ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 204 หากเธอเป็นอะไรแม้แต่ปลายเส้นผม
ตอนที่ 204 หากเธอเป็นอะไรแม้แต่ปลายเส้นผม
เมื่อเสิ่นเหลียงได้ยินเช่นนั้นก็พูดออกมาว่า “ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไปพักเถอะนะ”
“อืม” มู่น่อนน่อนลุกขึ้นและเดินเข้าห้องไป
ในตอนที่เปิดประตูห้อง เธอเห็นเสิ่นเหลียงก้มลงมองโทรศัพท์ด้วยท่าทางขมวดคิ้ว
เดาว่าเธอกำลังอ่านบทวิพากษ์วิจารณ์ในโลกอินเตอร์เน็ตอยู่แน่นอน
หลังจากที่ปิดประตู เธอก็เข้ามาอยู่ในห้องเพียงคนเดียว
มู่น่อนน่อนเอาหลังพิงกับประตูและฟุบลงไปกับพื้น น้ำตาของเธอค่อยๆไหลมาโดยไม่รู้ตัว
เธอไม่ได้ทุกข์ใจอะไรขนาดนั้น แต่แค่รู้สึกเหนื่อยเฉยๆ
ตั้งแต่เล็กจนโต เธอก็รู้สึกอิจฉาคนอื่นที่มีพ่อแม่ หลังจากที่สอบเข้าคณะภาพยนตร์ได้ เธอก็เริ่มรับเขียนบทละคร เริ่มที่จะหาเงินเลี้ยงชีพตัวเองได้ ก็พบว่าตัวเองนั้นไม่ค่อยอิจฉาคนอื่นเท่าไหร่แล้ว
ใช้ชีวิตคนเดียวมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาอยู่ในตระกูลเฉิน โดนเฉินถิงเซียวล้อเลียนว่าเป็น “เฉินเจียฉิน” มาเป็นเวลานาน ถึงแม้ว่าเธอจะโกรธ แต่มันก็เทียบไม่ได้กับการที่เฉินถิงเซียวนั้นดีกับเธอ
เธอต้องการความรักและความอบอุ่นเหลือเกิน
เพราะเธอไม่เคยได้รับมันมาก่อน ดังนั้นเมื่อมีใครที่พยายามเป็นฝ่ายเข้ามาหาเธอก่อน เธอก็อดไม่ได้ที่จะดึงให้คนๆนั้นเข้ามาอยู่ในหัวใจ
เธอเริ่มรู้สึกต้องการมันมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ในใจของเฉินถิงเซียวนั้น เธอไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด
ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดจริงๆ
เขาเอาเธอมาทดสอบซือเฉิงหยู้
ที่แท้ในใจของเขานั้นก็กล้าที่จะเอาเธอเข้ามาเสี่ยงด้วย
……
ตลอดทั้งคืนมู่น่อนน่อนไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปได้อย่างไร และไม่รู้ว่าตื่นมาได้อย่างไร
แต่หลังจากที่ผ่านค่ำคืนนั้นมา เธอก็รู้สึกใจเย็นขึ้นเยอะมาก
เรื่องราวในตอนนี้มีผลกระทบต่อเธอมากจริงๆ
ในอนาคตเธอกำลังจะเข้าสู่วงการในฐานะนักเขียนบท
แต่ตอนนี้เธอกำลังถูกตราหน้าว่าเป็น “เมียน้อย” และหลังจากนี้มันก็คงจะกลายเป็นนามสกุลของเธอ เมื่อคนพวกนั้นพูดถึงเธอ สิ่งแรกที่นึกถึงก็คือสถานะ “เมียน้อย”
แต่เธอก็ไม่สามารถละทิ้งการเขียนบทละครได้ และเธอก็ไม่ยอมรับว่าตัวเองนั้นคือ “เมียน้อย”
และยิ่งคนที่แต่งเข้าไปในตระกูลเฉินนั้นก็คือเธอ
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เข้าไปเสิร์ชดูWeibo
ทั้งหมดในเว็บก็มีเรื่องการด่าทอเธอต่างๆนาๆ
ถึงแม้ว่าจะเตรียมใจมาเยอะแล้ว แต่เมื่อได้มาเห็นข้อความมากมายที่กำลังรุมด่าเธอ มันก็ทำให้เธออดรู้สึกจมดิ่งไม่ได้
“น่อนน่อน ตื่นเถอะนะ มาทานข้าวเช้าได้แล้ว”
เสียงของเสิ่นเหลียงดังขึ้นจากข้างนอก เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ระมัดระวัง
มู่น่อนน่อนปิดโทรศัพท์ ใส่รองเท้าและเดินออกไป “ฉันมาแล้ว”
เธอเปิดประตู ก็พบว่าเสิ่นเหลียงนั้นยืนอยู่ที่หน้าประตู
มู่น่อนน่อนยิ้มออกมา “ไปกันเถอะ เราไปทานข้าวเช้ากัน”
