึ้นมาให้ข้างบนคะ”
ในคฤหาสน์มีคนรับใช้ที่เป็นผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
มู่น่อนน่อนเดินไปเปิดประตู ก็เห็นหญิงวัยกลางคนในชุดแม่บ้านยืนอยู่ที่ประตูจริงๆ
หญิงวัยกลางคนมองเห็นมู่น่อนน่อน ก็ชะงักไปเล็กน้อย รีบก้มศีรษะทักทายด้วยความเคารพว่า “คุณหญิงน้อย”
“คุณคือ” มู่น่อนน่อนจำได้ว่าในบ้านไม่มีคนรับใช้ผู้หญิง
“ฉันนามสกุลหูค่ะ หากคุณหญิงน้อยไม่ถือสาก็เรียกฉันว่าอาหูก็ได้ค่ะ” หญิงวัยกลางคนยิ้มออกมา ท่าทางเป็นกันเอง
“อาหู” หลังจากที่มู่น่อนน่อนเรียกชื่อออกมา ก็ถามเธอว่า “เฉินถิงเซียวล่ะ”
“คุณชายอยู่ที่ห้องหนังสือค่ะ” อาหูพูดถึงเฉินถิงเซียว ดวงตาก็มีรอยยิ้มเล็กน้อย “คุณไปหาเขาได้นะคะ”
ประโยคสั้นๆ ทำให้มู่น่อนน่อนเข้าใจได้ทันที อาหูคนนี้เกรงว่าคงจะไม่ใช่แค่คนรับใช่ธรรมดา
มู่น่อนน่อนเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ไปหาเฉินถิงเซียวที่ห้องหนังสือ
เธอผลักประตูเข้าไป ก็เห็นเฉินถิงเซียวทำอะไรอยู่กับคอมพิวเตอร์
เขาไม่ได้เงยหน้า แต่กลับรู้ว่ามู่น่อนน่อนเข้ามาแล้ว
“ทานอาหารเช้าแล้วหรือยัง”
มู่น่อนน่อนพูดอย่างลังเลว่า “ยังไม่ได้กิน”
เรื่องเมื่อคืนทำให้อารมณ์ของมู่น่อนน่อนเปลี่ยนเป็นสับสนเป็นอย่างยิ่ง
ในใจเหมือนกับมีคนสองคนกำลังดึงรั้งเธอกันอยู่
หนึ่งในนั้นให้เธอยืนหยัดในความคิดของตนเอง ไม่ต้องไปพูดถึงว่ารักหรือไม่รัก ก็เป็นสามีภรรยาที่เฉินถิงเซียวเคารพให้เกียรติกันแบบนี้ก็พอแล้ว
อีกคนกลับรู้สึกว่า เฉินถิงเซียวเชื่อใจเธอขนาดนั้น ในก้นบึ้งของหัวใจจะต้องมีเธออยู่แน่นอน
เธอถูกฉุดกระชากจนหงุดหงิดเล็กน้อย
เฉินถิงเซียวได้ยินดังนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมามองเธอ ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไปกินอาหารเช้าก่อน”
สีหน้าความรู้สึกภายนอกของเขากลับเป็นเย็นชาเหมือนปกติ ท่าทางเหมือนเมื่อคืนไม่มีเหลืออยู่แล้ว
มู่น่อนน่อนพ่นลมหายใจเบาๆ ถามเขาว่า “อาหูคือคนที่คุณหามาเหรอ”
“เมื่อก่อนเธอเคยดูแลคุณแม่ผม ฝีมือดีมาก แม่ผมชอบเธอมาก ต่อมาคุณแม่ไม่อยู่แล้ว เธอก็เลยขอลาออกกลับบ้าน”
มู่น่อนน่อนตกใจเล็กน้อย ที่เฉินถิงเซียวพูดถึงแม่ของเขากับเธออย่างแยบยลแบบนี้
พูดเรื่องนี้จบ เฉินถิงเซียวก็อธิบายเป็นพิเศษอีกประโยคว่า “ในบ้านไม่มีคนรับใช้ผู้หญิง ไม่สะดวกมากๆ”
มู่น่อนน่อนกระพริบตาปริบๆ ถ้าเธอไม่ได้เข้าใจอะไรผิด เฉินถิงเซียวไปเชิญอาหูกลับมาเป็นพิเศษ ก็เพื่อเธออย่างนั้นเหรอ
ความสงสัยและความคิดของมู่น่อนน่อนล้วนแสดงออกมาทางสีหน้า เฉินถิงเซียวกระแอมเบาๆ สีหน้าเคร่งขรึม “รีบไปทานอาหารเช้า”
“อ้อ” มู่น่อนน่อนหมุนตัว ค่อยๆเดินออกไปข้างนอก
เดินไปได้ครึ่งทาง จู่ๆเธอก็หยุดลง ยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอก “เฉินถิงเซียว คุณรู้มั้ยว่าเมื่อคืนคุณทำอะไรไปบ้าง”
เฉินถิงเซ๊ยวหรี่ตามอง “อะไร”
เมื่อวานตอนอยู่ที่โรงแรมจีนติ่ง แน่น่อนว่าเขาคิดจะฉวยโอกาสเมาเหล้าเพื่อคืนดีกับมู่น่อนน่อน
แต่ว่า แต่ปริมาณแอลกอฮอร์นั้นเกินว่าที่เขาคาดเอาไว้ กลับกลายเป็นว่าเมาไปจริงๆ
เขารู้ว่าตนเองกลับมาอย่างไร และก็รู้ว่ามู่น่อนน่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา แต่เรื่องรายละเอียด อย่างเช่นว่าเขาพูดอะไรบ้าง ก็จำไม่ค่อยได้แล้ว
“ไม่มีอะไร ฉันไปกินอาหารเช้าก่อน” มู่น่อนน่อนเห็นสีหน้าเขาไม่ได้เปลี่ยนไป ก็รู้ว่าเขาจำไม่ได้แล้ว
จำไม่ได้แล้วก็ดี ถ้าหากจำได้ขึ้นมา เฉินถิงเซียวจะตีเธอหรือเปล่า!
ตอนที่มู่น่อนน่อนกำลังทานอาหารอยู่ในห้องอาหาร เฉินถิงเซียวก็ลงมา
มู่น่อนน่อนกินโจ๊กพลางเหล่ตามองเขาพลาง
ผู้ชายคนนี้มาทำอะไรอีก
เฉินถิงเซียวนั่งลงตรงหน้าเธอ สีหน้าท่าทางจริงจัง เขานิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง พูดว่า “ไม่ใช่คุณที่เหมือนหล่อน แต่เป็นหล่อนที่เหมือนคุณ”