ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 206 ฉันทนมามากพอแล้ว
ตอนที่ 206 ฉันทนมามากพอแล้ว
เมื่อมู่น่อนน่อนออกมาจากห้องของมู่หวั่นขี เดินลงมาจากบันไดและต่อสายโทรศัพท์หาเฉินถิงเซียว
แต่แค่….เธอยังไม่ได้กดโทรออก ที่ตรงมุมบันไดเธอก็มองเห็นซือเฉิงหยู้จากทางด้านนอกประตูเพื่อเดินไปที่ห้องโถง
จิตใต้สำนึกทำให้เธอนั้นวางสายโทรศัพท์ทิ้ง และจ้องมองไปที่ซือเฉิงหยู้
ซือเฉิงหยู้สวมใส่ชุดสูทสีเทา เมื่อมองแล้วก็ดูเรียวบาง ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ยิ้มออกมาจากมุมปาก ราวกับว่าคนๆนี้กำลังออกมาจากโปสเตอร์ของภาพยนต์
ถ้าหากว่าไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น มู่น่อนน่อนเองก็คงจะเป็นแฟนคลับของเขา
คงจะเป็นเพราะว่ามู่น่อนน่อนนั้นจ้องมองเขามากเกินไป ทำไมซือเฉิงหยู้นั้นเงยหน้าขึ้นมามองเขา
ช่วงเวลาที่สบตากัน สีหน้าอันอ่อนโยนของเขานั้นก็ได้เปลี่ยนไป
รอยยิ้มที่มุมปาก ก็กลายเป็นรอยแสยะยิ้ม แต่เพียงแค่ไม่กี่วินามี เขาก็ทำตัวเหมือนเป็นปกติ
มู่เจิ้งซิวยังคงอยู่ที่ห้องโถง ซือเฉิงหยู้รีบเก็บสายตาและเดินตรงไปที่มู่เจิ้งซิว ปรับท่าทีให้เป็นคนอ่อนน้อม “สวัสดีครับคุณปู่มู่”
มู่เจิ้งซิวยิ้มออกมา “นั่งลงก่อนสิ ซือเฉิงหยู้”
ตอนที่มู่น่อนน่อนเดินลงไป มู่เจิ้งซิวและซือเฉิงหยู้กำลังนั่งคุยกันอยู่บนโซฟา
มู่น่อนน่อนกลั้วไว้แล้ว กลั้วไว้อีก ต้องใช้แรงอย่างมากในการที่จะต้านทานฝีเท้าตัวเองไม่ให้พุ่งเข้าไปหา
ไม่รู้ว่าเซียวชู่เหอนั้นโผล่มาจากไหน ก็ดึงมู่น่อนน่อนกลับเข้าไปในห้อง
เธอเห็นห้องที่ประตูเปิดก็ดึงมู่น่อนน่อนเข้าไปในนั้น และปิดประตู “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมที่ทะเบียนสมรสถึงเป็นชื่อของพี่สาวเธอ?”
มู่น่อนน่อนมองไปที่เซียวชู่เหอด้วยความประหลาดใจ
แม่ของเธอ ในที่สุดก็เป็นห่วงเธอแล้วเหรอ?
แต่เพียงแค่พริบตาเดียวเซียวชู่เหอก็ทำลายความฝันของเธอ
“ถ้าเธอยอมเอาตำแหน่งนั้นให้มู่หวั่นขีตั้งแต่แรก เรื่องในวันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ใครใช้ให้เธอมีความโลภในใจขนาดนี้ พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมู่หวั่นขีก็ต้องมารับผลกระทบ และถูกขังไว้ในห้อง น่าสงสัยจริงเลย……”
เซียวชู่เหอพูดออกมามากมาย สุดท้ายก็พูดเรื่องที่ตัวเองกังวลออกมา “ไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบถึงบริษัทหรือเปล่า……”
“เหอะ!” มู่น่อนน่อนไม่สามารถที่อดกลั้นได้อีกต่อไป จึงแสยะยิ้มออกมา พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชามากกว่าปกติ “คุณเซียวชู่เหอ นี่สมองคุณมีปัญหาหรือเปล่า?ถ้าไม่สบายก็ไปหาหมอโรคประสาทนะ ฉันเองก็มีขีดจำกัดในการอดทนนะ และฉันก็ทนรับมามากพอแล้วด้วย”
บ้านหลังนี้ของตระกูลมู่ถูกออกแบบมาอย่างดี ทุกๆห้องนั้นถูกออกมาแสงทะลุโปรงจากเหนือไปใต้ เป็นแสงที่ยอดเยี่ยมมาก
เพราะแสงที่ว่านั้นมันทำให้เห็นใบหน้าของมู่น่อนน่อนชัดเจนมากๆ
เซียวชู่เหอเห็นความหงุดหงิดและความรังเกียจได้อย่างชัดเจนบนใบหน้าของมู่น่อนน่อน รวมถึงใบหน้าที่ผิดหวัง และใบหน้าที่นิ่งสงบ
เธอไม่อยากจะเชื่อว่ามู่น่อนน่อนจะพูดแบบนั้นออกมา “มู่น่อนน่อน? นี่เธอเป็นอะไร?”