“อ้อ” เสิ่นเหลียงเดินตามไปด้วยอาการตกใจเล็กน้อย
เมื่อวานมู่น่อนน่อนเต็มไปด้วยอาการสิ้นหวัง จนทำให้เธอนั้นเป็นห่วงแทบแย่ และเธอก็เอาแต่คิดว่าจะปลอบโยนมู่น่อนน่อนอย่างไรดี
ผลปรากฏว่ามู่น่อนน่อนราวกับคนละคนกับเมื่อวาน เดินออกมาด้วยท่าทางที่……
นั่งที่โต๊ะอาหาร “มู่น่อนน่อน……”
มู่น่อนน่อนพูดแทรกขึ้นมา “อีกแปบหนึ่งฉันจะกลับไปที่บ้านตระกูลมู่นะ”
“เธอจะกลับไปที่บ้านตระกูลมู่ทำไมล่ะ?” เสิ่นเหลียงตกใจมาก วางตะเกียบลงและมองไปหาเธอ
“เรื่องของทะเบียนสมรสนั้น จะต้องเกี่ยวข้องกับมู่หวั่นขีอย่างแน่นอน เรื่องๆนี้ฉันกับเฉินถิงเซียวไม่รู้อะไรเลย อย่างนั้นคนในตระกูลมู่ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่นอน”
หลังจากที่มู่น่อนน่อนพูดจบ ดื่มนมจนหมดแล้ว ก็ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ถ้าเธอมีเรื่องอะไรต้องทำก็ไปทำเถอะนะ ฉันกลับไปเองได้”
“แต่ว่า……” เสิ่นเหลียงยังรู้สึกไม่ค่อยวางใจสักเท่าไหร่
“เรื่องทั้งหมดมันคลุมเครือ เรื่องสีดำจะมาทำให้เป็นสีขาวได้อย่างไร” มู่น่อนน่อนยิ้มออกมา “มันจะผ่านไปได้แน่นอน”
ทุกอย่างจะต้องผ่านไปอย่างแน่นอน สำหรับเฉินถิงเซียวนั้นเธอก็ไม่ได้เข้าใจทั้งหมด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ต้องแก้ไขปัญหาที่อยู่ตรงหน้าก่อน
……
ในตอนที่เธอออกจากบ้านของเสิ่นเหลียงนั้น เธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าสวมใส่ชุดของเสิ่นเหลียง
ใส่แว่นดำและผ้าปิดจมูก
ตอนที่เธอแต่งตัว เสิ่นเหลียงยังคงทำหน้าไม่วางใจ แต่มู่น่อนน่อนก็ปลอบโยนเธอ “ถือเสียว่าเสพสุขล่วงหน้ากับเงินเดือนและสวัสดิการละกันนะ”
เดินไปจนถึงหน้าประตู มู่น่อนน่อนก็เห็นสือเย่
“คุณผู้หญิง” ผมของสือเย่นั้นรุงรัง ราวกับว่าไม่ได้นอนพักผ่อนเลยทั้งคืน
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้วและถาม “นายมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
“คุณผู้ชายบอกให้ผมมาเฝ้าคุณผู้หญิงไว้ครับ ถ้าหากว่าคุณผู้หญิงต้องการจะไปที่ไหนก็ให้ไปส่งครับ” สือเย่เอียงหัวเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเคารพ
มู่น่อนน่อนหยุดนิ่งสักพักแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เฉินถิงเซียว…บางครั้งนายก็ฉลาดจนดูน่ากลัว
ที่แท้เขาก็รู้ว่าเธอนั้นจะกลับไปที่บ้านตระกูลมู่
“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนหน่อยนะ”
ตอนนี้สถานการณ์ไม่ปกติ มีสือเย่ไปส่งเธอ ก็ช่วยลดความวุ่นวายได้เยอะเหมือนกัน
หลังจากที่ขึ้นรถไป มู่น่อนน่อนก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเช็คดูWeibo
การค้นหายอดนิยมหลายรายการที่เกี่ยวกับเธอบน Weibo ถูกกำจัดออกไปแทบไม่เห็นแม้แต่เงา
แม้แต่คอลัมน์หลักๆที่โพสต์เกี่ยวกับเธอก็ไม่เหลือแล้ว
แต่….ยังมีเนื้อหาบางส่วนซึ่งเป็นประเด็นร้อนและยังถูกค้นหาและถูกแชร์ออกไปทุกที่
“ว่ากันว่าตอนแรกคุณชายเฉินมีคู่หมั้นคือคุณหญิงรองของตระกูลมู่ แต่สุดท้ายคนที่ถูกแต่งเข้าไป กลับเป็นคุณหญิงสามแห่งตระกูลมู่……”
“ได้ยินมาว่าคุณหญิงสามของตระกูลมู่ทั้งน่าเกลียดและทั้งโง่ไม่ใช่เหรอ?”