มู่น่อนน่อนในความทรงจำของเธอนั้น คือเด็กที่แสนดี และเชื่อฟังมาโดยตลอด ไม่ว่าจะพูดอะไรมู่น่อนน่อนก็จะเชื่อฟังทั้งหมด
แต่ในตอนนี้…สิ่งที่มู่น่อนน่อนพูดออกมา มันทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย
“ทำไมเธอถึงพูดแบบนี้กับแม่ของเธอ?” เซียวชู่เหอขมวดคิ้ว คิดว่าตัวเองนั้นได้ยินผิดไป
เธอยื่นมือเข้าไปจับมือของมู่น่อนน่อน “ฉันรู้ว่าช่วงนี้เธอคงอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่ แต่เรื่องนี้ที่เกิดขึ้นก็เป็นเพราะเธอเองที่……”
“ทำไมฉันถึงพูดแบบนี้กับคุณนะเหรอ?” มู่น่อนน่อนไม่ขึ้นเสียงแต่ถอยฝีก้าวออกไปสองก้าว และดึงมือออกจากเซียวชู่เหอ “มู่หวั่นขีเคยด่าคุณว่าเป็นหมาตัวหนึ่งของตระกูลมู่ แต่คุณก็ยังไม่เกลียดและไม่อะไรเลย แต่พอฉันพูดความจริงเข้าหน่อย คุณก็รับฟังแทบจะไม่ได้?”
สีหน้าของเซียวชู่เหอเริ่มเปลี่ยนไป “มู่หวั่นขีเธอยังเด็ก ยังไร้เดียงสา พูดอะไรออกมาเพราะคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ มันก็เป็นเรื่องปกตินะ”
มู่น่อนน่อนพูดออกมาอย่างเย็นชา “ฉันอายุน้อยกว่าหล่อนอีกนะ”
เซียวชู่เหอพูดไม่ออกไปชี่วขณะ พอได้ยินมู่น่อนน่อนพูดแบบนี้กับเธอ มันก็ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ ในตอนนี้สีหน้าดีๆของเธอได้หายไปหมดแล้ว จึงพูดด้วยน้ำเสียงแย่ๆ “เธอจะเทียบอะไรกับเขาได้เหรอ? เธอลงทุนเพื่อเอาใจพวกเขาไปตั้งเท่าไหร่ ก็ไม่ใช่เพราะเพื่อให้สองแม่ลูกได้มาอยู่ในตระกูลมู่หรอกเหรอ”
มู่น่อนน่อนทำสีหน้าเรียบเฉย “ไม่ใช่เพื่อพวกเราหรอก เพื่อตัวคุณเองเท่านั้นแหละ”
เซียวชู่เหอกำลังจะพูดอะไร มู่น่อนน่อนก็ตัดบทแทรกขึ้นมา “ไม่ต้องมาทำเป็นพูดว่าทำเพื่อพวกเราสองแม่ลูกหรอกนะ ฉันไม่อยากฟังอีกแล้ว และไม่ต้องหาคำพูดแก้ตัวแทนมู่หวั่นขีแล้วด้วย คุณต้องจำเอาไว้ ในตอนนั้นเป็นคุณเองที่มาขอร้องให้ฉันไปเข้าตระตูลเฉินแทนมู่หวั่นขี”
ตอนนี้มู่น่อนน่อนระเบิดออกเป็นชิ้นๆ
เฉินถิงเซียวให้โอกาสซือเฉิงหยู้ และเอาเธอไปทดสอบเขา ผลสุดท้ายเธอก็ต้องกลายเป็น “เมียน้อย”
แต่เธอกับเฉินถิงเซียวไม่เหมือนกันหรอกนะ
เพราะยิ่งเธอให้โอกาสเซียวชู่เหอมากเท่าไหร่ สุดท้ายเธอก็ต้องถูกเซียวชู่เหอทำร้ายซ้ำหนักกว่าเดิดม มีแผลลึกมากกว่าเดิม
จิตใจของมนุษย์มันคดโกง ในเรื่องบางเรื่องก็เริ่มคิดที่จะไม่ซื่อตรงมาตั้งแต่ต้น ใช้แรงมากมายแค่ไหนในการแก้ไข สุดท้ายก็ไร้ผล
ระหว่างเธอและเซียวชู่เหอก็เป็นเช่นนั้น
ระหว่างเฉินถิงเซียวและซือเฉิงหยู้ก็คงจะเป็นประมาณนี้เหมือนกัน
แต่เรื่องที่ต่างกันก็คือ เธอให้โอกาสเซียวชู่เหอก็จริง แต่เซียวชู่เหอนั้นนอกจากที่จะทำร้ายเธอแล้ว ก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรคนอื่น
แต่ซือเฉิงหยู้นั้นตรงกันข้าม เขากลับทำร้ายเธอ
เรื่องระหว่างของซือเฉิงหยู้และเฉินถิงเซียวนั้น เธอกลับต้องมาเป็นผู้รับเคราะห์
มู่น่อนน่อนสูดหายใจเข้าลึกๆ “ตั้งแต่วันที่ฉันยินยอมเข้าไปในตระกูลเฉิน ความรักระหว่างแม่ลูกของเราหายไป หลังจากนั้นคุณและมู่หวั่นขีก็ได้วางแผนลักพาตัว ฉันก็เต็มใจใช้แบล็กการ์ดเพื่อช่วยคุณ เพราะฉันต้องการที่ให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย”
“คุณคงไม่รู้ว่าหลังจากที่คุณจากไป มู่หวั่นขีให้สองคนนั้นมาลักพาตัวฉันเพื่อต้องการจะทำอะไร พวกเขาต้องการที่จะ……” มู่น่อนน่อนหันหน้าหนี มีประกายสีดำออกมาจากแววตาของเธอ เธอพูดต่อ “ฆ่าและข่มขืน”
รูม่านตาของเซียวชู่เหอหายไปในพริบตา เธอสั่นไปทั้งตัว
มู่น่อนน่อนแสยะยิ้มออกมา และเดินออกไปอย่างช้าๆ
เซียวชู่เหอมองดูมู่น่อนน่อนเดินห่างออกจากตัวเองไปไกลเรื่อยๆ จู่ๆเธอก็รู้สึกตื่นตระหนกในจ
จิตใต้สำนึกทำให้เธอนั้นเดินตามไปสองก้าวและตะโกนออกมา “น่อนน่อน!”
ราวกับว่ามู่น่อนน่อนนั้นไม่ได้ยิน เพราะเธอยังคงเดินจากไป
ผลัวะ
เสียงปิดประตูดังขึ้น ในห้องนั้นถูกปกคุลมไปด้วยความเงียบงัน
เซียวชู่เหอยืนอยู่ในความมืด
เธอผิดไปแล้วจริงๆใช่ไหม?
แต่…เธอผิดตรงไหนล่ะ?
แม่บุญธรรมทุกคนไม่เหมือนกับเธอ ปฏิบัติดีต่อลูกชายและลูกสาวของอดีตภรรยาของสามีดีไปเหรอ?
มู่น่อนน่อนคือลูกสาวที่เธอคลอดออกมาด้วยตัวเอง ไม่ว่าเธอจะทำอย่างไรกับมู่น่อนน่อน มันก็ไม่สามารถที่เปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกได้
ที่มู่น่อนน่อนพูดออกมาแบบนี้ในวันนี้ เป็นเพราะสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสองวันนี้
แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เธอก็คือแม่แท้ๆของมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนไม่มีทางที่จะไม่ยอมรับในตัวของเธอ
เมื่อคิดคิดดูเซียวชู่เหอก็ดึงสีหน้ากลับมาให้เป็นปกติ
ที่ผ่านมามู่น่อนน่อนก็เป็นเด็กดีฟังความมาตลอด คงเป็นเพราะตอนนี้อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เดี๋ยวพอผ่านไปสองคนก็คงดีขึ้นเอง หรือไม่ก็คงกลับไปเป็นปกติ