“ใครจะไปรู่ละ? อาจจะเป็นเพราะมีเงินก็เลยมีรสชาติที่แสนพิเศษ”
“บางทีหญิงสาวทั้งสองคนก็อาจจะอยู่ในตระกูลเฉินด้วยกันเลยก็ได้นะ”
“ตระกูลที่มีทั้งเงินและอิทธิพลนี้มันซับซ้อนมากจังเลยนะ……”
“แต่ไม่ว่ายังไงหญิงทั้งสองของตระกูลมู่ก็ไม่มีอะไรดีอยู่ดีนั่นแหละ……”
เมื่อมู่น่อนน่อนเห็นข้อความเหล่านี้ก็รู้สึกโกรธมากๆ
แต่ก็พยายามปลอบใจตัวเอง ว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร เมื่อคิดเช่นนั้นก็รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย
ในตอนนี้ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากในรถ
ไม่ใช่เสียงโทรศัพท์ของมู่น่อนน่อน แต่เป็นเสียงโทรศัพท์ของสือเย่
สือเย่รับสายโทรศัพท์ เขามองหน้ามู่น่อนน่อนแวบหนึ่งผ่านกระจกหลัง
คนที่โทรมานั้นก็คือเฉินถิงเซียว
เพราะไม่ได้นอนเลยทั้งคืนเสียงของเขาจึงแหบเล็กน้อย “มู่น่อนน่อนอยู่ในรถไหม?”
สือเย่ตอบ “ใช่ครับ”
“ฉันจัดเตรียมบอดี้การ์ดให้ไปที่นั่นแล้ว เมื่อถึงเวลาก็ระวังด้วย ถ้าเธอเป็นอะไรแม้แต่ปลายเส้นผม ก็ไม่ต้องกลับมาเจอหน้าฉันอีก”
เสียงของเฉินถิงเซียวนั้นเคร่งขรึม ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่น้ำเสียงที่คุกคาม แต่เมื่อสือเย่ได้ยินแบบนั้นก็เหงื่อไหลไม่หยุด
“รับทราบครับ”
สือเย่เพิ่งจะวางสายโทรศัพท์ มู่น่อนน่อนก็หยิบกระดาษทิชชูและส่งให้เขา “แอร์มันเย็นไม่พอเหรอ?ทำไมเหงื่อถึงไหลไม่หยุดแบบนี้?”
มันไม่ใช่ว่าเขาร้อน แต่เป็นเพราะว่าเขากำลังกลัวต่างหากล่ะ
แต่เมื่อได้สติเขาก็ตอบไปว่า “ใช่ครับรู้สึกร้อนนิดหน่อย ขอบคุณมากนะครับคุณผู้หญิง”
ไม่นานนักก็มาถึงบ้านตระกูลมู่
มีรถสองคันจอดอยู่หน้าประตู
มู่น่อนน่อนก็รู้สึกสงสัยว่าใครมาที่นี่ ก็เห็นผู้ชายกลุ่มหนึ่งใส่ชุดสูทแบบบอดี้การ์ดเดินลงมาจากรถ และเมื่อเธอได้มองก็รู้สึกคุ้นๆ
ดูเหมือนว่าจะเป็นคนของเฉินถิงเซียว
บอดี้การ์ดพวกนั้นเดินมาทางมู่น่อนน่อนและเปิดประตู “คุณผู้หญิง”
มู่น่อนน่อนเดินลงจากรถ “พวกนายมาทำอะไรที่นี่?”
ผู้คุมกันดูเหมือนจะนัดกันมาล่วงหน้า ถึงได้เอ่ยปากพูดออกมาพร้อมกัน “ก็มารอคุณแหละครับ”
“……”สีหน้าของมู่น่อนน่อนเปลี่ยนไปดูเหมือนคนโง่เลยทันที
ทันใดก็มีกลุ่มนักข่าวโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ “คุณผู้หญิงคะ สวัสดีค่ะ ขอบสอบถามหน่อยได้ไหมคะ?”